1 2 3 4 5 6 7
8 9 10 11 12 13 14
15 16 17 18 19 20 21
22 23 24 25 26 27 28
29 30 31
God VS Satan
คำเตือน : หากคุณเป็นคนที่ไม่เชื่อในเรื่องภูติผีปิศาจ หรือ พระเป็นเจ้า หรือรู้สึกสะเทือนใจได้ง่ายกับสิ่งลี้ลับ โปรดปิดเสียงลำโพงจากคอมฯของคุณซะเดี๋ยวนี้ แต่ถ้าไม่ใช่ทั้งสองอย่าง โปรดรอฟังต่อไปอีกสักครู่ ขอเตือนอีกครั้งว่า หากคุณเป็นทั้งสองประเภทที่บอกไว้ขั้นต้น ปิดเสียงลำโพงคอมฯซะเดี๋ยวนี้ค่ะ .................. คำถามสำหรับผู้ที่ยังคงฟังอยู่ : คุณคิดว่าเสียงที่ได้ยินอยู่นี้ คือเสียงอะไร? คำตอบที่คุณได้ยินแล้วอาจจะอยากหัวเราะซะให้กลิ้ง ก้อคือ "เสียงของบาทหลวงที่กระทำการไล่ผีให้ออกจากร่างผู้ถูกเข้าสิง จากเหตุการณ์จริงในประเทศรัสเซียเมื่อปี ค.ศ. 2004 ที่ผ่านมานี้นี่เอง" เสียงในด้านหลังคือเสียงของหลวงพ่อชาวรัสเซียที่กำลังสวดมนต์กันอย่างมีสมาธิ ส่วนเสียงที่กรีดร้องนั้น คือเสียงของเด็กสาวอายุ 16 ปี ที่ถูกวิญญาณเข้าสิงและแม่ของเธอได้เป็นคนพามารักษา ในระหว่างที่กรีดร้องอย่างโหยหวนนั้น เสียงเธอก้อได้เปลี่ยนไปเรื่อยๆราวกับสัตว์ร้าย พลังเธอเริ่มมากขึ้นจนผู้คนแทบจะจับตัวไว้ไม่อยู่ และท้ายที่สุดนั้น เสียงพูดที่พูดเป็นภาษารัสเซียนั้นก้อได้บอกว่า "I am not going! I am not leaving her!" ส่วนมันจะจริงแท้แน่นอนขนาดนั้น ก้อต้องแล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคล เพราะสมัยนี้ใครๆก้อสามารถแหกตาใครๆได้ทั้งนั้น @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ เด็กที่รอคอยได้ดู EXORCIST อีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ เป็นหนังต้นฉบับที่นำมาremaster ภาพชัด เสียงแจ่ม ตัวแสดงยังเหมือนเดิม ถ้าหากใครยังไม่เคยดูมาก่อนก้อจะขอเล่าให้ฟังคร่าวๆว่า หลักๆแล้วเป็นเรื่องราวของครอบครัวนึงที่ลูกสาวมีท่าทางแปลกๆไปหลังจากที่ค้นพบและเล่น Ouija Board (คล้ายๆผีถ้วยแก้วบ้านเรา) ในตอนแรกนั้น หนูน้อยเรเกน อายุ12ปีที่เคยร่าเริงแจ่มใสอย่างไร้เดียงสา เริ่มที่จะมีอาการเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลีย นอนไม่หลับเพราะเธอบอกว่า เตียงเธอสั่นอยู่ตลอดทั้งคืน จากนั้นไม่นานเธอก้อเริ่มทำตัวแปลกขึ้น เริ่มด่าทอคำหยาบคายล่วงเกินพระเจ้าอย่างที่แม่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้ยิน และท้ายที่สุดนั้น เตียงที่หนูน้อยเรเกนบอกว่ามันสั่นอยู่เสมอแต่แม่ของเธอคิดว่า เธอเพียงแค่เรียกร้องความสนใจ ก้อได้สั่นต่อหน้าเธออย่างรุนแรงทั้งๆที่เธอเองก้อพยายามกดเตียงอย่างสุดแรง แต่ไม่ว่าจะปรึกษาหมอที่ฝีมือดีสักกี่ครั้ง คำตอบก้อยังคงเหมือนเดิมว่า ลูกสาวเธอมีอาการทางจิต หลายต่อหลายการทดลองที่แสนจะเจ็บปวดได้ผ่านไปโดยไม่มีทีท่าว่า อาการจะดีขึ้นแต่อย่างใด จนเมื่อผ่านไปอีกไม่นาน ผู้เป็นแม่ก้อเริ่มที่จะแน่ใจว่า ลูกสาวที่อยู่ตรงหน้าคงจะไม่ใช่ลูกของเธอ แต่เป็น "ใครสักคน" ที่เข้ามาสิงร่างนี้ โดยทำให้ลูกของเธอสามารถเป็นสัตว์ประหลาดที่เสียงเปลี่ยนไปราวกับมีผู้คนมากมายอยู่ในร่างนั้น คอหมุนได้รอบทิศ และพลังอันมากมายมหาศาลที่เธอคิดว่าคงจะได้คร่าชีวิตของใครไปแล้วเป็นแน่ ... เธอจึงตัดสินใจปรึกษากับหมออีกครั้ง และได้คำตอบว่า ในเมื่อการแพทย์ยังไม่สามารถให้การรักษาได้ เธอคงจะต้องพึ่งอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าเสียแล้ว บาทหลวงสองท่านจึงได้รับการติดต่อและเข้ามามีบทบาทในการไล่วิญญาณในร่างของเรเกน คนหนึ่งคือบาทหลวงหนุ่มผู้ซึ่งสูญเสียแม่ไปด้วยโรคชราภาพในสถานสงเคราะห์คนชรา และอีกท่านหนึ่งคือบาทหลวงผู้เป็นตำนานในเรื่องการไล่ผีเมื่อสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่สอง - หลวงพ่อแมร์ริน หนังเรื่องนี้ออกฉายในปี 1973 - ก่อนที่เด็กที่รอคอยจะเกิดซะอีก สมัยนั้นมันคงจะทำให้หลายต่อหลายคนกลัวจนผวากันไปไม่มากก้อน้อยแน่ๆ ไม่ว่าจะนับถือคริสต์ พุทธ หรือแม้แต่ไม่มีศาสนาเลยก้อเหอะ เทคนิคการสร้างถือว่าดีมากในสมัยนัน้ ซึ่งถ้ามาดูสมัยนี้ก้อคงจะเพิ่มอะไรได้อีกมากมาย (แต่แค่นั้นก้อน่ากลัวจะแย่แล้วล่ะเจ้าประคู๊ณ...) มีข่าวลือว่า ตัวละครตัวนึงเสียชีวิตลงจริงๆในระหว่างถ่ายทำอยู่ ผู้กำกับก้อเลยต้องสร้างเรื่องว่า ถูกฆ่าตายด้วยฝีมือปิศาจ ซึ่งก้อ... ได้ผลดีทีเดียว ถ้าถามเด็กที่รอคอยว่าคิดยังไงกับเรื่องพระเจ้าและปิศาจ ... เด็กที่รอคอยเชื่อนะว่าพระผู้เป็นเจ้ามีจริงแน่ คือ .... แหม จะเล่าก้อน่าอาย แต่ก้อคงต้องเล่า ปีที่จะเอ็นทรานส์เป็นครั้งที่ 3 น่ะ (ใช่ค่ะ ฟังไม่ผิด ครั้งที่3 ค่ะ เพราะครั้งแรกเบี้ยวไม่ยอมไปสอบ ครั้งที่สองสอบไม่ติดทั้งๆที่ทุ่มเทหมดชีวิต) เด็กที่รอคอยก้อไปเที่ยวบนบานศาลกล่าวเค้าไปทั่ว เพราะอยากจะเข้ามหาลัยกับเค้าซักทีแล้ว และหนึ่งในบรรดาศาสดาที่ต้องมีอันมารับฟังเด็กที่รอคอยขอร้องก้อคือ พระเยซู นี่แหละ จำได้ว่าวันนั้นนั่งสวดอ้อนวอนอยู่นานยังกับพวกคริสเตียนยังงั้นล่ะ เนียนซะไม่มี ... เด็กที่รอคอยไม่ใช่คนหัวดีอะไรหรอกค่ะ เรียนแล้วก้อไม่จำ หนังสือไม่ค่อยอ่าน ไอ้ปีที่ทุ่มเทน่ะอ่านซะตาแทบถลน ยังได้แค่"เกือบติด" ปีที่3 จึงไปขอพรเค้าไว้ทั่ว แล้วก้อไถลไถเถือก ไม่อ่านหนังสืออีก... คล้ายๆว่าจะประชดชีวิตซะอย่างนั้นล่ะ คือ แม้จะตั้งใจไปบนบาน แต่ลึกๆในใจก้อดูถูกตัวเองด้วยว่า ถึงพยายามก้อคงไม่ได้อีกเหมือนเคย (น้องๆคนไหนที่มาอ่านเจอ อย่าเลียนแบบนะจ๊ะ ชีวิตมีค่ามากกว่ามาตามแบบเด็กที่รอคอย ) แต่ปีนั้น เด็กที่รอคอยก้อเอ็นฯติด รู้สึกว่าจะเลือกอันดับ 2 จากที่เลือกไว้ 4 ที่ด้วยกันละมั้ง เนื่องจากอันดับแรกนั้นหลังจากที่ลองศึกษาดูว่า วิชาโบราณคดีที่เลือกไว้เป็นอันดับแรกนั้น มันไม่ได้มีสอนเรื่องที่อยากรู้(อย่างเช่นอารยธรรมอียิปต์ กรีก โรม ... แต่เป็นการศึกษาอารยธรรมพวกชาวพื้นเมืองผิวดำออสเตรเลีย) ก้อเลยไม่เอา มาเลือกมนุษยศาสตร์แทน และเหตุการณ์ครั้งนั้น ก้อยังคงไม่เคยลืมจนบัดนี้ แม้จะน่าอายอยู่สักหน่อย .... แต่ว่านะ ถ้าจะมาลองคิดดูดีๆแล้วล่ะก้อ ถ้าหากว่า คุณเชื่อเรื่องภูติผี วิญญาณ แล้วทำไมจะเชื่อไม่ได้ว่า พระเจ้าก้อต้องมีตัวตนจริงๆ? มีอีกเคสนึง คือ เด็กผู้ชายวัย 14ปี ที่เคยเป็นข่าวหน้าหนึ่งว่า ถูกผีเข้า แต่เรื่องนี้มันก้อนานมาแล้วน่ะนะคะ ที่ St.Louis ประเทศสหรัฐอเมริกา ถ้าลอง searchคำว่า exorcist in St.Louis ใน google ดูก้อคงจะเจอ แต่ก้อต้องบอกว่า ในข่าวนั้นก้อจะมีเนื้อความที่ต่างกันออกไป บางคนก้อเล่าซะอย่างกับว่าเป็นหนังที่มี special effect ทุ่มทุนสร้าง บางคนก้อว่า มันก้อเป็นอาการธรรมดาเพียงแต่รู้ว่าเค้าคงจะมีอะไรแปลกประหลาดกว่าคนธรรมดาก้อเลยต้องขอแรงบาทหลวงให้มาช่วยกัน (นับว่าเรื่องความเชื่อทางศาสนาที่จะทำให้จิตใจที่มียึดเหนี่ยวนั้นก้อมีผลต่อสภาพจิตใจ) แต่การไล่ผีในครั้งนั้นใช้เวลาอยู่นานเป็นปีๆจึงจะหายขาด โดยเด็กชายเป็นคนบอกเองว่า เทพ เซนต์ไมเคิล ได้ตัดสินใจเข้ามาในร่างของเขาเพื่อจะสู้กับปิศาจตนนั้นแล้วขับไล่ออกไปโดยใช้คำๆเดียวที่เป็น keyword ซึ่งคนธรรมดานั้นไม่รู้ คำๆนั้นก้อมาจากภาษาลาติน นั่นคือ Dominus การไล่ผีในครั้งนั้น มีบาทหลวงที่เกี่ยวข้องอยู่ราวสองคน อีกคนนึงเป็นบาทหลวงฝึกหัด ปัจจุบันนี้เขายังมีชีวิตอยู่ทว่า ไม่คิดจะเปิดปากให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด เพียงแต่ยอมรับว่าเขาได้เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น ส่วนรายละเอียดอื่นๆ เขาเก็บงำไว้เงียบเชียบจนกระทั่งโรงพยาบาลที่เป็นสถานที่บำบัดรักษา(หรือไล่ผี)ในครั้งนั้นได้ถูกทุบทิ้งและไดอารี่ของบาทหลวงผู้ประกอบพิธีไล่ผี ได้ถูกค้นพบและถูกอ่าน หลายต่อหลายเหตุการณ์ในนั้นทำให้เสียวสันหลังวาบและน่าสะพรึงกลัวและไดอารี่นี้เอง ที่เป็นที่มาของหนัง exorcist @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ แม่ของเด็กที่รอคอยนั้นเคยมีประสบการณ์อีกอันที่เรียกว่า "เห็นคนโดนเปรตเข้าสิง" โดยที่จริงๆแล้วเค้าก้อไม่ได้ถึงกับกลัวแสงแดดอะไรนะ แต่เค้าให้คนในบ้านปิดประตูหน้าต่างให้หมด แล้วก้อไม่ให้คนในบ้านไปไหน ถ้าจะซื้อของก้อให้ซื้อเวลามีรถเข็นเข้ามาขาย เวลาจะกินข้าวก้อจะกินไก่สดๆเลือดโชกๆ ดวงตาไม่มีแววประกายใดๆ คล้ายว่าจะไม่ใช่มนุษย์ เล่นเอาแม่จำจนติดตามาจนทุกวันนี้ และกล้าพูดว่า เรื่องวิญญาณและผีสางนั้นมีจริงแน่นอน เด็กที่รอคอยก้อคิดเช่นนั้น... ศาสนาพุทธเราเชื่อว่า เราทุกคนล้วนแล้วมีกรรมเก่า เกิดมาเพื่อใช้กรรมนั้นแล้วก้อจะได้ไปเกิดในชาติภพใหม่ที่อาจจะดีกว่า หรือ เพื่อที่จะเกิดใหม่แล้วใช้กรรมในชาติอื่นที่เราเคยทำเอาไว้ แต่ศาสนาคริสต์นั้นหลักๆแล้ว สอนให้เรารู้จักรักคนอื่น(เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่) รักตัวเราเอง(ไม่ฆ่าตัวตาย) และรักพระเจ้า(ไม่ใฝ่ต่ำไปเอื้ออำนวยให้วิญญาณร้ายเข้าครอบงำ) ผู้ที่ไม่รักพระเจ้าไม่ศรัทธาในพระองค์นั้นเสี่ยงกับการที่จะมุ่งหน้าเข้าหาปิศาจ อย่างเช่นว่า การเรียกผีออกมาโดยใช้ผีถ้วยแก้วเป็นสื่อ เป็นต้น ซึ่งดูแล้วก้อคือ เกมที่สนุกดี แต่นานไปใครจะรู้ว่า เกมที่เราเล่นนั้น เราได้สนุกกับการเรียกวิญญาณชั้นต่ำออกมาเพื่อตอบคำถามบางอย่าง หรือ ... เราจะต้องตกอยู่ใต้อำนาจมืดของปิศาจเมื่อเราไม่สามารถบังคับสถานการณ์ได้เนื่องจากจิตของเราอ่อนกว่าฝ่ายนั้น? หลายคนรู้วิธีเรียกมา แต่อีกหลายคนไม่รู้วิธีเชิญกลับ แล้วเมื่อวิญญาณไม่ยอมกลับ คุณว่าวิญญาณจะไปไหนได้ ถ้าไม่ใช่.... .......... หมั่นทำความดีไว้นะคะ ร่วมต่อสู้กับเหล่ามารร้ายกับพระองค์ มารร้ายในร่างเราเองก้อไม่ใช่ว่าจะไม่หนักหนา เราต้องเอาชนะกิเลสตัณหาและความริษยาในตัวเราเองให้ได้ด้วย ชีวิตอาจไม่ง่ายนัก แต่เด็กที่รอคอยก้อคิดว่า พระเจ้าอยู่กับเราเสมอ นอนหลับฝันดีนะจ๊ะ ป.ล ถ้าหากต้องการจุใจกับบาทหลวงในตำนาน หลวงพ่อแมร์ริน ให้ไปหาเรื่อง exorcist-the beginning มาดู และถ้าหากอยากดูหนังล่าสุด ลองหา exorcism of emily rose เลยค่ะ แนะนำ แนะนำ
Create Date : 12 มกราคม 2549
Last Update : 16 มกราคม 2549 3:15:19 น.
8 comments
Counter : 1818 Pageviews.
โดย: jaa_aey วันที่: 12 มกราคม 2549 เวลา:4:56:16 น.
โดย: Fruit_tea วันที่: 12 มกราคม 2549 เวลา:15:37:41 น.
โดย: วีวี่ IP: 58.147.103.159 วันที่: 12 มกราคม 2549 เวลา:23:06:35 น.
โดย: เอริ...จัง IP: 66.30.97.58 วันที่: 31 มกราคม 2549 เวลา:11:34:22 น.
Location :
กรุงเทพ Australia
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [? ]
จะเป็นกรวดหรือเพชร ถ้าไปนึกรักมันเข้าแล้วหายไปเมื่อไรก็เสียดาย ยิ่งรักมากก็ยิ่งเสียดายมาก บางคนถึงกับเสียคนไปก็มี "ถ้าเราไม่อยากทุกข์มากไม่อยากเสียคน ก็อย่าไปรักอะไรให้มากนัก ถึงจะรักก็ต้องรู้กำพืดว่ามันเป็นเพชร หรือเป็นกรวด" ถ้ารู้ราคาจริงๆของมันเสียแล้วถึงมันจะหายไป เราก็จะไม่เสียดายมากนัก (จาก "สี่แผ่นดิน" โดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช) สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่และอ้างอิง ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของข้อความ ในสื่อคอมพิวเตอร์แห่งนี้เพื่อการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด