All Blog
อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 19



หมายเหตุ : บทโทรทัศน์ตอนล่าสุดจากบริษัทดีด้า...จร้า

อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 19

ส่วนในตะเกียงแก้วเวลาเดียวกันนั้นบรรยากาศเริ่มมาคุ แนนนี่กำลังขู่เข็ญชิกเก้นให้บอกเรื่องเมืองเวทมนตร์ ชิกเก้นอิ๊บ แล้วรีบปิดปากตัวเองแน่นด้วยสองขาหน้า ยังไงก็ไม่พูด

“จะบอกหรือไม่บอก...หนึ่ง”
ชิกเก้นส่ายหน้า
“จะบอกหรือไม่บอก...สอง”
ชิกเก้นส่ายหน้าอีก
“จะบอกหรือไม่บอก...” แนนนี่นับทิ้งห่างกว่าสองครั้งแรกหน่อย แต่สีหน้า แววตาข่มขู่เต็มที่
“ต้องรักษาสัญญากับคุณยายนะชิกเก้น” ตะเกียงแก้วเอ่ยขึ้น
แนนนี่สาปตะเกียงโดยไม่หันไปมอง “อุมปะ อุมแปะ ชูบาชูบะ ดัมบะใบ้” แล้ว สะบัดมือชี้ไปที่ปากของตะเกียงแก้ว “พี่ตะเกียงพูดไม่ได้”
“อุ๊บ” ตะเกียงแก้วเสียงหายไปเลย
แนนนี่จ้องชิกเก้นเขม็ง ทำหน้าตาแบบเด็กแสบขี้เล่นใส่
“ว่าไง....คะ”
ชิกเก้นทำหน้าจะร้องไห้แบบรู้ชะตากรรม ส่ายหัวด๊อกแด๊ก
“งั้นก็...สาม !!!”
ขาดคำ แนนนี่เริ่งปฏิการณ์จี๋เอวชิกเก้นทันที
แนนจี๋เอวจี๋พุงชิกเก้นระรัว ชิกเก้นจักจี้ หัวเราะร่วนท่าทางตลกสุดๆ
“ไม่บอกใช่มั้ย” แนนนี่จี๋ต่อ “นี่แน่ะๆๆๆฯลฯ”
“จ๊าก อย่า ก๊ากๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ” ชิกเก้นทั้งหัวเราะ แต่บางครั้งก็ร้องไห้ออกมา “โฮะๆๆๆ ฮื้อๆๆๆ” อยู่อย่างนั้น

ส่วนทาฮิร่ายังเดินไปเดินมา รอดารกา แล้วรู้สึกถึงกลิ่นอะไรบางอย่างผิดปกติ แนนนี่ปรากฏตัวฟึ่บแอบอยู่หลังพุ่มไม้ หิ้วคอชิกเก้นมาด้วย ชิกเก้นเหนื่อยอ่อนจากที่หัวเราะและร้องไห้เพราะถูกจี๋เอว
ชิกเก้นร้องเสียงไม่ดังมาก กลัวทาฮิร่าได้ยิน “อ๊อยยยย...แนนนี่ อย่านึกว่ายายทาฮิร่าจะไม่รู้นะ นางเป็นแม่มดที่หูผี จมูกมดสุดๆ นางรู้แน่นอนว่าเรามา โอย...หัวเราะซะจะขาดใจตาย”
ทาฮิร่าจามออกมาชุดใหญ่ “ฮาด...เช้ย ใครออกชื่อฉัน”
แนนนี่กับชิกเก้นเหวอ
“มั้ยล่ะ”
แนนนี่จุ๊ปาก “ชู่ว์...”
ทาฮิร่ารู้ว่าแนนนี่กับชิกเก้นมาแน่นอน หันมองมาที่พุ่มไม้ ทำท่าจะเดินมา แนนนี่ร่ายคาถากำบังกายกำบังกลิ่น
“ฮุมบะฮาย ฮุมบะบลายด์ ฮุมโบโนเซ้น-ติ...ฮึ่บ” กลิ่นหายไปจนสิ้น
ทาฮิร่าชะงัก “หรือเราจะระแวงไปเอง” แต่ก็จะเดินไปต่อ “ไม่ได้ มันคาใจ ต้องไปดูให้หายคา”
“มั้ยล่ะ นางยอมซะที่ไหน นิสัยอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่นนี่ถ่ายทอดมาถึงใครแถวๆ นี้น้า...”
พูดไม่ทันจบแนนนี่บีบคอชิกเก้นหมับ ชิกเก้นร้องอ๊อกแอ๊กๆ
“หยุดไปเลย พูดมากจะหยุดหายใจด้วยนะ”
ทาฮิร่าเดินเกือบถึง พอดีดารกาเข้ามา ทาฮิร่าชะงัก เดินกลับไปหาดารกา แนนนี่กับชิกเก้นโล่งอก
“รอดตายไป” ชิกเก้นว่า

ดารกาชะงักเมื่อเห็นเป็นทาฮิร่า พลางพูดในใจเสียงเยาะหยัน “มารอจับผิดฉันละสิ” แล้วปรับเป็นเสียงอ่อนหวานใสซื่อกับทาฮิร่าทันที
“คุณยายมารอน้องดาหรือเปล่าคะ”
ทาฮิร่ารีบดึงดารกาออกไปห่างจากจุดที่แนนนี่และชิกเก้น
แนนนี่ขำก๊าก “คุณยายขา เมืองเวทมนต์เขาสอนคาถาหูทิพย์ด้วย ยายลืมไปแล้วเหรอ”
“เอาเข้าไป ยายหลานประชันคาถา ยายก็ขยันว่าคาถาผิด หลานก็ขยันว่าคาถา...อะไรน้อ...”
“คาถาปิดลมหายใจแมว...ซะดีมั้ย”
“แป๊ว” ชิกเก้นทำเป็นตาย
แนนนี่ร่ายคาถาหูทิพย์ “โฮบา โฮบะ เฮียริง ไฮเด้ฟโฟ ทรีจีโอ้”
มีคลื่นเสียงสะท้อนมาเข้าหูแนนนี่
แนนยิ้มกริ่มอย่างผู้ชนะ
“ขอโทษนะคะคุณยาย แต่แนนนี่จำเป็นต้องรู้”

ทาฮิร่ายังอยู่กับดารกา รู้ทันหลานสาวจอมแก่น ทาฮิร่าร่ายคาถาในใจ
“คุมปา คุมปะ คัตโต อ๊อฟโฟ นาวโว” ว่าจบก็หัวเราะเบาๆ คนเดียว อย่างสาสมใจ “คราวนี้ฉันว่าคาถาไม่ผิดแน่”
แนนนี่กับชิกเก้นยังพรางกายพรางกลิ่นอยู่ด้วยกัน แนนนี่ถึงสะดุ้ง
“ไม่ได้ยินแล้วอะ ยายว่าคาถาปิดเสียง” แนนนี่บ่นออกมา
“ถึงคราวนางจะไม่เลอะ นางก็ไม่เลอะ...เลิศ” นานๆ ชิกเก้นจะชมนายหญิงสามพันปี
แนนนี่อุ้มชิกเก้นจะหายตัวตามไปแอบฟังต่อ อย่างไม่ลดละ
“ต้องตาม แนนนี่ต้องรู้ให้ได้”
ทาฮิร่ารู้ทันอีก ร่ายคาถาอยู่ในใจ “แบ๊กโก ล็อกโก บิงโก เอ๊ย ไม่ใช่ ...บัดนาวโว”
พลันแนนนี่กับชิกเก้นหายตัววับจากบริเวณนั้น

พริบตาเดียวแนนนี่ก็ปรากฏตัวฟึ่บในตะเกียงแก้ว ตกอยู่ในสภาพกลิ้งโค่โล่ แขนขาโดนมัด ชิกเก้นก็ไม่รอด...โดนเหมือนกัน
“เฮ้ย ไม่ใช่อย่างนี้ ยายใจร้าย แนนนี่โกรธแล้ว” แนนนี่หน้างอ
“ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว” ชิกเก้นขำไม่ออก เพราะตัวเองโดนทั้งยายทั้งหลานยำในวันเดียวกัน
แนนนี่ออกอาการงอนหนัก “พูดมาก”

เมื่อแน่ใจว่าปลอดจากหลานและบ่าวปากมาก ทาฮิร่าจดจ้องมองดานิ่งแบบจริงจัง แต่ยังคงวางท่าในบุคลิกผู้ใหญ่ที่น่านับถืออยู่อย่างเคย
ดารกามองทาฮิร่านิ่งสงบ ยังแอ๊บใสซื่อเป็นเด็กสาวแสนดีผู้เรียบร้อย พูดนอบน้อมกับทาฮิร่าตลอดเว... แต่แววตาฉายชัดว่าไม่กลัวเกรงแต่ประการใด
“ฉันเพียงแต่จะเตือนหนูให้ระวังตัว” ทาฮิร่าเอ่ยขึ้นน้ำเสียงอบอุ่น
“คุณยายคิดว่าน้องดาทำอะไรหรือคะ” ดารกาแอ๊บใส ถามขึ้น
“ไม่สำคัญหรอกว่าฉันคิดอะไร สำคัญที่บางสิ่งบางอย่างที่หนูทำหรือกำลังจะทำ จะนำพาอันตรายย้อนเข้าทำร้ายตัวหนูเอง” ทาฮิร่าเตือนอย่างห่วงใยจากใจจริง
ดารการีบไหว้ขอบคุณอย่างอ่อนน้อม
“น้องดาขอบพระคุณที่คุณยายกรุณาเตือนค่ะ น้องดาจะระวังตัว

ทาฮิร่าผิดสังเกตในท่าทีดารกา มองนิ่งอย่างพินิจพิเคราะห์ เพื่อจะค้นหาความจริง ทาฮิร่าคิดอยู่ในใจ
“เด็กคนนี้น่ากลัวจริงๆ พูดจาหวานขึ้นมากจนดูไม่จริงใจ”
ดารกามองทาฮิร่าสายตาบ๊องแบ๊ว คิดในใจ
“ไม่ต้องมาจ้องฉันยัยแม่มด แกไม่มีวันรู้เห็นอะไรในตัวฉันอีกแล้ว”
สักครู่หนึ่ง ดารกาก็ขอตัว
“น้องดาขอตัวนะคะ น้องดาต้องทำรายงานส่งอาจารย์ค่ะ”
“เชิญจ้ะ”
ดารกาเดินค้อมตัวเดินผ่านทาฮิร่าไปอย่างนอบน้อม ทาฮิร่าหันไปมองตามคอยืด พร้อมกันนั้นทาฮิร่าเพ่งจิตสำรวจภายในร่างกายของดารกา แต่แล้วต้องเอะใจ
“เอ๊ะ ทำไมไม่เห็นปลอกคอ”
ดารการู้ตัวเดินยิ้มร้ายเยาะหยันห่างออกไป
“ฮึ่ เพ่งจิตสำรวจฉันอยู่ละสิยัยแม่มด คราวนี้ไม่มีทาง”

ดารกานึกถึงคำเตือนของอสูรร้ายผู้เป็นบิดาในห้องพิธีกรรมก่อนหน้านี้ ในขณะที่สดับยื่นรากไม้เล็กๆให้ดารกา
“เขาเจ้าเริ่มงอกแล้ว กินรากไม้นี่ซะ มันจะบดบังทุกสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกับพงศ์พันธุ์อสูรในกายเจ้าจากสายตาและสัมผัสของมนุษย์และอมนุษย์ทั้งปวงที่ไม่ใช่เผ่าพันธุ์อสูร”
ดารการับรากไม้ไปดู เห็นรากไม้รูปทรงน่าขยะแขยง ดารกายี้หน้าตารังเกียจไม่อยากกิน ชั่งใจว่าจะกินหรือไม่กินดี แต่ในที่สุดตัดสินใจกิน ดารกาเคี้ยวด้วยหน้าตาเหยเก ด้วยว่ารสชาติประหลาดล้ำชวนอ้วกเป็นที่สุด ฝืนใจกลืนลงคออย่างลำบากยากเย็น

ทาฮิร่ายืนอึ้งตะลึงอยู่ที่เดิม แล้วเริ่มลังเล
“หรือเราจะคิดไปเอง ระแวงไปเอง มองเด็กในแง่ร้ายเกินไป น้องดาอาจเป็นผู้บริสุทธิ์” แต่แล้วทามั่นใจในความคิดตัวเองขึ้นมาอีก “แต่สังหรณ์ของฉันไม่เคยพลาด เพื่อความไม่ประมาท กันไว้ก่อนดีกว่าแก้”
ว่าแล้วทาฮิร่าก็ออกเดินจากสวนตรงไปทางตึกตัวบ้าน

ดารกาขึ้นมายังห้องยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง หน้าตาเยาะหยัน เห็นทาฮิร่ากำลังเดินดุ่มๆ มุ่งมาทางตึก
“แกประเมินฉันต่ำไปแล้วยายทาฮิร่า จากนี้ไปฉันจะไม่ออมมือกับแก”
ดารกายืนนิ่งอยู่อีกครู่หนึ่ง หน้าตาร้ายกาจเยาะหยันนั้นค่อยๆ นิ่งลง จนกลายเป็นเศร้าสร้อย ขณะเดินไปนั่งที่เตียง ดารกานั่งนิ่งคิดอยู่สักครู่ รู้สึกเศร้าสลดกับชะตาชีวิตของตัวเองขึ้นมาแว่บหนึ่ง
“ฉันมีฤทธิ์มากขึ้น แต่ทำไมฉันไม่มีความสุขเลย ใครจะช่วยฉันได้บ้างไหม...”

ดารการำพึงรำพัน พร้อมกับที่แห่งความสุขยามที่ดารกาอยู่กับภวัต สองต่อสอง ผุดขึ้นมาในโมงยามของความคิดนั้น

นึกถึงตรงนี้ สีหน้าแววตาของดารการะบายยิ้มอย่างมีความสุขบนใบหน้าสวย แต่เมื่ออีกความคิดที่ต้องแลกกับความเป็นอสูรร้ายวาบเข้ามาในหัว สีหน้าดารกาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเจ็บปวดอีกครั้ง

เสียงอสูรในร่างสดับดังก้องอยู่ในหัวดารกา พร้อมกับภาพเหตุการณ์ในวันก่อน ตอนเผชิญหน้ามาลี
“นังมาลีมันเรียกหนูว่าลูกอีกเมื่อไหร่บอกฉัน”
ดารกามองมาลี ความสงสารความผิดชอบชั่วดีวาบปั่นป่วนใจ มาลีหันไปมองดารกา ด้วยสีหน้าและแววตาวิงวอนขอความเห็นใจ ในขณะที่ดารกาสับสนปั่นป่วน แล้ววิ่งเตลิดหนีไป

ดารกาน้ำตารื้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เจ็บปวด และสับสน เพราะไม่อยากรับรู้เรื่องเป็นลูกของมาลี แต่ในใจก็อดสงสารมาลีไม่ได้
ดารกาผุดลุกพรวดด้วยแรงอารมณ์ แต่แล้วก็รู้สึกเจ็บที่เขาบนหัว ดารการีบวิ่งไปที่กระจก ดารกาถอดที่คาดผมออก เห็นชัดเจนว่าเขาเริ่มงอกยาวออกมากว่าเดิม ดารกาเคียดแค้นชิงชังปาที่คาดผมทิ้ง ร้องไห้โฮออกมา
“ฉันไม่อยากเป็นอสูร...”

ทาฮิร่าตัดสินใจมาปรึกษาเรื่องคาใจกับปัทมน ทั้งสองคนในอารมณ์ค่อนข้างเครียด จังหวะหนึ่งปัทมนตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในน้ำเสียงจริงจังนั้น
“ในเมื่อคุณยายแน่ใจว่าลูกสาวของปัททั้งสองคนมีปัญหา และคนใดคนหนึ่งเป็นอสูรแน่ๆ ปัทจะวางมือจากงานทั้งหมดมาดูแลลูกค่ะ”
“เป็นกุศลแก่เด็กอย่างยิ่งค่ะ ความรักที่บริสุทธิ์แท้จริงของคุณปัทมนที่มีต่อเด็กทั้งสอง ทั้งๆที่คุณปัทมนไม่ใช่แม้แท้ๆของเขา ถือว่ายิ่งใหญ่มากค่ะ ฉันเชื่อว่าเมื่อรวมกับบุญกุศลที่คุณปัทมนสั่งสมมาทั้งหมด จะเป็น
พลังต้านอสูรให้ไม่สามารถดึงวิญญาณลูกหลานของเราไปเป็นอสูรได้ ฉันเองก็จะบำเพ็ญเพียรเพื่อเสริมพลังกับคุณช่วยแนนนี่และหนูน้องดาด้วย”
ปัทมนน้ำตาซึม สีหน้าดูมีความหวังขึ้นมาอีกหน่อย แม้จะรู้สึกว่าต้องต่อสู้กับอำนาจเหนือมนุษย์
“ปัทจะทำทุกวิถีทางค่ะ คุณยายช่วยให้กำลังใจปัทด้วย”
ปัทมนกอบกุมมือทาฮิร่าเพื่อสร้างกำลังใจให้ตัวเอง ทาฮิร่ากุมมือตอบ ทั้งสองคนมองหน้ากัน ทาฮิ่ร่าส่งมอบกำลังใจ ปัทมนซึมซับรับรู้อย่างซาบซึ้ง

เวลาเดียวกันนั้น ภายในห้องพิธีกรรมที่บ้านสดับ อสูรในร่างสดับกำลังปาดมือในอากาศ พร้อมกับมองดูที่พื้นห้องไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นก็มีตัวหนังสือภาษาอสูรยึกยือปรากฏเป็นแสงเรืองๆที่พื้นห้อง คล้ายกับเป็นหนังสือตำราอสูร และเปลี่ยนหน้าไปตามที่สดับปาดมือผ่านไป แผ่นกระดาษที่ดารกาจดพิกัดที่ตั้งเมืองเวทมนต์อยู่ในเบื้องหน้าอสูรด้วย
“เหลือเวลาอีกไม่ถึงสองปีที่อสูรจะเข้าทำลายเมืองเวทมนตร์ จะต้องสะสมพลังอสูรให้ดารกาให้ทัน” อสูรร้ายพูดกับตัวเอง
สดับมองกระดาษจดที่ตั้งเมืองเวทมนตร์ แล้วหัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจ กระดาษแผ่นไหวพะเยิบนิดๆ
“เมืองแม่มดจะถูกทำลายพินาศสิ้น อสูรเพียงเผ่าพันธุ์เดียวเท่านั้นที่จะครองอำนาจยิ่งใหญ่”
สดับหัวเราะ จ้องกระดาษจดที่ตั้งเมืองเวทมนตร์ไม่กระพริบตา ใบหน้าร้ายกาจโหดเหี้ยม

ในตะเกียงแก้วเวลาต่อมา ทาฮิร่ายืนเด่นเป็นสง่า ในขณะที่แนนนี่กับชิกเก้นยังโดนมัด

“ทั้งยายทั้งคุณแม่ปัทมน ทั้งครูอาจารย์ที่โรงเรียนที่มหาวิทยาลัย อบรมแนนนี่ไม่มากพอหรือไง ถึงยังดื้อไม่เชื่อฟัง แล้วยังไม่รู้มารยาทอันควร...” ทาฮิร่าจะพูดต่อ แต่ถูกคลื่นแทรก
“ยาวเลย ครูบาอาจารย์โดนกันถ้วนหน้า” จากเจ้าเก่า...ชิกเก้น
“ชิกเก้น ไม่ต้องซ้ำเติม” แนนนี่หันมาอ้อนยาย “ยายจ๋า...แนนนี่ขอโทษ แนนนี่ขอโทษ แนนนี่ขอโทษ”
“ได้... ยายจะลงโทษกักบริเวณระดับสอง” ทาฮิร่าเสียงเข้ม
“ยาย...” แนนนี่จ๋อยเอามากๆ
“โอ๊ยโย่ แร้งงงงงส์” ชิกเก้นครวญ
แนนนี่ส่งสายตาละห้อยมองจ้องที่หน้าทาฮิร่า จนทาฮิร่าชักใจอ่อน
“เอาเถอะ ยายจะกักไม่นานก็แล้วกัน”
แนนนี่แอบยิ้มกับชิกเก้น พูดเสียงเบาๆ ทำท่าไปด้วยทั้งๆโดนมัด “เยส !”

คราวนี้ทาฮิร่าหันมาทำเสียงเข้มใส่ชิกเก้น
“แต่แก เจ้าชิกเก้น”
“อุ๋ย นึกว่ารอด”
“ในฐานะที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่และสมรู้ร่วมคิด”
“โอ๊ย แร้งงงงส์ กว่า”
“แกต้องไปทำงานชดใช้โทษ”
“โล่งไป นึกว่าจะโดนกักบริเวณ”
ทาฮิร่าร่ายคาถา เชือกที่มัดแนนนี่กับชิกเก้นหายวับไป แนนนี่ลุกขึ้นกระโดดโลดเต้น ชิกเก้นบิดตัวแก้เมื่อยขบ
“เย้”
แต่ทันใดนั้น ก็มีครอบแก้วขนาดเท่าตัวเลื่อนลงมาครอบแนนนี่ไว้ แนนนี่จ๋อย แต่นั่งลงอย่างยอมรับโทษ ทาฮิร่าเริ่มใจอ่อน มองแนนนี่อย่างสงสาร แต่ต้องตัดใจ
“ไม่นานยายจะกลับมาเปิดให้”
แนนนี่จ๋อยสุด เจอยายเอาจริง ทาฮิร่ามองแบบไม่ค่อยจะวางใจ แล้วชี้ชิกเก้น หายตัวไปด้วยกัน

จากที่จ๋อยอยู่ แนนนี่กระโดดลุกขึ้น สำรวจทุกตารางนิ้วของครอบแก้ว เพื่อจะหาทางออก
“พี่ตะเกียงช่วยแนนนี่หน่อยสิ ประตูซ่อนอยู่ตรงไหนอะ”
“หาเรื่องอีกแล้ว เด็กอะไรเนี่ย แก่นซะไม่มี นี่ไม่ใช่ห้องขังเมืองมนุษย์นะ จะได้มีประตู” ตะเกียงแก้วว่า
“แนนนี่เป็นคน เอ๊ย เป็นอสูรที่แพ้ที่แคบอะ แนนนี่ต้องตายแน่ๆในไม่กี่นาทีนี้ละ”
“โกหกเว่อร์ไปปะ” ตะเกียงแก้วรู้ทัน
แนนนี่ไม่สนใจฟัง คิดแล้วคิดอีก คิดๆๆ “งั้นแนนนี่ดำดินออกไป”
“พูดว่าดำแก้วออกไปจะถูกกว่า ในนี้มีดินที่ไหนกัน” ตะเกียงแก้วเยาะ
แนนนี่หงุดหงิดเป็นกำลัง ลงนั่งแหมะกับพื้น “เฮ้อ... ก็แนนนี่อยากรู้นี่ว่ายายกับชิกเก้นไปไหนกัน”

ที่แท้ทาฮิร่ากับชิกเก้นหลบอยู่ที่ลับตาซุ่มดูบ้านสดับ
“ตายๆๆๆๆ นางจะให้ชิกเก้นมาตายด้วยมืออสูรซะแระ” ชิกเก้นโวยวาย
“พูดมาก แกทำความผิดก็ต้องชดใช้ความผิด”
“ชดใช้ด้วยชีวิตเลยเหรอ” ชิกเก้นเปลี่ยนมาเป็นโอดครวญ
“แกประมาทฝีมือฉันอยู่นะเจ้าชิกเก้น”
“ท่องคาถาของตัวเองแท้ๆยังท่องผิด แล้วจะให้ชิกเก้นฝากชีวิตไว้เหรอ” ชิกเก้นไม่ค่อยเชื่อใจนัก
ทาฮิร่าได้ยินเสียงบางอย่าง “เงียบ”
ทาฮิร่ากับชิกเก้นแอบมองไป เห็นสดับขี้เมากำลังออกจากบ้าน
และกำลังนับเงินไป พูดไปตามทาง “เงินแค่นี้ฉันหายใจรดทีเดียวก็หมดแล้ว นังมาลี แกอมเงินฉันแน่ๆ นังนี่วอนบาทาไม่เว้นแต่ละวันจริงๆ”
สดับเดินผ่านจุดที่ทาฮิร่ากับชิกเก้นซ่อนอยู่ สดับเดินไปห่างมากแล้ว ทาฮิร่าหันมาทางชิกเก้น
“แกพาฉันเข้าไปในบ้านหลังนั้น”
“ฮะ ทำไมต้องเดือดร้อนแมวพาไป มีขาก็เดินไปสิเจ๊ หรือจะขี่ไม้กวาดไปก็ได้”
ทาฮิร่าไม่สนใจฟังชิกเก้น ร่ายคาถาย่อตัว
“รีดิวเซ่ รีไซ้เซ่ อุมปะ...”
ทาฮิร่านั่งย่อลง นึกว่าตัวเล็กลงแหงๆ แต่กลายเป็นทาฮิร่าตัวใหญ่เป็นยักษ์ ทาฮิร่าตกใจรีบนั่งลง แต่ก็ซ่อนตัวไม่มิด
“ว้าย”
“อีกแล้ว...” ชิกเก้นระอาใจหันหน้าออกมาเมาท์ “นางว่าคาถาผิดอี๊กกกก”
ทาฮิร่าว่าคาถาใหม่ “รีดิวเซ่ รีไซ้เซ่ อุมเปเย่”
และคราวนี้สมใจทาฮิร่าเหลือตัวจิ๋วเท่าเห็บ กระโดดขึ้นไปเกาะซ่อนในขนชิกเก้น
ทาฮิร่าเอามือเกาะขนชิกเก้น แล้วรีบโผล่หน้าออกมา หน้าเหม็นแหวะ
“เหม็นเต่าแกมากเลยเจ้าชิกเก้น สามพันปีไม่มีอาบน้ำ”
“แมวที่ไหนอาบน้ำกันมั่ง แล้วทำไมต้องเกาะชิกเก้นไปด้วย” ชิกเก้นบ่นอุบ
“อสูรตามกลิ่นแม่มด แต่ไม่สนใจกลิ่นสัตว์อื่น ฉันเอากลิ่นแกกลบกลิ่นฉัน”
“เห็นประโยชน์ของเต่าละยัง” ชิกเก้นแสนจะภาคภูมิใจในกลิ่นตัว...กลิ่นเต่า
“รีบไป ก่อนที่ฉันจะเป็นลมแล้วทำงานไม่สำเร็จ”
ชิกเก้นหายแว้บไป

ภวัตกำลังทำงานอยู่ที่บ้าน ดารกายิ้มหวานเข้ามา ในมือถือจานเล็กๆใส่ขนมน่าทานมาด้วย ภวัตหันไปเห็นยิ้มให้อย่างอ่อนโยนสดใส
“น้องดา สวัสดีครับ”
“น้องดาหัดทำขนมค่ะ อยากให้พี่ภวัตช่วยชิมฝีมือ”
“ดีเลยจ้ะ พี่กำลังหิวเลย น้องดาทานด้วยกันนะ”
สีหน้าดารกามีความสุขล้น “ค่ะ น้องดาชงกาแฟให้นะคะ”
“จ้ะ”
ดารกาเดินหน้าตามีความสุขออกมา พอดีกับที่บาบาร่าในร่างบานเย็นเดินออกมาจากมุมหนึ่ง เจ๊อะกันอย่างจัง
บาบาร่าทักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หนูน้องดา”
ดารกายิ้มใสซื่อไหว้อย่างนอบน้อม “สวัสดีค่ะ คุณป้าบานเย็น”
“มาหาคุณภวัตเหรอคะ”
“ค่ะ น้องดาทำขนมมาให้ชิม” เอาใจแม่มดบ้ายอสุดฤทธิ์ “เดี๋ยวน้องดาแบ่งมาให้คุณป้าบานเย็นชิม แล้วติชมด้วยนะคะ”
บาบาร่าปลื้มซะไม่มี ลูบศีรษะดารกาตรงจุดที่มีเขาอย่างเอื้อเอ็นดู
“ขอบคุณค่ะ น้องดาช่างมีน้ำใจจริงๆ” บาบาร่าลูบศรีษะดารกาอย่างอ่อนโยน “ที่คาดผมสวยจัง”
ดารกาตกใจสะบัดศีรษะอย่างแรง แล้วนึกได้ จึงรีบนิ่ง ทว่าแรงสะบัดทำให้มือบานเย็นปัดไปโดนที่คาดผมเลื่อนหลุดจากตำแหน่ง
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ” บาบาร่าก็ตกใจ
ที่คาดผมดารกาเลื่อนออกจากที่ ดารกาลุ้นรทึกว่าเขาจะโผล่หรือเปล่า
แต่บาบาร่าแค่ลูบผมตรงจุดที่ดารกามีเขาให้เข้าที่ ในขณะที่ดารกาหลับตากลั้นใจเสี่ยงปล่อยให้ลูบ ถ้าบานเย็นเจอเขา...เป็นไงก็เป็นกัน ดารกาคิดในใจ
มือดารกากำแน่น ทั้งอดทนและลุ้น พร้อมจะลุยหากบานเย็นบาบาร่ารู้ว่าตัวเองมีเขา...เป็นอสูร
ที่สุดบาบาร่าก็สวมที่คาดผมให้ดารกาเสร็จเรียบร้อย ไม่รู้สึกถึงเขาของดารกาแม้เพียงน้อย
“เรียบร้อยค่ะ”
ดารกาแอบโล่งใจสุดๆ
“น้องดาขอไปชงกาแฟกับเอาจานแบ่งนะคะ”
“ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวป้าจัดการให้ คุณน้องดาไปคุยกับคุณภวัตเถอะค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
สองคนแยกย้ายกัน
ดารกาเอามือแตะที่เข่าข้างหนึ่งอย่างดีใจ “รากไม้นั่นได้ผลจริงๆ ด้วย”

เย็นวันนั้นธานีกลับจากที่ทำงานเดินเข้าบ้าน พรมารับเสื้อนอก เน็กไทด์ และกระเป๋าเอกสารไปเก็บ

“คุณผู้หญิงให้เรียนว่าคุณธานีกลับมาแล้วให้ไปทานของว่างที่ห้องทำงานของคุณผู้หญิงค่ะ”
ธานีชะงักไปชั่วครู่ รู้สึกได้ทันทีว่าต้องมีเรื่องสำคัญ “ได้”
พรขึ้นชั้นบนไป
“คุณธานีจะอาบน้ำก่อนไหมคะ” ผาดถาม
“ไม่ละครับ ไปคุยกับคุณแม่เลย”
“เดี๋ยวน้ายกของว่างตามไปนะคะ” ผาดบอก
ธานีทำอาการรับทราบแล้วเดินไปทางห้องทำงานของปัทมน

ในขณะเดินมาสีหน้าธานีนิ่งดูออกว่าเป็นกังวล เดินถึงหน้าห้อง เคาะประตู มีเสียงลอดออกมา “เชิญจ้ะ”
ธานีเปิดประตูเข้าไป ปัทมนยิ้มแย้ม จูงมือธานีไปนั่งที่โซฟา ธานีหน้าตาสบายใจขึ้น รู้สึกว่าคงไม่มีเรื่องเครียด
“ผมเครียดเลย พอคุณแม่นัดทานของว่างในห้องทำงาน”
ปัทมนยิ้มแย้มสดใส ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่เล่าเรื่องอสูรให้ธานีฟัง “แม่แค่ไม่อยากให้น้องสองคนบังเอิญมาได้ยินอะไรที่แม่จะเซอร์ไพร้ส์เขา”
ธานีพลอยตื่นเต้นไปด้วย “อะไรเหรอครับ”
“แม่ดูผลงานของแผนกลูกแล้ว ผลงานยอดเยี่ยมมากๆเลย ทำรายได้เข้าบริษัทปีนี้เพิ่มขึ้นตั้ง 17 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าแผนกอื่นทุกแผนก”
ธานีดีใจ แต่ก็ยังถ่อมตัว “ก็คุณแม่ทำผลงานดีไว้ให้ก่อนนี่ครับ ผมก็ง่ายเลย”
“แม่ก็เลยคิดว่า... ลูกพร้อมแล้วที่จะรับงานบริหารบริษัท”
น้ำเสียงธานีตื่นเต้นมาก “คุณแม่” แต่แล้วฉุกใจคิดบางอย่าง “ทำไมละครับคุณแม่ คุณแม่ยัง
ทำงานได้อีกนานมากเลยนะครับ”
“ยุคใหม่ที่อะไรก็เปลี่ยนเร็วมากอย่างนี้ บริษัทเราต้องปรับตัว ต้องปรับภาพลักษณ์จ้ะ จะมาให้เป็นสาวแก่อย่างแม่อยู่ไม่ได้” ปัทมนว่ายิ้มๆ
“ไม่จริงเลยครับ ฝีมือคุณแม่ในวงการธุรกิจยกย่องอยู่ในท็อปเท็นนะครับ ผมเองภูมิใจมากเลย”
ปัทมนพยายามพูดให้เป็นเรื่องขำกัน
“ก็แม่อยากให้ลูกเป็นท็อปเท็นด้วยนี่จ๊ะ จะได้กรุยทางไว้ให้น้องสองคนเป็นท็อปเท็นกันทั้งตระกูลเลย”
ธานีลงจากโซฟา คุกเข่าที่พื้น กราบแม่ที่ตัก ธานีพูดด้วยความซาบซึ้งใจมากๆ
“ขอบคุณมากครับคุณแม่ที่ไว้วางใจผม ผมจะทำงานสุดชีวิตเลยครับ”
“แม่ก็ขอบใจลูกจ้ะ ที่ยอมให้แม่เอาเปรียบเกงาน”
ปัทมนหัวเราะ ธานีหัวเราะด้วย ดูมีความสุขกันมาก
“งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวมาทานของว่างกับคุณแม่”
“จ้ะ”
ธานีเดินออกไป ปัทมนยิ้มขณะมองตาม แล้วรอยยิ้มค่อยๆ จางลง
“แม่ขอโทษนะธานี ที่บอกความจริงไม่ได้ว่าแม่ต้องหยุดทำงานเพื่อแย่งน้องของลูกคืนจากอสูรให้ได้”

ทางด้านทาฮิร่าเกาะขนชิกเก้นแน่น สองบ่ายนายอยู่ในบ้านสดับ และอยู่ภายในห้องพิธีกรรมของอสูรร้ายแล้ว!!

ชิกเก้นเดินวนหากระดาษจดพิกัดที่ตั้งเมืองเวทมนตร์ หาอยู่นานก็ไม่เจอ ยืนหอบแฮ่กๆ ลิ้นห้อย เดินแทบไม่ไหว ท่าทางแบบแบกของหนักมากอยู่ด้วย ซึ่งก็คือแบกแม่มดสามพันปี! ทาฮิร่าตัวจิ๋วเกาะขนบนคอเร่งเร้าชิกเก้น

“รีบหาให้เจอเร็วๆ เข้า เดี๋ยวอสูรมันกลับมาซะก่อน”
“เหนื่อยจนลิ้นห้อยแล้วเจ๊”
“เหนื่อยอะไร แค่เดินไปเดินมาหาของ”
“ก็มันแบกของหนักด้วยอ่ะ”
ทาฮิร่ายังไม่รู้ตัวว่าโดนกัด “แบกอะไรหนัก”
“ก็แบกเจ๊ไง ถึงเจ๊จะตัวเล็กลง แต่มวลน้ำหนักเจ๊ไม่ได้ลดตามไปด้วยนะ ขอบอก”
ทาฮิร่าขายหน้าเรื่องน้ำหนักตัว แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ไม่รู้ละ ถ้าแกไม่อยากให้เมืองเวทมนตร์ล่มสลาย แกต้องหาอะไรก็ตามที่ระบุที่ตั้งเมืองเวทมนตร์ให้
เจอ”
“แล้วหน้ามันจะเป็นไงล่ะเจ๊”
ทาฮิร่าคิดแล้วคิดอีก “ถ้าอสูรมันได้จากมนุษย์ มันก็น่าจะเป็นกระดาษนะ”
พอทาฮิร่าพูดจบปั๊บ ชิกเก้นก็มายืนอยู่ตรงหน้ากระดาษจดที่ตั้งเมืองเวทย์พอดี ไม่ใช่เห็นหรือค้นเจอเอง แต่...บังเอิญเจอ
“นี่ใช่ปะล่ะ” ชิกเก้นบอก
“ก็อ่านดูสิ”
“แมวที่ไหนอ่านภาษาคนได้มั่ง”
ทาฮิร่าเพ่งมองกระดาษใบนั้น พลางใช้ความคิด
กระดาษแผ่นนั้น ไม่ได้เขียนอธิบายเป็นตัวหนังสือ แต่วาดพิกัดว่าเมืองเวทมนตร์อยู่ตรงไหน ขีดเส้นรุ้งเส้นแวง แสดงอาณาเขตของจักรวาล
โดยเมืองเวทมนตร์เป็นจุดหนึ่งในกาแล็กซีหนึ่งที่ไม่ใช่กาแล็กซีทางช้างเผือกที่โลกมนุษย์ตั้งอยู่ ทาฮิร่าดีใจมาก
“ใช่เลย กระดาษแผ่นนี้ละ”

เวลาเดียวกันนั้น ภวัตกับดารกาคุยกันอย่างเพลิดเพลิน จู่ๆ ดารกาก็รู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมาทันทีทันใด ทว่าจำแนกไม่ออก รู้แค่ว่ามีบางอย่างรบกวนแน่นอน และดารกาก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร?
ที่แท้เป็นเพราะทาฮิร่าพบกระดาษจดที่ตั้งเมืองเวทมนตร์ นั่นเอง
“เป็นอะไรครับน้องดา” ภวัตเห็นอาการก็ถามอย่างห่วงใย
“บอกไม่ถูกค่ะ รู้สึกร้อนวูบๆ แปลกๆ”
“จะไม่สบายหรือเปล่า เดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำมาลูบตัวให้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ น้องดาทำเองได้ค่ะ”
ดารกาเดินออกไป ภวัตหันมาดูบทความวิชาการทางการแพทย์ในคอมพ์ต่อ

บาบาร่าในร่างบานเย็นกับไทเกอร์ แอบดูอยู่ที่มุมหนึ่ง บาบาร่ารู้สึกร้อนวูบๆ แปลกๆ ในร่างกาย โดยยังไม่รู้ว่าเพราะเหตุนั้น ทั้งนี้ก็เพราะทาฮิร่าพบกระดาษบอกที่ตั้งเมืองเวทมนตร์นั่นเอง
แต่ลางสังหรณ์ในใจบอกให้รู้ว่าต้องเป็นเพราะทาฮิร่า
“ไทเกอร์ ฉันรู้สึกว่ายายทาฮิร่าต้องแอบไปทำอะไรเกินหน้าฉันแน่ๆ สัมผัสที่ร้อยแปดมันบอก”
“เพ่งสมาธิดู ณ บัดนาว” ไทเกอร์แนะนำอย่างผู้ทรงภูมิ
“แกคอยดูไว้ วันหนึ่งฉันเพ่งจิตได้ครั้งเดียว อย่าให้อะไรมาขัด” หันตัวหาทิศที่ทาฮิร่าอยู่ และก็เจอ “ยายทาฮิร่าอยู่ทิศนี้”
บาบาร่าเริ่มเพ่งสมาธิ สักครู่ดารกาก็เดินตัดผ่านเส้นเชื่อมสมาธิกับทิศที่ทาฮิร่าอยู่ ไทเกอร์ปากค้าง ห้ามไม่ทัน บาบาร่าหลุดจากสมาธิทันใด หันมาจะเอาเรื่อง
“ไทเกอร์แก....” แต่หยุดโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นว่าเป็นดารกา บาบาร่ายิ้มให้ “ คุณหนูน้องดา จะไปห้องน้ำหรือคะ”
“ค่ะ รู้สึกร้อนวูบๆ จะไปลูบตัวหน่อยค่ะ”
ดารกาพูดแค่นั้นก็ไป บาบาร่ามองตาม รู้สึกแปลกใจมาก
“ทำไมเป็นเหมือนกัน... หรือคุณหนูน้องดาเป็นเชื้อสายแม่มด” บาบาร่าเหมือนนึกได้ว่า ด่าไทเกอร์ค้างไว้
“ไม่ได้เรื่อง สั่งแกเหมือนสั่งขี้มูก”
“ผิดตล้อด ตล้อด” ไทเกอร์โวย

ทางด้านแนนนี่ยังอยู่ในครอบแก้วถูกกักบริเวณ และก็รู้สึกแปลกๆ เช่นกันด้วยสัญชาตญาณแม่มด
“พี่ตะเกียง แนนนี่รู้สึกยังไงไม่รู้ ห่วงจังว่าจะมีเหตุอะไรไม่ดีกับยายกับชิกเก้น แนนี่ถูกกักอย่างนี้จะไปช่วยยายไม่ได้”
“คุณยายเก่ง คุณยายเป็นแม่มดมีบารมี คุณยายไม่เป็นไรหรอก”
ตะเกียงแก้วปลอบอย่างรู้ทันว่า แนนนี่จะหาเหตุผลให้ช่วยปล่อยตัวออกไป

ส่วนสองนายบ่าวทาฮิร่า กับชิกเก้น ยังตื่นเต้นอยู่กับการบังเอิญเจอกระดาษจดที่ตั้งเมืองเวทย์ ทาฮิร่าร้องบอกอย่างตื่นเต้น “คาบกระดาษใบนั้นมาเร็วชิกเก้น”
ยังไม่ทันที่ชิกเก้นจะได้งับคาบ มีเสียงก๊อกแก๊กไขประตูดังมาจากทางหน้าบ้าน
ทาฮิร่าตกใจร่ายคาถา กระดาษปลิวเข้าปากชิกเก้นซะงั้น
“กินกระดาษเข้าไปเดี๋ยวนี้ชิกเก้น”
“ฮะ เจ๊จะให้แมวกินกระดาษ”
เสียงปิดประตู เสียงฝีเท้าคู่นั้นเดินมาหน้าประตูห้อง แต่เดินไม่หนักนัก
“มันมาหน้าห้องแล้ว กลืนกระดาษเข้าไปเดี๋ยวนี้”
“หายตัวไปเลยง่ายกว่ามั้ยเจ๊” ชิกเก้นแนะนำ

เสียงเลือกกุญแจในพวง ดังก๊อกๆ แก๊กๆ อยู่อย่างนั้น ทาฮิร่าตกใจ ลนลานรีบร่ายคาถาปากคอสั่น
“อุมปะรี อุมปะรา ปรีปรา สวอลโลวา”
ปรากฏว่าทาฮิร่าและชิกเก้นยังอยู่ในท่าเดิม เพียงแต่กระดาษผลุบหายลงคอชิกเก้น ชิกเก้นกลืนเอื้อก
ที่แท้โดนคาถาทาฮิร่าบังคับให้กลืน บริเวณตามลำคอชิกเก้นเห็นกระดาษเป็นปั้นกลมๆ เคลื่อนลงคอไป
ชิกเก้นกลืนเอื้อก สำลัก “แค่กๆ แค่กๆ แม่มดใจร้ายกว่านี้มีมั้ย” พอนึกได้ว่ายังไม่หายตัวไปก็ร้องลั่น “แว้ก ฉัน..ยังอยู่”
เสียงไขกุญแจห้องสำเร็จ ทาฮิร่าตกใจสุดขีด ที่ยังไม่หายตัวสักที
ชิกเก้นกระโดดแผล็วหลบเข้ามุมมืด ประตูเปิดออกแล้วรีบปิด เหมือนว่าคนนั้นตั้งใจลอบเข้ามา
ปรากฏว่าคนที่เข้ามาที่สองบ่าวนายมองเห็นในความสลัวคือมาลีนั่นเอง มาลีกลัวถูกจับได้จึงอาศัยแสงจากภายนอก ไม่ยอมเปิดไฟ
มาลีกวาดตามอง เห็นเครื่องบูชา ต่างๆ ของอสูร ก็รู้สึกขนลุกขนพอง
“นี่ผัวฉันมันจะตั้งสำนักทรงเจ้าเข้าผีหรือไง”
มาลีเดินหาของ
ส่วนอีกมุมหนึ่งทาฮิร่ากับชิกเก้นหลบอยู่ โดยทาฮิร่ายังคงพยายามท่องคาถา แต่ท่องผิดๆ ถูกๆ ยังหายตัวไม่ได้ และนางยังพยายามท่องต่อไป
ชิกเก้นไม่ไหวจะเคลียร์ บ่นเร่งเสียงเบาๆ “เร็วเข้าสิเจ๊”
ทาฮิร่าเอ็ดกลับเสียงเบาเช่นกัน “อย่าเร่ง ยิ่งเร่งยิ่งลืม” แล้วพยายามต่อ

มาลีหาไปบ่นไป “มันเอาใบเกิดลูกไปเก็บไว้ที่ไหน”
ทาฮิร่าร่ายคาถาไป จังหวะหนึ่งมาลีเห็นซอกๆ หนึ่ง ดูเป็นซอกเก็บของซ่อนความลับ แต่มีอะไรปิดอยู่เรียบๆ ไม่มีแม้รูกุญแจ แต่หากไม่สังเกตก็จะดูไม่ออก มาลีพยายามเปิด เปิดไม่ได้
“สงสัยจะซ่อนไว้ในนี้แน่ ลึกลับซับซ้อนนักนะไอ้สดับ”
มาลีมองหาอะไรมาเปิด
ชิกเก้นสุดจะทน บ่นอีกรอบ
“อูย... นานไปมั้ยเจ๊”
ทาฮิร่าไม่สนใจ นึกคาถาไป

เสียงมาลีบ่นพึมพำออกมา
“ดารกาลูกแม่ แม่อยากช่วยหนู หากบุญเรามีต่อกันแม้เพียงน้อยนิด ขอให้แม่หาใบเกิดของลูกเจอด้วย”
มาลีมองหาอะไรจะมางัด และแล้วก็หันไปเห็นอะไรบางอย่าง

เป็นแผ่นโลหะเนื้อประหลาด ปนอยู่กับพวกลูกหิน ลูกประคำร่วงๆ และรากไม้แห้งๆ แต่แผ่นโลหะนี้ดูคล้ายเรืองแสงอ่อนๆ อยู่ในที มาลีพอใจ เพราะดูจากรูปร่างน่าจะเอามางัดได้

มาลีไม่รู้ว่า...มันคือแผ่นโลหะจารึกวันเกิดของทายาทอสูร ที่จะมีอำนาจมหาศาลจนทำลายล้างนครเวทมนตร์...เมืองแม่มดให้ล่มสลาย!!!
ดารกาอยู่ในห้องน้ำ กำลังเอาน้ำลูบหน้าลูบตัว แต่ยังไม่หายร้อนสักที

“เป็นอะไรกันนี่” ดารกาประหลาดใจ
สักครู่ดารการู้สึกเจ็บจี๊ดที่ศีรษะในจุดที่มีเขางอกออกมา ดารกาเอามือจับที่จุดที่เจ็บ
“โอ๊ย” พอจับกลับหายเจ็บจนดารกาแปลกใจ “หรือจะร้อนเพราะเขางอก”
ดารกาลูบตัวต่อ ด้วยหน้าตาที่ยังไม่แน่ใจ แล้วค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นมีความสุข
“วันนี้พี่ภวัตน่ารักมาก ทุกอย่างที่พี่ภวัตทำแสดงว่าพี่ภวัตรักเราจริงๆ”

เหตุการณ์ที่บ้านสดับเวลานั้น มาลีหยิบแผ่นโลหะขึ้นมา โดยไม่ได้สังเกต โลหะกลับเป็นปกติไม่มีแสง
มาลีเอาสันแผ่นโลหะรูดไปตามรอยต่อที่คิดว่าสดับต้องซ่อนอะไรไว้ พอขูดไปได้ระยะหนึ่ง แผ่นปิดช่องที่ซ่อนค่อยๆ เผยอออกช้าๆ
มาลีเอาแผ่นโลหะไปเก็บที่เดิม จ้องดูในช่อง เห็นเป็นกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดย่อมๆ สีดำสนิทเพียงอย่างเดียวอยู่ในช่องนั้น มาลีมองแล้วหยิบกล่องขนาดประมาณ 5 นิ้วคูณ 5 นิ้ว ทำจากหิน ไม่มีรอยต่อ มาลีหยิบกล่องมาเปิดดู แต่ต้องตกใจโยนกล่องในมือทิ้ง
กล่องหินสีดำลอยได้เองโดยที่มาลีไม่ทันสังเกตเห็น และลอยกลับไปเข้าที่เก็บ มาลีถือฝาปิดอยู่ ตะลึงแสงในกล่องสว่างวาบ
มาลีตกใจร้องลั่น “แว้ก”
ในขณะเดียวกัน เป็นจังหวะที่ทาฮิร่าร่ายคาถาหายตัวถูก และสำเร็จพอดี แล้วหายตัววับไปโดยไม่ทันเห็นอะไรในกล่อง
เพราะถ้าเห็นทาฮิร่าจะรู้ทันทีว่ามันคืออะไร? จังหวะหนึ่งแสงไฟจากกล่องวาบกระทบตัวชิกเก้นแว้บเดียวก่อนที่ทั้งคู่จะหายตัวไป
“อุมโบ อัมโบโซ ดิสโซ แอ๊ปเพียโร” ชิกเก้นและทาฮิร่าหายตัวแว้บไป

มาลีเดินช้าๆ มาอย่างระแวดระวังตัวไปดูกล่องแสงที่สว่างโชติช่วง มาจากเปลวไฟภายใน
ร่างมาลีค่อยๆ เคลื่อนเข้าใกล้กล่อง จนกระทั่งเผยให้เห็นว่า ในกล่องนั้นคือ...

กองไฟรูปทรงสวยงามแปลกตา มีเปลวเพลิงลุกโชติช่วงอยู่บนหินสีดำเป็นรูปทรงกลมเล็กๆ คล้ายลูกแก้ว และหมุนอยู่ตลอดเวลาด้วยจังหวะที่สม่ำเสมอ
และมันคือ “เพลิงชีวิต” ของอสูร

มาลีเพ่งมองอีกสักครู่หนึ่ง “ของเล่นอะไรของแกไอ้พี่ดับ สักวันไฟได้ไหม้บ้านวอด” มาลีบ่นงึมงำ

เสียงตบประตูหน้าบ้านโครมๆ มาลีตกใจรีบปิดฝากล่องไฟ ปัดบานที่ซ่อนกล่อง โดยไม่ได้สังเกตว่าบานนั้นปิดต่อไปได้เอง
“นังมาลี ปิดบ้านทำไมวะ เปิดเดี๋ยวนี้” สดับทุบประตูโครมๆๆ “นังมาลี”

มาลีรีบวิ่งลนลานออกไป

แนนนี่นั่งเซ็งอยู่ในที่กักบริเวณ สักครู่หนึ่งทากับชิกหายตัวเข้ามา แนนนี่ลุกยืนกระโดดโลดเต้นดีใจ
“ยายมาแล้ว”
ทาฮิร่าปลื้มปลื้ม “คิดถึงยายมากเหรอลูก”
“ค่ะ แนนนี่จะได้ออกจากครอบแก้วนี่ซะที”
ทาฮิร่าหุบปากแทบไม่ทัน
“แป่วววว” ชิกเก้นขำ
“มันน่าปล่อยมั้ยละนี่”
แนนนี่รีบอ้อน “ยายต้องรักษาสัญญานะคะ วันนี้แนนนี่ทำตัวเป็นเด็กดีคลอด”
“จะไม่ดีได้ไง ก็ไปไหนรอดซะเมื่อไหร่” ชิกเก้นว่า
แนนนี่ชักสีหน้าใส่ชิกเก้นอย่างเอาเรื่อง “ชิกเก้น อยากเป็นไก่ย่างถูกเผาใช่มั้ย”
ชิกเก้นไม่ใส่ใจร้องเพลงลั่น “ไก่ย่างถูกเผา ไก่ย่างถูกเผา เย้ยยย เข้าตัวชิกเก้นเอง”
ทาฮิร่าร่ายคาถาสองสามคำ พลันครอบแก้วก็หายไป แนนนี่วิ่งออกมากอดหอมมาแก้มยายอย่างดีใจ
“ขอบคุณค่ะยาย”
แล้วแนนนี่หายตัววับไปเลย
“ดู ดู๊ ดู หลานฉัน” ทาฮิร่าส่ายหน้าอย่างระอา “เฮ้อ”
ทาฮิร่าเอนหลังนอนลงบนเตียงบ่นอุบ
“เหนื่อยที่สุดในโลกเลยวันนี้”
ชิกเก้นประชดสุดๆ “จะเหนื่อยเท่าแมวที่โดนใช้คาถาบังคับให้กินกระดาษมั้ยล่ะ”
ปรากฏว่าทาฮิร่าหลับไปแล้ว
“อ้าว ซะงั้น”

ภวัตดูข้อมูลจนถึงเวลาเย็น และกำลังปิดคอมพ์ รวบรวมเอกสารที่เป็นกระดาษให้เข้าที่ แนนนี่หายตัวเข้ามายืนข้างๆ
ภวัตตกใจนิดหน่อย แต่ก็เปลี่ยนเป็นดีใจ “แนนนี่”
แนนนี่ใช้คาถาเก็บของภวัตทุกอย่างเรียบภายในพริบตา
ภวัตเหล่มอง “พี่บอกว่าไง”
แนนนี่แกล้งทำแบ๊ว ตาใสซื่อใส่ “อุ๊ย แนนนี่ลืมไปอะว่าพี่ภวัตห้ามใช้เวทมนตร์” รีบอ้อนกลบความผิด “ขอโทษนะคะ”
ภวัตรู้ทัน “เจ้าเล่ห์นักนะเรา”
“ไปเที่ยวเมืองเวทมนต์กันนะคะ”
“อยู่เมืองมนุษย์ก็เที่ยวเมืองมนุษย์บ้างสิ”
แนนนี่ดีใจสุดๆ ที่วันนี้ภวัตไม่อิดออด “ไชโย อุมปรา โฮโบ พี่ภวัตจะพาแนนนี่ไปเที่ยว”
“ใครบอก...”
ไม่ทันแล้ว แนนนี่จับมือภวัต หายตัวไปด้วยกัน

ภวัตขับรถมาตามถนนสวยสายหนึ่ง มีแนนนี่นั่งคู่สีหน้าระรื่นอยู่ข้างๆ
แนนนี่เอาแต่คุยๆๆๆๆ ออกลีลาท่าทางสดใสร่าเริงน่ารักมาก เหมือนดีใจสุดขีดที่พี่ชายสุดที่รักพาเที่ยวมากกว่าหญิงสาวออกเที่ยวกับชายหนุ่ม ภวัตตั้งใจขับรถ นิ่งในบุคลิกแพทย์ แต่หน้าตายิ้มบางๆ สีหน้าสดชื่น สุขใจฟังแนนนี่คุยอย่างเพลิดเพลิน

แดดยามเย็นริมน้ำที่ภวัตจอดรถ อยู่สวยงามและเพลินมากๆ
ภวัตนั่งพิงสบายๆ ในอาการสำรวม ในขณะที่แนนนี่นั่งขัดสมาธิ ทะโมนท่านั่งเหมือนทอมบอย
สองคนกินของเล่นง่ายๆ พวกลูกชิ้นปิ้ง ปลาหมึกบด มีซาลาเปาวางอยู่ด้วย แนนนี่ป้อนภวัต เอาของในมือตัวเองให้แลกชิม จังหวะหนึ่งแนนนี่จับมือภวัตบังคับให้ป้อนของที่ภวัตกินให้ตัวเองบ้าง
ภวัตยื่นผ้าเช็ดหน้าให้แนนนี่เช็ดมือเช็ดปาก “แนนนี่ เป็นผู้หญิงอะไรไม่พกผ้าเช็ดหน้า” ภวัตบ่นอุบว่า
ภวัตเอาผ้าผืนที่เช็ดหน้าแนนนี่มาดมแล้วแกล้งเหม็น แนนนี่ไม่ง้อ เอาแขนเสื้อเช็ดเองแกล้งประชด แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะกันอย่างมีความสุข

ค่ำแล้วทั้งคู่ยังอยู่ริมน้ำที่เดิม ภวัตกับแนนนี่นั่งชี้ชวนกันดูดาวบนท้องฟ้า แนนนี่นอนหนุนตัก ชี้ให้ภวัตดูดาวไปเรื่อย ภวัตไม่ได้ดูดาว เอาแต่มองหน้าแนนนี่ด้วยความรัก แนนนี่ไม่รู้ตัวคุยไปเรื่อยเจื้อย

แนนนี่นอนหลับหนุนตักภวัต สองมือจับมือข้างหนึ่งของภวัตซุกไว้ที่ข้างแก้ม มียุงเกาะแก้มแนนนี่ ภวัตโบกมือข้างที่ว่างอยู่เบาๆไล่ยุง แนนนี่ขยับขาปัดยุงยุกยิก ภวัตเอาผ้าเช็ดหน้าคลุมขาให้แนนนี่อย่างเอ็นดู
ภวัตตกอยู่ในอารมณ์รัก “เด็กเอ๊ย... ยังเด็กเหลือเกิน แล้วพี่จะบอกเราได้ยังไงว่าพี่...”
ภวัตเขิน จนไม่อาจพูดต่อได้
ภวัตมองแนนนี่ด้วยความรัก แนนนี่หลับปุ๋ย

เวลาเดียวกันดารกาอยู่ในห้อง สีหน้าแววตาเพ้อฝันอย่างมีความสุข นั่งดูภาพถ่ายในมือถือ ข้างๆมีตำราเรียนของนักศึกษาแพทย์วางอยู่ 3-4 เล่ม และสมุดจดเล็กเช่อร์อีก 2-3 เล่ม
ภาพในมือถือ ดารกาถ่ายคู่กับภวัตในท่าทางร่าเริงหัวเราะกันทั้งคู่
ดารกามองดูอย่างเปี่ยมสุข
“ น้องดาเลือกเกิดไม่ได้ แต่น้องดาจะเป็นคนดีที่สุดของพี่ภวัตสุดที่รักคนเดียวของน้องดาค่ะ เราจะเปิดคลินิกเล็กๆของเรา ช่วยกันรักษาคนไข้ ช่วยกันสร้างฐานะ สักวัน...เราจะมีโรงพยาบาลของเราเอง พี่ภวัตจะได้ไม่ต้องง้อ....” นึกถึงสองพี่น้อง ไชยและบุษบา ดารกาหยุดกึก อารมณ์ร้ายขึ้นมาทันที ตาวาววับ “ ...โรงพยาบาลของไอ้หมอไชยกับน้องสาวของมัน”
ดารกาจ้องมองภาพในมือถือ หน้าตาอ่อนลงเข้าสู่อารมณ์รัก ยิ้มอย่างมีความสุข

หลังล้มป่วยประหลาดในครั้งนั้น ไชยก็ไม่ค่อยเหมือนเดิม แต่ไม่ถึงกับประสาทหลอน จะออกอาการขวัญอ่อน ขวัญผวา เห็นแสงอะไรแว่บหรือการเคลื่อนไหวเร็วฟึ่บ จะสะดุ้ง คอยหลบหรือหนี ดูน่าสงสารและน่าสมเพชในหมู่ผู้พบเห็น
บุษบานั่งกระวนกระวายรอไชย สักครู่ไชยเข้ามา บุษหันขวับ ไชยตกใจยกมือป้องใบหน้าตัวเอง
“โอ๊ย กลัวแล้วๆ ไม่พูด ไม่พูด สัญญา”
บุษบาจับตัวไชยให้สติ ทั้งสงสารทั้งเหนื่อยใจ “นี่บุษเองค่ะพี่ไชย ไม่ใช่นางมารดารกา”
ไชยนิ่งลง แต่ยังไม่วายเหลียวลอกแลก
“พี่ไชยไปไหนมาคะ หายไปทั้งวันเลย”
“ไปอยู่วัด”
“คงมีแต่ผีมั้งคะที่กลัวพระ พวกแม่มดพวกอสูร...” บุษบาพูดแค่นั้น
ไชยผวาขึ้นมาอีก “อย่า อย่าพูดถึงมัน”
“บุษอยากให้พี่เอาชนะความกลัวให้ได้ค่ะ ไม่งั้นเราสองคนคงโดนมันจองเวรไม่เลิก”
ไชยฟังในความรู้สึกหวาดๆ บุษบายิ่งแค้น
“รู้มั้ยคะว่ามันกระจายไปอยู่ที่บ้านภวัตด้วยแล้ว ยังกับขยายสาขาร้านสะดวกซื้อ วันนี้บุษโดนมันเล่นงาน เสกบุษแข็งไปทั้งตัว”
“มนุษย์ไม่มีอิทธิฤทธิ์เวทมนต์เหมือนพวกมันนี่ จะสู้มันยังไง” ไชยพูดอย่างปลงๆ
“มันต้องมีสักทางสิคะ เราต้องหาให้เจอ พี่ต้องช่วยบุษ” น้ำเสียงบุษบาหมายมาด
ไชยขยาด และแขยง “พี่กลัว บุษเลิกกับภวัตเถอะ จะได้ไม่ต้องถูกพวกมันจองเวร”
บุษบาบอกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“ไม่ ! บุษรักภวัต บุษไม่มีวันยอมแพ้พวกมันง่ายๆหรอก มันมาอยู่เมืองมนุษย์ ถ้ามันรุกรานมนุษย์ มนุษย์ก็ต้องสู้สิคะ เรื่องอะไรจะยอมให้มันครอบครองบ้านเมืองเราได้ง่ายๆ”
“บุษทำไปเถอะ พี่ไม่เอาแล้ว” ไชยเดินหนีไป
“พี่ไชย”
ไชยไม่หันหลังกลับ รีบขึ้นข้างบน
บุษบาหงุดหงิด จะโกรธก็โกรธไม่ลง “บุษจะทำคนเดียวได้ไงเล่า”
บุษบาหน้านิ่ง ครุ่นคิดอย่างหนักที่จะเอาชนะ

เวลาเดียวกันอสูรในร่างสดับอยู่ในอารมณ์โกรธสุดๆ กระชากร่างมาลีเหวี่ยงอย่างแรง จนกระเด็นไปกระแทกฝาห้อง มาลีเจ็บไปทั้งตัว
“โอ๊ย” มาลีร้องลั่นที่โดนเหวี่ยง
สดับชี้ที่พื้นห้อง “กระดาษที่อยู่ตรงนี้หายไปไหน”
“กระดาษอะไร ฉันไม่เคยเห็น ไม่รู้เรื่อง”
“ไม่เห็นได้ยังไง นอกจากฉันแล้ว มีแกคนเดียวที่เข้าๆ ออกๆ ห้องนี้”
“ฉันแค่เอาข้าวเซ่นผีมาวางแป๊บเดียวแล้วออกไป ห้องยังกับห้องผีสิง ใครจะกล้าอยู่ดูโน่นดูนี่ล่ะ” มาลีบ่น
“อย่าให้ฉันรู้นะว่าแกเป็นไส้ศึกให้ใคร แก...ตาย”
“ถ้าพี่มีศัตรู บ้านหลังแค่นี้พวกมันบุกกันเองก็ได้ ไม่ต้องใช้ไส้ศึกหรอก” มาลีเยาะ
มาลีเยาะ แล้วเดินกระแทกเท้าลงส้นปังๆ ออกไปอย่างรมณ์เสีย สดับคิดตามคำพูดของมาลี คล้ายจะคล้อยตาม
สดับนิ่งคิด ตรึกตรอง
“พวกแม่มดมันอาจมาเองจริงๆ”

.......................

ค่ำคืนนั้น...บรรยากาศในนครเวทมนตร์แสนสวยงาม และสงบ ท้องฟ้าสว่างไสว พระจันทร์เต็มดวงทั้ง 4 ดวง อยู่รวมกลุ่มกัน ทาฮิร่าขี่ไม้กวาดบินใกล้เข้ามา ร่อนลงสู่พื้น แล้วเก็บไม้กวาด

ทาฮิร่ามองไปรอบๆ กายอย่างสุขใจ ที่ไปเอาพิกัดที่ตั้งมาจากเงื้อมมืออสูร ได้ช่วยชีวิตเมืองเวทย์ไว้ได้ แม่มดผู้อารีสูดอากาศสดชื่นของเมืองเวทมนตร์อยู่ยาวนานจนชุ่มฉ่ำใจ กางแขนหมุนรอบตัวราวกับนางเอกหนังเดอะซาวด์ออฟมิวสิก ชุดกระโปรงพริ้วไหวสะบัดพริ้วสวย
“บ้านเกิดเมืองนอนสุดรักของข้า เจ้าปลอดภัยจากการโจมตีของอสูรแล้ว อย่างน้อยก็ครั้งนี้อีกครั้งหนึ่ง”
ขณะที่ทาฮิร่าดื่มด่ำความสุขรอบกาย บาบาร่ากับไทเกอร์ก็ปรากฏตัวฟึ่บขึ้นพร้อมหัน
“เธอจริงๆที่แอบตัดหน้าฉัน ชอบแย่งเอาหน้าซะจริง ทั้งๆ ที่ฉันเป็นคนบอกเรื่องเมืองเวทมนตร์ปรากฏที่เมืองมนุษย์ ไม่งั้นคนหูตาแคบอย่างเธอจะไปรู้อะไร”
ทาฮิร่าทำเป็นไม่รู้เรื่อง “อย่าหาความกัน ฉันไม่ได้ทำอะไร ฉันสนับสนุนให้เธอแข่งชิงตำแหน่งผู้นำ ฉันจะไปตัดหน้าแย่งเอาหน้าเธอทำไมกัน”
ขาดคำทาฮิร่าก็หายตัวไปเฉยเลย
“ทาฮิร่า ฉันยังพูดไม่จบ อย่าหลบหน้ากันอย่างนี้นะ” บาบาร่าแค้นเคืองใจ
“ก็ตามไปสินาย จะเต้นอยู่ทำไม” ไทเกอร์บอก

ใกล้ๆ ประตูเข้าบ้าน มือของทาฮิร่าเอื้อมมาที่กรอบไม้ที่มีเฉพาะหัวของชิกเก้นติดอยู่ แล้วมือข้างนั้นก็บิดหูชิกเก้นข้างหนึ่ง เพื่อเปิดสวิตช์ไฟ ตาชิกเก้นเป็นไฟกะพริบสีสวย กลอกไปมา หัวชิกเก้นเริ่มขยับพูด และจะพูดซ้ำไปตลอด ในขณะที่ตาก็กลอกไปมาซ้ายขวา
“วันนี้บ้านนี้ไม่รับแขก” พูดอย่างนี้ซ้ำไปตลอด เว้นจังหวะแล้วก็พูดต่ออีก
บาบาร่ากับไทเกอร์ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู เสียงชิกเก้นเป็นแบ๊กกราวด์ตลอด
“ฮะ ชิกเก้นคอขาด” ไทเกอร์ร้องอย่างตกใจ
บาบาร่ามองไทเกอร์อย่างเอือมระอาแกมขายหน้า
“ไทเกอร์ อย่าทำตัวเป็นแมวสมองมด นี่มันของจากเมืองมนุษย์ ของก๊อบปี้” บาบาร่ามองหัวชิกเก้นอย่างหยันๆ ทาฮิร่า “ไปติดนิสัยเสพติดุอปกรณ์ไฮเทคจากเมืองมนุษย์มาซะแล้วสิยัยทาฮิร่า แล้วบังอาจไม่รับแขกเหรอ...”
หัวสวิตช์ชิกเก้นพูดลงจังหวะตอบรับพอดี “วันนี้บ้านนี้ไม่รับแขก”
“เดี๋ยวจะเข้าไปด่าให้กระเจิง”
บาบาร่าหายตัววับจะเข้าบ้านอย่างเคย แต่แล้วพริบตาเดียวร่างบาบาร่าก็กระเด้งกลับมาก้นจ้ำเบ้าที่เดิม ไทเกอร์ก็กระเด็นมาจุกแอ้ก อยู่ข้างๆ ด้วย
“ว้าย” / “แป่ว”
สองนายบ่าวอุทานพร้อมกัน บาบาร่าค่อยๆ ยันตัวลุก เอวเคล็ด
หัวสวิตช์ชิกเก้นพูดออกมาพอดี “วันนี้บ้านนี้ไม่รับแขก”
บาบาร่ายัวะจัด เอามือเขกที่หัวสวิตช์ชิกเก้น
“นี่แน่ะ เสียงแกทำฉันจี๊ดสมองแล้วนะ”
“วันนี้บ้านนี้ไม่รับแขก” หัวชิกเก้นยังพูดเหมือนเดิม)
บาบาร่ามองบ้านอย่างขัดใจ
“ยัยทาฮิร่าไปได้มนต์กำบังบทนี้มาจากไหน ทำไมฉันถึงไม่ได้ก่อน แล้วนี่ปิดบ้านไปไหน”

เวลาต่อมา ร้านรวงในเมืองเวทย์ สุดคึกคัก แม่มด พ่อมด มาจับจ่ายซื้อของไม่ขาด ในมุมสวยๆ เห็นข้าวของมากมาย เจ้าของร้านกำลังบริการลูกค้า ทาฮิร่าเดินนวยนาดเข้ามา
“จันทราสวัสดิ์ ทาฮิร่าไม่ได้เจอซะนานเลย”
“จันทราสวัสดิ์จ้ะ ขอดูลูกแก้วย้อนเวลาหน่อย” ทาฮิร่าทักแล้วขอดูสินค้าที่หมายตา
คนขาย โบ้ยไปทางลูกแก้ว “นั่นไง มีหลายขนาด”
ทาฮิร่าเลือกลูกแก้วไซส์ใหญ่สุด เพราะต้องการได้ภาพคมชัดที่สุด
“เอาลูกนี้ละ เท่าไหร่”
คนขายบอกราคา ทาฮิร่าส่งเงินของเมืองเวทมนตร์ให้พูดอย่างขำๆ
“แล้วไม่ต้องบอกคนสอดรู้สอดเห็นล่ะว่าฉันมาซื้ออะไร พูดปดให้หน่อย แล้วไปลอยบาปทิ้งไปนะจ๊ะ” ว่าแล้วก็เพิ่มเงินให้อีกจากราคาลูกแก้ว “นี่ รางวัล”
“ขอบใจทาฮิร่า”
ทาฮิร่าแอบหยิบของชิ้นเล็กๆ ชิ้นหนึ่งที่มือกำได้มิด ซึ่งก็คือเครื่องรางกันอสูรแบบสวยงาม แล้วนึกอะไรได้ หยิบอีกอัน แล้วแอบวางเงินไว้ให้ ไม่อยากให้เจ้าของร้านรู้ว่าซื้ออะไรไป เพราะเจ้าของร้านแห่งนี้ปากสว่าง
คล้อยหลังที่ทาฮิร่าออกไป บาบาร่าก็เดินเชิดๆ เข้ามา
“ทาฮิร่ามาที่นี่หรือเปล่า”
“มาแล้วไปแล้ว”
“เขามาซื้ออะไร”
“ไม่ได้ซื้อ แค่ผ่านมา”
บาบาร่ามองหน้าคนขายอย่างไม่เชื่อ ยื่นเงินให้
“ซื้อลูกแก้วย้อนเวลา” คนขายคายออกมาทันที
บาบาร่าได้ยืนก็หูผึ่ง รู้สึกสนใจเอามากๆ
“ลูกแก้วย้อนเวลา... ยัยทาฮิร่าจะเอาไปดูอะไร”

ที่เมืองมนุษย์ รถของภวัตขับแล่นเข้ามาในซอย และจอดที่หน้าบ้านปัทมน แนนนี่หลับสนิท ภวัตมองอย่างเอ็นดู
ภวัตเรียกเบาๆ “แนนนี่ แนนนี่”
แนนนี่ยังคงนอนนิ่ง ภวัตยื่นหน้าไปใกล้
“แนนนี่ ถึงบ้านแล้วจ้ะ”
แนนนี่ลืมตาใสแป๋ว มองเห็นหน้าภวัตที่จ่ออยู่ใกล้มากในระยะประชิด ทั้งสองคนจ้องมองกัน
ภวัตเผลอใจกับความใสน่ารักของแนนนี่ ก้มหน้าต่ำลงอีก แนนนี่ไม่มีทีท่าจะขยับหนี
แต่แล้วภวัตคืนสติ ชะงัก แล้วถอยห่างไปประจำที่คนขับ แนนนี่อายๆ เมื่อนึกถึงที่เคยจูบกับภวัต
ภวัตพูดขึ้นเบาๆ “พี่ขอโทษ ถึงบ้านแนนนี่แล้วจ้ะ จะให้พี่ไปเรียนคุณอาปัทด้วยมั้ยว่าแนนนี่ไปกับพี่”
“ไม่เป็นไรค่ะ ระยะนี้ยายให้แนนนี่อยู่ในตะเกียงแก้วไปก่อนค่ะ”
ภวัตพยักหน้ารับทราบ
แนนนี่ขยับตัวเข้าใกล้ภวัต จนภวัตเกร็ง ระวังตัวแจกลัวว่าจะโดนแนนนี่จูบ แต่ผิดคาด เพราะแนนนี่กราบที่ไหล่อย่างเรียบร้อย
“ขอบคุณมากนะคะพี่ภวัตที่พาแนนนี่ไปเที่ยว แนนนี่มีความสุขที่สุดค่ะ แนนนี่จะไม่ลืมวันนี้เลย” เอามือแตะปากตัวเอง “จุ๊บๆ นะคะ”
ภวัตต้องหักห้ามใจอย่างหนัก แนนนี่ยิ้มหวานให้ แล้วหายตัว ภวัตยังนั่งยิ้มฝันหวาน
สักครู่ภวัตสะดุ้งเฮือก โดนแนนนี่ที่หายตัวอยู่จูบแก้มเต็มๆ เห็นแก้มภวัตบุ๋มตามรอยจูบนั้น
“ฮึ้ย แนนนี่ เล่นหายตัวขโมยจูบแก้มกันเหรอ” ภวัตบ่น
เสียงแนนนี่หัวเราะคิกคัก
“ไม่งั้นจะใช่แนนนี่ตัวจริงเสียงจริงเหรอคะ ฝันดีนะคะพี่ภวัต ต้องฝันถึงแนนนี่คนเดียวด้วย”
เสียงแนนนี่หัวเราะคิกคักต่ออีก แล้วค่อยๆ จางหายไป
“เด็กอะไร ซ่าจริงๆ”
ภวัตเอนศีรษะพิงกับเบาะหลัง ยิ้มฝันละเมอ ใบหน้าอิ่มเอมใจ

เช้าวันต่อมา แนนนี่อยู่ในชุดจินนี่ และภายในตะเกียงแก้ว กำลังจัดเตียงนอนหงอยๆ คิดถึงปัทมน ในขณะที่ทาฮิร่านั่งดื่มกาแฟอยู่มุมหนึ่ง ลอบมองสังเกตอาการแนนนี่เป็นระยะ ชิกเก้นก็มองอย่างสนใจว่าแนนนี่เป็นอะไร ตะกร้าใส่ลูกแก้ววางอยู่ด้านหนึ่งยังปิดฝาคลุมผ้าผืนสวย เรียบร้อย ปิดบังสายตา

ถ้วยกาแฟขนาดใหญ่กว่าปกติ ไม่มีจานรอง ลอยอยู่ในอากาศ ขณะทาฮิร่าลอบมองหลานสาว ถ้วยลอยมาจ่อปากทาฮิร่าดื่มกาแฟคำหนึ่งแล้วถ้วยก็ลอยถอยออกไป ลอยรอเตรียมพร้อมอยู่ใกล้ๆ
ทาฮิร่าดื่มกาแฟอีกคำ ตายังมองสังเกตแนนนี่ แนนนี่คลุมเตียง หงอยเหงามาก
“แนนนี่” ทาฮิร่าเรียกเสียงอ่อนโยน
แนนนี่หันมามองยาย
“มานี่ซิลูก” แนนนี่มานั่งที่พื้นข้างทาฮิร่า
“เป็นอะไร ท่าทางเหงาเชียว”
“แนนนี่คิดถึงคุณแม่ปัทมนค่ะ”
“แค่นี้เอง คิดถึงก็บอกยาย ยายจะพาไปหา”
แนนนี่ได้ฟังสีหน้าสดชื่นขึ้นมาทันที “ไปเดี๋ยวนี้เลยได้มั้ยคะ”
“ได้... แต่แนนนี่ต้องมีของป้องกันตัวก่อน”
ขาดคำในมือทาฮิร่าร้อยเหรียญป้องกันอสูรใส่สายสร้อยเส้นสั้นๆ เล็กๆ บางๆ ทาฮิร่ามือยกมาดู โชว์ตรงหน้า แนนนี่ยิ้มแป้น
“เหรียญอะไรคะ สวยจัง”
ทาฮิร่าของหลานชอบก็ปลื้ม “ของของเมืองแม่มดสวยทั้งนั้นจ้ะ ไม่สวยไม่มี”
ทาฮิร่าประคองเหรียญไว้ในมือสองข้าง หลับตาอธิษฐานจิต ส่งจิตไปเมืองเวทมนตร์พูดอยู่ในใจ
“หากแนนนี่เป็นสายเลือดแม่มดเหรียญนี้จักปกป้องภัย ร้ายจากอสูร แต่หากแนนนี่เป็นอสูร ข้าหวังว่าเหรียญจะช่วยสยบพลังร้ายของแนนนี่ได้บ้าง”
ในระหว่างที่ทาฮิร่าอธิษฐาน แนนนี่มองอย่างสนใจ
ทาฮิร่าสวมสร้อยให้แนนนี่ จากนี้ไปต้นไปแนนจะสวมสร้อยพร้อมเหรียญกันอสูรติดตัวตลอดเวลา
เหรียญกระทบผิวแนนนี่ ส่องประกายเรืองแสงนิดหน่อย แล้วหายไป ทาฮิร่าเอ่ยขึ้นเชิงต่อว่า
“ยายเห็นหลานแอบหนีไปหาพ่อภวิตบ่อยๆ เลยซื้อมา ให้”
“ก็แนนนี่คิดถึงพี่ภวิตของยายนี่คะ” แนนนี่พูดเสียงอ้อน พร้อมกับเรียกภวิตประจบทาฮิร่า
ทาฮิร่ายิ้มอย่างเอ็นดู แล้วพูดสอนเป็นเชิงปราม
“จำไว้นะแนนนี่ ความประมาทเป็นทางแห่งความตาย แม้ไม่ถึงตายจริงๆ ก็สูญเสีย”
“แนนนี่ขอโทษค่ะ แนนนี่จะระวังให้มากขึ้น”
“เหรียญสยบอสูรนี่เตือนภัยจากอสูรได้ แล้วก็ป้องกันภัย ต้านพลังอสูรได้ในระยะเวลาหนึ่งที่ช่วยให้เราหนีหรือตั้งตัวสู้ ได้”
ทาฮิร่าหยิบเหรียญบางมากๆ ขนาดพอๆกับเหรียญสยบอสูร ดูออกชัดมากว่าเป็นเครื่องประดับ ลวดลาย
สวยงามเหมาะกับสาววัยรุ่น ล็อกเครื่องประดับนั้นติดกับเหรียญสยบอสูร
“ยายจะปิดเหรียญสยบอสูรไว้ ให้ดูเป็นเครื่องประดับทั่วไป จะได้ไม่เป็นที่สังเกต”
แนนนี่กราบที่ตักทาฮิร่าอย่างซาบซึ้งใจ “ขอบคุณค่ะยาย”
“ไป”
สองยายหลานหายตัวไปด้วยกัน
“ทิ้งเราเลย ใจร้ายอะ” ชิกเก้นมองค้อนแล้วนอนต่อ

ครู่ต่อมาปัทมนลุกขึ้นยืนอย่างดีใจมาก
“แนนนี่”
ปัทมน ดารกา และธานีอยู่ในห้องอาหาร ทุกคนหันไปมอง เห็นทาฮิร่าเดินมากับแนนนี่ ปัทโผไปหา ในขณะที่แนนวิ่งมาหาปัทมน ทั้งคู่โผกอดกันด้วยความคิดถึง
ดารกามองนิ่ง ตาฉายแววร้ายกาจ พูดอยู่ในใจ
“ออกมาจากหลุมหลบภัยได้ซะทีนะนังแนนนี่ ฉันจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงตามล่าแก”
ปัทมนจูงแนนนี่มาที่โต๊ะอาหาร ธานีเลื่อนเก้าอีให้ทาฮิร่า ทั้งทาฮิร่า ดารกา และแนน นั่งอยู่ใกล้กัน
พรวางจานให้ทาฮิร่ากับแนนนี่
“เชิญครับคุณยาย” ธานีรีบลุก
“หิวมั้ยลูก” ปัทมนถาม
“หิวที่สุดในโลกค่ะ คิดถึงฝีมือน้าผาดพี่พร”
ผาด กับพรยิ้มปลื้ม
“คิดถึงแต่หายไปเนี่ยนะคะ”
แนนนี่ไม่รู้จะบอกยังไง มองทาหน้าทาฮิร่า “ก็...”
“แนนนี่ไม่สบาย” ทาฮิร่าตอบแทน
“อ้าว เข้าโรงพยาบาลทำไมไม่ยอมบอกคะ พี่พรจะได้ทำกับข้าวไปส่ง”
แนนนี่มองอาหารอย่างหิวจัด แกล้งตวัดตามองดารกาว่าจะทักตัวเองมั้ย ดารกายิ้มเยาะอย่างรู้ทันแว่บหนึ่ง แล้วรีบแอ๊บแสนดี
“คราวหลังเป็นอะไรก็บอกกันบ้างนะจ๊ะแนนนี่ คนเขาเป็นห่วงกันทั้งบ้าน”
แนนนี่เหวี่ยงกลับทันที “ไม่ต้องมาแอ๊บดี รู้อยู่แก่ใจว่าใครทำให้แนนนี่ไม่สบาย”
“อ้าวๆ เจอหน้ากันก็ตีกันเลย ทานข้าวก่อน” ธานีบ่น
“ขออนุญาตอีกเดี๋ยวได้มั้ยจ๊ะ”
“เชิญค่ะคุณยาย” ปัทมนตักอาหารโน่นนี่ให้แนนไปด้วย
ทาฮิร่าล้วงของในเสื้อ เอาเหรียญสยบอสูรที่หุ้มเครื่องประดับแล้ว ลายเดียวกับของแนนนี่เด๊ะออกมา มีสร้อยพร้อม แต่สร้อยต่างจากของแนนนี่ได้
ทาฮิร่ายื่นเหรียญให้ จดสายตามองจับจ้องสังเกตดารกา
“เห็นสวยดีเลยซื้อมาฝากหนูกับแนนนี่จ้ะ”
ดารกกระตุกถอยนิดๆ ระแวง ยังไม่มีทีท่าจะรับ ดารการะวังตัวมากเกรงว่าใครจะให้อะไรที่ทำให้สภาพอสูรเผยออกมา และเวลานี้ระแวงทาฮิร่ามากเป็นพิเศษ
แนนนี่ลุกพรวดเดียวมาถึงทาฮิร่ากับดารกา ฉกเหรียญไปจากทาฮิร่าทันที ด้วยความอิจฉาและเกลียดขี้หน้าดาเป็นทุนอยู่แล้ว ดารกาแอบโล่งใจที่ตัวเองไม่ต้องเป็นฝ่ายปฏิเสธ
แนนนี่ฉกมา “ไม่ให้”
ทาฮิร่ากับปัทมนอุทานพร้อมกันตอนโดนฉก “อุ๊ย”
ธานีพูดขึ้นพร้อมกัน “ฮึ้ย”
ดารกาแอ๊บแสนดี อย่างน่าเห็นใจ “แนนนี่ ทำไมทำกับคุณยายอย่างนั้นล่ะจ๊ะ ไม่น่ารักเลย”
“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมาแอ๊บดี ไม่ต้องมาวิจารณ์ พี่ดาไม่มีสิทธิใส่ของเหมือนแนนนี่ ยายให้แนนนี่ก่อน มันก็ต้องเป็นของแนนนี่คนเดียวเท่านั้น”
“เอาละๆ ไม่ให้ก็ไม่ให้จ้ะ” ทาฮิร่าบอกตัดบท
“มาทานข้าวลูก แล้วเดี๋ยวคุยกับแม่ให้หายคิดถึง” ปัทมนยิ้ม
นัยน์ตาดารกาผุดแววตาร้ายกาจด้วยความริษยาแว่บหนึ่ง แนนนี่กอดปัท ส่งสายตามายั่วประสาทดา ประมาณนี่แม่ของฉันคนเดียว แต่ดารกาทำหน้าสงบเสงี่ยมหงิมๆ ยิ้มใจดีให้แนนนี่ แนนนี่หมั่นไส้สะบัดหน้าพรืด ดารกาทานข้าวต่อในอาการเรียบร้อย
ทาฮิร่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมกับคิดในใจอย่างเซ็ง

“หมดกัน เลยไม่รู้ว่ายายน้องดาเป็นอย่างที่สงสัยหรือเปล่า"








Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2555 16:05:49 น.
Counter : 794 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]