Group Blog
 
<<
กันยายน 2555
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
2 กันยายน 2555
 
All Blogs
 
ขนมปังไส้สังขยาใบเตย

ขนมปังสังขยาเป็นขนมปังอีกชนิดหนึ่งที่เราชอบมาก เวลาไปธนาคารกรุงเทพฯ ตรงบางนาจะต้องรีบไปแต่เช้า เพื่อไปซื้อขนมปังสังขยาที่ขายอยู่ในตึกนั้น ถ้าไปช้าอดค่ะ เลยต้องหาสูตรทำขนมปังสังขยาเพื่อทำทานเองเลย

สูตรที่ทำเป็นสูตรของคุณ wee_nong (//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=noonong&month=07-2009&date=14&group=17&gblog=45) ต้องขอขอบคุณเจ้าของสูตรด้วยค่ะ

ตอนแรกสูตรขนมปังที่ใช้ค่อนข้างลังเลว่าจะใช้สูตรที่เราทำประจำ หรือจะใช้สูตรของคุณ wee_nong แต่พอดูจากสูตรแล้วค่อนข้างง่าย ปริมาณไม่มาก ไม่ต้องมาลดสูตรให้ยุ่งยากแล้วก็ตัดสินใจไม่ผิดค่ะ ขนมปังสูตรนี้ของคุณ wee_nong นุ่มดีคะ  ปริมาณที่ได้ก็ไม่มากไม่น้อยเกินไป เราทำได้ทั้งหมด 19 อันด้วยกัน น้ำหนักต่ออันคือ 20 กรัม ขนาดกำลังน่ารับประทานเลยค่ะ

เราเลยกะว่าจะใช้สูตรนี้เมื่อต้องการทำขนมปังในปริมาณไม่มาก แล้วจะใช้สูตรประจำเมื่อต้องการทำในปริมาณมาก ๆ

สูตรขนมปัง

  • แป้งขนมปัง                  150 กรัม
  • แป้งเค้ก (บัวแดง)           50 กรัม
  • ยีสต์                            1 + 1/2 ช้อนชา (หรือ 1/2 ช้อนโต๊ะ)
  • น้ำตาลทราย                  3 ช้อนโต๊ะ
  • นมผง                           2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ                            1/4 ช้อนชา
  • นมสด                           120 กรัม
  • เนยสด                          40 กรัม

วิธีทำ

ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงในโถผสม (ยกเว้นเนยสด) ผสมให้ทุกอย่างเข้ากันดีจนไม่มีเศษผงแป้ง

แล้วค่อยใส่เนยสดลงไป แล้วนวดต่อจนแป้งเนียนดี ใช้เวลานวดหลังจากที่ใส่เนยไปแล้วประมาณ 10 นาที แป้งก็เนียนดีแล้วค่ะ

แป้งโดว์ที่ได้หลังจากที่นวดจนเนียนแล้วค่ะ ให้พักแป้งประมาณ 45 - 60 นาที หรือจนกระทั่งแป้งขึ้นเป็น 2 เท่า (เราพักแป้งแค่ 45 นาที แป้งก็ขึ้นแล้วค่ะ)

หลังจากที่แป้งขึ้นเป็น 2 เท่าแล้ว ก็ไล่ลมออกจากแป้ง แล้วทำการแบ่งแป้งโดว์เป็นก้อน ก้อนละ 20 กรัม คลึงให้แป้งกลม เนียนดี แล้ววางลงบนกระดาษลองที่ใช้พิมพ์ลองไว้ (เราใช้พิมพ์กับถ้วยกระดาษลองเบอร์ 24 จะได้ขนาดพอดีกับแป้ง 20 กรัม) เมื่อคลึงแป้งทั้งหมดแล้ว (ได้ 19 ลูก) ให้พักแป้งให้ขึ้นอีก 2 เท่า เราใช้เวลาพัก 45 นาที

แป้งโดว์ขึ้นเป็นสองเท่าแล้วค่ะหลังจากผ่านไป 45 นาที ให้เอาเข้าเตาอบใช้ไฟ 175 องศาเซลเซียส ไฟล่างอย่างเดียว เป็นเวลา 12 -15 นาที (เราใช้แค่ 12 นาทีก็สุกแล้วคะ)

หลังจากเอาออกจากเตาอบให้ทาหน้าขนมปังด้วยเนยสดนะคะ เพื่อให้หน้าขนมนุ่มเป็นเงาค่ะ แล้วทิ้งขนมปังไว้ให้เย็น ให้หน้าขนมคลายตัว นิ่มพอที่จะฉีดไส้สังขยาลงไปค่ะ

สูตรไส้สังขยาใบเตย

  • กะทิ                           250 กรัม
  • น้ำตาลทราย                50 - 60 กรัม (เราใช้ 60 กรัม หวานกำลังดี)
  • ใบเตย                        2-3 ใบ (เราใช้ 4-5 ใบเลยค่ะ เพราะ 2-3 ใบสีอ่อนไป)
  • แป้งข้าวโพด                1 + 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งมัน                       1 ช้อนชา
  • เกลือ                          1/4 ช้อนชา
  • ไข่                              2 ฟอง
  • เนยสด                        20 กรัม
  • กลิ่นใบเตย                   เล็กน้อย (อันนี้เราใส่เองเพราะรู้สึกว่าใบเตยที่เราใส่ไปมันไม่หอม)

 

เราใช้ครกตำใบเตยให้ละเอียดแล้วเอาไปกรองผสมกับน้ำกะทิเพื่อให้สีของใบเตยผสมกับน้ำกะทิดี (เราไม่ได้ใส่น้ำเพื่อทำน้ำใบเตยนะคะ เราใช้น้ำกะทิเลย) 

พอดีเราไม่ได้ใช้ใบเตยหอม พอดีพยายามหาซื้อแล้วแต่หาไม่ได้ เลยต้องเติมกลิ่นไบเตยลงไปด้วย (แต่มารู้ที่หลังจากหลังบ้านเรามีใบเตยหอมปลูกอยู่ก็เมื่อสายไปแล้ว ตอนแรกเรานึกว่าต้นมันตายหมดแล้ว แต่พี่ชายเพิ่งมาบอกว่ามีปลูกไว้ที่จุดหนึ่ง)

ใบเตยที่เราใช้สีไม่เข้มเลยค่ะ น่าจะเป็นเพราะสีของใบเตยและพันธุ์ของมันที่ให้สีไม่เข้ม ถ้าเป็นใบเตยหอมใบแก่ ๆ หน่อยสีจะเข้ม ใส่นิดเดียวสีก็ออกแล้ว เราเลยต้องใส่สีเพิ่มลงไป ไม่งั้นตอนที่สุกสีมันอ่อนไม่สวย  

หลังจากนั้นผสมส่วนผสมอื่นที่เหลือลงไปในชามผสม (ยกเว้นเนยสด) คนส่วนผสมให้เข้ากันดี หรือจะใช้วิธีขยำส่วนผสมด้วยใบเตยก็ได้นะคะ 

หลังจากที่ผสมส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว ก็กรองด้วยกระชอนซักหนึ่งครั้งนะคะ เพื่อให้สังขยาเนียนดี

ขั้นต่อมาสำคัญมากค่ะ เราทำตามวิธีในสูตรบอกทุกอย่างในเรื่องการใช้ความแรงของไฟ โดยใช้ไฟกลางไปทางแรง ระยะเวลาในการเวฟ 3 นาที เอาออกมาคน ทำอย่างนี้ 2 ครั้ง แต่.....สังขยาที่ได้จากการใช้ไมโครเวฟ เนื้อสังขยาไม่เนียนเลยค่ะ เป็นเม็ด ๆ หยาบ ๆ ซึ่งจากการวิเคราะห์แล้วน่าจะเกิดจาก 2 สาเหตุ

1. เกิดจากการใช้ไฟแรงไป ทำให้ไข่สุกก่อนที่จะเข้ากันดีกับตัวแป้งและกะทิ ซึ่งอันนี้น่าจะเกิดจากไมโครเวฟของเรากำลังวัตน์ค่อนข้างสูงเลยอาจทำให้คำว่าไฟกลางค่อนไปทางแรง (70%) ทำให้ความร้อนมันสูงเกินไป ดังนั้นคราวหน้าเราต้องลดความร้อนลง เป็นไฟกลาง (40%) แทน (ไมโครเวฟเราเป็นแบบใส่ความร้อนเป็น %)

 2. ตอนที่เอาสังขยาออกคนรอบแรกหลังจากที่เวฟไปแล้ว 3 นาที เราใช้เวลาในการคนสังขยาแป๊บเดียวเอง ไม่ถึงครึ่งนาทีเลย ซึ่งตอนนั้นเราเห็นตัวสังขยายังเป็นก้อนอยู่ แต่เราไม่คนให้มันเนียนเข้ากัน ไม่คิดว่ามันจะมีผลอะไรมาก ดังนั้น ในขั้นตอนนี้พยายามเอาสังขยาออกมาคนจนกระทั่งส่วนผสมเนียนเป็นเนื้อเดียวกันเลย อย่าปล่อยให้มีส่วนผสมที่เป็นก้อน ๆ เด็ดขาด

ครั้งนี้เราแก้โดยการใช้ไม้พายพาลสติกนิ่ม ๆ ตีเนื้อสังขยาไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมันเนียนขึ้น แต่ก็ยังมีความหยาบของเนื้อสังขยาอยู่ ถ้าใครไม่อยากเป็นอย่างเรา อย่าลืมนะคะ ดูไมโครเวฟของตัวเองว่ามีความแรงระดับไหน ที่สำคัญขั้นตอนการคนสังขยาต้องคนให้เนียนจริง ๆ อย่างทิ้งให้ส่วนผสมเป็นก้อน

หรือ ถ้าจะให้เนียนสวยจริง ๆ แนะนำให้ใช้วิธีตุ๋นดีที่สุดค่ะ คนไปเรื่อย ๆ แล้วต้องคนตลอดเวลา จนกระทั่งสังขยาสุก แต่วิธีนี้อาจจะใช้เวลานานกว่าใช้ไมโครเวฟ 

สังขยาที่ได้หลังจากที่เวฟไป 2 รอบ

ใส่เนยลงไปแล้วคนให้เนียน ในภาพดูแล้วเหมือนเนื้อสังขยาไม่ค่อยหยาบนะคะ แต่จริง ๆ แล้วเนื้อหยาบมากค่ะ ต้องใช้ไม้พายนวดนานเลยกว่าจะเนียนอย่างที่เห็นตอนเอาไปฉีดไส้

ด้านซ้ายเป็นเนื้อสังขยาหลังจากออกจากไมโครเวฟรอบสอง เนื้อเหมือนทรายหยาบเลยค่ะ ตอนนั้นกลุ้มมาก ว่าจะแก้อย่างไรดี เราก็เติมกะทิลงไป เติมแป้งข้าวโพดไปอีก แล้วเอาลงไปตุ๋น แล้วกวนใหม่ กว่าจะออกมาเป็นภาพทางขวาที่ดูเนียนขึ้น แต่เนื้อสังขยาเหลวไปนิดค่ะ เพราะเราไปเติมกะทิลงไปเพิ่ม

ถ้าทำตามคำแนะนำด้านบน 2 ข้อ จะได้เนื้อสังขยาที่ไม่เหลวเกินไปคะ รสชาติสังขยา อร่อยดีค่ะ หวานกำลังดี

หลังจากที่ขนมปังเย็นดีแล้ว ก็บีบไส้สังขยาลงไปในเนื้อขนมปังได้เลยค่ะ ตอนที่บีบจะรู้สึกเลยว่าตัวขนมปังจะบวมขึ้น หนักขึ้น ตัวไส้กับขนมปังที่ทำตามสูตรจะพอดีกันเลยนะคะ แต่ต้องฉีดไส้ลงไปต่อขนมปัง 1 ก้อนค่อนข้างเยอะ

 

ใส่กล่องเตรียมไว้ เอาไปให้เพื่อน ๆ ที่ทำงาน....




Create Date : 02 กันยายน 2555
Last Update : 21 กันยายน 2555 21:02:26 น. 15 comments
Counter : 61236 Pageviews.

 
ไส้มาเต็มมากค่ะ น่าทานสุดๆ เลย


โดย: Nepster วันที่: 2 กันยายน 2555 เวลา:23:18:18 น.  

 
น่าทานมากเลยค่ะ หิวจังเลย ดึกแล้วไม่มีอะไรกินด้วยค่า


โดย: น้ำพันซ์ วันที่: 2 กันยายน 2555 เวลา:23:54:09 น.  

 
น่ากินจังเลยค่ะ หนมปังนุ่มๆ จิ้มกะสังขยา อืมมมมมมมมมม


โดย: JenNy & Tristan @ The UK วันที่: 3 กันยายน 2555 เวลา:0:11:48 น.  

 
น่ากินมากค่ะ
ภาพสวยอีกด้วย
ขอบคุณกับสูตรและวิธีทำนะคะ


โดย: Willkommen วันที่: 3 กันยายน 2555 เวลา:0:45:27 น.  

 
ขอชิม 2 อันนะคราบ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 3 กันยายน 2555 เวลา:5:28:30 น.  

 
ปังสังขยา ไส้ตูม ๆ น่าทานจังเลยคะ


โดย: kuky วันที่: 3 กันยายน 2555 เวลา:13:59:12 น.  

 
สังขยาเยิ้มๆๆ ชอบๆๆ


โดย: sumojew =^-^= วันที่: 4 กันยายน 2555 เวลา:19:30:07 น.  

 
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาชมนะคะ


โดย: EskimoPie วันที่: 4 กันยายน 2555 เวลา:20:55:00 น.  

 
น่าทานมากๆเลยค่ะ ทานกับกาเเฟยิ่งอร่อยกว่าเดิมเเน่นอนค่ะ


โดย: ซันมา 201 คร้า IP: 110.49.250.12 วันที่: 21 มีนาคม 2556 เวลา:19:46:26 น.  

 
ลองทำดูแล้วค่ะ ตามสูตรเป๊ะ ขนมปังออกมาแข็งค่ะทำไงดี แต่ไม่เป็นไรไม่ท้อค่ะจะพยายามทำจนนิ่มให้ได้


โดย: Name IP: 110.49.235.24 วันที่: 11 พฤษภาคม 2556 เวลา:12:41:12 น.  

 
คุณ Name ค่ะ ต้องผสมส่วนผสมให้เข้ากันดี แล้วแป้งควรร่อนก่อนนำมาใช้นะคะ ของเราร่อนก่อนอย่างน้อย 1 รอบ ถึงแม้ว่าจะเป็นการทำขนมปัง ไม่ได้ทำเค้ก เราก็จะร่อนแป้งก่อนทุกครั้งค่ะ

ลองดูที่ส่วนผสมของเหลวด้วยนะคะว่าน้อยไปหรือไม่ เพราะความเก่า ใหม่ของแป้งก็มีผสมต่อส่วนผสมค่ะ อาจจะต้องมีการปรับเพิ่มหรือลดตามสภาพแป้งด้วยค่ะ


โดย: EskimoPie วันที่: 11 พฤษภาคม 2556 เวลา:19:51:35 น.  

 
ไส้สังขยาไข่ทำยังไงค่ะ


โดย: k007 IP: 223.205.167.242 วันที่: 28 ตุลาคม 2556 เวลา:9:36:52 น.  

 
ขอบคุณที่แบงปันสูตร ขอให้คุณมีความสุข


โดย: onvena IP: 27.55.94.47 วันที่: 29 กรกฎาคม 2557 เวลา:11:42:56 น.  

 
กำลังจำทำสูตรนี้เลย^^


โดย: บีม IP: 1.10.235.246 วันที่: 3 เมษายน 2558 เวลา:16:19:11 น.  

 
พรุ่งนี้จะลองทำน้ะค้ะ ได้ผลอย่างไรจะส่งข่าวมาค่ะ ขอบคุณสำหรับสูตรขนมด้วยค่ะ


โดย: yingyuika IP: 180.180.156.57 วันที่: 11 ตุลาคม 2558 เวลา:12:19:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

LcWitch
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 127 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add LcWitch's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.