นานาสาระสุขภาพที่น่ารู้.. เล่าสู่กันฟัง
 
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ...ออกกำลังกายได้...อย่าละเลย

การออกกำลังกายในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
ปัจจุบันคนไทยมีวิธีชีวิตที่ต้องเร่งรีบขึ้น เครียดมากขึ้น ทั้งปัญหาทางเศรษฐกิจ การจราจร ครอบครัว ไม่มีเวลาพักผ่อนอย่างเพียงพอ ไม่มีเวลาออกกำลังกาย และพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่เปลี่ยนแปลงไป ประเภทของอาหารเหมือนชาวตะวันตก มีไขมันสูง ทำให้เป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ มีหลักฐานการวิจัยทางการแพทย์ รายงานว่า การออกกำลังกายช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้ และผู้ป่วยที่เป็นแล้วการออกกำลังกายยังช่วยลดอัตราการตายจากการเป็นซ้ำของโรคได้ถึง 25% ในช่วงเวลา 1-3 ปี นอกจากนี้ยังทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้นด้วย
ทำไมผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ จึงควรออกกำลังกาย
ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ จะมีสมรรถภาพ (Fitness) ของร่างกายลดลง เพราะผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบจะมีอัตราการเต้นของหัวใจสูงขึ้น และการบีบตัวให้เลือดออกจากหัวใจแต่ละครั้งได้ปริมาณน้อยลง ทำให้ปริมาณเลือดที่หัวใจส่งไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ลดลง เป็นผลให้ปริมาณออกซิเจนสูงสุดที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ (VO2max) ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกสมรรถภาพของร่างกาย ลดลงด้วยในคนปกติถ้านอนนาน 3 สัปดาห์ ค่า VO2max อาจลดลงถึง 25% ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ สามารถเพิ่ม VO2max ได้ประมาณ 20% หลังจากฝึกออกกำลังกายนาน 3 เดือน
ประโยชน์ของการออกกำลังกายในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
1. ป้องกันภาวะโรคแทรกซ้อนจากการนอนนาน
2. เพิ่มสมรรถภาพการทำงานของร่างกาย
3. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ
4. เพิ่มการไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ
5. ลดปัจจัยเสี่ยง ที่เป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ได้แก่ ลดน้ำหนัก ลดไขมัน ลดความดันโลหิต
6. ลดอัตราการตาย จากการเป็นซ้ำของโรค
7. ส่งเสริมสุขภาพจิต ลดอาการเครียด ซึมเศร้า เพิ่มคุณภาพชีวิต
การออกกำลังกายในผู้ป่วยโรคหัวใจ
ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่า เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ให้การรักษา ก่อนจะไปออกกำลังกายเอง ผู้ป่วยอายุเกิน 40 ปี ที่ไม่เคยออกกำลังกายสม่ำเสมอ ที่คิดจะเริ่มออกกำลังกาย ควรไปตรวจร่างกายประจำปีบ้าง ว่ามีโรคหัวใจหรือไม่ เพราะบางรายไปออกกำลังกายหักโหม จนเป็นลมฟุบไป โดยไม่ทราบว่า ตัวเองเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่น้ำหนักมาก สูบบุหรี่ มีประวัติไขมันในเลือดสูง ระดับโคเลสเตอรอล > 240 มก./เดซิลิตร ความดันโลหิตสูง เบาหวาน พ่อ แม่ พี่ น้องเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบก่อนอายุ 55 ปี
โปรมแกรมการออกกำลังกาย
1.การอบอุ่นร่างกาย (Warm up) เพื่อเตรียมร่างกายให้ระบบกล้ามเนื้อ ข้อต่อ และระบบไหลเวียน พร้อมก่อนการออกกำลังกาย เพื่อป้องกันการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และบาดเจ็บ กล้ามเนื้อ ข้อต่อ โดยการยืดกล้ามเนื้อ เริ่มออกกำลังกายเบาๆ ทำประมาณ 5-10 นาที
2.การออกกำลังกายแบบแอร์โรบิค เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ออกซิเจนของร่างกาย ต้องเป็นการออกกำลังกายแบบเคลื่อนไหว โดยเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อกลุ่มใหญ่ของแขน ลำตัว เป็นจังหวะอย่างต่อเนื่อง ด้วยความหนัก และเวลาที่มากพอที่จะกระตุ้นให้มีการปรับตัวเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจและระบบไหลเวียนเลือด
3.การออกกำลังกายที่เหมาะสมคือการเดิน เพราะทำได้ง่าย ปลอดภัยได้ผลดี เดินด้วยความเร็วปานกลางให้เหนื่อยเล็กน้อย จับชีพจรตัวเองให้ได้ช่วงชีพจรที่เหมาะสมประมาณ 60-85 เปอร์เซ็นต์ ของอัตราการเต้นหัวใจสูงสุด ที่ได้จากการทดสอบ โดยการออกกำลังกาย หรือใช้ค่าประมาณ 20-25 ครั้ง/นาที เพิ่มจากอัตราการเต้นหัวใจขณะพัก เมื่อเดินได้ 10 นาที แล้วค่อยๆ เพิ่มเวลา เช่น เพิ่ม 5 นาที ทุกสัปดาห์ จนสามารถเดินได้ 20-30 นาที จากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มความเร็วของการเดิน ถ้าเหนื่อยมาก หรือมีการเจ็บหน้าอก หรือได้อัตราการเต้นหัวใจสูงกว่าอัตราการเต้นหัวใจที่เหมาะสม ควรหยุด ตัวอย่างเช่น ถ้าทดสอบจากการออกกำลังกาย (Stress test) ได้อัตราการเต้นหัวใจสูงสุด ประมาณ 160 ครั้ง (ในบุคคลปกติอัตราการเต้นหัวใจสูงสุดประมาณ 220-อายุ) อัตราการเต้นหัวใจที่เหมาะสม ขณะออกกำลังกายประมาณ 60-85 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับ 96-136 ครั้ง ความถี่ของการออกกำลังกายประมาณ 3-5 ครั้ง/สัปดาห์ 
4.การออกกำลังกายเบาๆ หลังการออกกำลังกาย (Cool down) มีความสำคัญในการป้องกันภาวะความดันเลือดตกหลังออกกำลัง ช่วยเร่งการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อ และระบบไหลเวียนเลือด การหยุดออกกำลังทันที จะทำให้เลือดที่ไหลกลับหัวใจลดลงทันที ลดปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกได้ หลังจากเดินทุกครั้งไม่ให้หยุดทันที ต้องเดินช้าๆ ต่ออีก 5-10 นาทีเสมอ
 
นอกจากการเดิน อาจใช้วิ่งบนสายพาน หรือปั่นจักรยานอยู่กับที่ เต้นแอร์โรบิค ในคนสูงอายุที่มีปัญหาข้อเข่า ควรปรับอานจักรยานให้พอเหมาะ คนไข้ที่มีปัญหาโรคข้ออาจใช้วิธีว่ายน้ำ   ข้อควรระวังไม่ควรเบ่ง หรือออกแรงเกร็ง ไม่กลั้นหายใจระหว่างออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงการกำมือแน่นๆ และการนอนออกกำลังกาย
นอกจากการออกกำลังกายที่เหมาะสมแล้วควรปฏิบัติตนให้ถูกต้อง รู้จักประเมินระดับความเหนื่อย และการจับชีพจรตัวเอง รู้จักอาการและอาการแสดงที่บ่งถึงภาวะผิดปกติ จากการออกกำลังเกินขนาด เช่น เจ็บหน้าอก มึนงง เซ คลื่นไส้ เมื่อท่านสมารถออกกำลังกายได้อย่างสม่ำเสมอ อัตราการเต้นหัวใจขณะพักค่อยๆ ลดลง และประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจจะดีขึ้น และสมรรถภาพร่างกายของท่านจะดีขึ้นด้วย


ด้วยความปรารถนาดีจากโรงพยาบาลรามคำแหง
//www.ram-hosp.co.th






Free TextEditor


Create Date : 10 มีนาคม 2552
Last Update : 10 มีนาคม 2552 13:47:27 น. 1 comments
Counter : 1450 Pageviews.  
 
 
 
 
สวัสดีนะจ้ะ เราแวะมาเยี่ยมนะจ้ะ ^____^ สักคิ้ว 6 มิติ ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้วลายเส้น เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ
 
 

โดย: สมาชิกหมายเลข 3762148 วันที่: 24 มีนาคม 2560 เวลา:15:49:45 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

หนึ่งเสียงในกทม.
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




คุยกับหมอราม
[Add หนึ่งเสียงในกทม.'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com