ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง
วิวาทะของกรรมกรกระทู้ที่มีต่อเด็กวัย14ว่าด้วยเรื่องของชีวิตชาวนา

ต่อไปนี่เป็นเรียงความของเด็กวัย14ที่วิพากษ์บทความของคำผกา ซึ่งกรรมกรอ่านแล้วเห็นว่าน้องคนนี้ยังคงยึดติดกับภาพมายาความเพ้อฝันในความสวยหรูของคำว่าพอเพียงอย่างหัวปักหัวปำ กรรมกรจึงต้องขอเขียนโต้แย้งกลับไปแบบย่อหน้าต่อย่อหน้ากันเลย

วิเคราะห์บทความ “คุณธรรมนำไทยให้ล่มจม” โดย ลฎาภา อินทรมหา ศิษย์เก่า รร. ทอสี ปัจจุบัน รร. ปัญญาประทีป

จาก ที่ได้อ่านบทความนี้แล้ว เห็นด้วยในบางประเด็น แต่ก็ไม่เห็นด้วยในหลายๆประเด็นเช่นกัน ซึ่งงานวิเคราะห์ชิ้นนี้จะไม่ใช่งานตัดสินว่าใครถูกใครผิด แต่เป็นการเขียนแสดงทรรศนะตามความเห็นของข้าพเจ้า ในฐานะเด็กคนหนึ่งและในฐานะผู้ที่เคยไปสัมผัสเครือข่ายคนกินข้าวแล้วเท่านั้น

ในประเด็นแรก ข้าพเจ้ามีความเห็นโดยภาพรวมต่อบทความนี้ว่า เป็นบทความหนึ่งที่เหมือนบทความทั่วๆไป คือ แสดงทรรศนะความเห็นของตนต่อประเด็นต่างๆ ซึ่งไม่ผิด คนเราไม่มีใครคิดได้เหมือนกันอยู่แล้ว ต่างฝ่ายต่างก็มีความเห็นของตนและสามารถแสดงออกมาได้ภายใต้กรอบที่ถูกต้อง แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วย คือ การเขียนแสดงความคิดของตนนั้น ไม่ควรใช้ถ้อยคำหยาบคายและรุนแรง สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งจำเป็นเลย เราสามารถเลือกใช้ถ้อยคำอื่นที่สามารถแสดงความคิดของตนได้ มากกว่าผสมคำที่ไม่เหมาะสมลงไปในบทความด้วย และเรามีสิทธิ์ที่จะไม่เห็นด้วยได้ แต่ยังไม่จำเป็นต้องว่าหรือตัดสินตามความคิดของตน


กรรมกรเห็นว่าการใช้สำนวนการเขียนไม่ว่าจะหยาบคายหรือไพเราะสวยหรูแบบไหนก็ตาม สิ่งที่สำคัญกว่าคือเนื้อความที่สื่อให้เห็นข้อมูลข้อเท็จจริงและเชื่อมโยงตรรกะความเป็นไปได้ของข้อมูลข้อเท็จจริงที่เอามานำเสนอ กรรมกรกลับมองว่าการใช้สำนวนที่ไพเราะสวยหรูนั้นบางครั้งมันไม่ได้สื่อถึงอารมณ์ของผู้เขียนในช่วงที่กำลังเขียนชิ้นงานออกมาหลังจากที่ความคิดเห็นได้แล่นออกมาอย่างแท้จริง โดยไม่ได้อาศัยเวลามาทำจิตใจให้สงบแล้วจากนั้นค่อยดัดสำนวนให้อ่อนลงไป ซึ่งคนบางคนเมื่ออ่านชิ้นงานออกมาแล้วเห็นว่าเนื้อความนั้นมีความไม่สมเหตุสมผล เขาก็จะรู้สึกถึงความดัดจริตในจิตใจที่ซ่อนเร้นอยู่แทนที่จะทำให้อารมณ์ของผู้อ่านได้สงบลงไป
คนบางคนเขาก็ชอบคนที่พูดจา แสดงความจริงใจและอารมณ์ส่วนตัวกันแบบตรงๆ ไม่มีการอ้อมค้อมดัดสำนวนดัดจริตเหมือนชนชั้นกลางและสูงหลายๆคนในสังคมปัจจุบัน

ในประเด็นต่อมา ข้าพเจ้าคิดว่าปัญหาความยากจน ไม่ว่าจะเป็นของชาวนา หรือ ของใครก็ตาม ทางออกไม่ได้อยู่ที่การมี “เงิน” เยอะๆ แต่มันอยู่ที่ว่า เรามีความรู้จักพอหรือเปล่า เพราะตราบใดที่เรามีเงินเยอะแล้ว แต่เราไม่รู้จักคำว่าพอสักที เราก็ยังคงจนไม่รู้จบ เช่น เศรษฐีเงินล้าน เขามีเงินเยอะนะ แต่เขาไม่รู้จักพอ คนอื่นมองว่าเขารวย แต่เขาก็ยังคิดว่าเขาจนอยู่ดี เพราะเขาอยากๆๆๆๆๆๆๆ มีเท่าไหร่มันก็ไม่พอกับความต้องการของเขา

อย่าได้หลงยึดติดยึดมั่นถือมั่นกับปรัชญานามธรรมสวยหรูแต่จับต้องจริงๆไม่ได้จะดีกว่าไหม หรือถ้าจะให้ดีน้องควรจะนำเสนอตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมมาประกอบการโต้แย้งด้วย เราพอเพียงจริงๆมันทำได้แต่กระแสโลกมันไม่ได้พอเพียงตามเราด้วย ถ้าเราคิดจะพอเพียงโดยที่ไม่ได้ติดตามการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกแล้วปรับตัวไปตามมันละก็ สิ่งที่ตามมาก็คือเราก็จะถูกกระแสที่เปลี่ยนแปลงของโลกนั้นเล่นงานคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่เข้าให้อยู่ดีไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

และอีกประเด็นที่อยากจะชวน คิด คือ “เงิน” มันเป็นทุกอย่างของชีวิตจริงหรือ จริงอยู่ที่ทุกวันนี้เราขาดเงินไม่ได้แน่นอน เพราะวัตถุทุกอย่างมันก็ต้องใช้เงินซื้ออยู่แล้ว แต่มันมีอะไรรับประกันได้ละว่า ถ้าคุณมีเงินเพื่อมาซื้อสิ่งนั้นสิ่งนี้แล้ว คุณจะมีความสุข?? เราไม่ได้ต้องการเงินหรอก แต่เราต้องการเงินเพื่อที่จะไปซื้อวัตถุมา เพื่อให้เกิด “ความสุข” ต่างหาก ลองคิดดูว่ามีอะไรบ้างที่เงินซื้อไม่ได้ มันซื้อความสุขได้ไหม มันซื้อเวลาที่ผ่านไปได้หรือเปล่า มันซื้อความรักได้ไหม ถ้าซื้อได้ มันอยู่กับเราไปตลอดรึเปล่า?? ถ้าเราคิดดีๆ เงินไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต ทำไมบางครอบครัว “ยากจน”(ในความหมายทั่วๆไป) แต่เขาก็ยังรักกัน มีความสุขดี แม้ว่าเขาจะจนเงินทองก็ตาม? ความจริงแล้วในโลกนี้มันยังมีอะไรที่สำคัญกว่าเงินมากมายนัก เงินไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต

ในเมื่อเงินไม่ใช่ทุกสิ่งของชีวิต ทุนนิยมก็ไม่ใช่ทางออกของปัญหา จะมีประโยชน์อะไรถ้าเราแข่งขันกับคนอื่น แต่ปลายทางหรือแม้แต่ระหว่างทางที่ทำ เรากลับไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย


ใช่ครัีบ เงินไม่ใช่ทุกอย่างแต่ทุนต่างหากเล่าที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง กิจกรรมใดๆก็ตามล้วนแล้วแต่ต้องใช้ทุนทั้งสิ้น ทุนในที่นี้ไม่ได้หมายความถึงทุนที่เป็นเงินเท่านั้นแต่หมายถึงทุนทางปัญญา ทุนทางกำลังกาย ฯลฯ ทุนพวกนั้นสำคัญยิ่งกว่าทุนเป็นตัวเงินซะอีก ดังนั้นกรุณาแยกแยะให้ออกระหว่างคำว่า เิงิน กับ ทุน ให้ถ่องแท้นะครับ และต่อให้เราไม่คิดที่จะแข่งขันอะไรกับใครแต่กระแสโลกและมหาชนนั้นจะบีบให้เราต้องแข่งขันอยู่ดีนั้นเองครับ ถ้าเกิดคนอื่นๆเขาสามารถพัฒนากรรมวิธีเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ หรือแม้แต่ลดการใช้ต้นทุน เพื่อให้ราคาสินค้ามันถูกลงก็จะเป็นการชิงความได้เปรียบทางการตลาดในอนาคตได้

คราวนี้ถ้าย้อนกลับมาดูชาวนาของเรา จริงอยู่ที่เราเห็นภาพชาวนาส่วนใหญ่ในประเทศยากจน เป็นหนี้ไม่จบสิ้น แล้วทำไมเขาถึงยากจนล่ะ?? เพราะราคาของต่างๆที่เขาซื้อมาเพื่อบำรุงนามันแพงใช่ไหม แล้วของเหล่านั้นมันจำเป็นจริงหรือเปล่า ทำไมเราต้องซื้อมันมา เมื่อก่อนเราต้องซื้อหรือเปล่า มันมีทางอื่นไหมที่เราทำได้นอกจากซื้อๆๆๆๆของเหล่านี้ เคยมีใครตั้งคำถามเหล่านี้ไหม? ความจริงของเหล่านี้มันไม่จำเป็นเลย ถ้าไม่ใช่ว่าเราเป็นชาวนาที่ต้องพึ่งตลาด คิดดูว่าเราปลูกข้าวซึ่งเป็นอาหารที่เรากินอยู่ทุกวัน แต่ทำไมเราปลูกตามความต้องการของเราไม่ได้ล่ะ?? เราต้องปลูกตามตลาด ตลาดต้องการอย่างไร เราก็ปลูกไปตามนั้น ยิ่งตลาดต้องการมาก เราก็ยิ่งต้องปลูกมาก ใช้ปุ๋ยใช้เครื่องจักรอะไรต่างๆเพิ่มขึ้น เงินไม่พอต้องไปกู้ไม่จบสิ้น สุดท้ายไม่ใช่เสียแค่เรา แต่มันรวนทั้งระบบ ไม่ใช่แค่ตัวชาวนาที่เป็นหนี้ ผู้บริโภคก็เสียไปด้วยเพราะกินข้าวที่โตด้วยสารพิษเพื่อเร่งผลิตให้ทัน สุดท้ายมันก็กระทบไปถึงระบบนิเวศ เราใส่ปุ๋ยใส่ยา ฆ่ากุ้งหอยปูปลามากเท่าไหร่ แทนที่ที่นั้นๆจะอุดมสมบูรณ์ขึ้น พื้นที่นั้นก็เสียไปด้วยเพราะได้รับสารเคมี ดินแห้ง พืชผักตายเกลี้ยง ฯลฯ แล้วจะทำนาได้อย่างไร ในเมื่อพื้นที่เป็นเช่นนี้

คิดจะปลูกอะไรไปตามความต้องการนะได้อยู่แล้วครับ โดยปกติแล้วเราอยากจะปลูกพืชที่ได้ผลผลิตจะเยอะแค่ไหนก็ได้ตามต้องการ แต่เงินที่ได้จากการขายผลิตผลนี่ถามหน่อยว่าเราสามารถตั้งกำหนดราคาเองได้หรือไม่? อันนี้โดยปกติจริงๆก็ต้องตอบกันตรงๆว่า ไม่เลย ดังนั้นน้องเองก็ได้ยินข่าวเรื่องของการตรึงราคาพืชผลทางการเกษตรหน้าสวนหน้าไร่ (ไม่ได้หมายความถึงราคาของผลิตผลแปรรูปที่ผ่านโรงงานหรือบรรจุภัณฑ์หรือผู้จัดจำหน่ายยี่ปั๊ว ซาปั๊วในตลาดนั้นละ) ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าจำนวนผู้ผลิตคือเกษตรกรนั้นมีมากกว่าจำนวนผู้ซื้อที่มาเฝ้ารออยู่หน้าไร่หน้าสวนซึ่งปกติเขาซื้อแบบเหมาเรียบหมด (คงไม่มีนักจ่ายตลาดทำกับข้าวคนไหนเขาถ่อไปซื้อของกันแถวๆหน้าไร่หน้าสวนหรอกนะ เพราะมันเสียทั้งเวลาและค่าเดินทางโดยไม่จำเป็น) ผู้ผลิตนั้นเขาต้องรีบเร่งระบายผลิตผลของตัวเองโดยจะเก็บเอาไว้กับตัวเ้พื่อขายในวันต่อไปก็ไม่ได้เพราะของมันมันมีอายุ มันเน่าเสียส่งผลกระทบต่อคุณภาพสินค้าได้ซึ่งนั้นจะทำให้ราคาสินค้าตกลงไป นั้นจึงทำให้ผู้ซื้อแบบเหมาจ่ายนั้นสามารถตั้งราคาให้ถูกลงแค่ไหนก็ได้ตามใจชอบ เพราะผู้ซื้อมันมีอยู่ไม่กี่คน ผลก็คือเงินรายได้กำไรมูลค่ามหาศาลก็จะไปตกกับผู้ที่เหมาซื้อแล้วเอาไปขายปลีกต่อ
และถ้าปลูกตามความต้องการตัวเองได้ผลผลิตน้อยๆลงไป ผู้ซื้อน้อยรายก็หันไปทุ่มกำลังซื้อกับฝ่ายที่สามารถทำผลิตผลได้มากกว่าและคุณภาพดีกว่าแทน
นี่ต่างหากละครับน้อง เป็นสาเหตุที่เขาต้องปลูกอะไรตามตลาด จะปลูกตามที่ใจตัวเองชอบซะทีเดียวเลยมันทำได้ยากมาก นอกจากว่าเราจะเป็นคนไปขายเองทำตลาดเองนั้นก็แล้วแต่ความขยันเป็นรายคนไป ปัญหาการตลาดที่กระทบโดยตรงต่อชาวนาสำคัญไม่แพ้ผู้บริโภคที่ต้องซื้อของใช้สารพิษ และมากกว่าระบบนิเวศน์วิทยาที่เสียไปและส่งผลกระทบทางอ้อมนั้นเสียอีก

เวลามองอะไรให้มองยาวๆ บางทีมองสั้นๆมันดูดี แต่ถ้ามองยาวๆ โอ้โห!! มันผิดกันลิบลับเลย

แต่ สิ่งที่ข้าพเจ้าได้ไปสัมผัสระหว่างไปเข้าค่ายของเครือข่ายคนกินข้าว ทั้งค่ายดำนาและค่ายเกี่ยวข้าว สิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นคือ ชาวนาเหล่านั้นก็เหมือนชาวนาทั่วๆไป บ้านก็ไม่ได้ใหญ่โตโอ่อ่ามากนัก แต่ในพื้นที่นั้นที่เป็นนาข้าวกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ ต้นข้าวทุกต้นดูมีชีวิตชีวาไม่เหี่ยวแห้ง ท่ามกลางพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางนิเวศ ที่สำคัญคือ เป็นพื้นที่ของ”ชาวนา”ที่เต็มไปด้วยความสุขจริงๆ เขาทำนาเพราะรักที่จะทำ ทำด้วยความสุข ไม่ได้ทำเพราะจำใจทำแต่อย่างใด ทั้งสองค่ายนี้อาตุ๊หล่างและพ่อถาจะเป็นผู้นำสอนพวกเราชาวค่ายให้เรียนรู้ วิถีชีวิตของชาวนา ทั้งดำนา รู้จักสมุนไพรต่างๆ ในค่ายแรก และในค่ายที่สอง พวกเราได้หัดเกี่ยวข้าวและคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ข้าวอีกด้วย


น้องยกอะไรมาพูดมาอ้างกันแน่ครับ? ว่าเขามีความสุขอย่างที่น้องอ้างมา? น้องเคยสอบถามเขาถึงปัญหาที่พี่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้หรือไม่?

ซี่งประสบการณ์จากทั้งสองค่ายของข้าพเจ้านั้น เป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่าอาชีพชาวนาไม่ใช่อาชีพต่ำต้อย แต่เป็นอาชีพที่ควรคารวะ การทำนาไม่ใช่ธุรกิจ แต่เป็นการทำนาเพื่อเอานา ทำเพราะรัก ทำเพราะอยากทำ ทำเพราะรู้ซึ้งถึงคุณค่าจริงๆ การทำนาคือความสุข คือชีวิต และผืนนาคือบ้าน

ขอโทษทีนะครับ การทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยอะไรก็ตาม ถือเป็นธุรกิจเพราะมันต้องแลกมาด้วยค่าตอบแทนทั้งนั้น อย่าอ้างค่าตอบแทนที่เป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้นั้นละ อะไรที่ไม่มีค่าตอบแทนเขาจะไม่ทำ ให้มันเสียเวลาอันมีค่าไปเปล่าๆหรอกครับ

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ มั่งคั่งเรื่องเงินทอง แต่เขามั่งคั่งเรื่องอาหารซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าเรื่องเงินทองเสียอีก ข้าวก็ได้จากนาของเขา พืชผัก ปลา ก็มาจากบริเวณบ้าน เขามีทุกอย่าง พึ่งตัวเองได้อย่างไม่เดือดร้อน และที่สำคัญคือ เขามีความสุข

อาหารบางอย่างนะ มันเก็บสะสมไว้กินในวันต่อไปไม่ได้นะครับ เมื่อมันบูดเน่าเสียไปเราก็ต้องเอาไปใช้เป็นอาหารสัตว์ไป โดยเฉพาะอาหารสดๆที่ได้จากการปลูกมาของชาวนาชาวสวน มันไม่ใช่อาหารที่แปรรูปโดยโรงงานเพื่อเก็บไว้ให้คนกินได้นานหรอกๆนะ รู้ไว้ซะด้วย

ดังนั้น ในความคิดของข้าพเจ้า วิถีของชาวนาที่นี่ไม่ได้จนเลยสักนิด แม้ว่าเขาจะจนเงินทองในสายตาของคนทั่วๆไป แต่สำหรับข้าพเจ้า เขาไม่จนเรื่องของความสุข เรื่องของคุณธรรม มันเป็นวิถีที่คนอยู่อย่างเคารพเกื้อกูลต่อธรรมชาติ เป็นวิถีที่แท้จริงของชาวนา วิถีที่แท้จริงของมนุษย์ทุกคน

เพราะอะไร? เพราะแท้จริงแล้วบ้านของมนุษย์คือธรรมชาตินั่นเอง (ข้อความนี้คัดลอกจากข้อความของ ศ.นพ. ประเวศ วะสี)


ใช่ครับ บ้านของมนุษย์จริงๆก็คือธรรมชาติ แต่ธรรมชาติสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะการตลาดนั้น เราจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับมัน เราปฏิเสธมันไม่ได้หรอกนะ ตราบใดที่เราต้องยังชีพโดยการเอาผลิตผลไปขายเพื่อแลกเอาค่าตอบแทนอย่างอื่นมา ก็เพื่อความสุขในคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเขาเอง

ที่สำคัญ คือ เรื่องของคุณธรรม ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ยังไม่ต้องพูดถึงชาวนาแต่ลองมองสังคมในปัจจุบันกันก่อน ที่มันมีปัญหาเป็นวงจรซ้ำเดิมไม่จบไม่สิ้นเพราะอะไร?? สาเหตุตื้นๆคือความโลภ ความโกรธ ความหลง ในตัวของคนเหล่านั้น แต่ลึกๆแล้วสาเหตุที่แท้จริงคือ “ขาดคุณธรรม” ต่อให้มีเทคโนโลยีก้าวหน้ามากมาย ตามจับโจรผู้ร้ายได้หมด สุดท้ายมันก็แก้ที่ปลายเหตุอยู่ดี คือเอาเขาไปขังคุก แต่นิสัยเขาหายไหม แล้วถ้าเอาคนๆนี้ไปขังคุก เรื่องมันจะจบแค่ตรงนั้นหรือเปล่า แล้วจะไม่มีคนทำผิดอีกแล้วใช่ไหม? มันไม่ใช่ เพราะต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด คือ “ขาดคุณธรรม” ลองยกตัวอย่างดูง่ายๆ ถ้าสมมติว่าเรากำลังอยากได้ของๆคนอื่น แต่เราห้ามการกระทำตัวเองไม่ให้ขโมยของๆเขาได้ นี่ก็ถือว่าเรามีคุณธรรมแล้วนะ แล้วคิดดู ถ้าเราห้ามตัวเองได้ไม่ให้คอรัปชั่นแม้ว่าคนอื่นจะทำก็เถอะ นี่ก็เป็นคุณธรรมเหมือนกัน

มนุษย์เรานั้นล้วนแต่เกิดมีตัณหา รักโลภโกรธหลงด้วยกันทั้งสิ้น มันเลี่ยงไม่ได้หรอกครับ ตราบใดที่สิ่งมีชีวิตยังต้องการอาหารเพื่อยังชีพ นี่ก็เรียกว่าตัณหาในขั้นต้นแล้วนะครับ ถ้าอยากเลี่ยงตัณหาประเภท มันก็มีแต่ต้องตัดอวิชชาแล้วไปนิพพานไม่ต้องมาเกิดอีกต่อไปเท่านั้นเองตามหลักสังสารวัฏ
และสาเหตุที่แท้จริงในที่นี้ก็คือ ธรรมชาติความไม่สมดุลระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายทางการตลาด ต่างหากละครับ คุณธรรมในที่นี้ถือเป็นปัจจัยรองๆลงไป

คุณธรรมจึงเป็นตัวสำคัญที่ทำให้ปัญหาทุกๆ อย่างคลี่คลายลงไปได้ และเป็นสิ่งที่ทุกๆคนควรมี แม้กระทั่งชาวนา เพราะทุกๆอย่างล้วนเริ่มจากจุดเล็กๆ แล้วขยายสู่วงกว้างทั้งนั้น คุณธรรมของชาวนาก็เป็นจุดเล็กๆที่ว่านี้เช่นกัน

การจะทำอะไรสักอย่างให้ออกมาดีและบริสุทธิ์ จำต้องประกอบด้วยคุณธรรม เริ่มตั้งแต่คุณธรรมในตัวผู้ผลิตเอง ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าหากชาวนามัวแต่เอาเวลาไปกินเหล้า ไม่ได้ใส่ใจเรื่องคุณภาพชีวิตของตัวเอง ไม่รู้ว่าอะไรถูกผิด ควรไม่ควร แน่ใจหรือว่าเขาจะใส่ใจคุณภาพข้าวด้วย คราวนี้ มันก็กระทบทั้งตัวชาวนาและผู้บริโภคใช่ไหม เพราะฉะนั้นจะทำอะไรให้มันดี ให้มันบริสุทธิ์ มันก็ต้องเริ่มที่เราพยายามทำให้ใจเราบริสุทธิ์ก่อน...


ตัวอย่างที่น้องยกมานี่ถือเป็นตัวอย่างที่ตื้นเขินเอามากๆ ซึ่งนั้นไม่ได้แก้ปัญหาที่หลักที่แท้จริงเลยแม้แต่นิดเดียวอย่างที่เคยพูดไปแล้ว

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมชาวนาต้องมีคุณธรรม และทำไมเราต้องมีคุณธรรม ซึ่งเป็นบทสรุปของทุกสิ่งทุกอย่าง

อย่าง ที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่าบทความนี้ไม่ได้ตัดสินว่าใครถูกผิด แต่เป็นการแสดงความคิดเห็นตามทรรศนะของข้าพเจ้าเท่านั้น ซึ่งก็หวังว่าท่านผู้อ่านคงได้รับประโยชน์จากบทความนี้บ้าง ไม่มากก็น้อย


ผมไม่ขอตอบว่าใครถูกใครผิด แต่ใครกันแน่ที่มีข้อมูลข้อเท็จจริงเหนือกว่าและมีความเป็นจริงมากกว่าที่สุด คนๆนั้นย่อมเป็นต่อเสมอ รู้เอาไว้ซะด้วยนะครับ เฮ้อ...

ที่มาของต้นฉบับเรียงความ ยกมาจากFacebookของผู้เขียนอย่างคำผกาที่นำมาเผยแพร่ให้อ่านกัน
FacebookของKiku Nohana


Create Date : 12 มีนาคม 2554
Last Update : 12 มีนาคม 2554 14:02:54 น. 0 comments
Counter : 541 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.