เก็บความทรงจำ..(^_^)..ความสนใจ โลกส่วนตัว ที่เราสร้างเอง
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2555
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
22 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 
ขุนศึก ตอนที่ 1-2

ขุนศึก ตอนที่ ๑ (ต่อ)

เสมาโผล่ขึ้นมากลางคลอง พยายามมองหาดวงแขที่ตกน้ำแต่ก็ไม่เจอ เรไรซึ่งอยู่บนเรืออีกลำ เห็นชายฉกรรจ์ที่พยายามจะเข้าไปช่วยคือเสมาก็ร้องเรียกด้วยความประหลาดใจปนดีใจ

       “เสมา”
       แต่เสมาไม่ทันสังเกตเห็นเรไร รีบดำน้ำลงไปใหม่ จนในที่สุดก็พาดวงแขขึ้นมาจากน้ำจนได้ เสมาพาดวงแขว่ายเข้าหาฝั่ง เรไรชะเง้อมองตามด้วยความโล่งอกที่เสมาช่วยดวงแขขึ้นมาได้ เสมาพยายามเขย่าตัวดวงแขให้รู้สึกตัว
       “แม่หญิงๆ”
       ดวงแขสำลักน้ำก่อนที่จะค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น ดวงแขเห็นเสมากำลังยิ้มให้ตน
       “แม่หญิง ฟื้นแล้ว”
       ดวงแขตกใจรีบกระเถิบหนีด้วยความเขินอายที่ฟื้นขึ้นมาท่ามกลางอ้อมอกของชายหนุ่ม เสมาแปลกใจกับท่าทีของดวงแข
       “เป็นกระไรไปแม่หญิง”
       ดวงแขเขินอาย อึกๆอักๆ พูดอะไรไม่ออก ทันใดนั้นเอง ลูกหนี้กับพวกโจรที่ใช้ผ้าคลุมปิดบังหน้าตา ก็ขึ้นมาบนฝั่งเพื่อจับตัวดวงแข
       “ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง ไสหัวไป” ลูกหนี้พูดตะคอกใส่เสมา
       “รอประเดี๋ยวนะแม่หญิง”
       “ระวังตัวด้วย” ดวงแขพูดด้วยความเป็นห่วง
       เสมายิ้มรับ ก่อนจะลุกขึ้นตั้งการ์ดมวยไทยเตรียมสู้เต็มที่ พวกโจรกรูกันเข้ามาล้อมตัวเสมาไว้ เสมาตั้งการ์ดอย่างรัดกุม คอยจับตาดูพวกโจรแต่ละคน ไม่เปิดช่องให้รุมง่ายๆ
       เรไรซึ่งยังอยู่บนเรือ มองมาที่เสมาด้วยสีหน้าตกใจปนเป็นห่วง
       โจรคนหนึ่งพุ่งเข้าหาเสมา เสมาสวนด้วยแม่ไม้มวยไทย ประเคนหมัดเท้าเข่าศอกกลับไป โจรคนอื่นๆก็เข้ามารุมทันที แต่เสมาก็อาศัยชั้นเชิงที่เหนือกว่า เตะต่อย แทงเข่า ฟันศอก จนพวกโจรกระเด็นกระดอน บาดเจ็บกันไป
       ลูกหนี้ชักมีดสั้นออกมา แล้วเข้าจ้วงแทงเสมาทันที แต่เจอเสมาจับล็อกจนมีดหลุด เสมาเก็บมีดไว้ได้ แล้วต่อยลูกหนี้จนสลบเหมือดคาหมัด
       โจรอีกคนจะเข้าแทงเสมาทางด้านหลัง แต่เสมาใช้มีดที่แย่งมาได้ปาสวนกลับไป มีดปักมือโจรจนทะลุเลือดสาด โจรส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด พวกโจรที่เหลือหวาดกลัว เตลิดเปิดเปิงหนีกันไปจนหมด
       เรไรสั่งทาสให้พายเรือกลับเข้าฝั่ง
       “เข้าฝั่งไปรับแม่หญิงดวงแขก่อน”
       ฝ่ายดวงแขรีบเข้าไปหาลูกหนี้ที่สลบอยู่แล้วดึงผ้าปิดหน้าออกเพื่อจะดูหน้าตา
       “อ้ายชด” ดวงแขร้องขึ้นด้วยความตกใจ
       “แม่หญิงรู้จักรึ” เสมาถาม
       ดวงแขพยักหน้ารับแล้วบอก
       “จ้ะ เป็นลูกหนี้ของแม่ฉันเอง”
       เอื้อยแตงพายเรือมาถึง แล้วรีบลงจากเรือเข้าไปหาเสมาด้วยความเป็นห่วง
       “เป็นกระไรบ้างพี่เสมา”
       “ไม่มีกระไรแล้ว โดนข้าต่อยสลบไปหนึ่งคน ที่เหลือก็หนีกันไปหมด แต่มีสาหัสเพราะโดนมีดอยู่คน”
       “งั้นเรารีบไปกันเถิดพี่เสมา ประเดี๋ยวพวกกรมเมืองมา ฉวยหาว่าเราเป็นพวกโจรขึ้นมา จะเดือดร้อน” เอื้อยแตงบอก
       “ไม่ต้องกลัวดอกจ้ะ ฉันจะเป็นพยานให้”
       “ถึงกระนั้นก็ไม่เอาดอกจ้ะแม่ พวกฉันเป็นคนค้าขาย ไม่ชอบมีความ กับผู้ใด รีบไปเถิดจ้ะพี่เสมา” เอื้อยแตงพูดพลางดึงแขนเสมา
       เสมาโดนเอื้อยแตงลากไปเลยไม่ทันเห็นเรือของเรไรที่กำลังพายเข้าฝั่งมา เสมารีบตามเอื้อยแตงไปลงเรือ แล้วช่วยกันพายเรือออกไป ดวงแขปลาบปลื้มน้ำใจของเสมาได้แต่มองตาม แอบเสียดายที่เสมาจากไปโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นใครอยู่ที่ไหน ดวงแขได้แต่พึมพำเรียกชื่อที่ได้ยินเอื้อยแตงเรียกอย่างปลาบปลื้ม
       “เสมา”
       เรไรได้แต่มองตามเสมาและเอื้อยแตงไปด้วยสีหน้าขรึมๆลงเล็กน้อยเพราะคิดว่าทั้งคู่เป็นคู่รักกัน

       บ่ายวันเดียวกัน บนเรือนที่บ้านของขัน อำพันกำลังดุขันด้วยน้ำเสียงไม่พอใจโดยมีดวงแขอยู่ใกล้ๆ
       “ถ้าพ่อขันไปกับน้อง ไม่มัวแต่เมาสุรายาดอง น้องก็คงไม่ถูกทำร้ายดอก”
       “แม่จะตำหนิลูกฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกนะขอรับ ใครจะคิดว่าอ้ายชดมันจะกล้า กลางวันแสกๆแท้ๆ” ขันพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
       “แต่ถึงกระนั้น การทำบุญวันนี้ก็มาจากการที่พี่ขันอยากใกล้ชิดแม่เรไรไม่ใช่รึ พอน้องนัดแม่เรไรให้ได้ พี่ขันกลับทำเสียเสียเอง” ดวงแขพูดขึ้น
       ขันถึงกับหน้าเสีย อึกๆอักๆเถียงไม่ออก
       “น้องพูดถูกแล้ว แม่ขอลงโทษพ่อขันให้ไปช่วยกรมเมืองตามจับอ้ายพวกที่เหลือ มาลงโทษตามอาญาบ้านเมือง แล้วต่อไปก็ห้ามไม่ให้พ่อขัน เมาสุราจนเสียงานเสียการเช่นนี้อีก”
       “ขอรับ” ขันถึงกับหน้าจ๋อยก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทางตามวิสัยคนพาลบ่นพึมพำ “เพราะมึงคนเดียว อ้ายเสมา”

       หัวค่ำคืนนั้น ภายในห้องนอน ดวงแขกำลังนั่งหวีผมพลางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไป...
       ภาพของเสมากำลังยิ้มให้ตนผ่านเข้ามาในภวังค์
       “แม่หญิง ฟื้นแล้ว”
       ดวงแขตกใจ กระเถิบหนีด้วยความเขินอายที่ฟื้นขึ้นมาท่ามกลางอ้อมอกของชายหนุ่ม
       “เป็นกระไรไปแม่หญิง”
       ดวงแขเขินอาย อึกๆอักๆ พูดอะไรไม่ออก
       ถึงตอนนี้ … ดวงแขก็มีสีหน้าเขินอายขึ้นมาอีก ทั้งที่ยังหวีผมอยู่อย่างแผ่วเบา พลางรำพึงกับตัวเองว่า “ฉันจะมีโชคได้เจอพ่อเสมาอีกหรือไม่”
       สีหน้าของดวงแขซึมไปเล็กน้อยเมื่อคิดว่าจะไม่ได้เจอกับเสมาอีก สีหน้าก็เศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด

       ตอนเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น … เรไรกำลังเอื้อมมือออกไปเก็บดอกจำปีบนต้นจำปีที่ขึ้นอยู่ติดกับเรือนของขุนรามเดชะเพื่อใส่ขันเงินใบเล็กๆ จำปีดอกใหญ่ดอกหนึ่ง เผลอลื่นหลุดมือจากมือของเรไร จำปีดอกนั้นค่อยๆตกลงมาอย่างช้าๆ สู่มือคู่หนึ่งที่ประคองรับดอกจำปีเอาไว้
       เสมาเอื้อมมือไปรับจำปีดอกที่ร่วงหล่นลงมา เสมาหยิบดอกจำปีนั้นขึ้นมาดม สูดกลิ่นหอมเย็นอย่างช้าๆ รอยยิ้มบางเจือบนใบหน้า
       “หอมนักหนาแม่หญิง”
       เรไรมีท่าทีเขินอายที่เสมาเอาดอกจำปีของตนมาดมกลิ่น เสมามองไปยังเรไรซึ่งอยู่บนเรือนด้วยสายตาหวานเชื่อม
       “พอปลิดจากขั้วก็พลัดมือ เหมาะแก่มือที่คอยรับ อย่าขอคืนเลย ขอต่อให้เสมาเถิด”
       เรไรขวยเขินแต่รีบวางท่าแล้วพูดว่า
       “อยากได้ก็ให้ บนต้นยังมีอีกมาก อยากได้ก็เชิญขึ้นเถิด”
       เสมายิ้มกรุ้มกริ่มพลางว่า
       “พอแล้วแม่หญิงเรไร แต่ดอกเดียวเท่านี้ก็พอดม ที่เหลือไว้ประดับต้นหอมทั่วไปดีกว่า”
       “พิลึก มีธุระกระไรหรือ เสมา”
       “พระคุณสั่งให้มารับเครื่องทหารวันนี้ แต่มาเร็วไปสักหน่อย พอเห็นประตูเรือนเปิดอยู่เลยเข้ามา ก็เลยรับดอกจำปีพลัดมือได้”
       เรไรแกล้งทำหน้าบึ้ง
       “พูดเองเล่าความเอง ไม่ได้ความเลย แต่เอาเถิด เมื่อมาหาพ่อก็ขอเชิญบนเรือน พ่อไปราชการแต่เช้ามืด สักครู่คงกลับ”
       “ขอบน้ำใจแม่หญิงจ้ะ” เสมายิ้มดีใจ
       เรไรปั้นหน้านิ่งเดินเชิ่ดนำเข้าข้างในไปก่อน แต่คล้อยหลังก็แอบอมยิ้มปลื้มอยู่ในที เสมารีบตามขึ้นเรือนไปทันที

       เสมาเดินขึ้นเรือนมาหาเรไร
       “เสมารออยู่ที่นี่สักครู่ ฉันจะไปบอกบ่าวไพร่ให้ยกของมาต้อนรับ”
       “ไม่ต้องดอกแม่หญิง แต่ได้ขึ้นเรือนมาพูดจากับแม่หญิง แม้เพียงครู่ อ้ายเสมาก็เหมือนได้อิ่มทิพย์แล้ว”
       เสมายิ้มกริ้มกริ่ม เรไรทิ้งค้อนใส่เบาๆ
       “พิกลหนักขึ้นทุกที”
       เสมามองเรไรด้วยสายตากระลิ้มกระเหลี่ย ขณะนั้นเอง ขันถือห่อผ้าใส่เครื่องแบบทหารของเสมาขึ้นมาบนเรือน พอเห็นเสมายืนมองเรไรด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ก็หึงหวงขึ้นมาทันที
       “มารอนานแล้วรึเสมา” ขันแกล้งพูดขัดขึ้น
       เสมาตกใจ รีบเดินเข้าไปหาขันทันที
       “ฉันไหว้จ้ะนายหมู่ ฉันเพิ่งมาได้สักครู่นี่เองจ้ะ”
       ขันส่งห่อผ้าให้เสมา
       “นี่เครื่องทหารของเอ็ง อาขุนรามเกรงเอ็งจะรอนาน เลยให้ข้าล่วงหน้าเอามาให้ก่อน”
       เสมาดีใจจนออกนอกหน้าพลางยกมือไหว้ขอบคุณขันแล้วรีบรีบห่อผ้ามา
       “ขอบพระคุณจ้ะนายหมู่”
       “เอ็งเป็นทหารแล้ว ข้าก็จะเตือนเอาไว้ จะกระทำการใดก็ต้องทำโดยสุจริต อย่าทะนงในฝีมือยกตนข่มท่าน หรือป้อยอประจบเอาใจแต่ผู้มีอำนาจ”
       ขันชายตามองเสมากับเรไรด้วยความหมั่นไส้
       “ฝีมือจะดีเพียงใดก็ต้องสำแดงในการศึก หาใช่อวดโอ่ต่อหน้าสตรีไม่” ขันพูดต่อ
       แม้เสมาจะรู้สึกทะแม่งๆ แต่ยังมองโลกในแง่ดี
       “ขอบพระคุณนายหมู่ที่เมตตาจ้ะ แต่ฉันไม่เคยประพฤติเช่นนั้นเลย ยิ่งการอวดโอ่ฝีมือ ฉันยิ่งไม่เคย”
       “จริงรึ ข้าเห็นเอ็งชอบโอ่ว่าเป็นศิษย์วัดพุทไธสวรรย์ อ้ายเสมาเอ๋ย พระครูขุนวัดพุทไธสวรรย์ ก็ใช่ว่าจะเลิศเหนือกว่าทุกผู้คน ผู้อื่นเหนือกว่านี้ยังมีอีกมาก เขาจะยิ้มเยาะเอาได้ เมื่อได้ยินความนี้”
       เสมาหน้าตึงขึ้นมาทันที ไม่พอใจที่ขันมาดูถูกอาจารย์ ขณะนั้นเอง เสียงบุญเรือน แม่ของเสมาก็ดังขึ้น
       “แม่หญิงเรไรเจ้าคะ แม่หญิงเรไร”
       เรไรเดินไปตามเสียงมองเห็นบุญเรือน จำเรียง ยืนรออยู่หน้าเรือน
       “จำเรียง แม่ป้า จะกลับเข้าวังแล้วหรือจ๊ะ เชิญขึ้นเรือนมาคุยกันก่อน ฉันมีของอยากจะฝากไปให้แม่บัวเผื่อนสักหน่อย”
       จำเรียงกับบุญเรือนเดินขึ้นเรือนมา พอเห็นเสมาอยู่บนเรือนด้วยก็แปลกใจ
       “อ้าว อ้ายเสมา เอ็งมาทำกระไรที่นี่”
       “ฉันมารับเครื่องทหารจ้ะแม่”
       บุญเรือนหน้าตึงทิ้งค้อนให้ลูกชายเล็กน้อย
       “จำเรียง แม่ป้าจ๊ะ นี่พี่หมู่ขัน ครูฝึกทหารกองอาสาของพ่อจ้ะ พี่หมู่ขัน นี่ป้าบุญเรือนกับจำเรียง แม่แล้วก็น้องของเสมา จำเรียงยังเป็นข้าหลวงในวังเดียวกับฉันด้วยจ้ะ”
       ขันยกมือไหว้บุญเรือน
       “ฉันไหว้จ้ะแม่ป้า”
       ขันส่งสายตาเหล่มาทางเสมาแล้วพลางว่า
       “มิยักรู้ ว่าเสมาจะมีน้องสาวงามถึงเพียงนี้”
       ขันหันไปมองจำเรียงด้วยสายตากรุ้มกริ่ม เสมาหน้าตึงขึ้นมาทันทีด้วยความไม่ค่อยพอใจนัก ขณะที่จำเรียงมีท่าทีเขินอาย ฝ่ายบุญเรือนก็ชำเลืองมองลูกสาวแล้วยิ้มๆ พลางคิดว่า ถ้ามีคนอย่างหมู่ขันมาชอบลูกสาวก็ถือว่าไม่เลวทีเดียว

       เวลาต่อมา เสมากำลังลองใส่เครื่องแบบทหารอยู่หลังบ้าน สมบุญค่อยๆย่องเข้ามาหาเสมาทางด้านหลัง เสมาจะหันกลับไปจะชกสมบุญตามสัญชาตญาณ สมบุญตกใจกลัวรีบยกมือไหว้ทันที
       “อย่าทำฉันจ้ะ”
       “มาไม่ให้สุ้มให้เสียง เกือบไปแล้วอ้ายน้องชาย แล้วนี่มีกระไรรึ”
       “ฉันอยากจะมาเตือนพี่ชายจ้ะ”
       “เรื่องกระไร”
       สมบุญหันมองซ้ายขวาก่อนจะพูด
       “เรื่องอ้ายหมู่ขันน่ะสิ เมื่อวันก่อน พี่ทดสอบฝีมือกับหัวหมู่ เค้าผูกใจเจ็บพี่นักหนา ถึงกับบอกว่าเสือสองตัวมิควรอยู่ถ้ำเดียวกัน ฉันชอบในฝีมือพี่นักเลยแอบมาเตือนจ้ะ”
       เสมาหายแปลกใจกับท่าทีของขันในทันที
       “มิน่าเล่า ขอบน้ำใจมากอ้ายน้องชาย เอ็งชื่อกระไรรึ”
       “สมบุญจ้ะ พ่อฉันตายเมื่อคราวศึก ฉันก็เลยต้องมาเป็นทาสของขุนรามเดชะท่าน”
       “ข้าชื่อเสมา นับแต่นี้เราสองมาเป็นเพื่อนร่วมตายกันเถิด หากมีโอกาส ข้าจะสอนเพลงดาบให้แก่เอ็ง เอ็งจะได้ใช้ออกศึกสร้างความชอบไถ่ถอนตัวเองให้เป็นไท”
       “ขอบพระคุณมากจ้ะ” สมบุญดีใจสุดๆ จะก้มกราบ เสมาดึงไว้
       “ไม่ต้องกราบข้า จำไม่ได้รึ ต่อแต่นี้เราเป็นเพื่อนร่วมตายกันแล้ว”
       เสมาตบบ่าสมบุญ สมบุญดีอกดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับเสมา และจะได้เป็นศิษย์เรียนเพลงดาบอีกต่างหาก

       เสมาเดินหอบห่อผ้ากลับขึ้นเรือนมา เห็นบุญเรือน จำเรียง ขัน กำลังคุยกันยิ้มแย้มแจ่มใส บุญเรือนหัวเราะชอบใจ
       “พ่อขันนี่ก็ปากหวานนัก ยกยอกันเสีย ป้ากับจำเรียงแทบนั่งไม่ติดพื้น”
       “ยกยอที่ไหนกันจ๊ะแม่ป้า อันแม่จำเรียงนี้ ไม่ว่าจะ ผิวพรรณเอย ถ้อยคำวาจาหรือกิริยาอื่นใดเล่า ก็จำเริญหูจำเริญตานัก จึงสมควรแต่จะเป็นข้าหลวงแม่หญิง หรือสมควรแก่ผู้มีศักดิ์เสียจริงๆ” ขันพูดพลางยิ้มประจบแล้วมองจำเรียงด้วยสายตาเจ้าชู้
       จำเรียงทำท่าเขินอาย
       “นายหมู่ชมจำเรียงเกินจริงเสียแล้ว ฉันเป็นเพียงเสมอทาสใช้บนพระตำหนักแก่เหล่าข้าหลวงเท่านั้น ไฉนจักมากล่าวสรรเสริญไปถึงกระนั้นเล่า”
       “อันความดีของคนนั้น หาอยู่ที่ศักดิ์แลตระกูลดอก หากขึ้นอยู่กับวาสนาต่างหาก ยิ่งประพฤติตัวดีแลมีรูปร่างเป็นสมบัติดังนี้แล้ว ถึงจะต่ำตระกูล ก็เหมือนหนึ่งมีวาสนาคอยตามจะช่วย ขอแม่จำเรียงจงเชื่อพี่เถิด” ขันพูดแล้วก็จับปลายสไบของจำเรียงขึ้นมาจูบ จำเรียงถึงกับเขินอายสุดๆ
       เสมาฉุนขาดทันที ที่ขันทำกับน้องตนแบบนี้ เลยโยนห่อผ้าลงไปกลางวง เล่นเอาขัน บุญเรือน จำเรียงตกใจ
       “อูวะ นี่มันกระไรกัน” ขันน้ำเสียงโมโห
       แต่เสมา ยิ่งโมโหมากกว่า
       “ก็แล้วนายหมู่ทำกระไร น้องข้าไม่ใช่ร้านค้าศาลาน้ำ นายหมู่จึงควรจะเย้าหยอก บ๊ะ ต่อหน้าแม่ข้าเสียอีกด้วยซ้ำ ยังชะล่าเล่น ข้าทนไม่ไหวแล้ว”
       “หยุดปากประเดี๋ยวนี้นะเสมา ไปก้าวล่วงนายหมู่ได้อย่างไร ขอขมานายหมู่ประเดี๋ยวนี้” บุญเรือนโมโหขึ้นอีกคน
       “แม่จะให้ฉันขอขมาอ้ายคนที่ข่มเหงน้ำใจฉันรึ งั้นแม่ฆ่าอ้ายเสมาให้ตายเสียดีกว่า”
       เรไรได้ยินเสียงเอะอะจึงรีบเดินออกมาจากข้างในพร้อมพิณ โดยพิณถือโถใส่ของกินที่เรไรจะฝากไปให้บัวเผื่อน
       “มีกระไรกันรึ เสียงดังอึงไปถึงข้างใน” เรไรพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ
       ขันสบโอกาสรีบฟ้องทันที
       “ก็อ้ายเสมาน่ะสิแม่หญิง ทำโอหังถึงบนเรือนแม่หญิง”
       “โอหังรึ นายหมู่สัพยอกน้องข้า หากเป็นน้องหญิงของนายหมู่แล้ว ข้าสัพยอกเช่นนี้มั่งจะว่ากระไร” เสมาว่า
       “มากไปล่ะเหวยอ้ายเสมา นี่มึงคงจะทะนงตนว่ามีฝีมือกระมัง ถึงได้กล้ากับกูเพียงนี้ มา ไอ้เสมา กูก็เชื่อในดาบของกูเช่นกัน ถ้ามึงจริงก็เข้ามา” ขันบอก
       จำเรียงหันไปดุและดึงแขนเสมาไว้
       “ยังจะยืนอยู่อีก ไปให้พ้นเสียเร็วๆ มาหาเรื่องเดือดร้อนบนเรือนเจ้าเรือนขุน น้ำหน้าพี่จะสู้เค้าได้รึ”
       เสมาโมโหมากที่น้องสาวเข้าข้างคนอื่น สะบัดแขนจนจำเรียงเซออกไป แล้วหันไปพูดกับขัน
       “สู้ไม่ได้ก็ตายซีวะ เมื่อนายหมู่ท้า อ้ายเสมาก็รับคำท้า”
       เสมาและขันจ้องหน้ากันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ไม่มีใครยอมใคร

       สมบุญ และบรรดาทาสชาย ต่างกรูกันออกมาเมื่อรู้ว่าจะมีการประลองของขันกับเสมา ขณะที่เรไร บุญเรือน จำเรียง พิณ และบรรดาทาสหญิง ต่างออกมาดูที่บนเรือนอย่างใจจดใจจ่อ
       กลางลานฝึก เสมากำลังโกรธ เลยโถมเข้าฟันขันแบบไม่ยั้ง ขันรู้ฝีมือเสมาดี เลยตั้งรับไว้ก่อน แต่เสมาฝีมือเหนือกว่าเยอะ ถึงขันจะตั้งรับเหนียวแน่นยังไงก็ไม่ไหว เจอไม้ตายเข้าไปติดๆกันหลายที ขันก็รับไม่ไหว ถึงกับผงะเซถอยออกไป ขันเหลือบไปเห็นแอ่งน้ำขัง เลยวางอุบาย แกล้งถอยแล้วล่อเสมาไปที่แอ่งน้ำขัง เสมาตามฟาดฟันไปโดยไม่รู้ว่าเป็นกลอุบาย พอถึงแอ่งน้ำขัง ขันก็พลิกตัวหลบออกมา เสมาเหยียบไปที่แอ่งน้ำขัง เลยลื่นเสียหลัก

       เรไรตกใจที่เห็นเสมาเสียหลัก แต่ยังแอบเอาใจช่วยเสมาอยู่ จำเรียงแอบชำเลืองมองพฤติกรรมของเรไรเล็กน้อย
       ขันฉวยโอกาส โผเข้าฟาดฟันเสมาทันที เสมากำลังเสียหลักเลยตั้งรับอย่างลำบาก ขันได้ใจตะลุยรุกไล่ไม่ยั้ง กะเผด็จศึกให้ได้ แต่พริบตาเดียว ขณะที่ขันกำลังได้เปรียบ เสมาก็พลิกดาบแทงสวนออกไปทันที ปลายดาบจ่อที่คอหอยขัน ถ้าเสมาไม่ยั้งมือไว้ คอหอยขันคงทะลุไปแล้ว ขันตกใจหน้าซีดเผือดที่พ่ายแพ้ต่อเสมาอีกครั้ง
       ขณะนั้นเอง เสียงขุนรามเดชะดังตวาดขึ้น
       “หยุดประเดี๋ยวนี้ อ้ายเสมา”
       ทุกคนหันไปเห็นขุนรามเดชะยืนหน้าตาถมึงทึงอยู่

       ขุนรามเดชะยืนหน้าเคร่งเครียดอยู่ โดยมีเสมา เรไร ขัน บุญเรือน จำเรียงนั่งพับเพียบอยู่กับพื้น
       “แม่บุญเรือน แม่จำเรียง จะเข้าวังมิใช่รึ”
       “เจ้าค่ะ”
       บุญเรือน จำเรียงไหว้ลาขุนรามเดชะก่อนจะลงจากเรือนไป
       “แม่เรไร ลูกเข้าห้องไปดูแลแม่ของลูกเถิด”
       เรไรเหลือบสายตามองเสมาด้วยความเป็นห่วง
       “แต่พ่อจ๊ะ...”
       “แม่เรไร”
       เรไรไม่กล้าขัดพ่อจึงจำใจลุกเดินเข้าข้างในไป ขุนรามเดชะหันมามองเสมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
       “อ้ายเสมา ประพฤติของเอ็งนี้ ผิดนักหนา พ่อขันเป็นนายหมู่ทหาร จะผิดถูกประการใดก็ควรนิ่ง เฉยเสีย หาบังควรตอบโต้กันเองเช่นนี้ไม่”
       เสมาพนมมือ
       “พระคุณเมตตาฟังข้าพระเจ้าก่อนเถิดขอรับ นายหมู่ประพฤติไม่บังควร หยอกล้อน้องข้าพระเจ้าต่อหน้าแม่ ข่มเหงน้ำใจกันนัก หากพระคุณไม่เชื่อ ให้คนไปตามแม่กับน้องข้าพระเจ้ามายืนยันก็ได้ขอรับ”
       “ไม่ต้องดอก เรื่องอื่นถูกผิดอย่างไรไม่เกี่ยวกับข้า แต่ทหารในบังคับของข้าต้องไม่ต่อสู้กันเอง แล้วยิ่งเอ็งเป็นลูกหมู่ เป็นลูกน้องพ่อขัน ยิ่งหาควรสู้กับนายตัวเองไม่”
       “ข้าพระเจ้าไม่รู้วิถีทหาร หากเป็นนายแล้ว จะกระทำบัดสี ย่ำยีผู้เป็นลูกหมู่อย่างไรก็ได้งั้นรึขอรับ”
       “อ้ายเสมา นี่มึงกล้าย้อนกูรึ”
       ขันได้ทีรีบโหมเพลิงใส่มันที
       “อาขุนได้ยินกับหูแล้ว อ้ายเสมามันวาจายอกย้อน ไม่รู้จักเด็ก รู้จักผู้ใหญ่ ข้าพระเจ้าถึงอดโทสะไว้ไม่ได้”
       “ข้าพระเจ้าไม่ได้ยอกย้อน แต่การกระทำเยี่ยงนี้ ข้าพระเจ้าเห็นว่าไม่เป็นธรรม จึงได้ถามพระคุณดู”
       “จองหองเกินตัวนักไอ้เสมา หากเป็นยามศึก กูจะสั่งตัดหัวมึงเสีย มีใครอยู่บ้าง ขึ้นมาบนเรือนกูที” ขุนรามเดชะตะโกนลั่น
       สมบุญกับทาสชายอีกคน รีบขึ้นมาบนเรือนทันที สมบุญนั่งพับเพียบพนมมือ รับคำสั่ง
       “กุมตัวอ้ายเสมาไป โบยขามันด้วยเชือกหนังสิบสองที แล้วจำกรวนไว้ที่เรือนแถวท้ายหอนั่งกู”
       สมบุญหน้าเสียที่รู้ว่าเสมาโดนโทษ แต่ขันยิ้มเยาะสาแก่ใจสุดๆ
       เสมาคับแค้นใจ ไม่คิดว่าขุนรามเดชะจะไม่เป็นธรรมขนาดนี้
       “พระคุณมีบุญคุณกับข้าพระเจ้า หากพระคุณจะลงโทษอ้ายเสมาก็เชิญเถิด อย่าว่าแต่สิบสองทีเลย แม้ซักร้อยหนึ่ง อ้ายเสมาก็จะนิ่งให้เฆี่ยน ถือเสียว่าอ้ายเสมาไม่รู้ ก็จะซื้อรู้ไว้สักหน”
       “โอหังนักนะมึง” ขุนรามเดชะพูดด้วยความโมโหแล้วหันไปพูดกับสมบุญ
       “ยังไม่รีบเอามันไปอีก”
       สมบุญกลัวขุนรามเดชะ เลยต้องรีบเอาตัวเสมาไป แต่เสมาลุกขึ้นยืน แล้วเดินนำสมบุญกับทาสชายลงเรือนไป

       เสมานอนราบกับพื้น สมบุญถือเชือกหนังมา พวกทาสชาย-หญิงมามุงดูกันเต็มไปหมด สมบุญยกมือไหว้เสมา
       “ฉันขอขมานะจ๊ะ”
       “ข้ายกให้ เอ็งทำตามคำสั่งเถิดอ้ายสมบุญ”
       สมบุญยังไม่ทันลงมือ ขันก็เดินเข้ามาซะก่อน
       “เอามาให้ข้าอ้ายสมบุญ”
       สมบุญละล้าละลัง ขันเลยดึงเชือกหนังจากมือสมบุญมา
       “เชิญเถิดนายหมู่ อ้ายเสมาผิดแล้วก็ยอมทั้งเจ็บทั้งอาย หวดให้แตกทุกแผลเถิด”
       ขันยิ่งหมั่นไส้สุดๆ หวดเสมาอย่างเต็มที่แบบไม่ยั้งมือ เสมาขบกรามแน่นไม่ร้องสักแอะ สมบุญและพวกทาส ต่างพากันหลบตาไม่กล้ามอง ฝ่ายเรไรยืนแอบมองเสมาถูกเฆี่ยนอยู่ที่หน้าต่างห้องนอนตน เรไรสงสารเสมาจับใจแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้

       สมบุญกับทาสชายอีกคน กำลังช่วยกันตีตรวนให้เสมา แล้วขังไว้ในกรง ขาของเสมาเต็มไปด้วยแผลสดเต็มไปหมด สมบุญหันไปบอกทาสชาย
       “ข้าจะดูกรวนให้ดีเสียก่อน เอ็งกลับไปก่อนเถิด”
       ทาสชายเดินเลี่ยงออกมา
       สมบุญแอบหยิบขวดยายื่นให้เสมา
       “ยาใส่แผลจ้ะพี่ รีบทาเสียเถิด”
       เสมารับยามาแล้วบอก
       “ขอบน้ำใจเอ็งมากอ้ายน้อง”
       เสมาเปิดขวดเทยาใส่แผลสดที่ขาทนแสบสุดๆด้วยการขบกรามแน่น
       “อ้ายหมู่ขัน มันเสียหน้าที่แพ้พี่ เลยฉวยโอกาสล้างแค้นตีเสียไม่ยั้งมือเลย”
       “ข้ามันโง่เขลาเอง ไม่คิดว่าพระคุณออกขุนท่าน จะเข้าข้างอ้ายหมู่ขัน ถึงเพียงนี้”
       “พ่ออ้ายขันเป็นเพื่อนแก้วเกลอเก่ากันมากับท่านขุน แถมบ้านอ้ายขันก็มั่งมีมากมาย ท่านขุนก็เลยเกรงใจอ้ายขันนัก”
       เสมาพยักหน้ารับ
       “มิน่าเล่า เอาเถิดถือว่าข้าโง่เองจะโทษใคร หากอ้ายขันมันไม่ระรานข้าอีก ก็ให้ยุติแต่เพียงนี้ แต่ถ้ามันยังประพฤติพาลข่มเหงข้า ครั้งหน้า ข้าจะให้มันเจ็บยิ่งกว่าที่ข้าได้รับ” เสมาพูดด้วยแววตามุ่งมั่น

       ยามค่ำคืนนั้น เสมากำลังนั่งสมาธิอยู่ในกรงขัง ขณะนั้นเอง เสมาก็ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเดินเข้ามา
       “ใครเว้ย จะมาเอากรวนมั่งเรอะ” เสมาตวาดขณะที่ยังหลับตาอยู่
       เสียงหัวเราะคิกๆคักๆของผู้หญิงดังขึ้น เสมาลืมตาขึ้น
       “ถามว่าใคร เออแน่ะ กลับมาหัวเราะอีก”
       พิณเดินถือตะเกียง พร้อมกับตะกร้าใส่อาหาร และกระบอกไม้ไผ่ใส่น้ำเข้ามาหาเสมา เรไรเดินตามมาด้วยแต่เสมายังไม่เห็น พิณยิ้มขำๆ
       “คงโมโหหิวข้าวกระมังยะ วันนี้ยังไม่ได้กินมิใช่รึ”
       พิณหยิบข้าวห่อใบบัวออกมาและยื่นให้เสมา
       “เอามาพึ่งนี้ปะไร ฉันกินกรวนก็อิ่มแล้ว”
       พิณหัวเราะ หันไปพูดกับเรไร
       “พ่อเสมาคงจะเคืองเรา ไม่กินข้าวแล้วกระมังเจ้าคะ แม่หญิง”
       เรไรเดินยิ้มขำๆออกมาหาเสมา ทันทีเสมาเห็นหน้าเรไรก็ดีใจสุดๆ
       “แม่หญิงเรไร”
       “รับอาหารเสียเถิดเสมา ประเดี๋ยวเย็นแล้วจะเสียรส”
       “จ้ะๆ” เสมากระตือรือร้น รับข้าวห่อใบบัวมาเปิดออกทานอย่างเอร็ดอร่อย
       เรไร และพิณมองเสมาแล้วก็ยิ้มขำๆ เสมารีบทานข้าวเร็วไปหน่อยจนข้าวติดคอ เรไรหัวเราะแล้วยื่นกระบอกใส่น้ำให้เสมา เสมารีบรับมาดื่ม
       “น้ำฝนรึแม่หญิง แหม เย็นอร่อยจริงๆ”
       “กำลังหิว กระไรก็อร่อยทั้งนั้น” พิณว่า แล้วหันไปพูดกับเรไร
       “บ่าวขอออกไปเฝ้าข้างนอกก่อนนะเจ้าคะ อ้ายสมบุญมันดูแต่ด้านหน้า ผิว่าอ้ายพวกที่อยู่ท้ายสวนมันตื่นก่อน อ้ายสมบุญจะไม่รู้ตัว”
       เรไรพยักหน้ารับ
       พิณเดินออกไป เสมาถึงกับหน้าเสียและรู้สึกผิด
       “แม่หญิงต้องพลอยเสี่ยงภัยเพราะเสมาแท้ๆ แต่อย่าวิตกเลย หากพลาดไป เสมาจะขอรับผิดแต่คนเดียว มิซัดทอดให้เป็นที่หมองแก่แม่หญิงซักนิด”
       เรไรยิ้มบางๆที่ริมฝีปาก
       “ขอบน้ำใจเสมาแล้ว แต่ฉันเป็นคนลอบมาหาเสมา มิใช่เสมาจะหนีออกมาหาฉัน ถึงเสมาจะรับผิด ก็หาประโยชน์อันใดไม่”
       เสมาหน้าจ๋อยไปทันที
       “จริงของแม่หญิง อ้ายเสมานี้โง่เขลานัก แย่แล้ว... ดอกจำปี”
       เสมารีบไปค้นเสื้อของตนที่ถูกถอดทิ้งอยู่ในกรง แล้วหยิบเอาดอกจำปีที่เก็บไว้ออกมา แต่ดอกจำปีก็ถูกทับจนบี้แบนหมด เสมารู้สึกเสียดาย
       “ดอกจำปีของแม่หญิง โธ่ อุตส่าห์ซ่อนไว้ดม บ๋า แบนเลย”
       เรไรอึ้งไปครู่นึง ก่อนจะยิ้มเอียงอายที่เสมาเก็บดอกจำปีเอาไว้ เมื่อเรไรตั้งสติได้ จึงแกล้งทำเป็นเฉยเมย
       “จะเก็บไว้บูชาสิ่งไรกันเล่าเสมา หรือจะแกล้งเก็บไว้เสนออวดว่าเป็นคนช่างเก็บ”
       “อ้ายเสมารักดอกไม้หอม แลก็ขอแม่หญิงแล้ว เผอิญลืมเก็บใส่กระเป๋าตอนรบกับนายหมู่เสียดายนัก”
       เรไรยิ้มเขินอาย เป็นจังหวะเดียวกับสมบุญวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
       “แม่หญิงขอรับ มีคนมาทางนี้แล้ว ตอนนี้แม่พิณกำลังรับหน้าอยู่ รีบไปเถิดขอรับ”
       “แม่หญิงไปเถิด ประเดี๋ยวจะพลอยมีผิดไปด้วย” เสมาบอกด้วยความเป็นห่วง

เรไรรีบเก็บของลงตะกร้า แล้วตามสมบุญออกไป เสมาได้แต่มองตามด้วยความห่วงใยและยังคงกำดอกจำปีดอกนั้นไว้แนบอก

อ่านต่อหน้า ๓
       .....................................................................................................

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับขุนศึก

๓. สมเด็จพระมหาธรรมราชาทรงเป็นพระราชบิดาของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ ครั้งสงครามช้างเผือก พระองค์ได้ทำการปกป้องเมืองพิษณุโลก แต่ไม่สามารถต้านทานกองทัพของพระเจ้าบุเรงนองได้ จนต้องยอมอ่อนน้อม และถวายสมเด็จพระนเรศวรให้เป็นตัวประกันที่กรุงหงสาวดี หลังจากที่เสียกรุงศรีอยุธยา พระเจ้า บุเรงนองได้ทรงตั้งพระมหาธรรมราชา ขึ้นเป็นกษัตริย์ครองกรุงศรีอยุธยาสืบต่อไป พระองค์จึงทรงเป็นกษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชวงศ์สุโขทัย

๔. พระเจ้าบุเรงนอง พระมหากษัตริย์องค์ที่สามแห่งราชวงศ์ตองอู นอกจากพระปรีชาสามารถด้านการทหารแล้ว ยังทรงเป็นนักปกครองที่เก่งกาจ พระองค์สามารถยึดครองอาณาจักรต่างๆในลุ่มแม่น้ำอิรวดีและแม่น้ำโขงไว้ได้จนหมด รวมถึงกรุงศรีอยุธยาด้วย จนทำให้พระองค์ได้รับพระฉายาว่า “พระเจ้าชนะสิบทิศ”
//www.manager.co.th/Drama/ViewNews.aspx?NewsID=9550000049410&Page=2



Create Date : 22 พฤษภาคม 2555
Last Update : 22 พฤษภาคม 2555 11:31:37 น. 0 comments
Counter : 883 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

atitaya_t
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สวัสดีค่ะ ขอร่วม gang ด้วยคนค่ะ
Friends' blogs
[Add atitaya_t's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.