All Blog
อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 15


แนนนี่หนีเข้ามานอนขดตัวอยู่บนเตียงนอนในตะเกียงแก้ว ใบหน้าแนนนี่ดูเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด

“เป็นอะไรไปล่ะ .... แนนนี่” ตะเกียงแก้วถาม
แนนนี่พลิกตัวหันหลังให้ เหมือนไม่อยากตอบคำถาม
“ถ้าไม่พูดออกมาซะบ้าง ระวังจะอึดอัดตายนะ” ตะเกียงแก้วชวนคุยต่อ
“ดี! ตายเสียก็ดี ทุกวันนี้ก็มีแต่คนอยากให้แนนนี่ตายอยู่แล้วนี่ ทั้งอสูรทั้งแม่มดต่างช่วยกันรุมฆ่า พวกมนุษย์ก็ไปรุมรักรุมโอ๋ ยัยพี่ดาแอ๊บดีกันหมด ชีวิตเหมือนเดินอยู่บนเส้นด้าย...นี่ก็เพิ่งรอดมาได้แบบเส้นยาแดงผ่าสิบ” แนนนี่บ่นออกมา
“แล้วคุณยายทาฮิร่าล่ะ แกรักแนนนี่จะตายไป” ตะเกียงแก้วว่า
แนนนี่ผุดลุกขึ้นนั่งทันที
“ก็มีแค่นั้นแหละ อ้อ คุณแม่ปัทมนอีกคน”
“เค้าถึงมีคำพังเพยว่า...คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ”
“เงียบได้มั้ย แนนนี่อยากอยู่เงียบๆ ขืนพูดมาก แนนนี่จะเอาเทปกาวปิดปาก”
“หงุดหงิดทั้งปี” ตะเกียงแก้วบ่นพึมพำ

เวลาเดียวกันที่บริเวณหน้าบ้านปัทมน ภวัตและบุษบาเดินมาด้วยกันกำลังจะไปขึ้นรถ ดารกาเดินแกมวิ่งตามมา ร้องเรียกไว้

“พี่ภวัตคะ”
ภวัต และบุษบาหันมามอง บุษบามองด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“เย็นนี้พี่ภวัตมีธุระที่ไหนหรือเปล่าคะ” ดารกาถามขึ้น
“น้องดาจะทำไมหรือ” ภวัตถามกล้บ
“น้องดาอยากให้พี่ภวัตติวให้หน่อยค่ะ...มีเรื่องที่ไม่เข้าใจ 2-3 เรื่อง”
“ไหนว่าเรียนเก่งนักเก่งหนาไง” สีหน้าแววตาบุษบายิ้มๆ เหมือนพูดทีเล่นทีจริง
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ” ดารกาออกตัว
“ให้พี่ไชยติวให้เอามั้ย...ดูเหมือนพี่ไชยจะว่างมากกว่าภวัต” บุษบาเยาะ
ดารกาไม่สนใจคำพูดบุษบา ผินหน้ามามองภวัตราวกับจะให้ช่วย
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจะติวให้แกเอง ...บ้านอยู่ใกล้กันแค่นี้” ภวัตบอก
“แต่ว่าพี่ไชยเขาเต็มใจติวให้น้องดาจริงๆ นะคะ” บุษบายังไม่ยอมง่ายๆ พยายามจะอวยพี่ชายตัวเอง
“อย่าเลย รบกวนหมอไชยเปล่าๆ”
“ขอบคุณค่ะ พี่ภวัต งั้นเย็นนี้น้องดาไปรอที่บ้านพี่ภวัตนะคะ แล้วจะทำขนมไปให้ทานด้วย !” ดารกายิ้มระรื่น
“นั่นแน่ มีขนมมาล่ออีกแล้ว” ภวัตยิ้มล้อ
ดารกาหัวเราะออกมาอย่างดีใจ “อร่อยมากด้วยละค่ะ...เชิญพี่ภวัตเถอะค่ะ...” ดารกาหันไปไหว้ลาบุษอย่างอ่อนหวาน “สวัสดีค่ะ พี่บุษ”
บุษบารับไหว้แค่อก ดารกาหันหลังเดินแกมวิ่งกลับเข้าบ้านไป
ภวัตและบุษบามองตาม แล้วหันมาเดินต่อ
“ภวัตคะ...บุษว่า....”
บุษบาพูดยังไม่ทันจบ จู่ๆ ส้นรองเท้าส้นสูงก็เกิดพลิกหักทั้ง 2 ข้าง บุษบาเสียหลักถลาล้ม
“ว้าย! ภวัตคะ...ช่วยด้วยค่ะ”
สัญชาติญาณ ทำให้ภวัตหันขวับไปที่หน้าต่างห้องชั้นบนทันทีทันใด และมองเห็นม่านหน้าต่างไหวเล็กน้อยเหมือนเพิ่งมีคนจับก่อนผละตัวไป
ภวัตชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ แล้วจึงหันกลับมาทรุดตัวลงดูเท้าบุษบา

สมาชิกสองครอบครัวยังรวมตัวนั่งคุยกันอยู่ ทุกคนเห็นดารกาเดินเข้ามา
“เอาของขวัญให้พี่ภวัตเขาแล้วหรือลูก” ปัทมนถามเสียงอ่อนโยน
“ค่ะ...น้องดาขอตัวขึ้นไปดูหนังสือต่อนะคะ”
“จะขยันไปถึงไหนจ๊ะ น้องดา” รัดเกล้าแซวยิ้มๆ
“น้องดาจะต้องเรียนให้ดีที่สุด คุณแม่จะได้ไม่ผิดหวังที่เลี้ยงน้องดามา”
ทุกคนมองดารกาอย่างชื่นชม
“แม่คุณ” ปัทมนเป็นปลื้มกว่าใคร
ดารดาเดินค้อมตัวผ่านไปขึ้นบันไดอย่างเรียบร้อย
“มีลูกอย่างน้องดานี่ นอนตายตาหลับเลยนะครับ” จักรวาลเอ่ยขึ้น
“แล้วมีลูกอย่างเกล้าล่ะคะ” รัดเกล้าหน้าง้ำ หันไปทางผู้เป็นพ่อ
“ก็ไม่กล้าตายเลยน่ะซิ กลัวว่าต้องตาเบิกโพลงตลอด !” ธานีตอบแทนซะเอง
รัดเกล้าลืมตัว ทุบตีธานียกใหญ่ “นี่แน่ะ! ตาเบิกโพลง”
“โอ๊ย” ธานีร้องลั่น
แทนที่จะเอ็ดหรือดุ จักรวาลและปัทมน มองภาพคู่กัดคู่นั้น แล้วเบือนหน้ามาสบตากันอย่างพึงพอใจ

บุษบากลับมาถึงโรงพยาบาล เดินกระแทกนิดๆ ที่เท้าพันผ้าแบบคนขาแผลงเดินหน้างอเข้ามาในห้องไชย
“อ้าว! นั่นเท้าเป็นอะไรล่ะ” ไชยถาม
“เท้าแพลงค่ะ...เดินอยู่ดีๆ ส้นสูงหัก” บุษบาบอก
“เฮ้ย ! รองเท้าเราแต่ละคู่แพงๆ ทั้งนั้น ทำไมหักง่ายนักล่ะ”
“ก็นั่นน่ะซิคะ ไม่รู้ซิ อารมณ์เหมือนๆ วันที่บุษกินสปาเก็ตตี้แล้วกลายเป็นหนอนนั่นแหละค่ะ” บุษบาตั้งข้อสังเกต
“ยัยบุษเอ๊ย”
บุษบารีบยกมือผาย...ขัดขึ้นเหมือนรู้ว่าพี่ชายจะพูดอะไรต่อ
“เอาละค่ะ...บุษรู้ว่าพี่ไชยจะพูดยังไง แล้วที่มานี่บุษจะมาปรึกษาพี่ไชยเรื่องอื่น!
ไชยเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“นังเด็กดารกามันแสดงความสนิทสนมกับภวัตต่อหน้าบุษ แล้วภวัตก็เอ็นดูมันมากเสียด้วย!”
ไชยหัวเราะร่วน “เด็กคนนี้มันเป็นลูกไก่ในกำมือพี่อยู่แล้ว!”
“งั้นก็รีบจัดการมันเสียทีซิคะ จะได้พ้นทางของบุษเสียที” บุษบาเร่งเร้าพี่ชาย
“ตกลง! พี่ก็ชักจะไม่ไว้ใจภวัตเหมือนกัน” ไชยว่า
“งั้นก็ลงมือเลยค่ะ”

ส่วนที่บ้านจักรวาล เวลานั้นโป่งหิ้วถุงมะม่วงดิบเข้ามาวางบนโต๊ะ แล้วหันหลังกลับจะเดินออกไป
โป่งสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นบาบาร่าในคราบแม่บ้านบานเย็นมายืนอยู่อย่างเงียบเชียบ
“คุณแม่บ้าน...มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ...โฮ้ย ใจหายใจคว่ำนึกว่าผี” โป่งว่า
“ฉันเหนือกว่าผี ! บ้านนั้นเขาไปไหนกันมา” บาบาร่าคุยโว แล้วถาม
“ได้ยินแว่วๆ ว่าคุณแนนนี่ อาจารย์ของโป่งถูกลักพาตัวไปครับ...แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด ว่าจะไปถามจารย์ดูเหมือนกัน ว่าแต่คุณแม่บ้านขึ้นไปทำความสะอาดห้องข้างบนหรือยังครับ”
“ไม่ใช่เรื่องของแก”
บาบาร่าชักสีหน้าใส่โป่ง แล้วเดินออกไป ด้วยฝีเท้าเงียบเชียบ
“คนอะไร เดินไม่มีเสียงเลย”
“ฉันได้ยินนะ เจ้าโป่ง” บานเย็นบาบาร่าส่งเสียงแหวมา
“แน่ะ! หูก็ดีอีก”

บาบาร่าเดินขึ้นชั้นบนมา พลางว่าคาถาไปพร้อมๆ กัน ชี้ข้ามไปข้างหลัง จู่ๆ ก็มี ไม้กวาด ที่ตักผง และม็อบถูพื้นปรากฏขึ้นตามหลังมา
บาบาร่าเปิดประตูห้องภวัตเข้าไป พร้อมเครื่องมือ แล้วเริ่มทำความสะอาด
บาบาร่ายืนกอดอกมองโดยรอบ แล้วชะงัก เมื่อเห็นดอกกุหลาบ 2 ดอกที่ปักอยู่ในแจกัน บาบาร่าขยับมุมปากเหมือนจะเยาะๆ แล้วเดินมาใกล้
“เรื่องรักๆ ใคร่ๆ จุดอ่อนของพวกมนุษย์”
บาบาร่าหยิบการ์ดขึ้นมาอ่าน
“กุหลาบแดงแจ้งรักประจักษ์ว่า ชั่วดินฟ้ารักเธอเสนอสนอง...ทุเรศ
กุหลาบขาวคือหัวใจที่ไฝ่ปอง รักของน้องอสูรน้อยคอยเรื่อยมา... อสูรน้อย! แนนนี่! ยิ่งตอกย้ำ ว่าไม่ผิดตัวแน่”
บาบาร่าเงยหน้าขึ้น สีหน้ามุ่งมั่นและมาดหมาย

เวลาเดียวกัน ทาฮิร่านอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย จังหวะนั้นบาบาร่าก็ปรากฏตัวขึ้น เรียกออกมา
“ทาฮิร่า”
ทาฮิร่าพลิกหันกลับมา
“บาบาร่า!”
“เพลียละซี”
ทาฮิร่าลากเสียงปฏิเสธทันควัน “เปล๊า..า ... แค่นอนพัก เธอก็รู้ว่าระยะหลังๆ มานี่ ฉันค่อนข้างออดแอด ...อ่อนแอ”
“ไม่ใช่ ตามไปช่วยแนนนี่หรอกเรอะ” บาบาร่าพูดดักคอ
ทาฮิร่าลุกพรวดขึ้นมาทันที “เธอใช่มั้ย ที่พยายามทำร้ายแนนนี่”
บาบาร่าส่งการ์ดให้ทาฮิร่า
“เอ้า! อ่านซะ”
ทาฮิร่าอ่านแล้วตกใจ แต่รีบปรับสีหน้าเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“แล้วไง!”
“แล้วไง...ช่างพูดออกมาได้ แนนนี่เป็นอสูร แล้วเธอก็กำลังปกป้องมัน”
“ถ้าแนนนี่เป็นอสูรแล้วทำไมถูกอสูรตามล่า”
“เพราะมันต้องการตบตาเรา”
ทาฮิร่าหาทางชิ่ง เพราะไม่อยากต่อความยาว ร่ายคาถาแล้วหายตัวไป
“ทาฮิร่า” บาบาร่าโกรธ

ครู่ต่อมาบาบาร่าในร่างบานเย็นเดินกลับเข้ามาในบ้านภวัต สีหน้าเหมือนประหลาดใจแว่บหนึ่ง เมื่อเห็นดารกากำลังนั่งอ่านหนังสือเรียน...บนโต๊ะข้างหน้ามีถ้วยแก้วใส่สละลอยแก้ววางอยู่
บาบาร่ากระแอมนิดๆ “อะ แฮ้ม”
ดารกาเงยหน้าละสายตาจากหนังสือ แล้วหันมามอง ยิ้มสดใสให้บาบาร่า
“น้องดามารอพี่ภวัตค่ะ...พี่ภวัตบอกว่าอีกประมาณ 15 นาทีจะถึงบ้านแล้ว”
“เชิญตามสบายค่ะ”
พูดจบบาบาร่าขยับตัวจะเดินออกไป ดารกาเรียกไว้
“ป้าบานเย็นคะ”
บาบาร่าหันกลับมา
“เห็นพี่เกล้าชมว่าป้า ทำกับข้าวอร่อยมาก”
บานเย็นบาบาร่ายิ้มนิดๆ แล้วเดินกลับเข้าไป
ดารกายังคงมองตาม แล้วหันหน้ากลับมา สีหน้าแววตาลึกซึ้งจับความรู้สึกไม่ออก

บาบาร่าเดินกลับเข้ามาในครัว แล้วหยิบการ์ดออกมาจากกระเป๋าผ้ากันเปื้อน บาบาร่าหลับตาว่าคาถา
“อัย ...ยะ...การ์โด...เซ็นโต”
การ์ดใบนั้นปลิวออกไปทางหน้าต่าง บาบาร่ามองตาม แล้วยิ้มเยาะด้วยความพอใจและสะใจ
การ์ดใบนั้นปลิวตาแรงลมของคาถา มาวางแหมะอยู่บนโต๊ะข้างเตียงแนนนี่ โดยที่ชิกเก้นนอนหมอบอยู่ไม่ทันเห็น

ครู่ต่อมาบานเย็นบาบาร่าก็ยกถาดแก้วน้ำหวานมาวางให้ดารกา
“ขอบคุณค่ะ” ดารกาพนมมือไหว้อย่างนอบน้อมและสุภาพ
บาบาร่ายกชามสละลอยแก้วขึ้นมา “ป้าจะเอาไปแช่ตู้เย็น เดี๋ยวคุณภวัตกลับมาจะได้ทานชื่นใจ”
“ดีจัง!” ดารกายิ้มขอบคุณ
บาบาร่าเดินกลับเข้าไป พร้อมกับมีเสียงแตรรถดังขึ้น บาบาร่าเดินออกมาใหม่
“ไม่ทันแล้ว...คงต้องใส่น้ำแข็งเอา” บาบาร่าว่า
“ค่ะ” ดารการับคำ
บานเย็นเดินกลับเข้าไปอีกที ในขณะที่ดารกาลุกขึ้น แล้วเดินออกไปรับภวัต

ภวัตเปิดประตูรถลงมาพอดี ขณะที่ดารการีบเดินไปรับ
“มาคอยพี่นานหรือยัง”
“ไม่นานค่ะ”
ขณะที่ทั้งคู่เดินเข้าบ้าน...ภวัตหยุดเดินเหมือนเพิ่งนึกได้
“อ้อ! ลืมไป! คุณบุษเขาฝากมาขอโทษเรืองเมื่อตอนบ่าย แล้วก็มีของเล็กๆ น้อยมาให้” ภวัตว่า
“พี่บุษใจดีจังค่ะ” ดารกายิ้มสดใส
ภวัตพาดารกาเดินกลับไปที่รถ แล้วเปิดประตูหยิบถุงเล็กๆ ดูประณีตออกมาส่งให้ ดารการับมา
“ฝากบอกพี่บุษด้วยนะคะว่า น้องดาขอบพระคุณมาก”
ทั้งสองคุยกันมาขณะเดินเข้าบ้าน

เวลานั้น มีกลุ่มควันสีชมพูลอยออกมาจากตะเกียงแล้วพอควันจาง ก็กลายเป็นแนนนี่ที่ดูสดใสขึ้น
แนนนี่บิดตัวไปมา
“ไม่เจอหน้ามนุษย์ซัก 2-3 ชั่วโมงแล้วค่อยยังชั่ว...หิวจังต้องไปหาอะไรกินหน่อย!” แนนนี่เอ่ยขึ้นมา
“อย่าลืมบอกพี่พรให้ซื้อปลาทูแม่กลองให้ชิกเก้นด้วย เอาแบบคอหักน่ะ...เวิร์คดี” ชิกเก้นซึ่งตื่นเช่นกัน ฝากสั่งแบบจัดเต็ม
“น้ำพริกล่ะ”
“ขอน้ำพริกแมงดา...อย่าเผ็ดมาก...ให้น้าผาดแกตำนะ!”
“อื่อฮึ!”
แนนนี่รับฝากครบถ้วน กำลังจะเดินไปที่ประตู จังหวะนั้นการ์ดที่หัวเตียงก็ปลิวมาตกตรงหน้า แนนนี่ก้มลงหยิบขึ้นมาดู...เบิกตากว้างอย่างโกรธจัด
“นี่มันการ์ดของแนนที่ให้พี่ภวัต ! ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้...ชิกเก้น” แนนนี่ถามเสียงดัง
“ชิกเก้นไม่รู้เรื่อง” ชิกเก้นว่า
“ชิกเก้นอยู่ในห้องตลอดเวลา ต้องเห็นซิว่า การ์ดกลับมาได้ยังไง” แนนนี่ซักไซ้
“ก็ชิกเก้นหลับมั่ง...ตื่นมั่ง” ชิกเก้นสารภาพ
“พึ่งอะไรไม่ได้เลย ! แนนนี่ไปถามพี่ภวัตเองก็ได้”
พูดจบแนนนี่เปิดประตูเดินออกไป มือกำการ์ดแน่น
“อาละวาดอีกแล้ว เวรก๊ำ...เวรกรรม”

ภวัตกำลังติววิชาให้ดารกาอยู่ที่ห้องรับแขก
“วิชาพื้นฐานพวกนี้ บางทีน้องดาก็เบื่อเหมือนกันนะคะ...น้องดาอยากเรียน อะนาโตมี เร็วๆ เพราะรู้สึก ว่าใกล้ความเป็นหมอเข้าไปอีกหน่อย” ดารกาว่า
“เดี๋ยวปี 2 ก็ได้เรียนแล้ว”
“พี่ภวัตอย่าเบื่อนะคะ ถ้าหากน้องดามีอะไรไม่เข้าใจ แล้วมาถาม”
“พี่ยินดีและเต็มใจด้วยซ้ำ”
เสียงกระแอมของแนนดังขึ้น “อะ แฮ้ม”
ภวัตและดารกาหันไปมองพร้อมกัน เห็นแนนนี่ยืนหน้าหงิกงออยู่ ภวัตนิ่วหน้าขณะที่ดารกายิ้มหวานตามเดิม
“แนนนี่...มาให้พี่ภวัตติวเหมือนกันเหรอ”
แนนนี่กอดอก เหลือกตามองเพดาน เหมือนจะระงับอารมณ์ที่พุ่งพล่านสุดขีด
“ไม่จำเป็น แนนนี่ไม่อ้อล้อเหมือนพี่ดาหร้อก นิดก็พี่ภวัตคะ...หน่อยก็ พี่ภวัตขา...สงสัยเว่อร์”
ดารกาทำหน้าเสียใจ แล้วก็ตกใจ มองแนนนี่แล้วหันมามองภวัต
“มากไปแล้วแนนนี่”
ระหว่างนั้นบาบาร่าเดินมาแอบฟัง
“น้องดาขยัน เขาถึงได้เรียนดี ไม่เหมือนเราที่นอกจากไม่เรียนแล้วยังอิจฉาคอยตามแขวะพี่เขาอีก” ภวัตใส่แนนนี่อย่างเหลืออด
“พี่ภวัต...น้องดาขอร้องเถอะค่ะ” ดารกาขอร้องไม่ให้ภวัตดุแนนนี่ตามประสาพี่สาวแสนดี
แนนนี่ทำหน้าและเสียงล้อดารกา “น้องดาขอร้อง...ง”
ดารกากระพริบตาถี่ๆ เหมือนจะร้องไห้
“แนนนี่! ขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้”
“ไม่ ! พี่ภวัตนั่นแหละ ต้องขอโทษแนนนี่” แนนนี่ขึ้นเสียงสูง พลางชูการ์ดในมือขึ้น “แนนนี่อุตส่าห์
ทำการ์ดให้พี่ภวัตด้วยมือของแนนนี่เอง แต่พี่ภวัตกลับทิ้งมัน”
ภวัต อึ้งนิดๆ รู้สึกแปลกใจ “พี่ไม่ได้ทิ้ง”
“แล้วมันมาอยู่กับแนนนี่ได้ยังไง พี่ภวัตก็ตี 2 หน้าเหมือนยัยพี่ดานั่นแหละ แนนนี่เกลียดทั้ง 2 คนเลย”
พูดจบแนนนี่ก็ฉีกการ์ดเป็นชิ้นๆ เขวี้ยงทิ้ง แล้ววิ่งออกไป
ดารกาผวาจะตาม “แนนนี่”
“ไม่ต้องตามไป เด็กดื้อเกเรไม่ฟังเหตุผลอย่างนั้น ต้องปล่อยให้โดดเดี่ยวเสียบ้าง !” ภวัตทั้งโมโหทั้งฉุน
“แต่น้องดาสงสารแนนนี่”
“พี่รู้...แต่เราต้องดัดนิสัยเขา ไม่อย่างนั้นแนนนี่ก็จะไม่รู้สึกตัว”
ภวัตไม่รู้ว่าบาบาร่าแอบดูอยู่ ก่อนจะเดินเลี่ยงไป ด้วยสีหน้ายิ้มนิดๆ อย่างพอใจ

แนนนี่เดินแกมวิ่งมาที่ประตูใหญ่ กำลังจะออกไปจากบ้านภวัต บาบาร่าปรากฏร่างขึ้นทางด้านหลัง เรียกไว้
“แนนนี่”
แนนนี่หันไปมอง “อาจารย์”
บาบาร่าอยู่ในชุดดูเป็นเลดี้เมืองผู้ดี แนนนี่โผเข้าหาพลางร้องไห้ นัยน์ตาบาบาร่าเป็นประกายแว่บหนึ่ง
“ใครทำให้เจ็บช้ำน้ำใจหรือศิษย์รักของครู”
แนนนี่เอาแต่สะอื้นพูดอะไรไม่ออก “แนนนี่....แนนนี่”
“ไปคุยกันในห้องแนนนี่ดีกว่า”
บาบาร่า และแนนนี่หายตัวไป โป่งกำลังเดินมา ชะงัก ไม่เห็นหน้าบาบาร่า เห็นแต่เพียงด้านหลัง
“สงสัยว่าจะเป็นอาจารย์ ของ’จารย์อีกที...อีกหน่อยหายตัวกันได้ทั้งโลกก็ดีรถจะได้ไม่ติด แถมไม่ต้องเปลืองเงินซื้อรถ... ป่งต้องพยายามทำให้ได้”
โป่งบอกตัวเองอย่างมุ่งมั่น และจริงจัง

ทั้งสองแม่มดปรากฏตัวขึ้นในห้องแนนนี่
“คุณยายบาบาร่า” ชิกเก้นอึ้ง ขณะร้องทัก
“สบายดีหรือชิกเก้น” บาบาร่าทักกลับ
“ก็สบายดีตามอัตภาพของแมวครับ คุณยายบา”
“ดูเหมือนทาฮิร่าจะไม่ค่อยสบาย...ไม่ไปดูแลนายของแกหน่อยเรอะ!” บาบาร่าหาเหตุให้ชิกเก้นออกไปจากห้อง
แนนนี่รู้สึกตกใจ “เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ”
“ไม่หรอก ... แต่ชิกเก้นควรจะไปอยู่เป็นเพื่อน” บาบาร่าสำทับ
“ไปซิ! ชิกเก้น เดี๋ยวแนนนี่จะตามไป” แนนนี่บอก
“อย่าหูเบานะแนนนี่” ชิกเก้นเตือนแนนนี่
บาบาร่าหันมาจ้องขู่ด้วยสายตาพิฆาต ชิกเก้นกระโดดแผล็วหายตัวไป บาบาร่าหันกลับมายิ้มเยื้อนอย่างผู้ใหญ่ใจดี
“ทาฮิร่ากับฉันเคยมีเรื่องไม่ถูกกัน ชิกเก้นก็เลยพลอยเขม่นฉันไปด้วย เอาละไหนเล่ามาซิ”
แนนนี่น้ำตาไหลออกมาอีก ด้วยความคับแค้นใจ

ด้านชิกเก้นกระโดดแผล็วลง แลนดิ้ง ผิดจังหวะมาอยู่บนตัวทาฮิร่าซึ่งนอนหลับอยู่ ทาฮิร่าสะดุ้งโหยง
“ว้าย!”
ชิกเก้นตกใจเช่นกัน “เมี้ยว!” แล้วจึงกระโดดลงมา “ซ้อรี่..ซ้อรี ขอโทษครับ คุณยาย”
ทาฮิร่าค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้น “ไอ้ชิกเก้น ไอ้แมวซุ่มซ่าม”
“ชิกเก้นกะระยะผิดไปหน่อย ...ซ้อรี่ !”
“อัม....แคทกัม...” ทาฮิร่าพึมพำ
ชิกเก้นผินหน้ามาเมาท์มอยนายหญิง “ฟังเหมือนกรรมของแคทยังไงก็ไม่รู้”
“ครีสซึม ! เพี้ยง!”
ทาฮิร่าร่ายคาถาชี้ออกไป ชิกเก้นตัวแข็งทื่อ
“เป็นไง อยากซ้อรี่ดีนัก”
ทาฮิร่าอ้าปากหาวแล้วล้มตัวลงนอนต่อ
“คุณย้าย! ถอนคำสาป...เดี๋ยวจะไปขัดขวางคุณยายบาร์ไม่ทัน”
ชิกเก้นส่งเสียงบอก ทว่าทาฮิร่าหลับผล็อยอย่างสบาย

แนนนี่เล่าเรื่องที่บาบาร่ารู้อยู่แล้วให้บาบาร่าฟังจนจบเรื่อง
“พวกมนุษย์ก็เป็นแบบนี้แหละไว้ใจไม่ได้” บาบาร่าเว้นไปนิดหนึ่ง นัยน์ตาเจ้าเล่ห์ “แล้วคุณภวัตคนนั้นเขารู้หรือเปล่าว่าหนูเป็นอะไร”
“ตอนแรกเขารู้ว่าแนนนี่เป็นแม่มดค่ะ แต่....ที่จริงแล้วแนนนี่ไม่ใช่...แนนนี่ก็พยายามจะบอกความจริงกับเขา...”
“หนูเป็นอสูรใช่มั้ย!” บาบาร่าต่อประโยคให้
แนนนี่อ้ำอึ้ง
“บอกมาเถอะ...ครูไม่มีทางเป็นอันตรายกับเธอหรอก” บาบาร่าผู้แสนดีบอกเสียงอ่อนโยน
“แนนนี่...แนนนี่คิดว่าตัวเองเป็นอสูร...แต่คุณยายทาฮิร่ายืนยันว่าไม่ใช่”
“แล้วอะไรทำให้คิดอย่างนั้น”
“หลายอย่างค่ะ...แนนนี่ก็บอกไม่ถูก”
“ไม่เป็นไร...แต่ครูขอเตือนว่า อย่าบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด เพราะหนูจะมีอันตราย...มีแค่ 2 คน เท่านั้นที่ไว้ใจได้ คือ ทาฮิร่ากับครู”
แนนนี่นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยออกมา “ถึงจะเป็นอสูรจริง แต่แนนนี่ก็ไม่เคยคิดร้ายหรือคิดทำลายใครเลยนะคะ”
“มันยังไม่ถึงเวลาน่ะซิ!” บาบาร่าโพล่งขึ้น
“หมายความว่ายังไงคะ”
“เคยได้ยินเรื่องหมาป่ากลายร่างเป็นมนุษย์ เมื่อพระจันทร์เต็มดวงหรือเปล่า”
“เคยค่ะ”
“ฉันใดก็ฉันนั้น...เมื่อถึงวันเกิดครบรอบ 22 ปีของหนู หนูจะกลายเป็นอสูรโดยอัตโนมัติ และจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง จนไม่มีอะไรเหลือ” บาบาร่าพูดเสียงจริงจัง
“จริงหรือคะ” แนนนี่รู้สึกตกใจ
“จริงแท้แน่นอน ....นี่เหลืออีกกี่ปีล่ะ”
“แนนนี่อายุ 19 เหลืออีก 3 ปี...” สีหน้าแววตาแนนนี่ดูหวาดหวั่น “หนูจะทำยังไงดีคะ”
บาบาร่าส่ายหน้า “ครูบอกไม่ได้”
“ได้โปรดบอกหนูมาเถอะค่ะ...หนูจะได้พยายามหาทางแก้ไข”
“มัน...มันทรมานเกินไป แล้วครูก็รักเธอมากกว่าจะปล่อยให้...” บาบาร่าทำท่าว่าอัดอั้นตันใจเต็มประดา
“อะไรคะ...บอกมาเถอะค่ะ!” แนนนี่คาดคั้นเพราะอยากรู้วิธี
“เธอ...เธอต้อง...ไม่...ครูไปละ”
พูดจบร่างบาบาร่าก็เลือนหายไป
“อาจารย์คะ! อาจารย์บาบาร่า อย่าเพิ่งไปค่ะ”
แนนนี่ถอนหายใจยาว “แนนนี่จะต้องรู้ให้ได้”
เสียงบาบาร่าดังลอดเข้ามา
“เธอต้องฆ่าตัวตายในวันที่อายุครบ 22”
แนนนี่ได้ยินเต็มสองหู อยู่ในอาการตกตะลึง

“โห! อุบายร้ายกาจจัง!” ไทเกอร์พอรู้เรื่องจากนายหญิงก็ออกปากชม
บาบาร่าผุดสีหน้าแววตาหมายมั่น และเจ้าเล่ห์ออกมา
“นั่นเป็นหนทางสุดท้ายที่จะกำจัดอสูรโดยละม่อม เอ๊ย! โดยบาบาร่า!”
“แล้วทำไมไม่ให้ฆ่าตัวตายไปซะวันนี้พรุ่งนี้เลยล่ะ”
“การฆ่าตัวตายจะสำเร็จก็ต่อเมื่อฆ่าในวันเกิดครบรอบ 22 ปี เท่านั้น...ถ้าก่อนหรือหลังจะฟื้นขึ้นมาอีก! แต่ถ้าคนอื่นฆ่าก็ตายปกติ! ระหว่างนี้นังอสูรแนนนี่จะต้องไว้ใจฉันแต่เพียงผู้เดียว”
“เยี่ยม!” ไทเกอร์อวยนายหญิงอีกหนึ่งดอก

แนนนี่เดินกลับไปกลับมาด้วยสีหน้าสับสนแกมกังวล เสียงบาบาร่าลอยเข้าในความคิดคำนึง
“เมื่อถึงวันเกิดครบ 22 ปีของหนู หนูจะกลายเป็นอสูรโดยอัตโนมัติและจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างจนไม่เหลืออะไร”
และ “เธอต้องฆ่าตัวตายในวันที่อายุครบ 22!”
แนนนี่เดินมาทรุดตัวลงนั่ง ระหว่างนั้นคำพูดของปัทมนก็ลอยเข้ามาในห้วงความคิดอีก
“การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเป็นบาป ผิดศีลข้อแรกเลย ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่หรือแม้กระทั่งฆ่าตัวเอง”
ภาพปัทมนเลือนหายไป แนนนี่พูดกับตัวเองอย่างสับสน
“แต่แนนนี่เป็นอสูรร้าย ถ้าหากไม่ทำลายชีวิตตัวเอง แนนนี่จะทำลายชีวิตคนอื่นอีกมากมายหลายชีวิต นั่นยิ่งไม่เป็นบาปหนักหนาสาหัสหรือคะ...แนนนี่จะทำยังไงดี”
แนนนี่นอนฟุบหน้ากับที่นอนอย่างกลัดกลุ้ม

ทางด้านบาบาร่าว่าคาถาเปลี่ยนเสื้อผ้า กลับเป็นบานเย็นตามเดิม แล้วเดินไปเปิดประตู บาบาร่านึกได้หันกลับมาใหม่
“เกือบลืม ! แกไปคอยสืบดูด้วยว่าทาฮิร่าหรือเจ้าชิกเก้นจะไปเมืองเวทมนตร์เมื่อไหร่ แล้วให้รีบมาบอกฉัน” บาบาร่าสั่งไทเกอร์
“ทำไม...จะตามเขาไปรึไง”
“เออ ! เพราะฉันดันมุสายัยทาฮิร่า ว่าฉันไปรายงานท่านผู้นำเรื่องที่นางช่วยอสูรน้อยไว้”
“แล้วรายงานจริงหรือเปล่า”
“ก็บอกแล้วว่ามุสา เพราฉะนั้นตอนนี้จะให้ทาฮิร่ากับแมวของมันไปที่นั่นไม่ได้เด็ดขาด”
“ทราบแล้วเปลี่ยน!” เจ้าแมวลายเสือรับคำ
บาบาร่าเดินออกไป แล้วปิดประตู ไทเกอร์กระโดดแผล็ว หายออกไปทางหน้าต่าง

ในเวลาเดียวกัน ดารกาไหว้ขอบคุณภวัตสีหน้ายิ้มแย้มปลื้มปิติ
“ขอบคุณมากค่ะ พี่ภวัต น้องดาเข้าใจแจ่มแจ้งเลยค่ะ”
“มีแค่นี้หรือ” ภวัตถามอย่างเอ็นดู
“ค่ะ”
จังหวะนั้นรัดเกล้าเดินเข้ามาพอดี ดารกาหันไปเห็น
“พี่เกล้ามาแล้ว ... สวัสดีค่ะพี่เกล้า”
“สวัสดีจ้ะ...มาให้พี่ภวัตติวให้เหรอจ้ะ” รัดเกล้ารู้เรื่องทันที
“ค่ะ พี่ภวัตติวเก่ง น้องดาจะขอเลี้ยงข้าวเย็นนี้ เลี้ยงทุกคนเลย คุณลุง พี่เกล้า” ดารกายิ้มแย้มเสียงระรื่น
“หลายตังค์นะ” ภวัตพูดล้อด้วยความเอ็นดู
“น้องดาเลี้ยงที่บ้านค่ะ ไม่ใช่ที่ร้าน”
ทั้งสามคนหัวเราะกัน
“น้องดาจะกลับไปทำกับข้าวก่อนนะคะ เดี๋ยวไม่ทัน”
“เกล้าไปช่วยน้องซิ” ภวัตบอก
“อุ๊บ ! ไม่ต้องค่ะ” ดารการีบบอก
“ดีเหมือนกัน! ขี้เกียจอยู่เลย แต่พี่เกล้าขอเป็นแค่ลูกมือนะ”
“โอเค ค่ะ”
“ปะ” รัดเกล้าชวนดารกาเดินออกไป
“อย่าลืมล้างมือกันก่อนนะ” ภวัตตะโกนไล่หลัง สองสาว
รัดเกล้าโบกมือเป็นเชิงปฏิเสธพลางหัวเราะคิกคัก โดยไม่หันหลังมา ภวัตมองตามอย่างเอ็นดู

ธานีเพิ่งกลับจากที่ทำงาน และกำลังยืนดื่มน้ำอยู่ที่หน้าต่าง ขณะที่ทั้งสองสาวเดินเข้ามา
“อ้าว พี่ธานีกลับมาแล้ว” ดารกายิ้มทัก
ธานีหันกลับมาหาเรื่องรัดเกล้าทันควัน
“ยัยเกล้า พาน้องออกไปเถลไถลที่ไหนมา”
ดารกาหัวเราะขำ หันมามองเกล้าซึ่งมองตาเขียวใส่ธานีอยู่
“หน็อยแน่ะ ไอ้เราอุตส่าห์มาช่วยน้องดาทำกับข้าวให้กิน กลับหาว่าเถลไถล เดี๋ยวถ้าเกล้าทำอะไร จะไม่ให้พี่ธานีกินเลย”
“ยังกับอยากกินนักนี่ เหม็นขี้มือ”
“อีตาธานี”
“จะทำไม ยัยรัดจุก”
รัดเกล้าร้องกรี๊ด ธานีรีบเอามืออุดหู
“โอ๊ย ! หนวกหู”
“ทะเลาะกันไปก่อนนะคะ น้องดาจะเข้าครัวแล้ว” ดารกาว่ายิ้มๆ
“พี่ไปด้วย เหม็นขี้หน้าอีตาธานี” รัดเกล้าเดินตามดารกาไป
“เคยดมแล้วเรอะไง”
“บ้า ! อีตาธานีบ้า” รัดเกล้าหันมาด่าอีก
ดารการีบลากตัวไป “ไปกันเถอะค่ะ”

ธานีหัวเราะไล่หลังทั้งสองสาว









Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2555 9:38:36 น.
Counter : 356 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]