1 2 3
4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24
25 26 27 28 29 30 31
นกปรอดหัวโขน (Red-whiskered Bulbul)
https://pet.kapook.com/photo/pet_6237.html นกปรอดหัวโขน Red-whiskered Bulbulชื่อวิทยาศาสตร์ Pycnonotus jocosusวงศ์นกปรอด Pycnonotidaeนกปรอดหัวโขน มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า นกปรอดหัวโขนเคราแดง "ปรอด" หมายถึงความปราดเปรียวว่องไว มีจุกบนหัวคล้ายสวมหัวโขนเอาไว้ และมีสัญลักษณ์เคราแดงอยู่ใต้ดวงตา ส่วนใหญ่พบในประเทศแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ พบอาศัยอยู่ตั้งแต่ละแวกบ้านไปจนถึงยอดดอยสูง และตามป่าที่ราบต่ำ นกปรอดหัวโขน จัดอยู่ในสกุลของนกปรอดสวน เพราะนกในสกุลนี้หลายชนิด มักพบอาศัยอยู่ใกล้ชุมชน หรือตามพื้นที่เกษตรกรรม มีชื่อเรียกกันดังนี้VIDEO 1. ชื่อเรียกเป็นทางการว่า "นกปรอดหัวโขนเคราแดง" 2. ชื่อเรียกทางภาคเหนือว่า "นกปริ๊จจะหลิวหรือพิชหลิว" 3. ชื่อเรียกทางภาคกลางว่า "นกปรอดหัวโขน" หรือ "นกปรอดหัวจุก" 4. ชื่อเรียกทางภาคใต้ว่า "นกกรงหัวจุก" 5. ชื่อเรียกเป็นภาษามาลายูท้องถิ่นของชาวมุสลิมว่า "บุรงวอเบาะยาโม" 6. ชื่อเรียกที่เป็นทีรู้จักกันทุกภาคว่า "นกกรงหัวจุก" พบได้บ่อยทางภาคเหนือ และภาคอีสานตอนบน และเป็นนกที่ไม่พบในธรรมชาติอีกแล้ว ในภาคใต้ เพราะคนทางภาคใต้นิยมจับมาเลี้ยงในกรง เนื่องจากสามารถเลี้ยงให้เชื่อง มีเสียงไพเราะและนิยมนำมาประกวดแข่งเสียงร้องซึ่งได้รับความนิยมไม่แพ้การเลี้ยงนกเขา อีกทั้งนกตัวที่ชนะการประกวดจะมีสนนราคาที่สูงมาก ส่วนทางภาคเหนือและภาคอีสานตอนบน นั้นเรียกว่าเป็นนกในเมืองก็ว่าได้ ส่วนที่อื่น ๆ มักจะพบอาศัยอยู่ตามทุ่งโล่งหรือชายป่าโปร่งรูปร่างลักษณะ สำหรับนกปรอดหัวโขน มีขนาดยาวประมาณ 20 ซม. ปากเรียวแหลม ปลายปากโค้งเล็กน้อยปากสีดำ แก้มสีขาว มีขนสั้นแข็ง บริเวณโคนปาก คอสั้น ลำตัวเพรียว ปีกสั้น หางยาว มีหงอนยาวสีดำตั้งชัน ขึ้นมาบริเวณหน้าผาก มองดูคล้ายคนที่สวมหัวโขน หรือชฎาที่มียอดแหลม จึงเป็นที่มาของชื่อ มีเส้นสีดำลากจากโคนปากลงมาต่อกับแถบสีดำข้างคอ ใต้ตามีแต้มสีแดง ลำตัวด้านบน สีน้ำตาล ด้านล่างสีขาว โคนหางด้านล่างสีแดง ขอบหางขาว ขาสีดำ ตัวผู้และตัวเมียสีสัน คล้ายกัน นกวัยอ่อน หน้าผากและหงอนสีน้ำตาลอมดำ ยังไม่มีแต้มสีแดงใต้ตา โคนหางสีชมพูจาง ๆนิสัยประจำพันธุ์ นกปรอดหัวโขนที่โชคดีสามารถดำรงชีวิตได้อย่างเสรี (ไม่ถูกจับไปขังกรง) ตามธรรมชาติ ชอบกระโดดและบินหากินอยู่บนต้นไม้ หรือบินไปตามทุ่งหญ้า เที่ยวจิกกิน ผลไม้ไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น กล้วย มะละกอ หรือมะม่วงตามสวน รวมทั้งตะขบและตำลึง ที่ขึ้นอยู่ตามที่รกร้าง ซึ่งนับว่านกปรอดหัวโขนช่วยกระจายพันธุ์ให้กับไม้ประเภทนี้ นอกจากนั้นมันยังชอบกินแมลงด้วย โดยจิกกินตามกิ่งไม้และใบไม้ รวมทั้งใช้วิธีบินออกไป โฉบจับแมลงกลางอากาศด้วย ดังนั้นนกชนิดนี้จึงช่วยกำจัดแมลงศัตรูพืชได้อีกทางหนึ่งhttps://mblog.manager.co.th/uploads/289/images ปกติเรามักพบนกปรอดหัวโขนหากินเป็นคู่หรือกลุ่มเล็ก ๆ ไม่ค่อยตื่นกลัวผู้คน ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ถูกดักจับได้ง่ายและคราวละหลาย ๆ ตัว ทำให้นกลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้พวกค้านกยังชอบจับลูกนกที่ยังช่วยตัวเองไม่ได้มาจากรังด้วย เพราะสามารถเลี้ยงให้เชื่องได้ง่ายกว่านกที่โตเต็มที่แล้วการแพร่กระจายพันธุ์ นกปรอดหัวโขนกระจายพันธุ์อยู่เฉพาะทางตอนใต้ของทวีปเอเซีย พบตั้งแต่อินเดีย บังคลาเทศ พม่า ไทย และ อินโดจีน ถูกนำไปเป็นนกเลี้ยงขังกรง ในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และเกาะมอริเชียส ในธรรมชาติจะพบอาศัยอยู่ตามทุ่งหญ้า ทุ่งโล่ง ป่าละเมาะ พื้นที่ เกษตรกรรม และตามแหล่งชุมชน จากที่ราบไปจนถึงระดับความสูง 1,800 เมตรฤดูผสมพันธุ์ ของนกปรอดหัวโขนอยู่ในราว เดือนเมษายน - กรกฎาคม พอถึงช่วงนี้ นกปรอดหัวโขน จะจับคู่และพากันแยกออกจากฝูง เพื่อไปสร้างรังวางไข่ โดยนกจะช่วยกันสร้างรัง อยู่ตามง่ามไม้ มีทั้งบนต้นไม้และตามพุ่มไม้ โดยนำกิ่งไม้เล็ก ๆ ใบไม้ และใบไผ่มาสานกันเป็นรังรูปถ้วยhttps://patrabooks.blogspot.com/2010/05/blog-post_10.html บางตัวยังรู้จักนำเศษวัสดุจากคน เช่น กระดาษ ขี้เลื่อย หรือเศษผ้า เศษพลาสติก มาสานรังด้วยหลังสร้างรังเสร็จจะวางไข่ 2 - 3 ฟอง เปลือกไข่มีสีน้ำตาลอ่อน และ มีจุด สีน้ำตาลอมม่วงกระจายทั่วไป พ่อแม่ นก จะช่วยกันฟักไข่ ใช้เวลา ประมาณ 14 วัน จึงฟักออกเป็นตัวและใช้เวลาอยู่ในรังอีกประมาณ 14 - 18 วันจึงเริ่มหัดบินhttps://patrabooks.blogspot.com/2010/05/blog-post_10.html ลูกนก ขนที่หูหรือแก้มยังไม่เปลี่ยนเป็นสีแดง สำหรับประเทศไทย นกปรอดหัวโขนในประเทศไทย มี 2 ชนิดย่อย คือ P.j.pattani พบได้ทั่วประเทศไทย และชนิดย่อย P.j. emeira พบได้เฉพาะแถบจังหวัดกาญจนบุรีเท่านั้น เป็นนกที่เคยพบได้ทั่วประเทศ แต่ไม่ค่อยชอบถิ่นอาศัยที่ค่อนข้างแห้งแล้ง จึงไม่พบอาศัยอยู่ในพื้นที่ ส่วนใหญ่ของภาคอีสาน เว้นแต่ทางตอนบนแถบจังหวัดหนองคายและจังหวัดเลย กลับพบได้ บ่อยมากตามแหล่งชุมชนในเมือง ทางตอนล่างของภาคอีสาน แถบชายแดนก็พบนกปรอด หัวโขนเช่นกัน นอกจากนี้ในพื้นที่อนุรักษ์บางแห่ง เช่น อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สามารถพบนกปรอด หัวโขนได้ตามทุ่งหญ้าทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็น หนองผักชี มอสิงโต หรือ บริเวณสนามกอล์ฟเก่า ในกรุงเทพ สันนิษฐานว่าเป็นนกที่หลุดจากกรงเลี้ยงhttps://pet.kapook.com/photo/pet_6237.html ในภาคเหนือ นกปรอดหัวโขนเป็นนกที่ผู้คนแถบนั้นรู้จักดี เพราะพบเห็นได้ตามแถบบ้านผู้คน เหมือนนกกระจอกบ้านหรือนกกางเขนบ้าน จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของนกในเมืองทางภาคเหนือ ที่พบได้ทั้งในรั้วบ้าน ริมถนน หรือตามสวนผลไม้ ทั้งนี้ชาวเหนือยังเรียกนกปรอดหัวโขนด้วยความ คุ้นเคยและเอ็นดูว่า นกพิดชะหลิว บางคนเรียก พิชลิว หรือ ปิ๊ดจะลิวตามเสียงร้องของมัน เสียงร้องไพเราะของนกปรอดหัวโขนช่วยให้บรรยากาศรอบบ้าน หรือตามท้องทุ่งสดใสมีชีวิตชีวา ตลอดทั้งวัน เป็นชีวิตเล็ก ๆ ที่แต่งเติมให้ธรรมชาติงดงามhttps://ornnami.exteen.com/20100530/entry-1 ในภาคใต้ เรียก นกกรงหัวจุก เพราะค่านิยมผิด ๆ ที่ชอบจับนกขังกรง ดังที่เราสามารถพบเห็น ตามบ้านเรือน ล้วนมีกรงนกชนิดนี้แขวนไว้แทบทุกบ้าน และมีการประกวดแข่งขันกัน ว่านก ของใครเสียงดีกว่ากัน ทัศนคติแบบนี้นี่เอง ที่ทำให้นกปรอดหัวโขนทางใต้สูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติ และมีการจับนกในภาคอื่นไปขาย ค่านิยมที่ไม่ดีอย่างนี้ ทำให้นกปรอดหัวโขนเริ่มลดน้อยลง ในภาคเหนือและภาคอีสาน เห็นทีในไม่ช้า นกปรอดหัวโขนที่เคยพบเห็นได้ทั่วไป คงกลายเป็นนกหายากและสูญพันธุ์ในที่สุดพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 กำหนดให้นกปรอดทั้ง 36 ชนิด ที่พบในเมืองไทย เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทนกที่ผู้ครอบครองต้องมี ใบอนุญาตในการครอบครอง ส่วนการประกวดนกปรอดหัวโขนนั้นต้องปฏิบัติตามประกาศกรมป่าไม้ เรื่องการประกวดแข่งขัน นกปรอดหัวโขน ลงวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2541 โดยอธิบดีกรมป่าไม้ ระบุว่า "ผู้ใดจะนำสัตว์ป่าคุ้มครอง ชนิดนกปรอดหัวโขน หรือสัตว์ป่าอื่น ๆ เข้าประกวดแข่งขัน จะต้องนำเอกสารแจ้งการครอบครอง ตามมาตรา 66 หรือ 67 ซึ่งได้จดแจ้งต่อกรมป่าไม้แล้วภายในเดือนพฤษภาคม 2535 และต้องนำเอกสารดังกล่าวติดตัวสัตว์ป่าไปด้วยทุกครั้ง และผู้ที่นำสัตว์ป่าไปเข้าประกวดแข่งขันจะต้องเป็นผู้ที่มีชื่ออยู่ในเอกสารดังกล่าวข้างต้น หรือผู้เข้าประกวดนำสัตว์ป่าคุ้มครองอื่นไปแข่งขัน หรือมีการตกลงซื้อขายสัตว์ป่าคุ้มครอง ภายในสถานที่ประกวด จะมีความผิดตามมาตรา 19 และมาตรา 20 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสี่ปี หรือทั้งจำทั้งปรับไม่เกินสี่ปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" สักวันหนึ่ง .... เราอาจจะชื่นชมความงดงามและความน่ารัก ของนกเหล่านี้จากภาพวาด หรือรูปถ่ายก็ได้ แหล่งข้อมูล : - เรียบเรียงจากบทความของ รุ่งโรจน์ จุกมงคล เผยแพร่ใน สารฯสมาคมอนุรักษ์ นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย หนังสืออ่านเพิ่มเติม : King.B.F. and Dickinson . E.C. 1975 Field guide to the Birds of South-East Asia London : Collins Grimmett, R, Inskipp , C. and inskipp, T. 1998 Birds of Indian Subcontinent London Collinsอ้างอิง : https://atcloud.com/stories/37023 https://ornnami.exteen.com/20100530/entry-1 https://patrabooks.blogspot.com/2010/05/blog-post_10.html ผิดที่เธอ (Piano / Inst.) - ปนัดดา (Ost. A Love To Kill)
Create Date : 05 มีนาคม 2555
Last Update : 22 มกราคม 2564 21:10:11 น.
19 comments
Counter : 19332 Pageviews.
โดย: พายุสุริยะ วันที่: 5 มีนาคม 2555 เวลา:22:16:32 น.
โดย: multiple วันที่: 6 มีนาคม 2555 เวลา:6:26:49 น.
โดย: วนารักษ์ วันที่: 6 มีนาคม 2555 เวลา:9:55:21 น.
โดย: multiple วันที่: 10 มีนาคม 2555 เวลา:9:35:25 น.
โดย: sun-flower วันที่: 10 มีนาคม 2555 เวลา:10:29:11 น.
โดย: pantawan วันที่: 10 มีนาคม 2555 เวลา:22:11:37 น.
โดย: multiple วันที่: 11 มีนาคม 2555 เวลา:4:12:04 น.
โดย: ทองกาญจนา วันที่: 11 มีนาคม 2555 เวลา:20:47:51 น.
ฟังเสียงแล้วเพราะมากๆเวลาเขาอยู่กันมากๆ นับเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต....
ขอบคุณที่เพิ่มความรู้มาให้อีกมากมาย...