◕‿ มื้อค่ำอาหารฝรั่งเศสแจ่มๆ @ La Rose des Vents ทูน่า หอยทาก นกพิราบ กุ้งเครฟิช ฟัวกรามากันโหม๊ด ‿◕
ส วั ส ดี ค่ ะ เ พื่ อ น ๆ บ ล็ อ คที่ยุโรปช่วงนี้หลายคนเข้า
Vacation กันแล้วนะคะ น่าอิจฉาจริงๆ
สำหรับอินดี้ยังต้องอดทนรออีกร่วมเดือนถึงจะปิดเทอมได้ไปเที่ยว
ช่วงวีคเอนเลยได้แต่เที่ยวใกล้ๆหม่ำของอร่อยชิลๆตามประสาค่ะ
ร้าน
La Rose des Vents ร้านนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของอินดี้นะคะ
เคยหม่ำเมื่อสองสามปีก่อน ตอนมาร่วมงานแต่งงานเพื่อนที่มหาวิทยาลัย
วันนี้ได้ฤกษ์แวะมาอีกรอบ เลือกเมนูแรงนิดนึง ขอจัดเต็มตอนรับหน้าร้อนหน่อยจ้า
~
บรรยากาศร้าน ~
วิวจากชั้นลอย มี
Background เป็นโบสถ์ สวยและขลัง
ส่วนวิวมองกว้างๆเป็นภูเขาทุ่งหญ้าเขียวขจี สบายตามากค่ะ
สั่งไวน์ขาวสำหรับค่ำนี้ ก็เข้าบ้างไม่เข้าบ้างกับอาหารที่สั่งเพราะมื้อนี้หลากหลายมาก
รสชาติดื่มแบบเพรียวๆเยี่ยมมาก ดื่มสบาย ให้ทางร้านแนะนำตามรีเควสค่ะ
จากนั้นก็เริ่มต้นเสิร์ฟ
Amuse Bouche Crème brûlée au foie gras accompagnée d'une framboise เครมบรูเล่ฟัวกราส์สอดไส้ราสเบอร์รี่
ของหวานแปลงร่างเป็นของคาวเมนูนี้ กี่ครั้งๆก็ได้ใจอินดี้ไปเต็มๆ
เนื้อเนียนนุ่มรสออกเค็มๆมันๆหอมกลิ่นตับห่าน ตัดเปรี้ยวด้วย
Raspberryตินิดเดียวที่น้ำตาลไหม้ด้านบน เบิร์นมาน้อยไปนิด ชอบให้กรอบเกรียมกว่านี้ค่ะ
ต่อด้วย
Entrée กันบ้าง
Lomo de thon aux épices douces ทูน่าย่างด้วยสไปรซ์รสหวาน อารมณ์ประมาณ
Seared Tuna แบบนั้นแหละค่ะ
จัดจานมาพร้อมมุมสลัดน้อยๆ เหมาะมากสำหรับทานเบาๆเป็นจานเปิดตัว
ย่างมาแต่ด้านนอก เนื้อทูน่าด้านในสีชมพูยังสดอยู่ค่ะ เนื้อนุ่มหวาน
ส่วนด้านนอกเกรียมๆเป็นสมุนไพรกลิ่นหอมดี รสหวานเผ็ดนิดๆด้วยค่ะ
ส่วน
Starter อีกจานเป็น
Fricassée d'asperges blanches et escargots du Moulin de Thil
Oeuf poché et émulsion d'orties juste crème จานนี้ที่รอคอย หอยทากฝรั่งเศส
(Escargot: French snail) ค่ะ
เป็นเอสคาโก้จาก
Moulin de Thil แหล่งหอยชั้นนำ ^^
อ่านจากเมนูแล้วยังไงก็ต้องลองสั่งมาชิม
สงสัยว่าจะจับ
Poached egg (ไข่ทอดน้ำ/ไข่ดาวน้ำ) มารวมกับหอยทากได้ยังไงหนอ
สรุปว่ามาแบบครีมมี่นิดๆ ปรุงด้วย
Orties (Nettles) ลักษณะสีเขียวเป็นใบเลื่อย
เวลาไปถูกใบมันจะคันได้ค่ะ แต่เอามาทำอาหารกลับเข้าท่า อิอิ
ส่วนหอยปรุงแบบเดียวกับหอยทากย่างเนยกระเทียมพาสลีย์ เค็มๆมันๆหอมๆ
ให้หอยเยอะมาก แบบอมาพร้อมฝาแค่สองแต่ที่นอนรอตุ้มๆดำๆในจานอีกเพียบ หายอยากเลยทีนี้
ทานรวมกับหน่อไม้ฝรั่งขาว
(White asparagus) เข้ากันมากค่ะ แปลกและอร่อยจริงๆ
ตามมาติดๆด้วยจานหลักจานแรก
Pavé de Daurade sauce aux Ecrevisses ว้าว ...จานสวย กิ๊บเก๋มากๆ
เป็นปลา
Daurade ในซอสกุ้งเครฟิช
(Crayfish)เนื้อปลาชิ้นโต นุ่มๆทานกับซอสครีมมี่รสชาติดีค่ะ แต่ก้างเยอะจังนิ
เจ้ากุ้งเครฟิชที่ให้มาก็อร่อยสมกับที่อุสาต์แงะเปลือกหนา แกะยากได้อีกนะเนี่ย
จาน
Main อีกหนึ่งจานเป็น
Demi Pigeon de la Ferme des Brenons sur une Crème de Lentilles, Emulsion au Foie Gras จานนี้เป็นนกพิราบค่ะ อินดี้ได้ทานบ่อยๆตามร้านอาหาร ซื้อมาทำกินเองยังไม่เคยซักทีค่ะ
นกพิราบจากฟาร์ม
Brenons แถบ
Morvan จัดมาครึ่งตัวขนาดกำลังดี
ส่วนครีมซอสทำมาจากตับห่าน (ฟัวกราส์) และถั่ว
Lentilเสริฟมาพร้อมเครื่องเคียงเหมือนจานปลาค่ะ
ประกอบไปด้วยมันฝรั่งย่างสมุนไพร แครอทบดกับยี่หร่า
(cumin) และพัฟผักโขม
นกพิราบเนื้อแน่นอร่อยมากๆเลยค่ะ ยิ่งทานกับซอสฟัวกราส์เข้มข้นแบบนี้ อร่อยเหาะเลยหล่ะ
ใครไม่ชอบทานแบบ
Rare ต้องขออภัยนะคะ
ค่ำนี้จัดเต็ม มาต่อชีสกันก่อนเข้าคอร์สของหวานซะหน่อย
Faisselle à la crème เป็น
Fresh cheese จะโรยเกลือพริกไทย หรือจะเติมน้ำตาลก็ได้ค่ะ
แบบหลังจะนิยมมากกว่า รสชาติก็ประมาณโยเกิร์ตจ้า
อีกหนึ่งจานชีส
Croustillant de Brie aux Figues accompagné de sa glace à la Figue เป็น Brie ย่างมาแบบละลาย
(Melt cheese) หอมๆเหม็นๆมาแต่ไกล
ห่อมาด้วยแผ่นคล้ายๆเครปแต่บางและกรอบมากๆ ด้านในสอดไส้มะเดื่อ
(Fig) แช่อิ่ม
แถมด้วยไอศครีมมะเดื่อ เปรี้ยวๆหวานๆ
ไอเดียดี รสชาติลงตัว แปลกตาที่เห็นเสิร์ฟจานชีสแบบนี้ค่ะ
อิ่มมากๆแล้วนะคะ แต่กระเพาะอินดี้ยังมีที่ให้ของหวานเสมอ 555+
Soufflé Glacé à la Chartreuse Verte ซูเฟล่กลาซเซ่เหล้าฝรั่งเศสที่มีชื่อว่า
Chartreuse Verte ค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติมนิดนึง
(credit: wikipedia)Green Chartreuse (55 % Alcohol) is a naturally green liqueur
flavored with extracts from 132 plants with its coloring coming from chlorophyll.เสริฟมาในพิมพ์วงกลมทองเหลืองแช่เย็นเฉียบชนิดเกล็ดน้ำแข็งเกาะ
โรยด้านบนด้วยผงโกโก้และถั่วพิสตาชิโอ
ต้องตักคำเล็กๆ ละเลียดสัมผัสเนื้อซูเฟลเบาๆ หอมกลิ่นแอลกอฮอล์ รสฟูนุ่มตามสไตล์
และ
Dessert อีกหนึ่งรายการ
Le croustillant (Croustillant, Gianduja, mousse au chocolat meringuée)ขนมหวานฝรั่งเศสชิ้นนี้มีชื่อว่าครูสตียอง
(Croustillant) ค่ะ
ตัวฐานแบบ
crispy เคี้ยวกรุบกริบ ชั้นต่อๆมาเป็นชอคโกแลตแบบ
Gianduja และแบบมูส
โรยผงโกโก้เลเยอร์สุดท้ายแล้วปักช็อคโกแลตเข้มๆมาอีกสอง
คราวก่อนก็สั่งของหวานจานนี้ ยังอร่อยเหมือนเดิมเลยค่ะ
จบมื้อค่ำอร่อยๆในวันหยุดสุดสัปดาห์
อินดี้ชิมไปบ่นไป แต่วันนี้ชมมากกว่าบ่นแน่นอน
เวลามีความสุข (โดยเฉพาะกับการกิน) ผ่านไปไวเสมอ
ไม่รู้ตัวดูเวลาอีกที... นั่งแช่นานน่าจะเกินสามชั่วโมง !!
เข้าร้านตั้งแต่ยังสว่างยันออกมาดูดาวตอนห้าทุ่ม อิอิ
~ Dine Out with Indy ~ขอบคุณที่แวะมาชิมด้วยกันนะคะ
แล้วพบกันใหม่บล็อคหน้า
บายๆ
:: You may also like ::