เก็บความทรงจำ..(^_^)..ความสนใจ โลกส่วนตัว ที่เราสร้างเอง
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2555
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
22 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 
ขุนศึก ตอนที่ 3-3

ขุนศึก ตอนที่ ๓ (ต่อ)

เสมากำลังรบกับสมิงโยคราชอย่างดุเดือด ในขณะที่สินและเหล่าทหารไทยก็กำลังสู้รบกับทหารพม่าอย่างหนักเช่นกัน สมิงโยคราชใช้ท่าไม้ตายฟันใส่เสมา แต่เสมาหลบได้หวุดหวิด เลยโดนพวกเดียวกันตายแทนสมิงโยคราชหันกลับมาฟันใส่เสมาอีก เสมาฟันสวนประกายดาบแลบเป็นไฟไปมา

       เสมาฟันสู้กับสมิงโยคราช ก่อนจะใช้ท่าไม้ตายฟันเข้าเต็มๆ สมิงโยคราชยกดาบขึ้นกันได้หวุดหวิด แต่ก็กระเด็นไปตามแรงดาบ ก่อนจะโดนเสมาเตะต่อยจนเลือดกบปากจนต้องรีบถอยไปตั้งหลัก
       ทางฝ่ายสิน ทหารพม่า 3-4 คนฟันดาบลงมาพร้อมกัน สินใช้ทวนรับ แต่ก็โดนพวกพม่ากดลงมากะให้สินทรุดลงแล้วจะได้รุมตามใจชอบ สินร้องลั่นเรียกพลัง ก่อนจะดันกลับจนพวกพม่ากระเด็นออกไปจนหมด

       ขณะนั้นเอง สินก็เหลือบไปเห็นธงของทัพพระราชมนูกำลังโบกสะบัดเพื่อบอกนายทหารทุกนายให้บุกสินตะโกนลั่น
       “พระราชมนูท่านแม่ทัพให้อาณัติสัญญาณแล้ว บุกเข้าไปให้ถึงทัพหลวงให้จงได้ บุกเข้าไป”
       พวกทหารไทยกำลังใจฮึกเหิม แต่ละคนสู้ตายอย่างไม่คิดชีวิต

       สมเด็จพระนเรศวรกำลังทรงพิโรธ เมื่อฟังรายงานจากสมบุญ
       “อ้ายราชมนูมันกล้าขัดคำสั่ง ไม่ยอมถอยทัพเชียวรึ”
       สมบุญถวายบังคมแล้วกล่าวว่า
       “พระพุทธเจ้าข้า พระราชมนูท่านให้มากราบบังคังทูลว่ากำลังไล่เลี่ยพอจักสู้ทัพพระเจ้าเชียงใหม่ได้ แลศึกติดพัน หากถอยก็เกรงเสียทีแก่ข้าศึกพระพุทธเจ้าข้า”
       พระเอกทศรถตรัสด้วยสีพระพักตร์เครียด
       “พระราชมนูคงไม่แจ้งในพระราชดำริ จึงไม่ยอมถอยทัพ หากเป็นเช่นนี้ กลศึกของเราคงมิสมแน่”
       “ตามอาญาศึก สั่งบุกแล้วไม่บุก สั่งถอยแล้วไม่ถอย ต้องตัดหัวสถานเดียว”
       สมเด็จพระนเรศวรหันไปสั่งจมื่นทิพย์รักษา
       จมื่นทิพย์รักษาถวายบังคม
       “พระพุทธเจ้าข้า”
       “เอ็งจงไปเร่งอ้ายราชมนูอีก หากมันยังมิยอมถอยทัพก็ให้ตัดศีรษะมันลงมา”
       นายทหารแต่ละคนพอเห็นสมเด็จพระนเรศวรทรงเด็ดขาดในอาญาทัพ แม้แต่ทหารเอกคู่ใจก็ไม่เว้นเลยยิ่งยำเกรงหนักขึ้น
       “รับด้วยเกล้าพระพุทธเจ้าข้า” จมื่นทิพย์ถวายบังคมลา
       จมื่นทิพย์รักษารีบสะพายดาบแล้วขี่ม้าออกไป
       ฝ่ายขันและพุฒ
       “เสียดายนัก ที่มิใช่ศีรษะอ้ายเสมา หาไม่แล้วฉันจะขอให้จมื่นทิพย์รักษาตัดเสียในทันใด”
       “ถึงจมื่นทิพย์รักษาไม่ตัดศีรษะมัน แต่หากลาดถอยทัพไม่ระวัง คงไม่แคล้วถูกอ้ายพวกข้าศึกรุมฆ่าเป็นแน่”
       ขัน และพุฒยิ้มร้ายๆแช่งชักหักกระดูกเสมาอยู่ในใจ

       ในสนามรบ เสมากระหน่ำฟันใส่สมิงโยคราช จนสมิงโยคราชต้องตั้งรับอย่างเดียว ก่อนจะโดนเสมาฟันถากไหล่เลือดอาบ แล้วโดนเสมาเตะต่อยจนล้มคว่ำลงกับพื้น เสมาจะเข้าไปซ้ำ แต่ทันใดนั้นก็เหลือบเห็นธงถอยทัพของพระราชมนูกำลังโบกสะบัดอยู่ เสมาตะโกนลั่น
       “ท่านแม่ทัพสั่งถอยแล้ว เร็ว ลาดถอยให้เป็นขบวนอย่าให้แตกฉาน”
       พวกทหารไทยงงกันไปหมด แต่เมื่อแม่ทัพสั่งถอยก็ต้องถอย เลยค่อยๆสู้พลางถอยพลางอย่างมีระเบียบ เพื่อไม่ให้ทหารพม่าตามซ้ำได้ สินเข้ามาหาเสมาบ่นเสียดายสุดๆ
       “กำลังไล่เลี่ยกัน เหตุใดสั่งถอยเสียเล่า”
       “เห็นทีจะมีกลศึกเป็นแน่ เอ็งจงคุมไพร่พลให้เร่งลาดถอย อย่าให้เสียขบวนเป็นอันขาด ข้าจะระวังหลังเอง”
       สินรีบไปจัดการคุมทหารล่าถอยตามที่เสมาสั่งทันที เสมารั้งอยู่เป็นคนสุดท้าย คอยต่อสู้ไม่ให้พวกทหารพม่าตามไปตีทหารไทย ฝ่ายสมิงโยคราช ค่อยๆได้สติ พอเห็นเสมาถอย ก็รีบลุกขึ้นไปเอาม้าศึกที่ไม่มีเจ้าของแล้วขี่ตามไปทันที

       สมิงโยคราชควบม้าตามหลังมา สมิงโยคราชฟันดาบใส่เสมา เสมาหันกลับมาใช้ดาบปะกัน แต่ด้วยความแรงเพราะสมิงโยคราชควบม้าอยู่ เสมาเลยผงะไป สมิงโยคราชหันกลับมาฟันซ้ำ เสมาตั้งรับอย่างลำบาก จนในที่สุดก็ถูกฟันที่ไหล่จนเลือดพุ่ง เสียหลักทรุดลงกับพื้น
       สมิงโยคราชเงื้อจะฟันเสมากะเอาให้ตาย แต่ทันใดนั้น สินก็พุ่งทวนเข้ามาหาสมิงโยคราช ฝ่ายสมิงโยคราชตกใจรีบใช้ดาบปัดทวนทิ้ง เสมาได้โอกาสจึงรีบกระโดดฟันดาบคู่ใส่สมิงโยคราช ตายคาหลังม้าทันที
       สินเห็นสมิงโยคราชตาย เลยรีบเข้ามาหาเสมา
       “พี่เสมา เป็นกระไรบ้าง”
       “เอ็งย้อนมาช่วยข้าทำกระไร รีบหนีไปประเดี๋ยวนี้”
       “หากฉันหนีเอาตัวรอด ก็ชั่วเกินชายแล้ว”
       ขาดคำ ทัพใหญ่ของพระเจ้าเชียงใหม่ก็ยกตามมาถึงมีไพร่พลมากมายเต็มไปหมด สุดลูกหูลูกตา สินได้แต่ยืนช็อกด้วยความตกใจไม่คิดว่าศัตรูจะมีมากขนาดนี้
       “พี่เสมา ทัพพระเจ้าเชียงใหม่ยกมามืดฟ้ามัวดินถึงเพียงนี้เทียวรึ”
       เสมาเพ่งมองไปยังข้าศึกด้วยสีหน้าและแววตามุ่งมั่น
       “ยอมตายดีกว่าถอยแม้เพียงก้าว กูขอเอาเลือดทาแผ่นดินตรงนี้ จารึกไว้ ถึงตัวกูตาย วิญญาณกูจะรักษาแผ่นดินนี้แทนกู” เสมาดึงผ้าออกมาฉีก แล้วมัดดาบกับมือให้ติดกับมือไว้ เพื่อกันดาบลื่นจากเหงื่อที่ไหลจนหลุดมือ
       “อ้ายสิน แม้ข้ากับเอ็งไม่ได้เกิดวันเดียวกัน แต่ดูท่าคงต้องตายวันเดียวกันแน่แล้ว”
       สินเก็บทวนคู่มือขึ้นมาแล้วบอก
       “จะเป็นกระไรเล่าพี่เสมา ได้ตายร่วมกับพี่เกิดมาไม่เสียชาติเกิดแล้ว”
       เสมายิ้มรับ ก่อนจะหันไปมองแหวนของเรไรที่นิ้วก้อยข้างขวาของตน เสมาหน้าขรึมลงแล้วพูดขึ้นเบาๆ
       “แม่หญิง อ้ายเสมาคงไม่มีวาสนาได้คืนแหวนให้แม่หญิงแล้ว” แล้วเสมาก็ยกแหวนมาจูบเบาๆ
       เสมาตัดใจแล้วกระชับดาบยืนเคียงข้างสินหมายจะฆ่าศัตรูให้ได้มากที่สุด พวกข้าศึกกรูกันเข้ามามืดฟ้ามัวดิน เสมาและสินพุ่งเข้าใส่อย่างไม่อาลัยชีวิตเพื่อปกป้องแผ่นดิน
       แต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงปืนดังขึ้น !!
       ทหารไทยจำนวนมากก็กรูกันออกมาจากที่ซุ่มแล้วยิงปืนใส่พวกข้าศึกจนข้าศึกล้มตายมากมาย สร้างความหวาดกลัวจนพวกข้าศึกต้องรีบหนีตายกันอุตลุต
       “เป็นกลศึกจริงๆ เรารอดแล้วพี่เสมา”
       เสมายิ้มดีใจก่อนจะตะโกนก้อง
       “อ้ายพวกข้าศึกมันหนีแล้วตามตีพวกมัน”
       เสมาและสินวิ่งเข้าหาข้าศึกบุกตะลุยอย่างไม่คิดชีวิต ทหารไทยโห่ร้องลั่น ต่างกุมอาวุธบุกเข้าหาข้าศึกตามเสมาทันที

       กองทัพไทยซุ่มโจมตีทัพพระเจ้าเชียงใหม่จนแตกพ่ายต้องถอยไปถึงเมืองกำแพงเพชรที่พระมหาอุปราชาตั้งทัพอยู่ พระเจ้านันทบุเรงทรงกริ้วพระเจ้าเชียงใหม่มาก แต่ถ้าจะเอาผิดก็กลัวพระเจ้าเชียงใหม่จะกบฏ เลยมีรับสั่งให้พระเจ้าเชียงใหม่เร่งหาเสบียงอาหารจัดส่งมาให้พอกับกองทัพของพระองค์ ที่จะยกมาตีกรุงศรีอยุธยาด้วยตัวพระองค์เอง ซึ่งจะเป็นศึกใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เสียกรุงศรีอยุธยาเป็นต้นมา

       บ่ายวันหนึ่ง พันอินกำลังเดินคุยกับขุนรามเดชะด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
       “วานนี้ปล่อยทหารหัวเมืองสิ้นแล้ว แต่เจ้าเสมายังไม่ได้กลับบ้าน ฉันจึงวิตกว่าเสมายังเกรงความผิด แล้วเลิกทัพไปกับทหารหัวเมือง ไม่ยอมกลับแล้ว” พันอินพูดขึ้นด้วยความห่วงเสมา
       ขุนรามเดชะยิ้มๆ ในใจนึกอยากให้เป็นเช่นนั้น
       “ฉันได้กล่าวให้อภัยต่อหน้าท่านเจ้าคุณผู้ใหญ่แล้ว หากเจ้าเสมายังระแวง ฉันก็จนใจแล้วพี่พันอิน”
       พันอินถอนหายใจด้วยสีหน้าเครียดๆ ไม่รู้จะทำยังไง ขณะนั้นมีทาสหญิงคนหนึ่งในบ้านขุนรามเดชะเดินขึ้นเรือนมาแล้วนั่งพับเพียบลง
       “ท่านขุนเจ้าคะ หมื่นศึกอาสามาขอกราบพบเจ้าค่ะ”
       ขุนรามเดชะแปลกใจด้วยไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน
       “รีบเชิญท่านเข้ามาเถิด บอกว่าข้าติดมีแขกจะลงไปด้วยตัวเองมิได้ แลขอขมาท่านให้ดี”
       “เจ้าค่ะ”
       ทาสหญิงเดินเลี่ยงลงจากเรือนไป พันอินถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
       “ใครกันรึ หมื่นศึกอาสา”
       ขุนรามเดชะก็แปลกใจเช่นเดียวกัน
       “ฉันก็ไม่เคยได้ยินชื่อเช่นกันพี่พันอิน แต่เมื่อมาหาถึงเรือน คงมีเหตุกระมัง”
       ขณะนั้นเอง เสมาในชุดบรรดาศักดิ์หมื่น ก็เดินขึ้นเรือนมา เสมาเห็นพันอินเข้า ก็รีบเข้าไปคุกเข่ากราบเท้าพันอินทันที พันอินดีใจเป็นอย่างมาก
       “เสมา เจ้าเองรึ พ่อกำลังห่วงอยู่เชียว แล้วชุดนี่...”
       “สมเด็จพระราชโอรสทรงตั้งลูกเป็นหมื่นศึกอาสาแล้วขอรับ ต้องขอขมาที่ให้พ่อพันอินเป็นห่วงลูก แต่เสมาเพิ่งเลิกทัพประเดี๋ยวนี้ เพราะต้องเข้าขบวนถวายตัวขอรับ” เสมาพูดอย่างยิ้มแย้มภูมิใจ
       พันอินลูบหัวเสมาด้วยความปลาบปลื้ม
       “หมื่นศึกของพ่อเอ๋ย จงสิ้นเคราะห์เถิด แต่นี้ไปขอจงก้มหน้าประพฤติการอันควรด้วยเกียรติยศ ตำแหน่งขุนอันอยู่เบื้องหน้านี้จงอย่าประมาทเสีย อุตส่าห์สงวนตัวให้ถึงแก่ตำแหน่งนั้น พ่อก็ปลื้มใจนัก”
       “ขอรับ ลูกขอรับพรพ่อพันอิน จำไว้ใส่ใจขอรับ”
       เสมาหันไปพนมมือต่อหน้าขุนรามเดชะแล้วกล่าวว่า
       “แม้นข้าพระเจ้าจักเคยขอขมาพระคุณที่กลางศึกแล้ว แต่ยังไม่ใคร่สบายใจ ด้วยข้าพระเจ้าได้กระทำการชั่วช้าล่วงเกินพระคุณไปมากนัก ขอพระคุณอย่าได้ถือโทษแก่ข้าพเจ้าเลยขอรับ” เสมาก้มลงกราบ
       ขุนรามเดชะรับไหว้อย่างเสียไม่ได้ ไม่ค่อยพอใจแต่ด้วยความเป็นผู้ใหญ่จะโกรธต่อก็ดูจะไม่ดี พันอินมองเสมายิ้มด้วยความชื่นชมและเมตตา

       เย็นวันนั้น เสมาและเรไรก้มลงกราบพระประธานภายในวัดพร้อมกัน ก่อนจะหันมองหน้ากันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุข ทั้งคู่เดินคุยกันออกมาจากโบสถ์
       “แล้วพ่อว่ากระไรต่อจ๊ะ”
       “ออกขุนจักว่ากระไรได้ นอกจากให้ศีลให้พรข้าพระเจ้า พระคุณคงหายเคืองอ้ายเสมาแล้ว”
       เรไรหน้าขรึมลงอย่างรู้นิสัยขุนรามเดชะแต่ไม่กล้าพูด เสมามองเรไรด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ก่อนจะถอดแหวนของเรไรที่นิ้วก้อยข้างขวาออกมา
       “เมื่อแรก ข้าพระเจ้าตั้งใจจักคืนแหวนปากโมกน้อยนี้แก่แม่หญิง แต่บัดนี้ ข้าพระเจ้าใคร่จะเก็บไว้เอง ขอแม่หญิงเมตตาประทานแหวนน้อยนี้แก่เสมาเถิด”
       เรไรทิ้งค้อนเบาๆแล้วว่า
       “คนช่างขอ ดอกจำปีก็แล้ว คำหมากแลยาสูบก็แล้ว ยังจักขอแหวนอีก ช่างโลภไม่รู้จักพอเสียเลยหมื่นศึกอาสา”
       “เสมาหาได้โลภอยากได้ของไม่ แต่แหวนนี้เป็นสาเหตุสำคัญให้ข้าพระเจ้าได้ตำแหน่งหมื่นศึกอาสา จึงอยากสวมไว้เพื่อคุ้มเสมายามออกศึก แลเพื่อรำลึกถึงเจ้าของแหวนซึ่งมีอุปการะแก่เสมา”
       เรไรแกล้งตีหน้าตายแล้วว่า
       “หมื่นศึกเอากระไรมาพูด ฉันเป็นเพียงหญิง จักมีอุปการะแก่ใครได้เล่า”
       “มีได้ซีแม่หญิง ในเมื่อยศศักดิ์ของเสมานี้ก็ได้มาเพราะน้ำคำแม่หญิงทั้งสิ้น แม่หญิงบอกเสมาว่า บุรุษในเรือนทาสหรือบ่าวไพร่ราบไพร่เลวก็ตามแต่กรรม ผิว่าบุรุษนั้นจักรุ่งเรืองเป็นหมื่นเป็นขุนเมื่อใด เมื่อนั้นศักดิ์ตระกูลก็จักเฟื่องขึ้น”
       “ยังจำได้อีกรึ” เรไรพูดแล้วทำเขินอายหลบสายตาเสมา
       “ทุกคำของแม่หญิง ข้าพระเจ้าจักลืมได้เยี่ยงไร...”
       เสมาจะยื่นมือไปจับมือเรไร แต่ชะงักไว้เพราะกลัวจะล่วงเกินเรไรและทำให้เรไรโกรธขึ้นมาอีก เสมาเลยหันไปจับชายสไบของเรไรแทนจนเรไรเขินอาย หน้าแดง
       “เสมาปรารถนาเป็นทหาร อาสาด้วยดวงใจถวายแผ่นดินเป็นกตัญญู แต่ยศศักดิ์ทั้งปวง เสมาถวายแด่แม่หญิงเรไรเพียงผู้เดียว”
       เสมาสบตาเรไรด้วยสายตากรุ้มกริ่ม เรไรเขินอายหลบสายตา แต่ในใจมีความสุขที่สุด

       สินกำลังยกไหเหล้าขึ้นดื่มอยู่กับชาวบ้านชาย 3-4 คนภายในร้านเหล้าบริเวณตลาดในช่วงเวลาเย็น ทันทีที่เหล้าผ่านลำคอ สินถึงกับทำหน้าเหยเก เพราะเหล้าแรงมากแต่ก็สะใจ
       “นี่มันสุรากระไรกัน แรงดีแท้”
       ชาวบ้านชายคนหนึ่งถามขึ้นว่า
       “ชอบหรือไม่เล่าออสิน”
       สินตบบ่าชายชาวบ้านอย่างแรง
       “ชอบซีวะ สุรากับข้ามันไม่ก็ต่างกระไรจากเนื้อคู่หนังคู่ หากไม่ติดว่าต้องช่วยพี่เสมาตีดาบขาย ข้าจะดื่มกับพวกเอ็งให้หนำใจยันมืดเทียว” สินหัวเราะร่วนจะยกไหเหล้าขึ้นดื่มอีก
       ทันใดนั้น สายตาของสินก็เหลือบไปเห็นเอื้อยแตงกำลังยืนคุยกับชาวบ้านหญิงคนหนึ่งอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส เอื้อยแตงดูสวยน่ารัก ตรงสเป็กสินไปหมด กามเทพแผลงศรเข้าเต็มๆ สินถึงกับมือไม้สั่นจนเหล้าหกอย่างไม่รู้สึกตัว ชายชาวบ้านรีบแย่งไหเหล้ามา
       “เฮ้ยๆๆ อุบ๋า เป็นไข้จับสั่นรึ ออสิน สุราหกไปโข เสียดายนัก”
       สินรีบล็อกคอชายชาวบ้านแล้วชี้ไปที่เอื้อยแตงพลางถามว่า
       “แม่หญิงผู้นั้นเป็นใครกันวะ”
       “ข้าก็เพิ่งมาจากวิเศษไชยชาญด้วยกันกับออสิน จะรู้ได้กระไรว่านางเป็นใคร”
       สินหงุดหงิดแล้วผลักหน้าชายชาวบ้านออกไปทันที
       “โง่แท้ ไม่ได้เรื่องได้ราวเลย ... สมเป็นหญิงอโยธยา ช่างงามหมดจด”
       เอื้อยแตงรับถุงใส่เบี้ยเสร็จก็เดินจากไป สินหันมองตามจนเหลียวหลัง จนลืมเหล้าของโปรดไปเลย
       “จะได้เมียต้องใจก็ครานี้แหละอ้ายสิน” สินพึมพำขึ้นพลางยิ้มปลาบปลื้มอย่างหลงเสน่ห์

       บุญเรือนร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเศร้าเสียใจ ในขณะที่มั่นยืนอยู่ใกล้ๆด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เต็มไปด้วยความทุกข์ใจ เมื่อตอนหัวค่ำ เป็นจังหวะเดียวกับเสมากำลังเดินขึ้นเรือนมาด้วยความดีอกดีใจ
       “พ่อจ๋าแม่จ๋า ฉันกลับมาแล้วจ้ะ”
       มั่นกับบุญเรือนเมื่อเห็นเสมากลับมาก็ดีใจ รีบเข้าไปหาลูกทันที เสมาก้มลงกราบพ่อแม่ก่อนจะลุกขึ้นมากอดพ่อแม่
       “เสมา เหตุใดหายไปเสียนาน พ่อนึกว่าจะไม่ได้ปะหน้าเจ้าแล้ว”
       “ฉันขอขมาเถิดจ้ะพ่อ อ้ายเสมาหนีไปเป็นทหารอาสา สังกัดขุนฤทธิ์พิชัยท่าน ที่วิเศษไชยชาญ สิ้นศึกจึงได้กลับมา บัดเดี๋ยวนี้ ฉันได้เป็นหมื่นศึกอาสาแล้วจ้ะพ่อ”
       “หมื่นศึกอาสาเชียวรึลูกพ่อ บุญของเอ็งนัก”
       บุญเรือนซับน้ำตาดีใจที่ได้เห็นลูก และเริ่มมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
       “เอ็งได้เป็นถึงหัวหมื่น คงมั่งมีแล้วกระมัง เช่นนั้นก็เมตตาช่วยน้องมันสักหน่อยเถิด”
       “กระไรหรือจ๊ะแม่ จำเรียงเป็นกระไรไป” เสมาถามขึ้นด้วยความแปลกใจ

       ในเวลาต่อมา จำเรียงกำลังร้องห่มร้องไห้อย่างสะอึกสะอื้นคุยกับเสมาอยู่
       “ฉันจะรู้ได้กระไร ว่าหนี้ที่ยืมมารักษาแม่จะเพิ่มพูนมากถึงปานนี้ หากรู้ มีรึฉันจะยืมพี่พันฤทธิ์”
       “เพราะเอ็งไม่เชื่อคำข้า ประมาทหมิ่นข้าที่เป็นพี่เอ็ง แต่กลับไปหลงเชื่อคำอ้ายขันมัน”
       “ฉันยังทุกข์ไม่พออีกรึ พี่ถึงซ้ำฉันด้วยวาจาอีก สาแก่ใจพี่แล้วซี”
       “เอ็งเป็นน้องข้า ชั่วดีถี่ห่างกระไรก็ยังเป็นน้อง มีรึที่ข้าจะสาแก่ใจ สมน้ำมะหน้าเอ็ง แต่หนี้ออกโขถึงปานนี้ข้าจักเอาเบี้ยที่ใดมาใช้คืนอ้ายขันมัน”
       “พี่เป็นหัวหมื่นแล้วสูงกว่าพี่พันฤทธิ์เสียอีก เหตุใดไม่มีเล่า”
       “ข้าเป็นแต่ทหารอาสา แม้นจักมียศหมื่นแต่หามีศักดินาไม่ แล้วจะมั่งมีเหมือนคนอื่นได้เช่นไร”
       จำเรียงปล่อยโฮลั่น
       “ถ้ากระนั้น ฉันก็คงต้องตากหน้าไปเป็นทาสเพื่อขัดดอกแล้ว”
       “อย่าฟูมฟายไปเลย หนี้เกิดแต่เอามารักษาแม่ หาใช่เอ็งเอามาทำชั่วไม่ ข้าจักใจจืดใจดำปล่อยให้เอ็งไปเป็นทาสกระไรได้ อย่างไรเสีย ข้าก็ต้องช่วยเอ็ง แต่นี้ต่อไป เอ็งต้องห้ามข้องเกี่ยวกับอ้ายขันอีก รู้หรือไม่”
       “แต่ก่อนพี่พันฤทธิ์ดีกับฉันนัก หากมิใช่พี่ผิดใจกับเค้า พี่พันฤทธิ์ก็คงไม่ทำกับฉันเช่นนี้ดอก เหตุมันเกิดแต่พี่นั่นแหละ”
       จำเรียงหันไปร้องไห้ฟูมฟายต่ออีก เสมาได้แต่มองน้องด้วยความอ่อนใจ ขนาดนี้ยังไม่เลิกหลงขันอีก

       คืนวันเดียวกัน ...ขันกำลังใช้ดาบสองมือสู้กับศิษย์ครูบ่าย 4-5 คนอย่างดุเดือด ครูบ่ายและพุฒกำลังยืนดูการต่อสู้ของขันด้วยความพอใจ ฝีมือขันก้าวหน้ากว่าเดิมมาก ขันใช้ดาบสองมือไล่ฟาดฟัน แม้จะมีแค่คนเดียวแต่คู่ต่อสู้ก็ทำอะไรไม่ได้ ก่อนจะโดนขันเล่นงานจนพ่ายแพ้ไปทุกคน
       ขันยื่นดาบให้ศิษย์คนอื่นรับไป แล้วเดินเข้าไปหาครูบ่ายและคุกเข่าไหว้ ครูบ่ายตบบ่าขันด้วยความพอใจ
       “ร้ายนักพันฤทธิ์ เพียงไม่กี่เดือนเพลงดาบสองมือของข้าก็สิ้นกระบวนจะสอนแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเองว่าจะแตกฉานเพียงไร”
       “เพราะครูท่านเมตตา หาไม่แล้ว ฝีมือของข้าพระเจ้าคงไม่รุดหน้าเร็วถึงเพียงนี้”
       “เช่นนี้ก็ใกล้เพลา จะทวงถามความอัปยศคืนจากอ้ายเสมาแล้วกระมัง” พุฒว่า
       “แน่แล้วพันจบ มิใช่แค่อ้ายเสมาจักต้องพ่ายแพ้แก่มือฉันเท่านั้น แต่แผ่นดินอโยธยา ฉันก็จะไม่ให้มันมีที่ยืนอยู่ได้”

       เสมาเอาถุงใส่เงินยื่นให้ดวงแขรับไปในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น
       “นี่เป็นเบี้ยคราวออกรบของเสมามิใช่รึ ให้ฉันหมด แล้วเสมาจะใช้กระไร” ดวงแขพูดขึ้นด้วยความไม่สบายใจ
       “ขอบน้ำใจแม่หญิงที่ห่วงข้าพระเจ้า แต่อ้ายเสมา ชำนาญในการตีดาบเร่ขายเหล็ก ถึงกระไรก็คงไม่อดตาย ขอแม่หญิงจงรับดอกเบี้ยนี้ไว้เถิด หากมีต้นเงินเมื่อใด อ้ายเสมาจะนำมาชดใช้คืน”
       “เสมาก็รู้มิใช่รึ ว่าพี่ขันให้จำเรียงยืมเงินครานี้หาใช่เรื่องดีไม่”
       “ข้าพระเจ้าแจ้งใจอยู่ แต่ถึงกระไร เงินนี้ก็นำมารักษาแม่จริง หากข้าพระเจ้าบ่ายเบี่ยง ก็ถือว่าเป็นคนคดโกงแล้ว”
       ดวงแขยิ้มบางๆ มองเสมาด้วยสายตาชื่นชมในความซื่อสัตย์ของเสมา
       “เอาเถอะ ฉันจะลองคุยกับพี่ขันให้อีกที”
       “น้ำใจแม่หญิงช่างงามไม่แพ้รูปกาย ผิดพี่ผิดเชื้อนัก”
       ดวงแขแอบเอียงอายปลาบปลื้ม

       ตอนสายที่บริเวณศาลาท่าน้ำบ้านของขัน ขันกับดวงแขสนทนากันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
       “น้องอย่าพูดอีกเลย ถึงกระไรพี่ก็หาเปลี่ยนใจไม่”
       “แต่พี่ขันทำเช่นนี้ ก็เหมือนแกล้งให้เสมากับจำเรียงตายเสียทั้งเป็น เพราะถึงอย่างไร เสมาก็คงยากที่จะหาต้นเงินมาใช้คืนได้”
       ขันยิ้มร้ายแล้วว่า
       “พี่ก็ต้องการเยี่ยงนั้น เมื่อใดอ้ายเสมาหามีดอกเบี้ยมาใช้พี่ไม่แล้ว พี่ก็จักยึดนังจำเรียงมาเป็นทาส หยามน้ำมะหน้าอ้ายเสมามันเสีย”
       “พี่ขัน นี่พี่ชังเสมาถึงเพียงนี้เชียวรึ”
       “พี่ชิงชังมันยิ่งกว่าผู้ใด มันทำให้พี่ได้อายแลเจ็บถึงเจียนตาย แม้แต่แม่หญิงเรไรที่พี่หมายปองมานาน ก็กลับมีใจให้มัน หากพี่ไม่ล้างอัปยศก็เสียทีที่เป็นชายแล้ว”
       “แต่...”
       “แม่ดวงแข คงไม่เห็นผู้อื่นดีกว่าพี่กระมัง” ขันพูดดักคอแล้วจ้องหน้า
       ดวงแขหลบสายตาไป
       “ถึงกระไรเสีย เราก็เป็นพี่น้องคลานตามกันมา แม่ดวงแขคงไม่ลืมดอกนะ”
       ดวงแขหน้าเจื่อนไปที่เจอขันพูดดักคอจนพูดอะไรไม่ออก ขันเหล่ๆ มองดวงแขอย่างจับผิดและเอาเรื่อง

       บัวเผื่อนกำลังคุมจำเรียงและข้าหลวงคนอื่นๆทำความสะอาด ข้าวของเครื่องใช้มีค่า ทั้งเครื่องลายคราม เครื่องแก้วจากต่างประเทศ และอื่นๆอยู่ จำเรียงยืนเหม่อ คิดถึงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นจนไม่มีสมาธิทำอะไร
       “ข้าวของประดานี้ ล้วนแต่มีค่าหายากทั้งสิ้น เสด็จท่านได้มาจากเมืองจีนบ้าง โปรตุเกสบ้าง จะหยิบจะจับกระไร ก็ระมัดระวังกันไว้ให้ดี ประเดี๋ยวจะหาว่าฉันไม่เตือน... แม่จำเรียง แม่จำเรียง”
       จำเรียงเพิ่งรู้สึกตัว
       “เจ้าคะ แม่หญิงบัวเผื่อน”
       “เป็นกระไร จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว”
       จำเรียงหน้าจ๋อยไป
       “ไม่มีกระไรเจ้าค่ะ”
       “ไม่มีกระไรก็ดี เอาเครื่องแก้วที่เช็ดถูแล้ว ไปวางตรงชั้นด้านโน้นซี”
       “เจ้าค่ะ”
       จำเรียงเดินไปหยิบเครื่องแก้ว พอจำเรียงเดินถือเครื่องแก้วมา บัวเผื่อนก็แกล้งมองไปทางอื่น แล้วเดินชนจำเรียงจนเครื่องแก้วหล่นแตกกระจายทันที จำเรียงตกใจหน้าซีดเผือด ทำอะไรไม่ถูก บัวเผื่อนแกล้งทำเป็นโกรธ เสียงโวยลั่นเสียงดัง
       “ตายแล้ว คุณพระคุณเจ้าช่วย นี่หล่อนทำกระไรของหล่อนแม่จำเรียง รู้หรือไม่ว่าเครื่องแก้วพวกนี้มีราคาค่างวดเพียงใด” จำเรียงรีบคุกเข่าลง ตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัว บัวเผื่อนแอบสะแหยะยิ้มร้าย

       ในเวลาต่อมา บัวเผื่อนผลักจำเรียงออกจากประตูวังพร้อมห่อผ้าใส่ข้าวของและเสื้อผ้าส่วนตัว โดยมีนางข้าหลวง 3-4 คนยืนเป็นลูกคู่อยู่ด้วย จำเรียงร้อนใจสุดๆ เข้าไปกอดแขนบัวเผื่อนเพื่ออ้อนวอน
       “แม่หญิงบัวเผื่อน เมตตาด้วยเถิดเจ้าค่ะ อย่าขับจำเรียงออกจากตำหนักเลย จำเรียงสำนึกผิดแล้ว เมตตาด้วยเจ้าค่ะ”
       บัวเผื่อนดึงมือจำเรียงแล้วผลักออกแล้วบอกว่า
       “เพียงแค่ขับออกจากตำหนักยังไม่เมตตาพออีกรึ”
       เมื่อบัวเผื่อนจะเดินกลับ จำเรียงรีบเข้าไปกอดขาบัวเผื่อนไว้ทันทีแล้วร้องไห้
       “จำเรียงผิดไปแล้ว อภัยด้วยเถิดเจ้าค่ะ จำเรียงเป็นหนี้เป็นสินโขอยู่ หากถูกขับออกจากตำหนัก แล้วจะเอาเบี้ยเอาอัฐที่ใดใช้หนี้เล่าเจ้าคะ เมตตาจำเรียงด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
       “หล่อนจะมีหนี้เท่าใด ก็หาใช่กงการกระไรของฉันไม่ ปล่อยฉันได้แล้ว”
       จำเรียงร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่ไม่ยอมปล่อยจนบัวเผื่อนต้องหันไปสั่งข้าหลวงคนอื่น
       “ยืนเฉยทำกระไร เอาออกไปซี”
       พวกนางข้าหลวง ช่วยกันดึงตัวจำเรียงออกมา
       “ แม่หญิง แม่หญิงบัวเผื่อน แม่หญิงเจ้าคะ”
       บัวเผื่อนกับพวกนางข้าหลวงเดินเข้าวังไป ทิ้งให้จำเรียงนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว จำเรียงจะเข้าไปเก็บห่อผ้าของตน แต่มีมือข้างหนึ่งหยิบห่อผ้าขึ้นมาให้
       เรไรเป็นคนช่วยเก็บห่อผ้าให้จำเรียง
       “แม่หญิงเรไร” จำเรียงเรียกเสียงสะอึกสะอื้น
       เรไรถอนหายใจออกและมองจำเรียงด้วยความสงสาร พร้อมกับคิดว่าจะหาทางช่วยยังไง

       เย็นวันนั้น สินกำลังตีเหล็กอยู่ แต่สายตาจ้องเขม็งไปที่เอื้อยแตงซึ่งกำลังคุยอยู่กับเสมาที่หน้าร้าน ในขณะที่สมบุญกำลังขนเหล็ก ทำงานเล็กๆน้อยๆอยู่ใกล้ๆ เอื้อยแตงถอนใจแล้วว่า
       “แต่เกิดมา ฉันมิเคยเห็นหัวหมื่นหัวพันใด ยากจนอย่างพี่มาก่อน แล้วหนี้สินออกโขปานนี้ พี่จะเอาที่ใดไปชดใช้ ไม่ตีเหล็กจนตายคาทั่งรึ”
       “เรื่องดาบข้ายังพอสู้ แต่เรื่องปาก ข้ารับว่าสู้เอ็งไม่ได้”
       เอื้อยแตงกระหยิ่มยิ้มย่อง
       เสมาแบมือออก
       “เอาค่ามีดมาเถิด ข้าจะได้กลับเรือนเสียที”
       “ทนฟังเรื่องจริงไม่ได้รึ” เอื้อยแตงยิ้มขำพลางหยิบถุงใส่เงินส่งให้เสมา
       “แล้วฉันจะหาเหล็กมาให้ตีอีก เผื่อชาตินี้พี่จะได้หมดหนี้”
       เสมายิ้มขอบใจให้เอื้อยแตงที่อมยิ้มปลื้มใจที่ได้ช่วยชายที่ตนหมายปองก่อนจะเดินอารมณ์ดีกลับไป สินรีบลุกมาหาสมบุญอย่างกระตือรือร้นทันที
       “อ้ายบุญๆ แม่หญิงที่เพิ่งกลับไป ชื่อกระไรวะ”
       “เอื้อยแตงอยู่บ้านสัมพนี แม่เอื้อยแตงเอาเหล็กมาให้พี่เสมาตีแล้วขายเอาเบี้ยแบ่งกัน”
       “แม่เอื้อยแตง งามทั้งชื่อทั้งคน” สินยิ้มเคลิ้มเล่นเอาสมบุญตกใจ
       “เอ็งถูกใจแม่เอื้อยแตงรึ”
       สินมองสมบุญตาเขียวปั้ดด้วยความหึงหวง
       “รึเอ็งก็ชอบแม่เอื้อยแตงด้วย เช่นข้า”
       “ชอบกระไรได้ แม่เอื้อยแตงงามก็จริง แต่ปากร้ายนัก ฉันชอบไม่ลงดอก” สมบุญบอก
       สินตบเข่าฉาดถูกใจเพราะไม่ต้องมีคู่แข่ง
       “เช่นนี้สิวะดี ถูกใจข้า” สินหัวเราะชอบใจ
       สมบุญมองสินอย่างงงๆ ยิ่งเห็นอาการกระเหี้ยนกระหือรือก็ยิ่งไม่เข้าใจ
       เสมา กำลังเก็บของเตรียมจะกลับบ้าน ขณะนั้นเอง พิณก็เดินเข้ามาหาเสมา
       “หมื่นศึก”
       เสมาเห็นพิณมาหาก็รู้สึกแปลกใจ

       เวลาต่อมา เสมากำลังเดินคุยกับเรไรที่มีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ที่บริเวณชายคลอง
       “ฉันเห็นจำเรียงแล้ว ก็ให้เวทนานัก แต่ครั้นจะให้เงินไปใช้หนี้ ก็เกรงเสมาจะเคือง จึงต้องมาถามก่อน”
       “แม่หญิงทำถูกแล้ว อ้ายเสมาไม่กล้ารับเงินของแม่หญิงดอก หนี้สินของข้าพระเจ้า ข้าพระเจ้าก็ควรจะชดใช้เอง”
       “แต่หนี้สินมากโขนัก เมื่อใดเสมาจักใช้หมดเล่า ยิ่งจำเรียงโดนขับออกจากตำหนักแล้ว ฉันยิ่งมองไม่เห็นทาง”
       “แม้นจะลำบากเพียงใด เสมาก็ต้องชดใช้ให้จงได้ แต่เรื่องยืมเงินแม่หญิงนั้น เสมาขอเถิด อ้ายเสมาเป็นชาย หากต้องหยิบยืมเงินของหญิงที่หมายปอง มาชดใช้หนี้ของตนแล้ว ศักดิ์ของชายจะมีค่าอันใด”
       เรไรเบือนหน้าไปทางอื่นแก้เขิน
       “หากคิดเช่นนั้นก็ตามใจเถิด แต่ถ้าเสมาจวนตัว ก็ขอให้คิดถึงฉันไว้คนแรก”
       เสมามองเรไรด้วยสายตากรุ้มกริ่มแล้วจับชายสไบของเรไร
       “แม้นไม่จวนตัว ข้าพระเจ้าก็คิดถึงแม่หญิงนัก แท้ที่จริง เสมาเป็นลูกหนี้แม่หญิงนานแล้ว นับแต่วันที่เชิญขอนให้แม่นั่ง อ้ายเสมาก็เป็นหนี้รักแม่หญิง ไม่มีวันไถ่ถอนได้” เสมาจูบชายสไบของเรไร
       เรไรเขินอายด้วยความรักนวลสงวนตัวจนต้องเบือนหน้าหลบไปทางอื่น เสมายังคงยึดครองชายสไบไว้หอมแนบแก้มดมกลิ่นกายเรไรด้วยความรักใคร่ใหลหลง

อ่านต่อหน้า ๔ 

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับขุนศึก

๒๑. บรรดาศักดิ์ คือระดับชั้น หรือยศของขุนนางไทยในสมัยโบราณ มี ๙ ระดับ คือ นาย พัน หมื่น ขุน หลวง พระ พระยา เจ้าพระยา และ สมเด็จเจ้าพระยา

๒๒. ทาส หมายถึง บุคคลที่ถูกนับสิทธิ์เสมือนสิ่งของของผู้อื่น ไม่มีอิสระในการดำรงชีวิต และไม่ได้รับค่าตอบแทนจากเจ้าของ และหากไม่เชื่อฟังคำสั่ง อาจถูกลงโทษได้ตามแต่เจ้าของจะกำหนด ยกเว้นเป็นการกระทำที่ทำให้ถึงแก่ความตาย
//www.manager.co.th/Drama/ViewNews.aspx?NewsID=9550000052142&Page=3



Create Date : 22 พฤษภาคม 2555
Last Update : 22 พฤษภาคม 2555 11:48:12 น. 0 comments
Counter : 859 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

atitaya_t
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สวัสดีค่ะ ขอร่วม gang ด้วยคนค่ะ
Friends' blogs
[Add atitaya_t's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.