โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (โรคแพ้อากาศ)
โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้(Allergic Rhinitis) เป็นโรคที่พบบ่อยและมีอุบัติการณ์เพิ่มขึ้นในช่วง10 ปีที่ผ่านมา พบได้ทุกวัย โดยเฉพาะช่วงวัยเด็กและผู้ใหญ่ สร้างความรำคาญให้แก่ผู้ป่วยและคนข้างเคียง ในเด็กทำให้นอนหลับไม่เต็มที่ขาดสมาธิในการเรียนเสียบุคลิกภาพขาดงานหรือขาดเรียน นอกจากนั้นมักเกิดโรคแทรกซ้อนได้บ่อย เช่นโรคไซนัสอักเสบหรือหูชั้นกลางอักเสบ จะทราบได้อย่างไรว่าเป็นโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้?อาการหลักได้แก่คัดจมูก น้ำมูกไหล คันจมูก จาม อาจมีอาการคัน หรือเคืองตาร่วมด้วย ซึ่งอาการเหล่านี้จะเป็นๆหายๆ ตลอดทั้งปีหรือบางฤดูกาล ในเด็กอาการโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้อาจไม่ชัดเจนซึ่งผู้ปกครองอาจสังเกตว่า 1. เด็กเป็นหวัดตลอดทั้งปี (บางครั้งมีไข้ร่วมด้วย)
2. น้ำมูกใส สลับข้น เป็นๆ หายๆ
3. ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไซนัสอักเสบ
4. หายใจเสียงดังหรือคัดจมูกเวลากลางคืน นอนไม่หลับเต็มที่ไม่มีสมาธิ
5. บางรายอาจเห็นขอบตาล่างบวมคล้ำ คันและเกาที่จมูก
โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้เกิดขึ้นได้อย่างไร? กรรมพันธ์และสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยหลักในการเกิดโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ถ้ามีพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคภูมิแพ้ โอกาสจะเป็นโรคภูมิแพ้จะสูงขึ้นสารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อย ได้แก่ ไรฝุ่น แมลงสาบ เศษโปรตีนจากสัตว์เลี้ยง เชื้อราและละอองเกสร ทำให้ร่างกายเกิดปฎิกิริยาตอบสนองผิดปกติ และแสดงอาการของโรค
โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้รักษาอย่างไร? 1. การถามประวัติเช่น อาการต่างๆ มีความรุนแรงเพียงใด ความถี่เวลา ระยะเวลาที่เป็นประวัติโรคภูมิแพ้ในครอบครัว สิ่งแวดล้อมทั้งในและนอกบ้านรวมถึงประวัติการเจ็บป่วยในอดีต
2. การตรวจร่างกาย แพททย์จะตรวจร่างกายโดยทั่วไป โดยเน้นอวัยวะที่สัมพันธ์กับโรคนี้เช่น เยื่อบุในโพรงจมูก การอักเสบของไซนัส และหูชั้นกลาง การมีโรคหืดหรือโรคผื่นแพ้ร่วมด้วยหรือไม่
3. การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin test) ซึ่งจะช่วยบอกว่าผู้ป่วยแพ้สารตัวใดเพื่อเป็นแนวทางในการรักษาต่อไป
ทำอย่างไรจึงจะหายจากโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้? 1. หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และจัดสภาพแวดล้อมรอบตัวให้เหมาะสม
2. การใช้ยา ซึ่งมีทั้งชนิดรับประทานหรือที่เรียกกันว่ายาแก้แพ้ซึ่งจะช่วยลดอาการคัน จาม น้ำมูกไหล แต่ยาบางตัวอาจมีผลข้างเคียง ง่วงซึม ปากแห้งคอแห้งได้
3. ย่าพ่นจมูก (NasalSteroid) เป็นยาที่ออกฤทธิ์ต้านการอักเสบของเยื่อบุจมูกได้ดีลดความไวของเยื่อบุจมูกต่อสารก่อภูมิแพ้ที่ได้รับมานอกจากนี้ยังสามารถลดอาการทางตาได้ แต่ข้อเสียคือ ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์ช้าส่วนมากจะเห็นผลเต็มที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 2 สัปดาห์ และอาจพบผลข้างเคียงเช่น เลือดกำเดาไหลได้
4.ส่วนการรักษาด้วยวัคซีนภูมิแพ้ แพทย์จะเลือกใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมอาการให้ดีขึ้นด้วยยาหรือมีผลข้างเคียงจากการใช้ยา หรือผู้ป่วยไม่สามารถหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ได้แต่ข้อเสียคือ ผู้ป่วยจำเป็นต้องเดินทางมารับวัคซีนอย่างต่อเนื่องทุก 1-2 สัปดาห์เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี
Create Date : 10 พฤศจิกายน 2560 |
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2560 10:49:54 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1199 Pageviews. |
|
|
|