|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
เอ้า...มาเล่าต่อ(ซะที)
กรุณา กดเล่นเพลง เพื่ออรรถรสในการรับฟังเรื่องเล่า
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
หายไป (นาน) ... อีกแล้ว
เด็กที่รอคอยกลายเป็นคนแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วก้อไม่รู้ แต่จะมาโทษว่ายัยนี่ขี้เกียจก้อไม่ได้นะ เพราะว่าสถานการณ์มันทำให้ตกกระไดพลอยโจนไปเอง (...สรุปก้อคือ ขี้เกียจ ... ) เวลามีน้อย ใกล้จะได้เวลานอนอีกด้วย (ขณะที่พิมพ์เป็นเวลาตีสามกว่าๆ ... วันๆมันคิดจะนอนกลางวันแล้วตื่นกลางคืนใช่มั้ย )
รีบๆเล่าให้จบๆไปเป็นเรื่องๆดีกว่า เอ้า ...
มาเลย!!
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
อันว่าการไปค้างอ้างว้างตามโรงแรมนั้น ไม่ว่าจะกี่ดาวกี่เดือน ก้อมีสิทธิ์โดนของดีเล่นงานเข้าได้ทั้งนั้น เพราะแต่ละที่ก้อย่อมมีประวัติมาไม่ต่ำกว่าสิบปี ในแต่ละวันของปี เกิดมีใครตัดสินใจอยากจะจบชีวิตลงในห้องหนึ่งของโรงแรมนั้นโดยไม่คิดปรึกษาใคร คนที่มาพักแรมในห้องนั้นเป็นคนต่อไป แถมยังเป็นคนที่มีจิตสัมผัสแรงกว่าคนส่วนมาก
ก้อย่อมเป็นคนที่ซวยไป เป็นธรรมดา ...
เด็กที่รอคอยต้องไปค้างโรงแรมที่เป็นเจ้าประจำ เวลาไปทำงาน ณ ขณะนี้ก้อประมาณ ... 3 โรงแรมด้วยกัน แต่ละที่นั้นก้อกลางเก่ากลางใหม่
และไม่อยากจะบอกเลยว่า ที่ไหนที่นั่น ...
โดนกันมาแล้วทั้งนั้น อย่างน้อยที่เจอกับตัวเองนี่ก้อ 2โรงแรมเหนาะๆเลย ...
หนที่ไปญี่ปุ่น ด้วยความเป็นคนโชคดีหรือยังไงก้อไม่รู้ ทั้งๆที่ห้องนั้นลูกเรือทุกคนปฏิเสธที่จะอยู่ เขาจึงไม่ได้เปิดให้ลูกเรือ(เรื่องมากทั้งหลาย)เข้าพัก
เจือกมีอันต้องมาโดนกะเด็กที่รอคอย ซึ่งตัวเองก้อไม่ได้มีความเชื่อเรื่องโชคลางอะไรกะชาวบ้านเค้า เลยไม่ได้สังเกต พอตอนหลังเขามารู้กันก้อเจี๊ยวจ๊าวเป็นนกกระจอกแตกรังเลยว่า "ห้องนั้นเค้าไม่นอนกันหรอก!" ... แต่ให้ตายเหอะ ...
วันนั้นชาวบ้านที่เชื่อนู่นเชื่อนี่ ก้ออยู่กันพร้อมหน้า ไม่ยักกะทักท้วงเลยซักคน
คือว่า เด็กที่รอคอยได้ห้องหมายเลข 444 ไปครองน่ะจ้ะ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
พวกเรามาถึงโรงแรมและเช็คอินเข้าไปพักในห้องก้อ บ่ายแก่มากๆจวนจะเย็นแล้ว หลังจากนั้นแต่ละคนก้อมีจุดมุ่งหมายในการออกไปซื้อของอะไรกันให้วุ่นวาย กลับมาเจ๊อะกันอีกทีก้อมืดค่ำ โดยมากก้อจะมาเคาะห้องถามไถ่กันว่ากินข้าวมาแล้วหรือยัง ถ้าก๊กไหนสนิทกันมากหน่อยก้อจะจับกลุ่มกินข้าว(และนินทาชาวบ้าน)กัน
เด็กที่รอคอยนั้นเมื่อผ่านช่วงเวลานั้นไปแล้ว กลางดึกก้อมีรุ่นพี่มาถามไถ่ว่า จะมากินเหล้าด้วยกันมั้ย ... และแน่นอนว่า เด็กที่รอคอยตอบตกลง (เด็กๆอย่าเอาอย่างนะจ๊ะ อย่างต่ำ12 ชั่วโมงก่อนบินไม่ควรให้แอลกอฮอลล์อยู่ในเส้นเลือด ... ยกเว้น จะทำหน้าเนียนมากๆว่าไม่แฮ๊งค์เวลาทำงาน ) มีทั้งคนที่พอจะสนิทและไม่ค่อยสนิท สรุปว่าเป็นวงเหล้าที่มาคิดเอาในตอนหลังว่า ตรูไม่น่าไปเล๊ยยย ...
เพราะนอกจากจะกร่อยพอสมควรแล้ว
ยังต้องมาเจอของดีวนเวียนอยู่แถวห้องตัวเองอีกด้วย
คือว่าเมื่อวงเหล้าอันแสนกร่อยนี้ดำเนินจากเวลา ห้าทุ่ม มาจนถึงตี2 เด็กที่รอคอยก้อใคร่อยากจะไปเอาขนมเพิ่มเติมจากที่ห้องตัวเอง ซึ่งอยู่ห่างไกลจากห้องที่กำลังร่ำสุราไปอีกฟากนึง เดินไป-กลับ ก้อเกือบกิโลนึงได้ ความหิวไม่เคยปราณีใคร เด็กที่รอคอยก้อเดินไปราวกับว่ามันใกล้ๆนี่เอง ... โดยที่สังเกตเหมือนกันว่า
ไฟตามทางเดินระหว่างกลับไปห้องตัวเอง มันช่างมืดจังเลย สลัวซะจนมืดอิ๊บอ๋าย ... วังเวง ค่อดๆ บรรยากาศมันสุดยอดจริงๆพับเผื่อยเหอะจอร์จ! แต่ก้อไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พอถึงหน้าห้องตัวเองนี่สิ ...
เออ ... มีคนยืนอยู่นะ หันข้างให้เรา(คือหันหน้าเข้ากับกำแพงก่อนถึงประตูห้อง) แล้วเด็กที่รอคอยเป็นคนสายตาสั้น ถึงสั้นที่สุดอยู่แล้วด้วย ก้อเลยเดินเข้าไปช้าๆ หยีตามองไปด้วยว่า ใครวะ .... มายืนดึกๆ แต่ดูรู้ว่าเป็นผู้หญิง ขาวมากๆเลย ดูตัวบางๆ ... แต่เอ
บางไปรึเปล่า ...
เหมือนโปร่งแสงเลย ใส่ชุดอะไรล่ะนี่ ขาวๆ ยูกาตะเรอะ หรือว่า ...
เออ .... มองไม่ออกแฮะ เพราะเห็นแต่ช่วงบนลางๆ ส่วนข้างล่าง มองไม่เห็น ...
เพราะว่า ...
... ช่วงล่าง มัน ไม่มีอะไรเลย ...
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
วินาทีนั้น เป็นคุณ คุณจะทำอย่างไร ?
ก. ร้องกรี๊ด วิ่งหนี ข. รีบเคาะประตูห้องข้างๆเรา ให้ออกมาช่วย ค. แกล้งสลบ และทำเป็นตาย ง. ทำหมดทุกข้อ
ส่วนเด็กที่รอคอย เลือกข้อ จ. "เดินอ้อมสสารชนิดนั้นไป เพื่อเปิดประตูเข้าห้องตัวเอง"
เล่าให้ใครฟัง เค้าก้อโวยวายกันว่า ทำไปได้อย่างไร เป็นเค้าล่ะก้อ ...(ย้อนกลับมาที่เดิมว่า ข้อ ง. คือข้อที่ดีที่สุด...)
เด็กที่รอคอยก้อบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมจึงทำเช่นนั้น แต่ในความรู้สึกในเวลานั้นก้อคือว่า เค้าไม่ใช่สิ่งน่ากลัว แม้ว่าเราจะมองไม่เห็นสีหน้า แต่รู้สึกได้ว่าเค้าไม่ได้อันตราย และดูจะเศร้าๆด้วยซ้ำไป มีคนถามเหมือนกันว่า แล้วพูดอะไรกับเค้าหรือเปล่า ซึ่งเด็กที่รอคอยระลึกชาติได้ว่า พูด
แต่ที่พูด คือคล้ายกับจะพูดกับตัวเองมากกว่า ประมาณว่า "เอ่อ ...โทษนะ ..."(ขอทางหน่อย...)
ได้ขนม ก้อออกมา
เค้าก้อยังอยู่ที่เดิม
เราก้อเดินจากไป ... แต่ตอนนั้นก้อตื่นเต้นเหมือนกัน ต้องไปนั่งอยู่ในห้องพวกรุ่นพี่ซักพัก ซึ่งตอนนั้นเค้าก้อกำลังคุยประเด็นร้อนกันอยู่จึงไม่มีใครมาสนใจเรา ตราบจนประเด็นร้อนได้ดับลงไปอีกหลายชั่วโมง เรื่องของเราจึงกลายเป็นประเด็นเดือดแทนในตอนราวๆใกล้รุ่ง
4 4 4 ... ห้องที่ไม่มีใครต้องการ
แล้วทำไง
ยังไงก้อคือ ... ห้องที่เราทิ้งข้าวของไว้เต็มไปหมดนับตั้งแต่ตอนเย็น จะให้มานอนกะคนอื่น ก้อยอมรับว่าไม่มีใครที่สนิทสนมมากจนอยากจะขอรบกวนขนาดนั้น
ก้อเลย ._. ....
กลับไปห้องตัวเองตามเดิม ตอนประมาณ ตี 4 ซึ่งการกลับไปในครั้งนี้สร้างความระทึกใจให้ทุกขณะจิตว่า
เค้าจะยังอยู่ที่เดิมอีกมั้ย ... หรือว่า
จะเดินเจอเค้าก่อนหน้าถึงห้องเรามั้ย ...
แต่ก้อไม่เจอค่ะ หายไปแล้ว ไม่อยู่หน้าห้องแล้ว เด็กที่รอคอยกระพริบตาปริ๊บๆ ... เนื่องจากว่า ตอนนั้นก้อเดินกลับมาคนเดียว ต้องนอนอยู่ที่ห้องฟากนั้นคนเดียว คนอื่นๆอยู่อีกฟาก หรือถ้ามีใครฟากนี้ เค้าก้อหลับกันไปหมดแล้ว(ก้อแหงเซ่ะ มันตีสี่ปาเข้าไปแล้วนี่! )
เมื่อไม่เจออะไร ก้อดีแล้ว เราก้อเปิดประตูเข้าห้อง ตระเตรียมจะอาบน้ำนอนละ ไม่ไหว ทั้งง่วงทั้งเหนื่อยทั้งเมา
เปิดประตู แอ๊ดดดดดดดดดดดดด ........
(....โกหกนะ จริงๆแล้วไม่มีเสียงประตูเพราะโรงแรมไม่เก่าขนาดนั้น )
โอ ...
ห้องดูเหมือนเดิมทุกอย่าง ยกเว้น
มีแขกคนที่เราไม่รู้จักหน้า ยืนหันหลังให้เรา โดยที่กำลังหันหน้าเข้าหาหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดเอาไว้ให้ลมพัด ม่านบางสีขาวปลิวไสวผ่านสิ่งที่เราควรเรียกว่า สสาร ... แต่ สสารก้อยังอยู่
สรุปว่า ...
ย้ายเข้ามาอยู่ในห้องเราแทนแล้ว (เอิ๊กส์...! )
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
เด็กที่รอคอยไม่รู้จะทำไงดี ตอนนั้นไม่อยากคิดอะไรแล้ว ก้อเลยตัดสินใจ
อาบน้ำให้มันรู้แล้วรู้รอดไปซะเลย ให้เวลาตัวเองและ "เขา" หน่อย บางทีอะไรๆมันอาจจะคลี่คลายด้วยตัวของมันเองก้อได้ (ใกล้จะเช้าละนี่ อีกสัก 2ชั่วโมงเอง) ก้อเลยเข้าไปอาบน้ำซะตามที่ตั้งใจไว้
อาบๆไปได้ไม่กี่นาที
โทรศัพท์ก้อดังขึ้น!
......
คิด อะไร อยู่ นี่ไม่ใช่หนังสยองขวัญของ สตีเฟ่น คิง หรอกนะ
รุ่นพี่คนเดิมน่ะ โทรมา เพื่อจะบอกว่า "เอ้อ... น้อง น้องกลับห้องโดยเอาเหล้า(ของเราเองนะ...)ไปด้วยนี่ พี่ยังไม่มาววววว (พูดไปก้อเอื้อนเสียงราวกับจะพูดไม่รู้เรื่องไปด้วย) นะ นะ เอาเหล้ากลับมาให้พี่กินอีกหน่อยเหอะ เอออออออออ.........."
เราก้อคิดในใจว่า เอาวะ ... ทางนี้เราเองก้อยังไม่แน่ใจเลยว่า จะเอายังไงกะเรา (ทางนู้นบอกแค่ว่า จะเอาเหล้า ทางนี้ไม่พูดอะไรเลยซักคำ) เด็กที่รอคอยจึงตัดสินใจ กลับไปที่ห้องนั้นอีกหลังอาบน้ำเสร็จ โดยแอบชำเลืองมองดูแล้วว่า "เขา" ก้อยังอยู่ที่เดิม แต่เด็กที่รอคอยก้อไม่คิดจะทักทายใดๆทั้งสิ้น แต่งตัว หยิบของ แล้วก้อกลับไปที่ห้องเดิมทางฟากนู้น
แล้วเรื่องราวนี้ก้อได้กลายเป็นประเด็นเดือดในช่วงเวลาใกล้รุ่ง ตามที่ได้กล่าวไว้เมื่อขั้นต้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนเจ็ดโมงเช้า เด็กที่รอคอยก้อแยกจากวงเหล้าที่ห้องฟากนั้นมาแล้วกลับห้องตัวเองเพื่อจะนอนหลับพักผ่อน ซึ่งก้อเป็นดังที่หวังเอาไว้
"เขา" ไปแล้ว
แล้วเด็กที่รอคอยก้อนอนหลับไปยันบ่ายสองโมงครึ่ง เพื่ออาบน้ำแต่งตัวทำงานต่อ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ขณะนี้ เป็นเวลาตี 4 แล้ว
เด็กที่รอคอยมีนัดกับเพื่อนสาวในวันพรุ่งนี้เพื่อจะให้มาช่วยทบทวนบทเรียนดนตรี ซึ่งกำลังคิดว่า ควรจะรีบๆนอนได้แล้ว หาไม่ จะมึนมากในขณะซ้อม และโดนถากถางจนอับอายขายหน้าเอาได้
ระหว่างนี้ ขอฝากบล๊อคไว้ให้มิตรรักแฟนบล๊อคได้อ่าน และประนามในความ ... อะไรซักอย่าง ที่คืนนั้นเลือกข้อ จ. ดังเช่นหลายๆคนได้ประนามกันไว้ทุกครั้งที่เล่าให้ฟัง
แต่ก้ออยากจะบอกว่า มันอาจจะไม่ใช่ความกล้าหาญอะไรตามที่บางคนเดาเอาไว้หรอกนะ ... คือ เด็กที่รอคอยเองก้อเคยดูหนังผีผ่านหูผ่านตาเหมือนกัน และก้อคุ้นกับฉากที่ อยู่ดีๆ จะมีโผล่มา "แว่!" เข้าให้กลางจอ ...
ก้อเลย ... ไม่กล้าวิ่งไง
กลัว "แว่!" กลางทางเดินที่วิ่งอยู่ง่ะ ... (ใครจะรู้มั่งเนี่ย ว่าที่จริงเรื่องมันเป็นแบบนี้ .... )
พบกันใหม่ เร็วๆนี้จ้ะ
Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2551 |
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2551 18:58:42 น. |
|
6 comments
|
Counter : 871 Pageviews. |
|
|
|
โดย: เซียวเปียกลี้ผู้ขี้เกียจกว่า IP: 202.60.203.182 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:11:01 น. |
|
|
|
โดย: แว่นน้อย IP: 203.155.135.100 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:32:40 น. |
|
|
|
โดย: vee vee' วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:54:19 น. |
|
|
|
โดย: P IP: 124.120.131.152 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:2:50:42 น. |
|
|
|
โดย: Froggie วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:36:42 น. |
|
|
|
โดย: เด็กที่รอคอย วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:33:15 น. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพ Australia
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]
|
จะเป็นกรวดหรือเพชร ถ้าไปนึกรักมันเข้าแล้วหายไปเมื่อไรก็เสียดาย ยิ่งรักมากก็ยิ่งเสียดายมาก บางคนถึงกับเสียคนไปก็มี
"ถ้าเราไม่อยากทุกข์มากไม่อยากเสียคน ก็อย่าไปรักอะไรให้มากนัก ถึงจะรักก็ต้องรู้กำพืดว่ามันเป็นเพชร หรือเป็นกรวด"
ถ้ารู้ราคาจริงๆของมันเสียแล้วถึงมันจะหายไป เราก็จะไม่เสียดายมากนัก
(จาก "สี่แผ่นดิน" โดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช)
สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่และอ้างอิง ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของข้อความ ในสื่อคอมพิวเตอร์แห่งนี้เพื่อการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
|
|
|
|
|
|
|
|
อันว่าข้าผู้เจ้าเองก็ don blog (ภาษาไทนสไตล์ฝรั่งเศส)
มาน๊านนาน เพิ่งจะได้มาเข้าก็จ๊ะเอ๋หน้านี้เข้าพอดี... เลยขอเมนต์ซะหน่อยว่า แบบนี้ไม่เรียกขี้เกียจหรอกครับ เพราะของผมน่าจะ ด็องค์ ไพอิคแนน (กว่า)ครับ...