|
หนึ่งอาทิตย์ในบางกอก....
กลับมาได้ไม่ทันไร บ้านเมืองไทยเรามีแต่อาเพศ เงินบาทแข็งตัวปั๋ง อากาศร้อนจัด พายุเข้าเป็นบางพื้นที่ ฝนตกกระหน่ำโดยไม่ตั้งตัว ม๊อบหลายม๊อบจากสารพัดทิศ สนธิแปลงกาย ...แต่ท๊ากกกกสิน(ออกไป๊!)ยังเหมือนเดิม ...
เด็กที่รอคอยมางวดนี้ก้อยังไม่ได้เข้าบ้านหรอก มาอยู่โรงแรมแห่งนึงย่านวิภาวดี อยู่มานานหลายคืนแล้วเพิ่งจะมาเจอดีเอามะคืนนี้เอง
ประมาณว่า ... มีเรื่องลึกลับเล็กน้อยเกิดขึ้นตอนตีห้าได้ เรื่องที่ว่านี้ก้อไม่ใช่ว่าอยากจะเล่าอะไรเลย เพราะว่าตอนอัพบล๊อคก้อประมาณ ตีสองกว่าๆ กำลัง prime time พอดี ... เกิดตอนนี้มีฝนตกหนักอีกรอบ แล้วไฟดับอีกรอบ เด็กที่รอคอยคงได้มีอันย้ายลงไปนอนที่ล๊อบบี้เป็นแน่
แต่ตอนที่ไฟดับในคืนนั้น คือคืนที่กำลังดู The Grudge หรือ จู๋อ่อน.... (เอ๊ะ อะไรนะ จูออนหรอกเรอะ อ๋อๆออกเสียงผิดเล็กน้อยค่ะขออภัย...) ดูๆอยู่ถึงตอนกำลังน่ากลัวๆ อยู่ดีๆไฟดับพรึ่บ! อื้อหือคุณเอ๊ยยยยย!! ใจมันกระตุกวู๊บบบบบบ ลงไปอยู่ไหนแล้วไม่รู้ ดีว่าเพื่อนมานอนค้างด้วย ต่างคนต่างวูบ แล้วไฟก้อติดภายในเวลาแว๊บนึง เป็นอันว่าวันนั้นดูหนังกันด้วยความรู้สึกหวาดผวาเหลือเกิน ... หนังอะไรก้อไม่รู้...
ดูไป ดูไป ทำให้รู้เลยว่า ผีจับหัวนั้น มีจริงนะ (ไม่เชื่อลองไปดูฉากที่นางเอกสระผมดิ!)
เอาไว้จะมาเล่าให้ฟังตอนเช้าแล้วก้อแล้วกันนะ ... แปะโป้งไว้ก่อน โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
งานหนังสือเริ่มมาได้สองวันแล้วแต่ก้อยังไม่สบโอกาสจะไปซะที แต่พรุ่งนี้ต้องได้ลุยเล็กน้อยก่อนจะไปคาราโอเกะแน่นอน
ช่วงแรกของการกลับมาเมืองไทยทำอะไร?
เอ่อ ... รู้สึกว่า ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 24 มีนา เป็นต้นมา จนถึงวันจันทร์ ก้อเมามันทุกวันที่ผับเนื่องจากเพื่อนเลี้ยงวันเกิด มันเลี้ยงได้เลี้ยงดี เลี้ยงจนต้องเอ่ยปากถามว่า "มึงจะเลี้ยงทั้งเดือนเป็นเบิ๊ดเดย์มาราธอนเรอะ "
แต่ถึงแม้ว่างานวันเกิดจะเลิก เด็กที่รอคอยก้อยังคงติดลมเมาต่อได้ด้วยสุรา โซดา น้ำแข็ง บุหรี่ .... และบุรุษ หากก้อต้องยอมรับว่า พอหลังจากวันจันทร์นั่นไปแล้วเด็กที่รอคอยก้อเริ่มซุ่มเก็บตัวแล้วล่ะ เพราะเริ่มจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน แก่ลงไปมากมาย เด๋วนี้ ดื่มไม่จัด สูบไม่มาก และลากผู้ชายติดมือไปด้วยน้อยลง
(ลากไปไหน? ปัญหาคือ มันไม่ยอมให้ลากมากกว่าจะถามว่า ลากไปไหน?)
พวกเราแซวกันเองในกลุ่มว่า บางครั้งความสวย แม้จะร่วงโรยไปตามกาลเวลา แต่ก้ออย่าไปรู้สึกรู้สาอะไรกับมันมากมายจนเกินไป
เพราะแม้ความสวยจะล่วงลับไป
แต่ ความ แร่ด จะยังอยู่ มิรู้ลืม!
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
เสื้อผ้าเริ่มใส่ได้บ้าง แต่พวกเสื้อติ้วๆทั้งหลายก้อยังไม่สามารถซื้อใส่ได้อยู่ดี แม้แม่ค้าจะเชียร์ว่าใส่ได้ ใส่ได้ แต่เด็กที่รอคอยอยากจะบอกว่า ถ้าเวลาไปซื้อเสื้อโปรดอย่าเชื่อในน้ำคำของคนขายให้มากนักโดยเฉพาะแถวโบนันซ่า เพราะแต่ละคนนั้นเชื่อไม่ค่อยได้ หากซื้อมาใส่แล้วพบว่าตัวเองได้กลายเป็นแหนมมัดรัดจนปลิ้นแข่งกับแหนมป้าย่น จนตัวเองรู้สึกทนไม่ได้ ต้องหิ้วกลับไปคืนเค้าแล้วเค้าไม่รับคืนแล้วล่ะก้อ
จะเสียใจไปอีกนานเท่านาน โปรดใช้วิจารณญาณในการเลือกซื้อของจ้ะ
(ที่พูดเนี่ยคือเพราะโดนมาแล้วกะตัว พูดมาได้ว่าใส่ได้... แต่นี่ก้อนานมาแล้ว มาตอนนี้เรอะ อย่าหวังได้กินเด็กที่รอคอยเลย เราหันกลับไปบอกอย่างเดียวว่า "อีกสองปีเด๋วมาซื้อใหม่ค่ะ วันนี้ใส่ไม่ได้อึดอัดม๊ากกกเลย..."
(แต่เดาได้ว่า คนขายด่าอยู่ในใจ... )
เด็กที่รอคอยยังคงเดินสยามอยู่นะคะ ไม่คิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับย่านนั้นแต่อย่างใด ที่จะแปลกก้อคงจะเป็นแถบที่เป็นเทสโก้โลตัสน่ะ ... เดินยังไงก้อไม่ชิน ลูกเล็กเด็กแดงซิ่มแปะอาม่าเยอะแยะยั้วเยี๊ยะไปหมดเลย คือ ... เค้าเดินกันช้า และไม่แคร์ใครไง อยู่สยามมันยังรุ่นๆเดียวกัน ไม่พอใจก้อหันไปค้อนได้ ยังมีคนพูดจาขอโทษและขอบคุณด้วยนะ
แต่ถ้า เทสโก้โลตัส จัสโก้ โรบินสัน คาร์ฟู ...เอ่อ ทุกสาขาละกัน ... มันจะมีแต่คนที่เป็นครอบครัวๆมาเดินอ่ะ แล้วโอ้โห... เดินไม่แค๊ร์....ไม่แคร์ใครเลยจริงๆฟ่ะ เดินแบบทางเดินนี้ข้าครอง ลูกจะวิ่ง หลานจะคลาน ม่าจะหลง ป๊าจะตะโกนคุยมือถือ แปะจะเอาไม้เท้าเขี่ยไปโดนขาใครเข้า ถามว่า ...เค้าแคร์มั้ย?
ตอบให้เลย "เค้าไม่แคร์" เด็กที่รอคอยก้อเลยไม่ค่อยชินไง กลายเป็นพวกขี้รำคาญ
อีกอย่างที่สังเกต คือ เวลาเราเดิน เราก้อจะมองไปข้างหน้ามากกว่าจะก้มหน้าเดิน ไม่ทราบคนเมืองไทยเป็นไง ชอบเดินก้มหน้า สาวๆใส่เสื้อติ้วก้อเดินกันตัวงอ หนุ่มๆก้อเดินเหล่สาว ทั้งสาวและเกย์ใส่รองเท้าส้นสูงก้อจะเดินแด๊ะ แด๊ะ แด๊ะ คุยโทรศัพท์มือถือไปเดินไป คู่รักก้อเดินจูงมือกันไปชมนกชมไม้บนทางเท้า...หรือสะพานลอย
... คือจะบอกว่า ทั้งหมดใน catagory นั้นน่ะ คือคนที่เดินมาชนกะเด็กรอคอยทั้งสิ้น ...
แต่คงเพราะอากาศมันร้อนน่ะ อภัยก้อได้ว้า ...
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ยังมีอีกมากมายหลายอย่างที่อยากทำ และอยากกิน เด็กที่รอคอยกำลังพยายามเก็บตกอยู่ และคงจะไม่ใช้เงินมากมายกับการซื้อของงวดนี้ แต่คงจะทุ่มกะหนังสือมากกว่า ... เด๋วเราก้อกลับบ้านละเนอะ ไว้มีโอกาสค่อยมาใหม่ ได้พักผ่อนบ้างก้อรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยแล้วล่ะ
เด๋วเราก้อต้องกลับไปสู่โลกแห่งความจริงเช่นกัน ไม่อยากโตเป็นผู้ใหญ่เลยน้า ... แต่ก้อนั่นแหละ ขอแค่มีความสุขเล็กๆน้อยๆกับชีวิตมั่ง ไม่ว่าจะจากเพื่อนฝูง ครอบครัว หรือคนรัก
แค่นี้ เด็กที่รอคอยก้อพอใจแล้วล่ะ
Create Date : 01 เมษายน 2549 |
Last Update : 8 เมษายน 2549 0:05:14 น. |
|
9 comments
|
Counter : 864 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ตงเหลงฉ่า วันที่: 1 เมษายน 2549 เวลา:10:50:17 น. |
|
|
|
โดย: แว่นน้อย IP: 202.28.66.23 วันที่: 2 เมษายน 2549 เวลา:19:52:01 น. |
|
|
|
โดย: แว่นน้อย IP: 202.28.66.23 วันที่: 6 เมษายน 2549 เวลา:19:43:54 น. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพ Australia
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]
|
จะเป็นกรวดหรือเพชร ถ้าไปนึกรักมันเข้าแล้วหายไปเมื่อไรก็เสียดาย ยิ่งรักมากก็ยิ่งเสียดายมาก บางคนถึงกับเสียคนไปก็มี
"ถ้าเราไม่อยากทุกข์มากไม่อยากเสียคน ก็อย่าไปรักอะไรให้มากนัก ถึงจะรักก็ต้องรู้กำพืดว่ามันเป็นเพชร หรือเป็นกรวด"
ถ้ารู้ราคาจริงๆของมันเสียแล้วถึงมันจะหายไป เราก็จะไม่เสียดายมากนัก
(จาก "สี่แผ่นดิน" โดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช)
สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่และอ้างอิง ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของข้อความ ในสื่อคอมพิวเตอร์แห่งนี้เพื่อการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
|
|
|
|
|
|
|
|