แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน
Group Blog
 
<<
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
2 เมษายน 2551
 
All Blogs
 

เด็กที่รอคอย กับงานหนังสือแห่งชาติปี 2551

เรื่องเก่ายังเล่าไม่จบ แต่จะขอคั่นรายการไว้ก่อนด้วยงานหนังสือนี่แหละ

แบบว่า ... หายไปอยู่ที่ใหม่มาจ้ะแล้วมันไม่มีเน็ตใช้ในห้อง (ทีวีจะดูยังไม่มีเลย ) ดังนั้นเรื่องที่อยากเล่ามันก้อเลยต้อง pause ไว้อย่างนั้น(จนกระทั่งลืม... ) วันนี้กลับมาบ้านที่มีเน็ตใช้ก้อเลยคิดว่า รีบๆโพสซะจะดีกว่าก่อนที่จะขี้เกียจ ...


เอ้อ ... ลืม!


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ช่วงงานหนังสือที่ผ่านมานี้เด็กที่รอคอยออกไปเดินกับเพื่อนผู้มาจากแดนไกล .. คือ จริงๆแล้วเป็นคนไทยแต่ไปขายแรงงานที่ต่างประเทศ ซึ่งเป็นที่ๆคนไทยทั่วไปจะชอบคิดว่ามี ชารีฟจากฟ้าจรดทราย ตัวเป็นๆอยู่ ...

(แต่ใครจะรู้มั่งว่า ทั้งเด็กที่รอคอยและเพื่อนพอได้ยินใครพูดถึงมนต์เสน่ห์ของประเทศแถบทะเลทรายและกษัตริย์ผู้ครองนครและบ่อน้ำมัน มีอันต้องลมขึ้นทุกที... อย่างว่าของแบบนี้ ไม่เจอเองไม่รู้หรอก...)


งานหนังสือปีนี้ก้อคึกคักพอสมควร พอเจอตรงไหนคนเยอะมากเด็กที่รอคอยและเพื่อนก้อต้องยอมแพ้ เดินหนีไปดูบู๊ธที่เราเข้าไปมุงไหว


... ป้าแก่ 2 คน สู้แรงมหาชนไม่ไหว โปรดเข้าใจ ...


สุดท้ายก้อได้ของติดไม้ติดมือกลับมาพอหอมปากหอมคอ อีตอนจะกลับด้วยรถใต้ดินที่ต้องเอากระเป๋ามาเปิดโชว์ให้ รปภ รถไฟฟ้าใต้ดินดู ได้ยินเสียงร้อง “อู้หู...!” อื้ออึง ตามด้วย “กี่สิบโลก้อไม่รู้...” แว่วมาตามสายลม (เสียง รปภ น่ะแหละ สี่ห้าคนที่ยืนดูอยู่ตรงนั้นน่ะ...) (แล้วพอ รปภ “อู้หู...!” คนที่เดินผ่านไปแถวนั้นก้อยื่นหน้าเข้ามาดูแล้ว “อะโห...!” ) เนื่องมาจากว่ากระเป๋าเดินทางไซส์ขนาดกลาง (ย้ำว่าขนาดกลาง ไม่ใช่ขนาดเล็ก) เต็มไปด้วยหนังสือที่ซื้อมา ยัดแล้วทุกซอกมุม ตามด้วยถุงที่หอบหิ้วกันอีกต่างหากถึง 3 ถุง

... ป้าแก่ 2 คน เป็นบุคคลที่โลกนี้ไม่ใคร่จะมีใครอยากจะคบด้วย เวลาที่ไปเดินที่งานหนังสือ ... ซื้อประดุจตายอดตายอยาก(ยังกะว่าหนังสือมันกินเข้าไปได้ ...?) แต่ต้องขอบอกก่อนว่าโดยมากเป็นของเพื่อน



เนื่องจากเด็กที่รอคอยมากวาดไปรอบนึงแล้ว 1 วันก่อนหน้าเพื่อน ฮ่า!!


ปีนี้ไม่ค่อยได้อะไรเท่าไหร่ เพราะเดือนตุลาปีก่อนฟาดไปเยอะแล้วทั้งการ์ตูนนิยายและพจนานุกรม ปีนี้เลยมาหนักที่การ์ตูนกับ วีซีดีเพื่อการศึกษาต่างๆ ... ซึ่งยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันจะมีประโยชน์แค่ไหนเพราะตอนซื้อก้อคิดเอาเองว่าตัวเองอยู่ในโลก matrix แค่โหลดโปรแกรมเข้าหัวก้อฉลาดได้เองโดยอัตโนมัติ มาสำนึกได้ตอนหลังทีไรก้อให้รู้สึกว่า ... ซื้อมาทำไมวะให้มันรกบ้าน ...แทบทุกที


แต่เอาน่ะ ยังไง ก้อซื้อมาแล้ว ... มันก้อช่วยอะไรไม่ได้แล้วล่ะ


ขากลับมาจากงาน เรา2คนก้อช่วยกันหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางใบนั้นลงจากขั้นบันไดที่มีเพียงไม่กี่ขั้นก้อถึงพื้นดินของสถานีรถไฟใต้ดิน แต่ความรู้สึกเหมือนไม่รู้ว่ามันอีกกี่กิโลจึงจะถึงที่หมาย ... แล้วเพื่อนก้อเผอิ๊ญ ... เหลือบไปเห็นไส้กรอกอีสานที่ย่างขายอยู่ข้างทาง ด้วยความหิวมิใช่น้อยและเพื่อนก้อไม่ได้กินมานาน เพื่อนก้อลิ่วเข้าไปออร์เดอร์ทันทีว่า “4ไม้นะพี่”

ชายผู้ขายก้อจัดแจงตามออร์เดอร์อย่างขะมักเขม้น แต่เพียงเสี้ยววินาทีที่ไม้ที่ 2 ลงมาอยู่ในถุง ชายผู้ขายก้อหยุดชะงัก เนื่องจากมีลูกค้าอีกท่านวิ่ง 4คูณ ร้อย มาจากมุมมืดของอีกด้าน มาฉกเอาไส้กรอกไป 1 ไม้ประดุจว่าได้ทำการเล็งไว้นานแล้วว่า ไม้ไหนคืออันที่ถูกใจ แม้บริเวณนั้นจะมืดสลัวแค่ไหนก้อตาม

ลูกค้าท่านนั้น คือเด็กผู้หญิงวัยประมาณ 6 ขวบ สวมเสื้อผ้าค่อนข้างเก่า ไว้ผมสั้น ดูมอมแมมเป็นแมวคราว ถ้าไม่คิดอะไรมาก เด็กที่รอคอยก้อใคร่จะไอเด็นติฟายว่า ลูกค้าท่านนี้เป็นเด็กขอทาน(รึเปล่าไม่รู้นะ พอดี ก้อยังแอบคิดมากอยู่ เอาเป็นว่า มันมอมเหลือเกินละกัน


แล้วเค้าก้อยื่นเงินมาให้ผู้ขาย 5 บาท ... แล้วก้อเชิดหน้าขึ้น สบตากับผู้ขาย แล้วพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า ไม่ต้องทอน” แล้วเดิน(กึ่งวิ่ง)จากไป ทิ้งเราทั้ง 3 ชีวิตให้ยืนกระพริบตาปริ๊บๆอยู่ตรงนั้น



เด็กน้อยมอมแมมผู้นั้น บอกว่า “ไม่ต้องทอน!” ชัดเจน 2 รูหู รวมกัน 3 คน ก้อเป็น 6 รูหู เมื่อกระพริบตากัน ปริ๊บๆเสร็จแล้ว ก้อหันมามองหน้ากันเองอย่าง อึ้งๆ ทึ่งๆ ...


ไส้กรอกมันไม้ละ 10 บาท

... ไม่ ต้อง ทอน ...



คนขายก้อดีนะ ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเด็กมันคงอยากกินจริงๆ แต่สรุปว่าเพื่อนเด็กที่รอคอยก้อออกเงินให้มันอีก 5 บาท เพราะขำซะ แหม๊ ... อยากจะเรียกมันกลับมาคุยเหมือนกันแหละ แต่ไม่รู้ว่าไปนั่งกินอยู่ตรงไหนแล้ว ว่า เฮ้ย ... เข้าใจไรผิดไปรึเปล่า


เอ็งอ่ะ ให้เงินเค้าไม่พอ ...

ไม่ใช่ไม่ต้องทอน... !



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

เด็กที่รอคอยเองก้อเคยมีความผิดพลาดแบบนี้เกิดขึ้นเหมือนกัน เหตุเกิดบนรถแท๊กซี่

นัยว่า ประมาณ 2-3 ครั้งเห็นจะได้ เหตุการณ์เดิมๆเหมือนกันเป๊ะ และคนที่อึ้ง ทึ่ง เสียว ก้อคือ คนขับแท๊กซี่ ซึ่งมันก้อไม่มีอะไรมาก ในการเดินทางนั้นเมื่อถึงที่หมายเราก้อต้องจ่ายเงิน และแน่นอนว่าเด็กที่รอคอยก้อคือผู้ที่ต้องจ่าย

มิเตอร์ขึ้น 83 บาท

เด็กที่รอคอยควักเงินให้แท๊กซี่ 100 บาทเตรียมจะเผ่นออกจากรถเพราะมันจอดในที่ไม่ควรจอด แล้วบอกว่า “ทอนมา 30 ก้อได้ค่ะ”

แท๊กซี่ทำหน้ายังไง...ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ช่วงเวลานั้นเราต้องแข่งกับเวลา แล้วพอเรียบร้อยออกมาจากรถแล้ว เขาก้อขับจากไปแล้ว ก้อมานึกได้ว่า มะตะกี้ ...
... ตรูทำอะไรลงไป ...?


ในมือก้อยังกำแบ๊งค์ 20 บาท ที่แท๊กซี่ทอนมาให้ อยู่อีกด้วย

เค้าก้อคงคิดว่า ลดให้มัน 3 บาท คงจะดีกว่าโดนปล้นไป 10 บาท อนิจจา ... หน้าตาท่าทางก้อดี แต่ริอ่านปล้นแท๊กซี่กลางวันแสกๆ ...

ครั้งแรกก้ออ๊ายอาย และฮาตัวเองมาก เล่าให้ใครฟัง เค้าก้อขำกัน
ครั้งที่ 2 ก้อยังขำ เพราะทำซ้ำรอยเดิมเป๊ะ

แต่พอมีครั้งที่ 3 ก้อเริ่มจะยังไงชอบกล ... ชักไม่ค่อยอยากเล่าให้ใครฟังแล้ว เพราะเริ่มไม่ขำ แต่มีประนาม

ก้อนะ ...


บางครั้งคนเรามันก้อไม่เก่งเลขจริงๆ ... ต้องเข้าใจ ...
และก้อช่วยกันภาวนาให้ทีเถอะว่า คงไม่มีครั้งที่ 4 ...

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

วันนี้รุ่นพี่นำคีย์บอร์ดมาให้ เนื่องจากพี่ชายซื้อมาแต่ไม่เคยเอามาเล่น สุดท้ายก้อให้มาเป็นมรดกตกทอด แต่เหมือนหัวล้านได้หวี เพราะคนที่ได้ตกทอดมาก้อเล่นดนตรีไม่เป็น คียบอร์ดจึงมีอันได้นอนหลับไหลอยู่บนตู้เป็นเวลานาน ตราบจนกระทั่งเขานึกถึงมันได้ จึงให้เด็กที่รอคอยเอามายืมดีดเล่นที่คอนโด

นานมาก กว่าจะหาวันเวลาที่ตรงกันเพื่อจะเอามามอบให้กันได้ สิริรวมแล้วก้อ 4 เดือน พอวันนี้เด็กที่รอคอยก้อยินดีต้อนรับคียบอร์ดเข้าสู่อ้อมใจ กะว่าจะซ้อมไล่สเกลทุกวันก่อนจะไปซ้อมที่โรงเรียนเพราะขี้เกียจทะเลาะกะครู (เขารู้ได้ยังไงก้อไม่รู้ว่าเราขี้เกียจซ้อม ... จริงๆเราแค่ไม่มีเปียโนและเวลาซ้อมตะหาก...)

ดีใจอยู่ได้ประมาณ 10 นาที ปรากฏว่า พลิกทั้งกล่องแล้ว


ไม่พบปลั๊กเสียบ



แล้วจะเล่นยังไง ... ?

โทรกลับไปฟ้องร้องต่อ สคบ แล้ว ได้ความว่า เป็นของที่ไม่เคยได้รับการตรวจตราดูแล ให้มายังไงก้อเอามามอบต่อให้ทันที ดังนั้นจึงไม่แน่ใจว่า ปลั๊ก มันอยู่ที่ไหน(แถมขาตั้งที่คุยไว้ว่า มีมาให้ ก้อไม่เห็นแม้แต่วี่แววเงาของขา)

ตอนนี้ คียบอร์ด ก้อแปรสภาพกลายเป็นแค่ ขยะกองใหญ่ ในห้องเล็กๆ ไป ...
ต้องรอต่อไปอีกว่า วันใด ปลั๊กจะมาถึง

กระซิก ....

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

กลับมาที่งานหนังสือกันต่อ

ปีนี้ไม่ค่อยพบกับการ์ตูนที่ใฝ่ฝัน เพราะโดยมากก้อกวาดไปหมดแล้ว ได้ข่าวว่าของเก่าจากงวดก่อนซื้อมาก้อยังไม่ได้ชำแหละอยู่หลายเล่มทีเดียวเหมือนกัน โทษทีเหอะ เดธน๊งเดธโน๊ตสารภาพตามตรงว่ายังไม่ได้อ่านเลย ได้แต่ซื้อมาให้ครบเท่านั้น

มีเหมือนกันที่เริ่มหันกลับมาอ่านงานเขียนกุ๊กกิ๊กสไตล์รักในไฮสคูล แต่ก้อแค่น่ารักพองามนะ มีแบบ จุ๊บกันจั บมือกัน แง่งอนกัน ไปจนถึงรักเธอแต่เธอไม่รู้ รักเธอข้างเดียว รักเธอหลายคน หลงรักรุ่นพี่ แอบชอบรุ่นน้อง เพื่อนมาแย่งแฟน แฟนหนีไปชอบเพื่อน อะไรก้อยังพอไหว แต่ ประเภทนู๋รักอาจารย์ค่ะ แล้วไปแหวกนู่นล้วงนี่ในห้องพยาบาลหรือห้องวิทยาศาสตร์ หรือห้องสมุด ... ขอเหอะ ...



ไม่ใช่ขอคลั่งไคล้ แต่ขอไม่อ่าน!



แล้วก้อการ์ตูนที่เกี่ยวกับการทำอาหารหรือขนม ช่วงหลังชอบอ่านมาก บางอย่างที่ดูๆเค้าทำ ก้อเอามาทำกินได้นะ แต่บางอย่างทำแล้ว กระเดือกไม่ลงเลยก้อมี อย่าง แตงกวาดองในมิโสะ เนี่ย ดองมาแล้วครับท่านผู้ชม อื้อหือ ...

เค๊มมมมมม.................. อย่าบอกใคร แช่น้ำไว้ ก้อแช่จนลืมอีก ไม่แน่ใจว่าชื้นจนราจะขึ้นมั้ย เลยจำใจทิ้งมันไป เป็นอันว่าอดกินสูตรของพ่อครัวฮันโซ แห่งสำนักพิมพ์ TKO นะ

ไปเดินดูบู๊ธ สยาม ก้อเตะตาเข้ากับการ์ตูนเรื่อง “เสน่ห์สาวข้าวปั้น” กำลังคิดอยู่ว่าจะสอยมาทั้งชุด แต่แล้วก้อพบกับผู้ประสานงานที่อธิบายเรื่องราวของการ์ตูนแต่ละเรื่องอย่างออกรส จึงลองถามไถ่เค้าดูว่า เรื่องนี้สนุกมั้ย

ได้ความว่า มันเกี่ยวกะอะไรซักอย่าง ที่ ... เท่าที่ฟัง ยังไม่ได้ยินเกี่ยวกะข้าวปั้นเลย แต่คล้ายๆว่านางเอกมีความสามารถบางอย่างที่จะช่วยพระเอกได้ จึงรีบถามไปว่า “ช่วย โดยการปั้นข้าวเรอะคะ?”

คนเล่ากระพริบตา แล้วบอกว่า “ไม่ใช่ครับ... อ่า ... คือ ชื่อนางเอก มันพ้องกับคำว่า ข้าวปั้น ในภาษาญี่ปุ่นครับ”

คนฟังก้อกระพริบตา “...อ่อ” (ฟังเหมือนเข้าใจ แต่หน้าตาแสดงออกเต็มที่ว่า ไม่เข้าใจ...)

แล้ว คนเล่ากับคนฟัง ก้อ ไร้การสื่อสารใดๆต่อกัน นับจากนาทีนั้นเป็นต้นมา ...

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

บางอย่างที่สามารถเอาไปใช้ทำกินได้ ก้อมีจากเรื่อง ชุน คนเล็กอัจฉริยะ ซึ่งในเล่ม 1 นี้ ตัวเอก(ชุน) ได้ทำข้าวหน้าหมูทอดแบบญี่ปุ่น(คัตสึด้ง) ที่หน้าตาดูน่ากินมาก


แม้จะไม่มีซอสสูตรลับอย่างชุน แต่เด็กที่รอคอยก้อพยายามมองๆดูวิธีทำของชุน แล้วก้อ ...ทำออกมา กินได้นะ ... ได้รับการยอมรับจากผู้ปกครองแล้วว่า ... “ก้อ โอเคพอกินได้” (ผู้ปกครองชอบกินอาหารไทยกะฝรั่งซะเป็นส่วนใหญ่จึงเป็นไปได้ว่า ไม่ใคร่นิยมรสญี่ปุ่น) (แต่ปกติไปกินร้านญี่ปุ่นกัน ผู้ปกครองบอกว่า ก้ออร่อยดี ...) (สรุปว่า ผู้ปกครอง ซวยที่ต้องมาเป็นหนูทดลองให้ลูกผู้ปกครอง)


ทั้ง ข้าวหน้าหมูทอด (คัตสึด้ง) และข้าวหน้าไก่&ไข่ทอด(โอยาโกะด้ง) เป็นเมนูที่เด็กที่รอคอยอ่านการ์ตูนไปทำไป

ดังนั้นจึงเล็งไว้ว่า ต่อไปจะลองทำอาหารฝรั่งโดยใช้ “ยอดเชฟครัวท่านทูต” เป็นแนวทางบ้าง เนื่องจากตัวเอกเก่งอาหารฝรั่งเศส ปัญหาเดียวก้อคือว่า เด็กที่รอคอยไม่มีครัว มีแค่ ไมโครเวฟ กับ กะทะไฟฟ้า ... จึงอาจเป็นไปได้ว่าโครงการทำอาหาร คงจะต้องพักไว้อีกระยะนึง

แล้วก้อช่วยกันภาวนาเถอะว่า อย่าให้มันไปอ่านเจออะไรแล้วนึกคึกจะมาทำที่บ้านอีกเลย... (เฮ้อ...)

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ยังคงพอมีเวลาเหลือสำหรับงานหนังสือ เด็กที่รอคอยจะไปเดินเก็บตกเท่าที่จะทำได้ น้องๆบู๊ธ บงกช น่ารักมากให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี สยามฯ ก้อไม่เลวทีเดียวและโฆษณาไว้แล้วด้วยว่า โปลิศสาวสุดแสบ เล่ม2 อาจล่าช้าหน่อยเพราะจะทำการ edit การแปลใหม่ โดยจะให้ชื่อของแบรนด์เนมทั้งหลายเป็นภาษาอังกฤษหมด จะได้ไม่พบกับปัญหาเหมือนอย่างเล่มแรก (โอ้ ... ใช้ได้ๆ ถ้าฟังคำจากคนอ่านแล้วนำไปปรับปรุงเนี่ย ก้อได้ใจเด็กที่รอคอยไปแล้วล่ะ ) แต่บู๊ธเนชั่น ...แค่อยากจะบอกว่า ยิ้มแย้มซักหน่อย ก้อคงจะดีกว่านี้


หมึกจีน โอเค ชั่วไม่มี ดีพอตัว แค่ว่าไม่ค่อยมีหนังสืออะไรให้ซื้ออ่านเลย แต่ก่อนยังมีพวกรวมเล่มจากการ์ตูนที่มักจะลงเป็นตอนๆ แต่ข้อดีก้อคือเขาใจกว้างแกะห่อการ์ตูนให้ลองอ่านดูก่อน ชอบก้อค่อยซื้อ อันนี้เรียกว่าใจถึงมาก

บุรพัฒน์น่ะสิ ... จะไม่มีการ์ตูนอะไรเพิ่มเติมเลยเรอะ ... รอซื้อเหมือนกันนะเพราะเค้าทำรูปเล่มออกมาได้ดีสมราคาแต่ก้อไม่ค่อยมีเรื่องอะไรที่น่าซื้อเลย เน้นการ์ตูนผู้ชายซะส่วนใหญ่ น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง แต่เฮียคนขายยิ้มแย้มอัธยาศัยดีมากจ้ะ


พบกันที่งานหนังสือนะจ๊ะ ขอให้ทุกท่าน โปรดระวัง ตีนน้อยๆของท่านจากบรรดารถลากด้วยจ้ะ เด๋วจะหาว่า สวยไม่เตือน!







 

Create Date : 02 เมษายน 2551
5 comments
Last Update : 2 เมษายน 2551 20:43:20 น.
Counter : 841 Pageviews.

 

จากอ้อนน้อยตะลุยงานหนังสือ เป็นอ้อนน้อยถอยการ์ตูนทำอาหารออกมาลองของ อ่านแล้วฮาดีเช่นเคย อ้อนลองอ่านเจปังสิ แล้วดูซิว่าจะทำขนมปังอย่างเค้าได้มั้ย (เค้าอยากได้ขนมปังที่กินแล้วได้ขึ้นสวรรค์อ้ะ)

เสน่ห์สาวข้าวปั้นไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับอาหารเลย ขอยืนยัน ได้ยินมาว่าแปลห่วยด้วย ทั้งๆที่เป็นเรื่องที่ดีมาก และดังมากในญี่ปุ่น (ได้ยินมานะ เพราะกบก็ยังไม่ได้อ่านเหมือนกัน)

อ้อนอ่าน skip beat ปะจ๊ะ แนะนำนะเรื่องนี้

 

โดย: froggie IP: 218.60.96.125 8 เมษายน 2551 19:31:02 น.  

 

เสน่ห์สาวข้าวปั้น ... เอ่อ อยากเรียกชื่อญี่ปุ่นมากกว่าฟังน่ารักกว่าเยอะอ่ะ

ลองอ่านไปเล่มนึงเลิกเลยจ้ะ สงสัยจะแปลไม่ดีจริงๆ

พี่อ้อนเขียนบ๊อคฮาเหมือนเดิม ชอบๆ ^^

ว่าแต่ ... ย้ายไปอยู่ไหนจ๊ะ

 

โดย: bowbow IP: 203.148.162.193 9 เมษายน 2551 9:06:18 น.  

 

เอ๊ะ... ขนมปังที่กินแล้วรู้สึกขึ้นสวรรค์น่ะเรอะ ... อ้อนอาจจะทำได้มากกว่านั้นอีกนะกบ


ขนมปังที่ดมแล้ว ก้ออาจรู้สึกเหมือนตกลงมาอยู่ในขุมนรก ...อะไรยังเงี้ย อะไรนะ? ไม่ใกล้เคียงกับเจปังเลยหรอกเรอะ? อ้าว...


แต่ถึงจะอย่างนั้นอย่างนี้ ....



อ้อนก้อสามารถทำเค้กได้หลายชนิดโดยคนกินก้อยังมีชีวิตอยู่นะ ก้อเนี่ย ... หนูทดลอง เอ่อ หมายถึง ผู้ปกครองที่บ้านน่ะฮ่ะ เรามีไฮไลท์อยู่ที่ เค้กกล้วยหอม ซึ่ง มัน "ถึง" มากๆ สูตรนั้นก้อหามาได้จาก ก้นครัว ใน pantip.com นี่ล่ะ ถึงใจอย่าบอกใคร


(แต่พอกางสูตรจากหนังสือก้อปรากฏว่า ... คำว่า ฤดูที่แตกต่าง มันเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆว่า หมายถึงอะไร... )


SKIP BEAT พี่ปุ๋ยแนะนำมาเมื่อไม่กี่วันก่อน (โทรไปหาแกเพื่อขอคำแนะนำเรื่อง "สับขั้วมาลุ้นรัก" เพราะไม่มั่นใจว่าอ้อนจะชอบมัน ปรากฏว่าป้าแกก้อดันตอกย้ำอีกว่า พี่ไม่มั่นเพราะมันไม่ใช่แนว ... จึงเป็นอันว่าโครงการสับขั้ว จึงได้สิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านั้น ) แต่ไปดูที่สยามแล้วเค้าไม่มีรวมเล่มอ่ะ วันนี้เราไปดูที่เซ็นทรัลลาดพร้าวมา ร้านจอย(ผู้เย่อหยิ่ง) มีทุกเล่มเลยแต่ไม่ได้รวมชุดขาย


.... ก้อ มีทุกเล่มล่ะจ้ะ


ยกเว้น 3 กะ 4 .... (1-12 มี ยกเว่นสองเล่มตามที่ว่า)


จบข่าวชมรมคนอ่านการ์ตูน


@@@@@@@@@@@@@@@@@@

โบ่โบ๊ : อ้อนย้ายมาอยู่ไม่ไกลบ้านเท่าไหร่อ่ะจ้ะ ถ้าไงเด๋ว sms ไปบอกอย่างลับๆอีกที แต่จำได้ว่าโบก้อหาคอนโดอยู่เหมือนกันใช่ม๊า

อันนี้อ้อนยังเช่าอยู่หรอกนะ เพราะว่าอยากได้อีกที่นึงแล้วก้อจะซื้อเป็นห้อง 1DK ด้วย แต่ก้อยังไม่รู้เลยจ้ะว่าจะมีทุนแค่ไหน ^^' แต่ทีแรกดีใจมากเลยนะเพราะมันใกล้บ้านแว่นน้อยล่ะ


ตอนนี้ ก้อ ร้องไห้เสียใจไปเรียบร้อยแล้ว


แว่นน้อยย้ายบ้านหนีไปเรียบร้อยแล้วง่ะ

 

โดย: ดทรค ไม่หลับไม่นอน นะ IP: 118.174.98.8 10 เมษายน 2551 5:18:50 น.  

 

แต่สุดท้ายก้อรู้สึกว่าจะ ล้มละลาย จากงานหนังสืออยู่ดี ให้ตายเหอะ จะมีปีไหนหนไหนมั่งที่รู้สึกว่า เงินในกระเป๋ายังอยู่อย่างปลอดภัยดี


นี่ถ้าหากตายไปวันนี้ หนังสือพวกนี้จะทำไงดีล่ะหว่า ไม่เคยนึกไว้เลยอ่ะ ต้องวางแผนยังไงล่ะเนี่ย เพราะถ้าบอกให้เผาตามไป สงสัยว่าแม่ต้องเหมาเมรุตลอด 1 วัน 1 คืน เลยล่ะมั้ง


แล้วก้อคงต้องสะดุ้งอยู่เป็นเนืองๆเพราะเสียงแม่บ่นตามมาแน่ๆเลย ...

 

โดย: ดทรค อยากจะง่วงแล้วอ่ะ IP: 118.174.98.8 10 เมษายน 2551 5:24:39 น.  

 

เอิ้กๆ แว่นน้อย(ท่าจะ)ย้ายหนีมาแถวๆที่ทำงานโบนิ

คอนโดที่พี่พูดถึง .. มันที่เก่าที่เคยเล่าไม่ใช่เหรอจ๊ะ
โบก็มองศุภาลัยเหมือนกัน แต่อันที่โบดู คนด่ากันยับเลยว่านิติห่วยสุดๆ ... มีประสบการณ์ไม่ดีกับการซื้อคอนโดด้วย ซื้อแล้วกลายเป็นแฟลต อยู่ไม่ได้ ปล่อยเช่าไม่ออก ต้องจ่ายส่วนกลางทุกเดือน เลยทำให้เลือกแล้ว เลือกอีก ไม่ได้ซื้อซะที

ว่าแต่ว่างๆทำหนมมาให้ชิมมั่งจิพี่

 

โดย: bowbow IP: 203.148.162.193 10 เมษายน 2551 15:51:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


เด็กที่รอคอย
Location :
กรุงเทพ Australia

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




จะเป็นกรวดหรือเพชร ถ้าไปนึกรักมันเข้าแล้วหายไปเมื่อไรก็เสียดาย ยิ่งรักมากก็ยิ่งเสียดายมาก บางคนถึงกับเสียคนไปก็มี


"ถ้าเราไม่อยากทุกข์มากไม่อยากเสียคน ก็อย่าไปรักอะไรให้มากนัก ถึงจะรักก็ต้องรู้กำพืดว่ามันเป็นเพชร หรือเป็นกรวด"


ถ้ารู้ราคาจริงๆของมันเสียแล้วถึงมันจะหายไป เราก็จะไม่เสียดายมากนัก

(จาก "สี่แผ่นดิน" โดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช)

สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539
ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่และอ้างอิง
ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของข้อความ
ในสื่อคอมพิวเตอร์แห่งนี้เพื่อการค้า
โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร
ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
Friends' blogs
[Add เด็กที่รอคอย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.