แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน
Group Blog
 
<<
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
20 เมษายน 2551
 
All Blogs
 
วันเกิดที่ผ่านมา นิราศบางกอกที่เล่าค้างไว้ กับ ตึ๋หล่อผู้ประสบภัยพร้อมกับเด็กที่รอคอย

ความเดิมจากตอนที่แล้ว ....



เด็กที่รอคอยเดินออกจากเครื่องบิน(ที่คงยังรอการยืนยันจากช่างเครื่องว่า ซ่อมเสร็จหรือซ่อมไม่ได้)เพื่อไปซื้อเบอร์เกอร์หมูรสเด็ดมาประทังความหิว จาก แม็คโดนัลด์เจ้าเก่า ที่สนามบินนาริตะ ...




...โกหกนิดหน่อย ...





เพราะจริงๆแล้วซื้อมาทั้งเบอร์เกอร์ ทั้งMc Wrap รสกุ้ง (คล้าย kebab นะ แต่เป็นไส้กุ้งชุบแป้งทอดแล้วก้อมีผักกาดแก้ว พันมาในแป้ง kebab ราดน้ำซอสข้น thousand island อร่อยดียังไม่เข้าเมืองไทย) มันฝรั่งทอดกับโค๊กไซส์ใหญ่ พายแอ๊ปเปิ้ล ไอติมโอริโอ้ ... ทั้งหมดนั่น กินคนเดียวไม่แบ่งใคร ด้วยหน้าตาทุกข์ระทม (อันเนี้ย เป็นความจริง)


ไม่รู้ทำไม ... เมื่อก่อนแค่เครียดเพราะอกหัก มักกินอะไรไม่ลง แต่เด๋วนี้จะเครียด ดีใจ หรือเสียใจกับทุกสถานการณ์ ดูเหมือนจะฟาดทุกอย่างยังกะพายุห่าลง ... ระหว่างที่พิมพ์ด้วยความกลุ้มใจอยู่นี้ ก้อละเลียดมะม่วงแรดจิ้มพริกเกลืออยู่เหมือนกัน




กินอิ่ม ยังไปไม่ได้ เลยนอนดูหนังต่อ (หัวหน้าเปิดให้ดูเพราะทนมองเด็กที่รอคอยตาละห้อยต่อไปไม่ไหวแล้ว) ช่างเครื่องเงียบ นักบินก้อเงียบ หัวหน้าก้อเงียบ คนกันเองก้อเริ่มเงียบ.... ไม่มีแว่วเสียงใดๆเลยว่า จะได้บินสู่ฟ้ากลับเมืองไทยกัน แต่ไม่มีใครเดือดร้อนนี่ ยกเว้นเด็กที่รอคอยกะรุ่นน้องอีกคนนึงซึ่งตั้งใจจะเหาะข้ามฟ้าในตอนเช้ากัน


นอนกระรอกม่อย ... เหมือนจะยอมแพ้ต่อโชคชะตา



หมายเหตุ : กระรอกม่อย เป็นศัพท์แม่อีกแล้ว แปลว่านอนหลับแน่นิ่ง เหมือน มะลั่กคั่ก ที่แม่เคยนิยามไว้ว่า ใหญ่จน XL ซูฮก ...



แต่ใครจะรู้บ้างว่านอกเหนือจากการหนีไปแอบสวดมนต์อยู่ท้ายเครื่องแล้ว เด็กที่รอคอยยังนอนภาวนาตลอดว่า ...ขอให้ได้ไป...ขอให้ได้ไป ...ขอให้ได้ไป ...




บ๊ะ!!


สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวันนั้นมีจริงครับ ท่านผู้อ่าน



ในที่สุดหัวหน้าก้อป่าวประกาศทั่วเครื่อง ว่า ประจำที่ได้แล้ว

เราจะไปกันแล้ว!!!


อะฮิ๊ววววววววว~~~~~~~~~~!!!!

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


การทำงานเป็นไปตามปกติ เด็กที่รอคอยเท่านั้นเองที่ดูจะมุ่งมั่นกับการต้อนรับและส่งผู้โดยสารเข้าซองมากกว่าปกติ (ด้วยความที่อยากให้มันรีบๆเข้า รีบๆนั่ง รีบๆครบคน แล้ว กรู ก้อจะได้ รีบๆไป... ถ้า hijack เครื่องบินกับสนามบินได้ คงทำไปแล้ว...) และเมื่อทุกสิ่งอย่างเรียบร้อย หมู่เฮาก้อบินออกจากสนามบินนาริตะด้วยความโล่งใจ



คือ ... ตอนนั้นก้อมั่นใจแล้วด้วยล่ะว่าประตูคาร์โก้มันซ่อมเรียบร้อยแล้ว ถึงได้โล่งใจ ... ^^’



เอ้า! พอเครื่องขึ้นแล้ว หมู่เฮาก้อเซิ้งกันกระจายด้วยข้าวมื้อเย็นกันเลย (ปกติเริ่มด้วยเครื่องดื่มกับขนมขบเคี้ยวก่อน แต่ไม่เป็นไร เคี้ยวเลยละกันไม่ต้องขบแล้ว) เสิร์ฟๆๆๆ ...เก็บๆๆๆ... แจกๆๆๆ(ใบขาเข้าเมือง) ... เอ้า!! ปิดไฟๆๆๆ ...นอนๆๆๆ ... (เอ่อ ...นอนนี่ผู้โดยสารนะ แอร์สจ๊วตยังคงอยู่เฝ้าเครื่องบินกันตามปกตินะคะ )



เออ... เสร็จซะที เหนื่อยชิบหาย... เหออออๆๆ.... (นี่ก้อคือเสียงหัวเราะอย่างภูมิใจของแอร์ที่ทำงานสำเร็จลุล่วง)




ทีนี้ ก้อไม่มีอะไรแล้วล่ะ รอแค่ก่อนใกล้จะแลนด์เราค่อยเสิร์ฟเครื่องดื่มอีกทีนึง ระหว่างนั้นก้อหาคนคุยที่ถูกใจคุยกันตลอดไฟล์ท เพราะเหนื่อยกันมามาก กินกันมา ก้อมาก ... ดึกแล้วด้วย (คืนนั้นประมาณเวลาเครื่องจะลง ก้อคงจะ ตี 1 กว่าๆได้) ขืนไม่มีใครช่วยฉุดกระชากวิญญาณล่ะก้อ คงหลับพับคาครัวบนเครื่องแน่ๆ



การคุยของเหล่าแอร์สจ๊วตล้วนแล้วแต่เป็นสาระ ซึ่งไม่มีสาระใดๆเกี่ยวกับเครื่องบิน บางครั้งบางคราวเราก้อได้รับรู้ชีวิตของเพื่อนที่บินอยู่มากขึ้น แต่บางรายตอนแรกรู้จักกันอยู่ดีๆ พอคุยไปนานๆเข้า ก้อเริ่มตัดสินใจอยากจะเลิกคบมากขึ้น ...ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากเกินกว่าจะอธิบายในเนื้อที่ไม่กี่บรรทัด




ผู้ปกครองโปรดให้คำแนะนำบุตรหลาน

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



เสียง call bell ดัง “ติ๊งงงง...” ในครัว แสดงว่าผู้โดยสารกำลังต้องการความช่วยเหลืออะไรสักอย่าง(โดยมากจะแค่ไปเป็นสักขีพยานว่า เป็นการกดพลาดโดยสุจริต...) เด็กที่รอคอยปล่อยคนอื่นเม๊าท์แล้วเดินไปดูเอง ปรากฏว่าเป็นชายไทยวัยประมาณ 30 ต้นๆ แต่งกายสุภาพเชิ๊ตแขนยาวนุ่งกุงเกงขายาว แต่คิดว่าขาของเค้าจริงๆแล้วคงไม่ยาว ... ตี๋ๆ ไม่อ้วน แต่ไม่ผอม หน้าตาสะอาด แต่คิดว่ารูขุมขนคงจะ ...เอ่อ



ช่างมันเถอะเนอะ



ประเด็นคือ เขาเรียกเพื่อขอของกิน



เด็กที่รอคอยยิ้มแบบไร้เดียงสาไม่โชว์ฟัน ตาบ๊องแบ๊ว รู้สึกแล้วล่ะว่า ... ไม่ดีและ (มันมีลางสังหรณ์)



“อยากรับขนมขบเคี้ยวเรอะคะ”
“ไม่อ่ะครับ อยากได้เป็นของหวานๆ แบบคุ้กกี้”



ก้อ นู๋ เสิร์ฟไปหมดแล้ว ... พี่ ก้อ กิน ไปหมดแล้ว ...
เมิง... เอ๊ย... พี่ จะกิน อะไร อีก ล่ะ คะ ...?? (ไม่ได้พูดออกไป...)



“เกรงว่าเราจะไม่มีคุ้กกี้ค่ะพอดีเมื่อกี้มีเค้กที่เสิร์ฟพร้อมกับอาหารมื้อค่ำไปหมดแล้วน่ะค่ะ” (อันนี้พูดออกไป)



ผู้โดยสารชาวไทยวัยสามสิบต้นๆที่ดูเชื้อชาติตี๋แต่งกายสุภาพและมีทีท่าว่าจะขาสั้นคนนั้น มีทีท่าไม่พอใจเล็กน้อย แอบฮึดฮัดแต่พองามแล้วทำท่าถอนหายใจก่อนจะพูดออกมาว่า “ที่นี่ไม่ไหวเลยจริงๆไม่มีขนมเลย...”



ที่นี่ไม่ไหว ไม่มีขนมเลย...



ที่นี่ไม่มีขนมเลย .....




ไม่มีขนมเลย .......




เสียงมันดังกังวานอยู่ในโสตประสาทจนเด็กที่รอคอยต้องรีบถอยกรูดกลับมาตั้งสติที่ครัว คุ้ยหารายชื่อผู้โดยสารคนนั้นมาดูว่า เป็นใครมาจากไหน แล้วก้อพบว่า ผู้โดยสารชาวไทยวัยสามสิบต้นๆที่ดูเชื้อชาติตี๋แต่งกายสุภาพและมีทีท่าว่าจะขาสั้นคนนั้น เป็นผู้โดยสารจากเครือพันธมิตรเจ้าจำปีและเป็นบัตรเงินซะด้วย




อืมม ... (นั่งถอนหายใจอยู่ผู้เดียว) ก้อรู้สึกแอบสงสารนิดหน่อย จากที่ทีแรกรู้สึกหมั่นไส้ ส่วนนึงเพราะเขาเป็นบัตรเงิน(แต่มานั่งชั้นประหยัด ก้อยังได้รับการปฏิบัติแบบชั้นประหยัดนะ ยกเว้น วีไอพีจริงจริ๊ง...)




แต่อีกส่วนเพราะเด็กที่รอคอยมานั่งคิดว่า ตัวเองเวลาหิวๆขึ้นมายามดึกก้อคุ้ยหาขนมกินไม่ค่อยจะเจอเหมือนกัน นอกจากว่าคนที่บินด้วยกันมีแบ่งปันให้กิน แต่เวลาเราไปนั่งการบินอื่น ถึงเราจะบัตรเงินแต่นั่งชั้นประหยัด เขาก้อหามาให้เรากินนะ(และมันก้อมีให้กินก่อนเครื่องลงด้วยล่ะ)




แต่ที่นี่ มันเป็นสายการบินที่ไม่มีขนมซะจริงๆ -___- แล้วเขาก้อไม่ได้ด่าเราโดยตรง เขาว่าสายการบินเนะ (ขืนมาว่ากรูเซ่ะ ...!! )




ได้คะแนนสงสารว่ะ ... เรามันก้อคนชอบกินขนมเหมือนกัน ...ก้อเลย...ปรึกษาหัวหน้าฝ่ายของเราก่อนว่า พี่ๆ ผู้โดยสารหิวคุ้กกี้ แต่เราไม่มีให้เลย ... หัวหน้าแผนก งง ไปเล็กน้อย(อะไรวะ หิวคุ้กกี้?) แต่สุดท้ายรายการแล้วเด็กที่รอคอยก้อได้กระทำการอุกอาก โดยการ ...เดินกลับไปที่เก้าอี้ผู้โดยสารชาวไทยวัยสามสิบต้นๆที่ดูเชื้อชาติตี๋แต่งกายสุภาพและมีทีท่าว่าจะขาสั้นคนนั้น โชคไม่ดีสองชั้นของเขาที่ได้นั่งหลุม(ตรงกลางระหว่างที่นั่ง3ที่) อีกตะหาก



เอาวะ... เราต้องเชื่อในเซนส์ของเราสิว่า สิ่งที่เราเลือกทำนั้น เราทำถูกแล้ว



“คุณคะ” เด็กที่รอคอยทำเสียงและประโยคเหมือนในโฆษณา ยกเว้น ใบหน้ากับหัวกบาล ที่ทำยังไงก้อไม่ใกล้เคียง (เป็นคนเดียวในบริษัทที่หัวหน้าฝ่ายแทบทุกคนเอ่ยปากชมว่า ทำไมเอ็งแต่งหน้าแล้วก้อทำผมทุเรศได้ขนาดนี้)


“ครับ?” ผู้โดยสารชาวไทยวัยสามสิบต้นๆที่ดูเชื้อชาติตี๋แต่งกายสุภาพและมีทีท่าว่าจะขาสั้นคนนั้น ...เอ่อ เอาเป็นว่าจากนี้ไป จะเรียกเขาว่า พี่ตี๋ ละกันนะ เหนื่อยแล้ว... พี่ตี๋ทำหน้างงๆ หันมามอง แล้วอยู่ดีๆก้อตาลุกยังกะลิงได้แก้วเมื่อเห็นเค้กช็อคโกแลตชิ้นเล็กๆในจานน้อยๆพร้อมส้อมเคียงคู่

“คือว่าไม่มีคุ้กกี้นะคะแต่อันนี้เป็นเค้กส่วนของลูกเรือ...” ยัง .. ยังพูดไม่จบ แต่พี่ตี๋ ...

“ให้..ให้ผมเรอะครับ?!” หมายเหตุ : พี่ตี๋ในขณะนั้นดวงตาเป็นประกายวิบวับ ... นี่ถ้าเด็กที่รอคอยจะไม่ให้มัน... เอ้อ.. พี่ตี๋ ...กรูจะผิดมากมั้ยเนี่ย ...?????



แอร์สาวเจ้าของเค้กยิ้มละไมแล้วยื่นเค้กไปให้พี่ตี๋ซึ่งตั้งท่าพร้อมรับประทาน แล้วดูสิ ... หน้าตาแกยิ้มแย้ม ผิดกับตอนก่อนหน้านั้นที่พูดว่า “ที่นี่ไม่ไหวเลยจริงๆ ไม่มีขนมเลย” ลิบลับ น่าเอ็นดูทีเดียว



คงหิวของหวานๆจริงๆน่ะแหละ ... เราทำถูกละล่ะ อื้มมม!!

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


ประมาณ 10 นาทีผ่านไป



เด็กที่รอคอยเดินบิดขี้เกียจ กะจะไปเก็บจานพี่ตี๋ เผื่อเขาเผลอสัปหงก หน้าเขาจะได้ไม่ฟาดลงไปในจานเค้ก ที่ไหนได้ ... เดินออกมายังไม่ทันจะถึงเก้าอี้พี่ตี๋ ...



จ๊ะเอ๋ กะพี่ตี๋ซะนี่! แกเดินออกมาจากเก้าอี้เองเลยเพื่อเอาจานมาคืน!! ต๋ายยยยยยยยยยยย!!! ไม่รู้นะเนี่ยว่าน่ารักขนาดนี้ แถม แถม แถม ยังกินเรียบบบบบบ!!! กวาดเรียบไม่เหลือแม้กระทั่งครีมสดที่มันบีบประดับจานและไหนจะยังถั่วอัลมอนด์ที่โรยเค้ก แล้วก้อมันเป็นเค้กช็อคหน้านิ่มใช่มั้ยล่ะ



พี่ตี๋เล่นกวาดซะหน้านิ่มไม่เหลือคราบเลย แทบเดาไม่ออก ว่าเดิมทีมันเคยเป็นเค้กอะไรมาก่อน เพราะอารยธรรมแทบไม่มีอะไรให้วิเคราะห์ โอ ........



นี่ถ้า เด็กที่รอคอยไม่ได้เอาเค้กนั่นไปให้พี่ตี๋รับประทานล่ะก้อ ... โอ ไม่อยากจะคิดเลยว่ะ


กรูต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่แน๊!! กร๊ากกกกกก!!!!




พี่ตี๋คะ... ไม่ว่า ชาตินี้เราจะได้พบกันอีกหรือไม่ ขอให้รู้ไว้นะคะว่า แอร์สาวสวยคนนั้นเป็นปลื้มใจมากค่ะที่พี่จัดการเค้กชิ้นนั้นได้ราบเรียบมาก เชื่อว่าพ่อครัวคงดีใจจนแทบชักเลยล่ะค่ะ เพราะปกติเค้กชิ้นนั้นลูกเรือเมินมันเสมอ ถ้ามีโอกาส ก้อขึ้นเรือบินมาเจอหน้านู๋หน่อยนะคะ

คือถ้าพี่ตี๋ยังโสด นู๋จะได้ให้เบอร์ค่ะ เสียดายนู๋ไม่ได้คุยกะพี่อีกเลยแล้วก้อจำชื่อพี่ไม่ได้แล้ว แต่เห็นความมุ่งมั่นหน้าตาท่าทางของพี่แล้ว มันโดนใจมากค่ะ และที่สำคัญ พี่ไม่ขาสั้นนะคะ พี่โอเคเชียวแหละ ไฟล์ทนาริตะ-กรุงเทพช่วงต้นปีที่ผ่านมานะคะ ถ้าอ่านเจออย่าลืมไปไหว้พระขอให้เราได้พบกันอีกนะคะ



แต่เบอร์เนี่ย เอ่อ ...เป็นเบอร์ต่างประเทศนะคะ อาจจะลำบากในการติดต่อกันนิดโหน่ย...


เบอร์พ่อครัว ฝ่าย catering ของสายการบินที่ทำเค้กชิ้นนั้นน่ะค่ะ เผื่อว่าหนุ่มโสดจะติดจายยยยย


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ขอเล่ารวบย่อ



สุดท้ายเด็กที่รอคอยก้อได้กลับมาเมืองไทยอย่างปลอดภัย ลาก... อย่าเรียกลากเลย วินาทีนั้น หิ้วกระเป๋าเดินทางลอยเข้าประตูแท๊กซี่ น่าจะดีกว่า ...เพื่อกลับบ้าน กวาดของฝากต่างๆที่แม่ให้ซื้อ อาบน้ำแต่งตัว (ในกระเป๋าเดินทางมีแค่กุงเกงลิงกะเสื้อชั้นในอย่างละตัว เสื้อผ้าไม่มี มีแค่ที่ใส่อยู่ชุดเดียว) ได้เวลาที่แท๊กซี่ประจำตัวของเรามารับตอนตี4 ครึ่ง (ได้ข่าวว่าเครื่องลงตี1 แก่ๆ มาถึงบ้านราวตี 2 กว่าๆ เก็บของอาบน้ำแต่งตัวหาอะไรกินนิดหน่อย ตี4 ครึ่งพอดี) แล้วก้อมาสนามบินอีกครั้งคราวตี5 นิดๆ



คราวนี้กลายร่างเป็นผู้โดยสารบ้าง




ยังต้องมาลุ้นระทึกหน้าเคาน์เตอร์อีก เพราะซื้อตั๋วราคาพนักงาน วินาทีนั้นก้อตาลอยๆ เพราะทั้งง่วงทั้งเหนื่อย .... โอยยย .... เหนื่อย ...เหนื่อยนรก เหนื่อยมาก เหนื่อยโคตรรรรรร~~~ วิญญาณใกล้หลุดจากร่างแล้ว ....


ประมาณ ใกล้ๆ 7โมงก้อได้รับการตอบรับว่าสามารถเดินทางไปกะเครื่องนั้นได้ จึงได้เดินสวยนวยนาดอยู่ในดิวตี้ฟรีอีกพักนึงก่อนจะขึ้นเครื่อง สลบกระรอกม่อย แล้วไปตื่นอีกทีก้อตอนถึงสนามบินออสเตรเลียนู่น ชีวิตอันปกติจึงหวนคืนอีกครั้ง(บนเตียงนอนที่บ้าน เรียกว่าหลับไม่ตื่นฟื้นไม่มีถึงสองวันเชียวกว่าวิญญาณจะเข้าร่างเดิม )




นิราศบางกอกก้อขอจบลงแต่เพียงเท่านี้ ...เจ้าของบล๊อคขออำลาไปเตรียมนิราศบางกอกต่อล่ะจ้ะ ^^



ขอให้โชคดีจงมีแก่ทุกท่านเสมอ


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


ปล. จนวันนี้ สายไฟสำหรับเล่นคียบอร์ด ก้อยังไม่มา (รายละเอียด กรุณาหาอ่านเอาในบล๊อคก่อนหน้านี้) แล้วจะเล่นยางงายยยยยยย ....ฮืออออออ!!! (อย่าบอกให้ไปซื้อแบตตารี่มาใส่ เพราะมันคือของฟรี เราต้องไม่ยอมเสียเงินแต่อย่างใด ฮ่าๆๆ )


Create Date : 20 เมษายน 2551
Last Update : 20 เมษายน 2551 17:04:07 น. 8 comments
Counter : 1017 Pageviews.

 
สวัสดีค่า


โดย: yosita_yoyo วันที่: 20 เมษายน 2551 เวลา:17:02:15 น.  

 


โดย: shame_of_sins วันที่: 20 เมษายน 2551 เวลา:17:23:03 น.  

 
5555555555+
เขียนได้สนุกเหมือนเคย
ทำให้ที่กำลังเหี่ยวๆ ฟีบๆ มันฟูๆ ขึ้นมาได้เลยตอนอ่าน

ขอบคุณมากๆๆ


โดย: vee vee' วันที่: 26 เมษายน 2551 เวลา:21:56:55 น.  

 
ฮึ่ย ... ใครบังอาจทำให้วี่ทั้งเหี่ยวทั้งฟีบจ๊ะ บ้าที่สุด อ้อนชอบวี่ที่ฟูๆที่สุดนะ


ว่าแต่จะได้มีโอกาสเจอกันอีกสักรอบมั้ยเนี่ยปีนี้ แว่นน้อยเค้าย้ายบ้านหนีอ้อนไปแล้วนะวี่ ... เราอุตส่าห์กลับมาเมืองไทย รู้งี้ ขนของหนีกลับบ้านมั่งดีกว่า


โดย: ดทรค ก้อแอบฟูเหมือนกันเมื่อเห็น vee vee' IP: 202.176.67.43 วันที่: 29 เมษายน 2551 เวลา:21:48:41 น.  

 
คิดว่าน้อยคงไม่ได้ย้ายหนีอ้อนคนเดียวหรอก ซิกๆๆ

*เริ่มซุบซิบ*
เนี่ยหายไปเลย Y_Y (ได้ข่าวว่าคุกที่บริษัทล็อกอินเตอร์เน็ต )
แล้วยังย้ายไปไหนไม่รู้ ถามได้แต่พิกัดคร่าวๆ ที่อยู่ใหม่ก็ไม่ยอมให้ไว้ งึมๆๆๆ


โดย: vee vee' วันที่: 1 พฤษภาคม 2551 เวลา:1:11:45 น.  

 
**ซุบๆซิบๆ**

ไม่รู้สินะ แต่รู้สึกว่าบ้านใหม่น้อยเค้าน่าจะเป็นละแวกที่ยังมีการปล่อยโคกระบือออกมากินหญ้าในช่วงเช้าๆกะเย็นๆอ่ะจ้ะ วี่


ก้อ น้อยเล่นผันตัวไปสู่วงการใหม่นี่นา เสร็จเลย




โดย: ดทรค ขี้เกียจอาบน้ำ IP: 202.91.18.192 วันที่: 3 พฤษภาคม 2551 เวลา:1:17:49 น.  

 
โอ้โห สนุกกันใหญ่เลย

ดีนะที่เรามีสายดี (น้องโบ่โบ๊) สืบข่าวมาให้ว่ามีคนแอบนินทากัน

คิดถึงทุกคนใจจะขาด ง่า อ้อนก็พูดเกินไป แหมแถวหอพักใหม่ที่เดี้ยนอยู่ จะมีก็แต่เดี้ยนนี่แหล่ะค่ะ ที่จะผันตัวเป็นวัวแก่กินหญ้าอ่อน หนุ่มๆ แต่ละคนที่นี่ ดันอายุน้อยกว่าเกือบทั้งน้าน ไม่แก่ไปเลย ก็เด็กกว่าไปเลย เซ็งง่า เป้าหมายการมาหาแฟนที่นี่ดูจะพับไปได้อีกเช่นเคย แล้วคุณล่ะ พกผู้โดยสารหนุ่มๆ มาฝากบ้างดิ๊ (แต่ไอ้แบบหาขนมหวานกินนี่ไม่เอา)

ว่าแต่ vee vee' ก็ด้วย มาว่าแต่น้อยหายไป vee' ก็แอบแว๊บเหมือนกันนิ น้อยยังรอ Cold Special อยู่นะ อย่าๆ อย่าทำเนียนๆ แล้วเดินหนีไป เรายังจำได้


โดย: แว่นน้อย IP: 203.148.162.198 วันที่: 9 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:26:43 น.  

 
^
^
^

บอกชื่อแซ่ของสายเสร็จสรรพแบบนั้น มัน จะดีเร้อออออ... แต่ก้อทำให้น้อยรุดหน้ามาปรากฏตัวให้ได้เห็นกันน่ะนะ



(โบ่โบ๊จ๊ะ แค้นนี้คงต้องชำแหละซะแล้วล่ะจ้ะ ให้ว่างเจอกันก่อนเถอะ )



อืมมม ... ก้อ นะ วี่


ถ้าลงว่าผู้ต้องหา เอ๊ะ หรือ เค้าเรียกว่า โจทย์หว่า ... เอ้อไหนๆเค้าก้อโผล่มาจ๊ะกะหลักฐานที่เราทำการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรแบบนี้ เห็นที ....เราสองคงต้อง




ตัว ใคร ตัว มัน แล้วล่ะจ้ะ รีบๆสลายตัวก่อนที่เค้าจะไม่กินหญ้าอ่อน แต่หันมากินกระจงรุ่นๆอย่างเรากันจะดีกว่า



กร๊ากกกกกกก


โดย: ดทรค ยังสงสัยว่าการที่น้อยเข้าไปอยู่ในบ้าน AF ครั้งเนี้ย จะไม่เป็นที่หมายปองของหนุ่มน้อยกะตาเฒ่าโสดๆบ้างเลยเร๊อะ IP: 202.149.25.241 วันที่: 10 พฤษภาคม 2551 เวลา:4:11:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เด็กที่รอคอย
Location :
กรุงเทพ Australia

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




จะเป็นกรวดหรือเพชร ถ้าไปนึกรักมันเข้าแล้วหายไปเมื่อไรก็เสียดาย ยิ่งรักมากก็ยิ่งเสียดายมาก บางคนถึงกับเสียคนไปก็มี


"ถ้าเราไม่อยากทุกข์มากไม่อยากเสียคน ก็อย่าไปรักอะไรให้มากนัก ถึงจะรักก็ต้องรู้กำพืดว่ามันเป็นเพชร หรือเป็นกรวด"


ถ้ารู้ราคาจริงๆของมันเสียแล้วถึงมันจะหายไป เราก็จะไม่เสียดายมากนัก

(จาก "สี่แผ่นดิน" โดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช)

สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539
ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่และอ้างอิง
ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของข้อความ
ในสื่อคอมพิวเตอร์แห่งนี้เพื่อการค้า
โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร
ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
Friends' blogs
[Add เด็กที่รอคอย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.