เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - คนงานในมณฑลฝูเจี้ยนหวังรวยทางลัด ตั้งตัวเป็นผู้จำหน่ายเนื้อหมูรสชาติอร่อยเหาะ ทำกำไรเป็นกอบเป็นกำ จนกระทั่งถูกตำรวจจับได้ พร้อมกับที่ความลับสุดสะอิดสะเอียนถูกเปิดโปง
ตำรวจในอำเภอหนันจิง เมืองจางโจว รวบตัวผู้ต้องหา 2 คน เป็นหญิงแซ่หลิน วัย 44 ปี และชาย วัย 33 ปี หลังจากพบหลักฐานว่า คนทั้งสองเป็นผู้ชำแหละเนื้อสุกรจากซาก ที่ป่วยเป็นโรคตาย นำไปจำหน่าย ทั้ง ๆ ที่ถูกว่าจ้างจากทางการให้นำไปฝังกลบ
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์สเตรต เมโทรโปลิส เดลี่ ( Strait Metropolis Daily) ของทางการมณฑลฝูเจี้ยนนั้น คนงานทั้งสองขายเนื้อหมูเป็นโรคไปแล้วถึง 40 ตันภายในเวลา 3 เดือนให้แก่โรงงานแปรรูปในเมืองก่วงตง (กวางตุ้ง) หูหนัน และเจียงซี
เนื้อหมูเหล่านี้มีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าเทียม (pseudorabies) และโรคพีอาร์อาร์เอส (porcine reproductive and respiratory syndrome) โดยเนื้อหมูทั้งหมด ที่นำไปขายอาจมีลูกค้าในร้านอาหารและภัตตาคารในทั้งสามมณฑลรับประทานไปเรียบร้อยแล้วก็ได้
กิจการของคนทั้งสองขยายใหญ่โต กระทั่งต้องขอเช่าโกดังแช่แข็งกันเลยทีเดียว โดยนอกจากจะนำสุกร ที่รับจ้างฝังกลบไปขายแล้ว ยังได้ขอซื้อในราคาถูก ๆ จากฟาร์ม ซึ่งขายให้ครึ่งกิโลกรัมตกในราว 10-80 เซนต์ดอลลาร์ นอกจากนั้น ยังไปเที่ยวเก็บซากหมูสกปรก ที่ถูกทิ้งไว้ตามข้างถนนอีกด้วย
ในการจับกุม ตำรวจยังพบซากหมูอีกราว 32 ตันอยู่ในโกดังแช่แข็ง เตรียมส่งขาย และรถบรรทุก 1 คัน โดยผู้ต้องหาได้ว่าจ้างคนงาน 3 คน ซึ่งยังคงหลบหนีไปได้ เพื่อทำหน้าที่ชำแหละซาก และห่อบรรจุ
พอข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ชาวเน็ตบางรายถึงกับเรียกร้องให้ประหารชีวิตผู้ต้องหาทั้งสอง ขณะที่อีกจำนวนมากคร่ำครวญว่า ต่อไปนี้จะหาเนื้อสัตว์ ที่ปลอดภัยรับประทานไม่ได้อีกแล้วบนแผ่นดินมังกร
คดีขายเนื้อหมูป่วยเป็นโรคตายกลายเป็นข่าวครึกโครมภาค 2 หลังจากผู้บริโภคชาวจีนยังไม่หายสยดสยองจากคดีเมื่อสัปดาห์ก่อน ที่ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาราว 900 คนระหว่างการทลายแก๊งค้าเนื้อสัตว์เถื่อน ซึ่งใช้เนื้อหนู เนื้อสุนัขจิ้งจอก และเนื้อตัวมิ้งค์ มาหลอกขายว่าเป็นเนื้อแกะ
สื่อมวลชนบนแผ่นดินใหญ่ยังรายงานด้วยว่า เนื้อแกะ ที่แล่เป็นชิ้นบาง ๆ เสิร์ฟตามภัตตาคารฮ็อตพอตในจีนนั้น มักผสมปนปลอมกับเนื้อ ที่มาจากแหล่งผู้ผลิตใดก็มิอาจจะทราบได้
ข้อมูลโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
มาทักทายช้าไปสองวันเลย
ข่าววันนี้น่าแขยงมากเลยค่ะ
โชคดีที่ชอบทานอาหารที่บ้าน อิอิ
และก็ไม่ได้อยู่เมืองจีน
ไม่งั้นคงได้เปิบพิศดารจนเป็นข่าวบ่อยๆแน่เลย