เก็บความทรงจำ..(^_^)..ความสนใจ โลกส่วนตัว ที่เราสร้างเอง
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2555
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
22 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 
ขุนศึก ตอนที่ 1-4

ขุนศึก ตอนที่ ๑ (ต่อ)


บริเวณลานวัด นักเลงทั้งสองกลุ่มกำลังตีกันอย่างดุเดือดโดยมีหอก กระบอง มีด ขวาน ฯลฯ เป็นอาวุธทั้งสองฝ่ายสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใครจนลานวัดวุ่นวายไปหมด นักเลงคนหนึ่ง ควงขวานเข้าไล่ถล่มคู่อริ จนฝ่ายตรงข้ามแตกกระเจิงไป

       ขณะกำลังจะซ้ำกะเอาให้ตาย เสมาก็โผล่เข้ามากระโดดถีบนักเลงคนนั้นจนกระเด็นไป เสมาพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ
       “บ้านเมืองกำลังมีศึก แทนที่พวกเอ็งจะเป็นทหารฉลองคุณชาติ กลับตีกันเองเช่นนี้ ไม่ละอายบ้างรึ”
       “แล้วมันเรื่องกระไรของเอ็งวะ” นักเลงคนหนึ่งตะคอกใส่เสมา
       เสมาชักดาบแสนศึกพ่ายออกจากฝัก ตั้งท่าดาบสองมือเตรียมพร้อม ฝ่ายพวกนักเลงทั้งสองฝ่ายโกรธจัดจึงเลิกทะเลาะหันมารุมเสมาแทน เสมาควงดาบสองมือออกไล่ฟาดฟันกับดาบคมกริบ ทั้งหอก กระบอง โดนฟันขาดกระเด็น ไม่คณามือเสมาแม้แต่น้อย เสมาทั้งเตะ ต่อยจนพวกนักเลงสลบเหมือดไปหลายคน ที่เหลือก็หวาดกลัววิ่งหนีไปจนหมด พระครูขุนและมั่นเห็นเสมาไล่พวกนักเลงไปได้ และดาบที่ตีขึ้นมา ก็คมกริบเป็นยอดอาวุธก็ภูมิใจ เสมามองดาบแสนศึกพ่ายในมือของตน แล้วยิ้มพอใจ ทั้งแข็งแกร่ง คมกริบ เป็นยอดดาบที่หาได้ยากยิ่ง

       เวลาต่อมา เสมาเดินถือดาบคู่ “แสนศึกพ่าย” พลางดูชื่นชมไปมาด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องภูมิใจกับอาวุธคู่กาย โดยมีมั่นเดินคุยมาด้วย มั่นพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
       “พ่อมีเรื่องอยากจะเตือนเอ็งไว้สักข้อ”
       เสมาหยุดเดินทันที หันไปมองหน้าพ่อ สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยที่พ่อดูเคร่งเครียดและถอนใจ
       “ธรรมดา คนเราจะรุ่งเรืองได้ นอกจากฝีมือตนแลความซื่อสัตย์แล้ว ความกตัญญูรู้คุณก็สำคัญ คนเนรคุณมันไม่เจริญดอก เสมาเอ๋ย”
       “พ่อหมายความว่ากระไร ฉันไปเนรคุณใครรึ”
       “เอ็งคิดหมายปองแม่หญิงเรไร บุตรสาวออกขุนรามเดชะอยู่มิใช่หรือ”
       “พ่อ”

       บุญเรือนกำลังด่าเสมาลั่นอยู่บนเรือนโดยมีจำเรียงอยู่ใกล้ๆ
       “ข้านี่ล่ะโว้ยที่ฟ้องพ่อเอ็ง คนเรากินบนเรือนอย่าขี้รดบนหลังคา ออกขุนท่านเมตตาเอ็งให้เป็นครูฝึก ควรรึ ที่เอ็งจะคิดชั่วกับลูกท่าน”
       “เรื่องฉันมีใจให้แม่หญิงเรไร ฉันไม่เถียง แต่จะเรียกว่าคิดชั่วได้อย่างไรกันแม่ หรือแม่เห็นว่าเรื่องชอบพอกันเป็นความชั่วเสียแล้ว”
       “พี่ใฝ่สูงจนเกินศักดิ์ มันไม่งาม หากออกขุนรามรู้เรื่องขึ้นมา พ่อกับแม่จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย” จำเรียงบอก
       เสมาชักโมโห
       “ข้าไม่ได้ทำบัดสีจะเดือดร้อนถึงพ่อแม่ได้เช่นไร แล้วทีเอ็งล่ะ นังจำเรียง เอ็งมีใจให้อ้ายหมู่ขัน อย่านึกว่าข้าไม่รู้ แล้วเยี่ยงนี้เรียกว่าใฝ่สูงจนเกินศักดิ์หรือไม่วะ”
       “หยุดประเดี๋ยวนี้นะอ้ายเสมา เอ็งอย่ามาพาลพาโลใส่น้อง เกิดเป็นหญิง ดีชั่วก็อยู่ที่ชาย จำเรียงมันมีคนอย่างหัวหมู่มาชอบพอต้องถือว่าเป็นวาสนา ไม่เหมือนเอ็งที่เหิมเกริมคิดชั่วกับลูกท่าน” บุญเรือนตวาดใส่ทันที
       “ทีฉันเรียกว่าคิดชั่ว แต่ทีนังจำเรียงแม่บอกว่ามีวาสนา พิโธ่พิถัง อ้ายขันมันไม่ชอบนังจำเรียงจริงดอก ที่มันเกี้ยวอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะคิดจะล้างแค้นเอาคืนฉันเท่านั้นเอง”
       “แม่ พี่เสมาเอาใหญ่แล้ว ตัวเองผิดก็ไม่ยอมรับผิด แล้วยังพาลว่าร้ายฉันกับหัวหมู่อีก”
       “ไป มึงไปให้พ้นหน้ากูประเดี๋ยวนี้เลยอ้ายเสมา ไป”
       เสมาได้แต่ถอนใจก่อนจะเดินเลี่ยงไป

       บ่ายวันเดียวกัน ที่ตำหนักใน บัวเผื่อนและนางข้าหลวงกลุ่มหนึ่งกำลังสุมหัวนินทา หัวเราะกันคิกๆคักๆพร้อมกับปั้นแป้งดินสอพองไว้ทาไปด้วย เรไรเดินเข้ามาในตำหนัก พวกนางข้าหลวงกลุ่มหนึ่งที่เดินสวนกับเรไรได้แต่ยิ้มขำๆ จนเรไรแปลกใจ เดินเข้าไปหาบัวเผื่อนทันที บัวเผื่อนถึงกับหน้าเสียรีบก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ นางข้าหลวงที่จับกลุ่มนินทาอยู่กับบัวเผื่อน เห็นท่าทีบัวเผื่อนเปลี่ยนไป ก็หันไปมองด้านหลัง พอเห็นเรไรก็วงแตก รีบแยกย้ายกันไปทันที
       “เกิดกระไรขึ้นรึแม่บัวเผื่อน เหตุใดทุกคนเห็นฉันแล้วต้องทำพิกลด้วย”
       บัวเผื่อนตีหน้าตายแล้วพูดขึ้น
       “ฉันไม่รู้ดอกแม่เรไร”
       “แม่ไม่รู้ แล้วใครรู้ ทั่วทั้งอโยธยามีสักกี่เรื่องที่รอดพ้นสายตาแลฝีปากของแม่บัวเผื่อนเพื่อนฉันไปได้”
       “แม่เรไรค่อนฉัน เหมือนฉันเป็นหญิงช่างนินทา พวกฉันแค่คุยกัน เรื่องที่แม่จะทิ้งวังไปอยู่ตลาดเท่านั้นดอก”
       “ทิ้งวังไปอยู่ตลาดกระไร” เรไรพูดขึ้นอย่างงงๆ
       “ก็ถ้าแม่เรไรมิได้คิดจะเปลี่ยนจากสาวชาววัง ไปเป็นแม่ค้าขายเหล็กแล้วจะมีใจให้ช่างตีเหล็กชื่อเสมาเพื่อกระไรเล่า”
       เรไรตกใจมาก ไม่คิดว่าจะถูกนินทาขนาดนี้ บัวเผื่อนเห็นสีหน้าเรไรก็ยิ้มอย่างสะใจ
       “แม่เรไรจ๊ะ แม่อยากจะนั่งตลาดหรือเร่มีด เร่ดาบขายกันล่ะจ๊ะ”
       ถึงเรไรจะโมโห แต่ปั้นยิ้มตอบไปว่า
       “ขายมีดซิดีนัก จะได้เฉือนฝีปากนางช่างพูดทิ้งเสีย”
       พูดแล้ว เรไรก็เดินเชิ่ดจากไป บัวเผื่อนไม่พอใจ มองตามแล้วทิ้งค้อนด้วยความเจ็บใจ

       ยามบ่ายต่อมา เรไรกำลังคุยกับดวงแขด้วยความโมโห
       “ถ้าฉันรู้ว่าใครกุเรื่องนี้ขึ้น ฉันจะฟ้องเสด็จ เอาเรื่องให้ถึงที่สุดจริงๆเทียว”
       ดวงแขหน้าเสียทันที
       “ใจเย็นๆก่อนเถิดจ้ะแม่เรไร ยิ่งร้อนรนไป คนจะยิ่งคิดว่าเป็นเรื่องจริงนะ”
       “มุสาทั้งนั้น แม่ดวงแขก็รู้ ว่าฉันไม่เคยทำตัวให้เสียชาติ เสียตระกูล พี่ชายแม่ดวงแขเฝ้าตามเกี้ยวฉันอยู่นานปี มีรึไม่ที่ฉันจะวางตัวไม่งามให้คนติฉินนินทา แต่นี่... อยากเห็นหน้าพวกผีเปรตปากเท่ารูเข็มนัก”
       “คงไม่นานดอกจ้ะ แม่เรไรต้องรู้แน่ว่าใครคิดร้ายกับแม่เรไร เอ่อ วันนี้แม่เรไรได้กลับบ้านมิใช่รึ รีบไปเถิดจ้ะ หากโพล้เพล้แล้วจะเดินทางลำบาก” ดวงแขรีบตัดบททันที
       เรไรทอดถอนใจแต่พยายามคุมอารมณ์
       “ฉันฝากแม่ดวงแขหาตัวคนที่ใส่ร้ายฉันด้วยเถิด กลับมาเมื่อใด จะได้ชำระความกัน”
       “จ้ะ ได้จ้ะ”
       เรไรเดินเลี่ยงไป ดวงแขสีหน้าบึ้งตึงทันทีแล้วพึมพำว่า
       “ พี่ขันนะพี่ขัน มันน่านักเทียว”

       ภายในบ้านขุนรามเดชะเมื่อยามเย็น เสมากำลังคุมสมบุญกับพวกทหารใหม่ฝึกซ้อมเพลงอาวุธอยู่ พวกทาสพายเรือพาเรไรกลับมา พิณกับพวกทาสอีกกลุ่มรีบไปช่วยขนของลงจากเรือ เรไรลงจากเรือแล้วจะเดินขึ้นเรือน เสมาดีใจมาก รีบเดินเข้าไปหา
       “แม่หญิงเรไร เที่ยวนี้ไปอยู่วังเสียนานเลยนะขอรับ”
       เรไรทิ้งค้อนแล้วเดินขึ้นเรือนไปโดยไม่พูดกับเสมา เสมามองตามด้วยความประหลาดใจไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

       เสมากำลังคุยกับพิณอยู่หลังเรือน โดยมีสมบุญอยู่ใกล้ๆ เสมาถึงกับหน้าเสียที่รู้เรื่องทั้งหมด
       “เรื่องมันร้ายแรงถึงเพียงนี้เชียวรึ”
       “ใช่สิยะ ทั่วทั้งตำหนักโจษเรื่องนี้กันให้ทั่ว จนแม่หญิงไม่มีหน้าจะพบผู้ใดแล้ว โชคยังดีที่ท่านขุนท่านยังไม่รู้ความ มิเช่นนั้น แม่หญิงต้องโดนลงหวายเป็นแน่”
       “ แต่ข้าไม่เคยทำให้แม่หญิงมัวหมองเลยนะ เอ็งก็รู้ ว่าหลังจากที่ข้าออกจากรวนแล้ว ข้าก็ไม่เคยได้เห็นหน้าแม่หญิงอีก”
       “ข้ารู้ แต่คนอื่นมันจะเชื่อรึ”
       “จริงของแม่พิณนะพี่เสมา เรื่องดีมันไม่โจษ เรื่องโจษขานมันมักจะไม่ดี ข้าว่า พี่อย่าพบหน้าแม่หญิงเรไรอีกเลย หากรู้ถึงหูท่านขุน พี่คงไม่แคล้วต้องกรวนอีก แม่หญิงเรไรก็ต้องมาพลอยรับโทษทัณฑ์ไปด้วย”
       แม้ว่าเสมาจะห่วงเรไรเพียงใด แต่จะให้ตัดใจง่ายๆก็ยากที่จะทำใจ

       ตอนหัวค่ำคืนนั้น เรไรอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เดินเข้ามาในห้องนอน พอมาที่เตียงก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นดอกจำปีดอกหนึ่งวางอยู่ที่หมอนของตน
       “พิณ...พิณ”
       พิณรีบวิ่งเข้ามาในห้องทันทีและรีบคุกเข่าทันที
       “แม่หญิงมีสิ่งใดจะใช้นังพิณรึเจ้าคะ”
       “เมื่อครู่ตอนฉันอาบน้ำ มีใครเข้ามาจัดเตียงให้ฉันบ้าง”
       “ไม่มีนี่เจ้าคะ ไม่มีใครเข้ามาเลย หากแม่หญิงไม่เรียกใช้ ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าเข้าห้องแม่หญิงดอกเจ้าค่ะ”
       เรไรมองไปรอบๆ เห็นหน้าต่างห้องเปิดอยู่ก็มั่นใจแล้วว่าเป็นฝีมือเสมาแน่ๆ

       บรรยากาศยามเช้าของบ้านขุนรามเดชะในวันรุ่งขึ้น ภายในสวน เรไรกำลังเก็บดอกมะลิเพื่อเอาไปร้อยพวงมาลัยบูชาพระ เสมาเดินออกมาหาเรไร
       “แม่หญิง”
       เรไรเห็นเสมาก็สะบัดหน้าจะเดินไปทางอื่น เสมารีบวิ่งมาขวางหน้าไว้แล้วพูดขึ้นด้วยความร้อนใจ
       “รอประเดี๋ยวเถิดแม่หญิง ฟังเสมาพูดก่อน”
       เรไรส่งตาดุด้วยสีหน้าเย็นชา
       “ฉันไม่มีกระไรจะพูดกับคนเหิมเกริมลอบขึ้นห้องนอนฉันดอก”
       เสมายิ้มดีใจ
       “แม่หญิงยังจำดอกจำปีของเสมาได้ ถึงตาย เสมาก็ดีใจแล้ว”
       เรไรทิ้งค้อน ไม่พูดด้วย เสมาหน้าจ๋อยทันที
       “อ้ายเสมารู้หมดแล้วว่าแม่หญิงต้องมัวหมองด้วยเหตุใด เลยอยากจะกราบขมาแม่หญิงสักครั้ง ขอแม่หญิงอภัยให้เสมาเถิด”
       “ไม่ต้องขอขมาดอก แค่อยู่ห่างฉันไว้จะได้ไม่ต้องมีใครนินทาให้เสื่อมเสียอีก ฉันก็พอใจแล้ว”
       “เสมารู้ว่าเกิดมาเป็นช่างตีเหล็กต่ำต้อย แค่คิดก็ทำให้แม่หญิงเสื่อมเสียแล้ว หากเลือกเกิดได้ เสมาก็อยากเกิดในตระกูลสูง จะได้เป็นหน้าเป็นตาแก่แม่หญิง” เสมาพูดด้วยความน้อยใจ
       เรไรหน้าเสีย เริ่มรู้สึกว่าทำเกินไป และไม่ใช่ความผิดของเสมาที่เกิดมาแย่กว่าตน เสมานิ่งขรึมๆซึมๆ ก่อนจะตัดใจเดินเลี่ยงไป
       “ไม่มีผู้ใดเลือกเกิดได้ดอกเสมา” เรไรพูดตามหลัง
       เสมาชะงักหยุดกึกแล้วหันกลับไปฟังเรไร
       “แต่หากมีสติปัญญาแลความเพียร ก็จะสร้างศักดิ์ฐานะแก่ตนเองได้ไม่ใช่รึ จะกลัวไปใยว่าสู้ผู้อื่นไม่ได้”
       เสมาฟังแล้วก็ดีใจมาก เพราะรู้ว่าเรไรให้โอกาสแม้จะไม่พูดตรงๆ
       “คำสอนของแม่หญิง อ้ายเสมาจะจำไว้ขึ้นใจ หากไม่ตายเสียก่อน ศักดิ์ฐานะใดที่เสมาได้มี ก็จะเอามากองต่อหน้าแม่หญิงให้จงได้”
       เรไรทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
       “ฉันไม่อยากได้ของๆใคร พ่อเสมาจะกระทำสิ่งใดก็ทำเพื่อตัวเองเถิด ไม่ต้องเผื่อแผ่ถึงฉันดอก”
       พูดแล้วเรไรก็เบือนหน้าจะเดินไปแต่เสมารีบตามมาตื้อ
       “ประเดี๋ยวแม่หญิง เสมามีเรื่องจะขอแม่หญิงสักข้อ”
       เรไรหันมองที่เสมาแล้วปั้นหน้าปนรำคาญเล็กน้อย เสมาทำสีหน้าออดอ้อน
       “อีกไม่นาน เสมาจะไปศึก งานกระทงโคมไฟปีนี้ แม่หญิงเมตตาลอยกระทงของแม่หญิงมาให้เสมาเก็บ ไว้เป็นมงคลสักหน่อยเถิด”
       “กระทงโคมไฟมีมากมายนัก จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นกระทงของฉัน”
       “ทุกปี บรรดาชาววังมักลอยกระทงโคมไฟที่หน้าวัดพุทไธสวรรย์ เสมาจะดักรออยู่ที่นั่น ส่วนข้อที่จะแยกแยะว่ากระทงใดเป็นของแม่หญิงได้นั้น ขอปัญญาแม่หญิงช่วยเสมาสักครั้งเถิด”
       เสมามองเรไรพร้อมยิ้มให้อย่างมีความหวัง
       “พูดเอาแต่ได้” เรไรพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง
       เรไรค้อนใส่แล้วเดินจากไปด้วยสีหน้าครุ่นคิดตลอดเวลาว่าจะทำยังไงดี ฝ่ายเสมามองตามเรไรไปอย่างคาดหวัง

       ยามสายในวันเดียวกัน ขันกำลังคุยกับดวงแขด้วยความดีอกดีใจ
       “จริงรึดวงแข ลอยกระทงโคมไฟปีนี้ แม่หญิงเรไรจะใส่สไบแดงจริงรึ” ขันพูดขึ้นด้วยความดีใจ
       “จริงสิพี่ขัน ฉันกับจำเรียงเข้าขบวนของพระสนมใส่สไบสีชมพู แม่เรไรอยู่ขบวนสมเด็จพระเจ้าหลานเธอใส่สไบสีแดง พี่ขันคอยหมายตาดูให้ดีก็แล้วกัน”
       “คืนนี้แหละ อ้ายขันจะได้ลอยกระทงโคมไฟคู่กับแม่หญิงเรไร สมใจเสียที” ขันพูดพลางกระหยิ่มยิ้มย่อง
       “พี่ขัน ฉันขอเถิดนะ พี่เลิกให้ร้ายแม่เรไรเสียทีเถิด รู้หรือไม่ว่าแม่เรไรถูกนินทาไปทั่วทั้งวังแล้ว”
       “พี่ทำไปก็เพื่อไม่ให้อ้ายเสมามันอาจเอื้อมถึงตัวแม่หญิงต่างหาก เป็นแค่ช่างตีเหล็กไม่เจียมกะลาหัว”
       “แต่พี่ทำเกินไปนัก”
       “เอาเถิด พี่จะไม่ทำอีกพอใจรึไม่ล่ะ พี่ไปล่ะนะต้องไปแต่งตัวรับงานลอยกระทงโคมไฟคืนนี้ก่อน” ขันรีบพูดตัดบทแล้วเดินเลี่ยงไปอย่างดีใจ
       ดวงแขมองตามพี่ชายด้วยความอ่อนใจ

       บ่ายวันนั้น กระทงของเรไร ตกแต่งเป็นรูปราสาทราชวังสวยงามโดยใช้ดอกจำปีร้อยต่อกันทำใบเสมาของปราสาท ตัวปราสาทแกะสลักจากพืชผักผลไม้ เรไรมองกระทงด้วยความพึงพอใจ บัวเผื่อนเดินถือกระทงที่ทำด้วยดอกบัวเข้ามาหาเรไร ทันทีที่บัวเผื่อนห็นกระทงของเรไรเข้าก็พูดว่า
       “ตายแล้ว ฉันนึกว่ากระทงฉันงามที่สุดแล้วเชียว ที่แท้ยังงามไม่ถึงครึ่งกระทงของแม่เรไรเพื่อนฉัน”
       เรไรยิ้มรับด้วยความภาคภูมิใจ บัวเผื่อนนั่งลงข้างๆเรไรแล้วดูกระทงด้วยความชอบใจ
       “ช่างคิดช่างประดิดประดอยนักเชียว ขนาดใบเสมายังใช้ดอกจำปีมาทำ”
       เรไรหน้าเจื่อนไปเพราะคิดว่า บัวเผื่อนจับได้เรื่องเสมา
       “เอ่อ ฉันเหนียวตัวนัก จะไปอาบน้ำอาบท่าให้คลายร้อนสักหน่อย ประเดี๋ยวค่อยคุยกันเถิดนะจ๊ะแม่บัวเผื่อน” เรไรรีบตัดบท
       เรไรถือกระทงของตนเดินเลี่ยงไปทันที บัวเผื่อนมองตามด้วยความแปลกใจ
       “พิลึก จู่ๆก็ลุกไปเสียเฉยๆ ยังกะมีลับลมคมในกระไรซ่อนอยู่”
       บัวเผื่อนมองตามเรไรด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น

       เย็นวันนั้น เสมาแต่งตัวดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วเดินลงจากเรือนของตนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เพื่อจะไปรอเก็บกระทงของเรไร แต่เสมาก็หน้าเจื่อนไปทันที เมื่อเห็นเอื้อยแตงและสมบุญยืนถือกระทงรออยู่หน้าเรือนคนละมุม เอื้อยแตงเหล่ๆมองสมบุญ แบบไม่ค่อยให้ความเป็นมิตรนัก
       เอื้อยแตงยิ้มแย้ม เข้าไปดึงแขนเสมา
       “พี่เสมา ฉันตั้งใจจะมาชวนพี่ไปลอยกระทงโคมไฟอยู่เชียว ไปกับฉันนะจ๊ะ”
       เสมาหน้าเสียรีบดึงมือเอื้อยแตงออกแล้ว่า
       “น่าเกลียดจริงเอื้อยแตง เอ็งเป็นสาวเป็นแส้แล้ว มาจับมือถือแขนผู้ชายได้อย่างไรวะ”
       “จะเป็นกระไรไป เราโตมาด้วยกันแท้ๆ ตอนเด็กๆฉันยังเคยเห็นพี่แก้ผ้าอาบน้ำอยู่เลย” เอื้อยแตงโวยวาย
       “นังเอื้อยแตง พูดจาบัดสี ข้าจะฟ้องอาแต้มให้ตีเอ็ง” เสมาตกใจไม่คิดว่าจะได้ยิน เอื้อยแตงทำเป็นลอยหน้าลอยตาไม่แคร์ เสมาเซ็ง ไม่รู้จะทำยังไง หันไปพูดกับสมบุญ
       “แล้วเอ็งมาทำกระไรวะอ้ายสมบุญ”
       สมบุญยิ้มหน้าบาน พลางมองเหล่เอื้อยแตง ยิ้มทะเล้น
       “ฉันจะมาชวนพี่ไปเที่ยวงานลอยกระทงโคมไฟด้วยกันจ้ะ ไม่คิดว่าพี่จะมีคนสวยที่เคยเห็นพี่แก้ผ้าอาบน้ำมาชวนตัดหน้าเสียแล้ว”
       เอื้อยแตงเหล่สมบุญกลับแบบไม่ค่อยพอใจ
       “อ้ายนี่ใครกันน่ะพี่เสมา”
       “ชื่ออ้ายสมบุญ เป็นเพื่อนแลลูกศิษย์ของข้าเอง”
       “ลูกศิษย์รึ งั้นก็ต้องไปออกศึกสิ ท่าทางล้นๆเกินๆ จะไม่ถูกพวกพม่ารามัญฟันตายดอกรึ”
       สมบุญถึงกับสะดุ้งแล้วเหวอไป
       “อ้าว แม่เอื้อยแตง จะออกศึกอีกไม่กี่วัน ไฉนแช่งกันได้ลงคอ”
       เอื้อยแตงเชิ่ดใส่ เสมาได้แต่ถอนใจ
       “ไม่ทันไรก็ปะฝีปากกันเสียแล้ว เอ้า พวกเอ็งจะไปงานลอยกระทงโคมไฟกันไม่ใช่รึ ชักช้า ข้าไม่รอนะโว้ย”

เสมาเดินนำไป เอื้อยแตงมองสมบุญตาขวางๆ ก่อนจะเดินตามไป สมบุญรีบตามไปติดๆ

อ่านต่อตอนที่ ๒
       .......................................................................................................

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับขุนศึก

๗. พระราชพิธีลอยพระประทีป เป็นหนึ่งในพระราชพิธีประจำเดือนสิบสอง ตรงกับวันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสิบสองของทุกปี โดยเชื่อกันว่าเป็นพิธีที่จัดขึ้นเพื่อขอขมาแม่พระคงคา และบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที โดยจะจัดทำกระทงขึ้น เป็นรูปร่างคล้ายดอกบัว แล้วปักธูปเทียนลงในกระทง จากนั้นก็เอาไปลอยในแม่น้ำ ซึ่งชาวบ้านมักจะเรียกกันติดปากว่า “ลอยกระทง” นั่นเอง

๘. ใบเสมาคือเครื่องหมายปักเขตสำหรับการที่พระสงฆ์จะทำพิธีกรรมทางพุทธศาสนา โดยใบเสมามีหลายรูปแบบ บางแบบทำจากหินแกะสลักไว้อย่างงดงาม โดยใบเสมาที่ขุดค้นพบบางอัน มีอายุนับพันปีทีเดียว
//www.manager.co.th/Drama/ViewNews.aspx?NewsID=9550000049410&Page=4



Create Date : 22 พฤษภาคม 2555
Last Update : 22 พฤษภาคม 2555 11:35:20 น. 0 comments
Counter : 1464 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

atitaya_t
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สวัสดีค่ะ ขอร่วม gang ด้วยคนค่ะ
Friends' blogs
[Add atitaya_t's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.