All Blog
อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 12 (จบตอน)


ปัทมน ดารกา และธานี กำลังนั่งทานข้าวด้วยกัน โดยมีผาดคอยเลื่อนจานอาหารโน่นนี่ส่งให้ ภวัตและรัดเกล้าเดินเข้ามา ตามด้วยพร
“อย่าเพิ่งอิ่มกันนะคะ เกล้าเอาไส้กรอกที่อร่อยที่สุดในโลกมาฝาก”
“ก็ไอ้แค่ไส้กรอก” ธานียังฉุนเรื่องเมื่อคืนไม่หาย
“ตายจริง! ทำไมพูดกับน้องอย่างนั้นล่ะ ภวัต เกล้า นั่งซิจ๊ะ”
เกล้าและ ภวัตลงนั่ง โดยภวัตนั่งข้างๆ ดารกา ซึ่งยิ้มรับอย่างอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรค่ะ อาปัท เกล้าไม่ถือ ทุกๆ คน ตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอยเค้ารู้กันทั้งนั้นว่า พี่ธานีน่ะ ปากมอม”
“ยัยเกล้า!” ภวัตเอ็ดน้องสาวเสียงดัง
“พอกันทั้ง 2 คน” ปัทมนสัพยอก
“ไม่มีใครสนใจไส้กรอกของพี่เกล้ากับพี่ภวัตเลยหรือคะ” ดารกาถาม
“พร...เอาไปทอดหรืออบมาให้คุณอาปัท...ธานี แล้วก็น้องดาชิมหน่อย” ภวัตบอก
“ค่ะ” พรรับคำ
“กินไม่ลงแล้ว นี่ข้าวต้มชามที่ 2” ธานีว่า
“อาก็อิ่มจ้ะ มาช้าไปหน่อย แต่ไม่เป็นไร เอาไว้ทานพรุ่งนี้ได้”
“งั้นพรจะทอดไปให้คุณแนนนี่กับคุณปีเตอร์นะคะ 2 คนนั่นชอบทานไส้กรอกเหมือนกัน” พรว่ายิ้มๆ
“รีบไปจัดการเลย” ดารกาบอกพร
“ค่ะ” พรรับคำแล้วก็หิ้วถุงไส้กรอกเดินออกไป
“แนนนี่กำลังขยัน นัดปีเตอร์มาติวกันแต่เช้า เห็นว่าจะเอาเกรดสี่มาให้แม่ชื่นใจให้ได้” ปัทมนมีสีหน้าปลื้ม
“คงได้ละครับ” ภวัตลืมตัวหลุดปากประชดโดยไม่รู้ตัว
ทุกคนหันมามองภวัตเป็นตาเดียวกัน รัดเกล้าถลึงตาเป็นเชิงเตือน
ภวัตรู้ตัวรีบแก้ต่างทันที “หมายถึงว่า ถ้าขยันอย่างนี้ ก็คงต้องได้นั่นแหละครับ”

ทุกๆ คนค่อยยิ้มออก แล้วพยักเพยิดอย่างเข้าใจ

อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 13.3

ปีเตอร์ติววิชาให้แนนนี่อย่างขมักเขม้น ทั้งคู่อยู่ในสวน บนโต๊ะมีขนม และน้ำเปล่า น้ำผลไม้พร้อม
พรเดินเข้ามาพร้อมจานไส้กรอก และถ้วยซอสจิ้มใบเล็ก
“มาแล้วค่ะ ไส้กรอกร้อนๆ แสนอร่อย” พรยิ้มมาแต่ไกล
“หอมน่ากินจัง” ปีเตอร์หน้าตาระรื่น
“เอาเลยปีเตอร์ กินให้หมดเลย แนนนี่ยกให้”
“เฮ้ย! ช่วยกันกินซี” ปีเตอร์ไม่ยอมคะยั้นคะยอให้แนนนี่กินด้วยกัน
“แนนนี่อิ่ม”
“ชิมสักชิ้นก็ยังดีค่ะ คุณภวัตกับคุณเกล้าเอามาให้ เดี๋ยวจะเสียใจ” พรว่า
แนนนี่ได้ยินว่าภวัตมาถึงกับชะงัก “พี่ภวัตมาเหรอ”
“ค่ะ” พรยิ้ม
แนนนี่ลุกขึ้นหันมามองปีเตอร์ “เดี๋ยวมานะ ปีเตอร์” แนนนี่รีบเดินแจ้นไป มีพรตามติดๆ
ปีเตอร์เห็นอย่างนั้นถึงกับเซ็ง “ได้ยินชื่อหมอนั่นละเป็นไปได้”

จู่ๆ ก็มีเสียงพูดเบาๆ แต่ดังก้องกังวานของใครคนหนึ่ง “ใจกล้าๆ หน่อย...ปีเตอร์”
ปีเตอร์สะดุ้งเฮือก หันไปมองโดยรอบ
“ใครน่ะ”
เจ้าของเสียงเผยให้เห็นเป็นร่างๆ หนึ่ง ขยับตัวเดินออกมาจากหลังต้นไม้ สีหน้าเรียบสนิท แต่นัยน์ตาแดงก่ำน่ากลัว
“คุณเป็นใคร” ปีเตอร์ค่อยๆ ลุกขึ้น จ้องมองตาเขม็ง
ที่แท้เป็นอสูรในร่างสดับ และกำลังขยับยิ้มมุมปากยิ้มนิดๆ แต่ดูเหมือนขู่ ปีเตอร์รู้สึกตกใจกลัว กวาดตามองไปโดยรอบ เพื่อหาคนช่วย แต่ทุกอย่างเวลานั้นในสถานที่นั้นนิ่งสนิท แม้กระทั่งลมก็หยุดพัด ต้นไม้บริเวณนั้นหยุดการ เคลื่อนไหวโดยสิ้นเชิง
เหมือนเวลาถูกหยุดไว้ชั่วขณะ!!

แนนนี่เข้ามาในบ้าน ก็เฉ่งภวัตทันที
“พี่ภวัตทำไมไม่บอกแนนนี่ว่าจะมา”
“ก็แล้วทำไมพี่จะต้องบอก”
“แนนนี่ หยุดก้าวร้าวเอาแต่ใจตัวเสียที” ปัทมนรีบห้าม พูดดุๆ ปรามแนนนี่
“คุณแม่ดุแนนนี่”
“เพราะแม่เบื่อความเอาแต่ใจของลูกเต็มทีแล้ว ดูพี่ดาเป็นตัวอย่างซิ เขาเคยทำอะไรให้แม่ต้องหนักใจบ้าง”
“คุณแม่ คุณแม่ไม่รักแนนนี่” แนนนี่พาลตามนิสัยเอาแต่ใจ น้อยใจเสียใจจนน้ำตาคลอ
“ก็ชอบทำฤทธิ์แบบนี้ใครจะไปรัก! พี่จะมาดูอาการธานี พี่ก็มา ทำไมจะต้องบอกแนนนี่ด้วย!” ภวัตเอ่ยขึ้น
จังหวะนั้นไม่ทันมีใครเห็นว่านัยน์ตาดารกาเป็นประกายวาววับเหมือนพอใจแว่บหนึ่ง เมื่อเห็นแนนนี่น้ำตาคลอ
ธานีเห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงกระแอมเล็กๆ ขึ้นมา หันไปพูดกับแนนนี่อย่างอ่อนโยน
“หงุดหงิดอะไรแต่เช้า ฮึ แนนนี่ ...หรือว่าโมโหหิว”
“ใช่! แนนนี่โมโหหิวจนอยากจะกินให้หมดทุกคน โดยเฉพาะพี่ภวัต!”
แนนนี่เบือนหน้าหันมาจ้องตาภวัตเขม็งอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“แนนนี่จะเคี้ยวให้หมดไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูก”
พูดจบแนนนี่สะบัดบ๊อบเดินออกไป
“เดี๋ยวจ้ะ แนนนี่” ดารกาลุกขึ้นจะตาม
“ไม่ต้องตาม ยิ่งมีคนง้อยิ่งเอาใหญ่ ทุกคนทานกันต่อค่ะ”
ปัทมนห้ามดารกา เริ่มกินไส้กรอกให้ทุกคนทำตาม แต่ก็ดูเหมือนจะฝึดคอกันไปหมด

แนนนี่เดินแกมวิ่งเข้ามา แล้วหยุดชะงัก มองไปที่บริเวณที่นั่งติวสอบกับปีเตอร์เมื่อครู่ เห็นกลุ่มหมอกหนาปกคลุมไว้จนไม่เห็นบริเวณนั้น แนนนี่รีบเดินเข้าไป แต่ก็ต้องกระเด็นออกมาล้มกระแทกพื้น แนนนี่ร้องตะโกนลั่น
“ปีเตอร์ ปีเตอร์อยู่ที่ไหน ปีเตอร์”

“พาแนนนี่ไปให้ข้า” อสูรในร่างสดับสั่ง
ปีเตอร์ในยามนั้นเหมือนตกอยู่ในภวังค์พูดซ้ำไปซ้ำมา
“พาแนนนี่ไปให้คุณ พาแนนนี่ไปให้คุณ พาแนนนี่”
ร่างอสูรสดับค่อยๆ เลือนหายไป
ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ปีเตอร์นั่งอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าและแววตาเหมือนจะยังงงๆ แนนนี่ค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นยืน สีหน้าแววตาประหลาดใจเอามากๆ สักครู่พอหมอกค่อยๆ จางหายไป แนนนี่โล่งใจเมื่อเห็นปีเตอร์นั่งอยู่ และกำลังมองไปรอบๆ ตัว
“ปีเตอร์”
“แนนนี่ หายไปไหนมาตั้งนาน” ปีเตอร์ถามน้ำเสียงน้อยใจ
แนนนี่นิ่งคิด คำพูดของทาฮิร่าลอยเข้ามาในห้วงความคิด
“การที่หลานช่วยพี่ชายให้หายเร็วขึ้น เป็นการฝืนกฏธรรมชาติ นายคนนั้นเขาจะต้องทุกข์ทรมานกับกรรมเก่าของเขา เพราะฉะนั้นกรรมนั่นจะต้องมาตกที่หลาน”
พอร่างทาฮิร่าหายไป ภาพตะเกียงแก้วก็เข้ามาแทน
“มัน...มันเป็นลางร้าย ในตะเกียงแก้วเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดของแม่มด ไม่เคยมีแม่มดตนไหนเคยหกล้มในตะเกียง”
ภาพและเสียงเลือนหายไป แนนนี่เหมือนตกอยู่ในภวังค์ ปีเตอร์เรียกอยู่ตั้งนานก็ไม่ได้ยิน
“แนนนี่ แนนนี่!”
แนนนี่รู้สึกตัว หันมามอง
“เป็นอะไรหรือเปล่า” ปีเตอร์ถาม
“เปล่า... ไม่ได้เป็นอะไร ปีเตอร์กลับไปก่อนเถอะ” จู่ๆ แนนนี่ก็จะให้ปีเตอร์กลับ
“อ้าว! ทำไม!”
“แนนนี่ไม่ค่อยสบายใจ”
“ไม่สบายใจแล้วอยู่คนเดียวจะยิ่งไปกันใหญ่ เอาน่า อย่าให้เสียความตั้งใจเลยนะแนนนี่ เราตั้งใจจะดูหนังสือสอบกันก็ควรจะทำตามนั้น” ปีเตอร์ปลอบ
แนนนี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ตกลง”
นัยน์ตาปีเตอร์เป็นประกายขึ้นมาแว่บหนึ่ง โดยที่แนนนี่ไม่ทันสังเกตเห็น และไม่สังหรณ์ใจ
“ต้องอย่างนั้นซิ”

ด้านภวัตขยับตัวลุกขึ้น หลังจากคุยกันได้สักพักใหญ่
“ผมต้องขอตัวก่อนละครับ คุณอาปัท”
“น้องดาขอติดรถไปด้วยนะคะ”
“น้องดา แม่ไปส่งเองดีกว่าจ้ะ” ปัทมนเห็นว่าไม่ควร
“ไม่เป็นไรนี่คะ พี่ภวัตต้องผ่านมหาวิทยาลัยของน้องดาอยู่แล้ว” รัดเกล้าเสริม
“ใช่ครับ” ภวัตยินดี
“ขอบใจนะเพื่อน เอาไว้ฉันหายดีกว่านี้ จะไปส่งยัยเกล้าชดเชยให้” ธานีว่า
“โอ๊ย ไม่ต้องกัดฟันพูดหรอกค่ะ เกล้ามีมือมี”
“ยัยเกล้า!” ภวัตเรียกเสียงดังเป็นเชิงเตือนน้องสาว
“แยกย้ายกันไปได้แล้วจ้ะ” ปัทมนสรุป
ทุกคนยกเว้นธานีไหว้ลาปัท แล้วพากันออกไป

แนนนี่เลื่อนจานไส้กรอกให้ปีเตอร์
“เอ้า! กินซะ จะได้มีแรงติว”
ปีเตอร์มองไส้กรอก แล้วส่ายหน้า
“สุกไป ...ไม่อร่อย”
“ไส้กรอกมันก็แบบนี้แหละ”
“ปีเตอร์อยากกินดิบๆ”
“เฮ้ย! ปีเตอร์!” แนนนี่ประหลาดใจ
“บ้านแนนนี่มีเนื้อดิบๆ มั้ย”
“พูดจริงเหรอ” แนนนี่ยิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่
“จริง ไม่รู้เป็นไง วันนี้อยากกินอะไรแปลกๆ”
“งั้นเข้าไปข้างในกัน”
ทั้งสองคนเดินกลับเข้าไปในบ้าน

พรกำลังล้างชาม ขณะที่แนนนี่เดินเข้ามา
“พี่พร”
พรหันมาตามเสียงเรียก “ว่าไงคะ คุณแนนนี่”
“พี่พรช่วยไปซื้อก๋วยเตี๋ยวเนื้อสดให้หน่อยได้มั้ยคะ เอาแบบสดมากๆ”
“คุณแนนนี่จะทานหรือคะ” พรแปลกใจ
“ปีเตอร์เขาอยากทานค่ะ” แนนนี่บอก
“แล้วคุณแนนนี่ล่ะคะ”
“แนนนี่ไม่หิวค่ะ”
แนนนี่รีบเดินออกไป

ระหว่างนั้นปีเตอร์นั่งกลอกตาไปมา ดูน่ากลัว แล้วตาดำหายไปกลายเป็นตาขาว พอแนนนี่เดินเข้ามา
นัยน์ตาปีเตอร์ ก็กลับมาดำเหมือนคนปกติ ปีเตอร์หันกลับมามองแนนนี่
“แนนนี่ให้พี่พรไปซื้อก๋วยเตี๋ยวเนื้อสดให้แล้ว รอเดี๋ยวนะ”
แนนนี่เดินแกมวิ่งไปที่บันไดจะขึ้นไปบนห้อง ปีเตอร์ลุกขึ้น
“แนนนี่จะไปไหน”
“ท้องเสีย จะขึ้นไปเข้าห้องน้ำ”
แนนนี่เดินแกมวิ่งขึ้นไป ปีเตอร์มองตามพลางกลอกตาไปมอง

แนนนี่เปิดประตูเข้ามา แล้วว่าคาถากลายเป็นกลุ่มควันหายไป ชิกเก้นอ้าปากหวอ ไม่ทันจะได้พูดจากัน
“อ้าวเฮ้ย! หายไปไหนแล้ว...แนนนี่”

ภวัตจับลูกบิดจะเปิดประตูเดินออกไป แต่มือหมุนเท่าไหร่ลูกบิดก็ไม่เปิด ภวัตหมุนอีก แล้วภวัตถอนใจเฮือกใหญ่รู้ทันทีว่าเป็นฝีมือใคร
“แนนนี่”
แนนนี่ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังภวัตยังไม่หันมา
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้”
ลูกบิดที่ล็อคประตูเปิดออกเอง ภวัตไม่หันมามอง ดึงบานประตูออกกว้าง แล้วก้าวออกไป ทว่าภายนอกที่ก้าวไปกลับกลายเป็นห้องเดิม ภวัตยืนอยู่ที่ประตูตามเดิม
ภวัตโมโหขบกรามแน่น เปิดออกอีก แล้วก้าวออกไป แต่ก็กลับกล่ยเป็นว่าภวัตเข้ามาในห้องเดิมอีก
ภวัตเปิดอีกหลายๆ ครั้ง ก็ไม่สามารถออกไปข้างนอกห้องได้สักที
ในที่สุด ภวัตหงุดหงิดเต็มที่ แล้วหันกลับมา อ้าปากจะดุ แต่ถูกแนนนี่ขัดคอขึ้นก่อน
“ก็พี่ภวัตไม่ยอมหันมาพูดกับแนนนี่นี่ แนนนี่อุตส่าห์มุสาปีเตอร์ว่า ปวดท้อง ท้องเสีย แล้วรีบมาหาพี่ภวัต”
ภวัตพูดสวนออกมาทันทีเช่นกัน
“ถ้าต้องลำบากขนาดนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องมา”
“แนนนี่จะมา” แนนนี่บอกรั้นๆ
“เมื่อไหร่เราจะเลิกก่อกวนเสียที รู้ตัวหรือเปล่าว่าเข้าไปที่ไหน ก็ทำให้เขาวุ่นวายไปหมด คนแบบนี้พวกผู้ใหญ่เขามักจะเรียกว่า...ตัวบ่อนแตก”
แนนนี่ลอยหน้าลอยตาเถียง
“แนนนี่ไม่เคยเข้าบ่อน แต่แนนนี่อาจจะทำให้โรงพยาบาลนี่แตกได้ ถ้าพี่ภวัตทำให้แนนนี่ไม่พอใจ”
“เอาเล้ย เรามันเป็นอสูรผู้ยิ่งใหญ่นี่ อยากจะทำอะไรก็เชิญ แต่ก็ขอให้นึกถึงบาปบุญคุณโทษไว้บ้าง คุณยายทาฮิร่าเพิ่งจะบอกพี่ว่า เรากำลังมีเคราะห์หนัก”
แนนนี่นิ่งอึ้งไป นัยน์ตาฉายแววหวั่นไหว ด้วยความหวาดกลัว ขึ้นมาแว่บหนึ่ง
“พี่จะไป ซาวน์ วอร์ด (Sound ward) แล้ว ข้องใจอะไร เย็นนี้ค่อยคุยกัน”
แนนนี่เม้มปาก สีหน้าแววตายังดื้อดึง
“แนนนี่” ภวัตเรียกเสียงเคร่ง
แนนนี่ว่าคาถา ประตูเปิดแง้มออกเอง ภวัตค่อยๆ ผลักประตูอย่างลังเล แต่แล้วก็ถอนใจอย่างโล่งอก เพราะภายนอกห้อง กลับสู่ภาวะปกติ ภวัตเดินออกไป ขณะที่แนนนี่มองตามหน้างอ
ทางด้านปีเตอร์ครึ่งนั่งครึ่งนอนบนโซฟา มีหนังสือเรียนกางปิดหน้าอยู่ พรเดินถือถาดวางชามก๋วยเตี๋ยวเนื้อสดเข้ามา พรส่งเสียงมาก่อน
“มาแล้วค่ะ คุณปีเตอร์”
ปีเตอร์ค่อยๆ ดึงหนังสือออกจากหน้า นัยน์ตาคู่นั้นของปีเตอร์มีแต่ตาขาว พรกรีดร้องลั่น ชามก๋วยเตี๋ยวในมือตกแตกกระจาย พรตัวสั่นเทา แล้วทรุดลงพนมมือไหว้ มือก็สั่นเทาเช่นกัน
“กลัวแล้วจ้า ลูกช้างกลัวแล้ว อย่ามาหลอกหลอนลูกช้างเลย”
“นั่นอะไรกัน” เสียงธานีตะโกนถามขึ้นมา
พรล้มลุกคลุกคลานรีบถลาไปหาธานีซึ่งลงบันไดมา เพราะได้ยินเสียงกรีดร้อง
“คุณธานี ช่วยพี่พรด้วยค่ะ”
ปีเตอร์ลุกขึ้น นัยน์ตากลับเป็นปกติ
ผาดเองก็เดินแกมวิ่งเข้ามา ถามขึ้นเพราะตกใจเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้น ร้องซะตกอกตกใจไปหมด”
พรค่อยๆ หันไปมองปีเตอร์ด้วยสีหน้าหวาดกลัวสุดๆ
“ทำไมพี่พรมองผมยังงั้นล่ะฮะ!” ธานีถาม
“เมื่อ ... เมื่อ ...กี้ ... คุณปี ....ปีเตอร์ ..มี....มี...แต่ตาขาว” พรระล่ำระลัก
“เฮ้ย ! พี่พรพูดซะขนลุกเลย” ปีเตอร์แย้ง เหมือนว่าพรตาฝาดไปเอง
“พี่พรคงตาฝาด” ธานีว่า
“มะ....มะ....ไม่....ไม่ฝาดค่ะ...พี่พรยืนยัน”
“อะไรก็ไม่รู้....รีบเก็บล้างทำความสะอาดซะ” ผาดบอก
พรรีบออกไปจากที่นั้นอย่างรวดเร็ว
“ต้องขอประทานโทษด้วยนะคะ คุณปีเตอร์” ผาดขอโทษขอโพย
“ไม่เป็นไรครับ คนเราตาฝาดกันได้”
ผาดเดินกลับเข้าไป
“แนนนี่ล่ะ” ธานีแปลกใจที่เห็นปีเตอร์อยู่คนเดียว
“เห็นบอกว่าท้องเสียครับ ขึ้นไปสักพักใหญ่แล้ว ยังไม่ลงมาเลย”
“พี่ไปดูให้”
ธานีเดินกลับขึ้นไป ปีเตอร์ทรุดตัวลงนั่ง กลอกตาไปมา นัยน์ตาแฝงรอยยิ้มเยาะ

ธานีเคาะประตูหน้าห้องเรียกน้องสาว
“แนนนี่ แนนนี่”
ชิกเก้นชูคอขึ้นพอได้ยินเสียงเรียก
“เอาละซี”
“แนนนี่” เสียงธานีเรียกอีก
“ขา! พี่ธานีเรียกแนนนี่ทำไมคะ” ชิกเก้นตัดสินใจดัดเสียงแอ๊บหญิงเป็นแนนนี่
“ปีเตอร์เขารออยู่”
“ก็ให้เขารอต่อไปซิคะ...ล้อเล่นค่ะ เดี๋ยวแนนนี่จะลงไป”
“เร็วๆ เข้าล่ะ”
“ค่ะ! พี่ธานี”
ธานีเดินกลับเข้าห้อง
“โธ่เอ๊ย ! แนนนี่ ! เมื่อไหร่จะมาซักกะที อะไรๆ ก็ให้ชิกเก้นคอยรับหน้า” ชิกเก้นบ่นเป็นหมีกินผึ้ง

พรน้ำตาไหลพรากด้วยความตกใจกลัว
“ชั้นเห็นจริงๆ นะพี่ ตาขาวไม่มีตาดำเลย!”
“ออกไปเก็บกวาดเช็ดถูได้แล้ว” ผาดบอก
“ชั้นกลัว พี่ไปเป็นเพื่อนหน่อยซี่”
“แกนี้ชักจะบ้าใหญ่แล้ว” ผาดระอาใจ
“ใครเห็นอย่างที่ชั้นเห็น ก็ต้องบ้าทุกคนนั่นแหละ นะ พี่ผาด ไปกับชั้นหน่อย”
“เออ...เออ! จะได้เสร็จๆ” ผาดฉุน และรำคาญพรเต็มทน

ชิกเก้นเดินกลับไปกลับมาอย่างร้อนใจ
“เฮ้อ...แนนนี่ๆๆๆๆ เมื่อไหร่จะมาซักที”
สักพักหนึ่งแนนนี่ก็ปรากฏตัวขึ้น เหงื่อแตกพลั่ก
“ค่อยยังชั่ว”
แนนนี่เดินมานั่ง ปาดเหงื่อ
“อ้าว! นั่นเป็นอะไรล่ะ เหงื่อกาฬแตกพลั่กทีเดียวเชียว” ชิกเก้นถามอย่างแปลกใจ
“ไม่รู้ซิ.. แนนนี่พยายามตั้งนานกว่าจะกลับมาได้ พอมาถึงก็เหนื่อยมาก” แนนนี่ว่า
“ตายแล้ว พลังของแนนนี่กำลังจะหมดไป เวรก๊ำ ... เวรกรรม” ชิกเก้นตกใจ
แนนนี่พลอยตกใจไปด้วย
“จริงเหรอ ชิคเก้น แล้วแนนนี่จะทำยังไงดี”
“ทำอะไรไม่ได้หรอก นอกจากจะปล่อยให้มันเป็นไป ตอนนี้ออกไปติวข้อสอบกับปีเตอร์ก่อน ปล่อยให้เขารอตั้งนานแล้ว”
แนนนี่พยักหน้า แล้วเดินออกไป

พรกำลังทำความสะอาดพื้นห้องรับแขก โดยมีผาดคอยช่วย ระหว่างนั้นพรก้มหน้าก้มตาตลอดไม่กล้ามองสบตาปีเตอร์ปีเตอร์อ่านหนังสือเรียนไปเรื่อยๆ ไม่นานหลังจากนั้นแนนนี่ก็เดินตัวปลิวลงมา
“ปีเตอร์ ขอโทษทีนะจ๊ะที่แนนนี่ลงมาช้า”
“ไม่เป็นไร ปีเตอร์รอแนนนี่ได้เสมอ”
“น้าผาด พี่พร นั่นทำอะไรกันจ๊ะ” แนนนี่ร้องทัก
“ก็แม่พรน่ะซีคะ ทำชามก๋วยเตี๋ยวตกกระจาย คุณปีเตอร์เลยอดทานเลย” ผาดรายงาน
“ไม่เป็นไรอีกเช่นกัน” ปีเตอร์บอก
“อ้าว! ปีเตอร์หิวแย่”
“ก็...นิดหน่อย”
“เอางี้! แนนนี่พาปีเตอร์ไปเลี้ยงดีกว่า” แนนนี่ออกไอเดีย
“อย่าเลย เสียเวลาดูหนังสือ” ปีเตอร์ว่า
“เฮ่ย! ไม่เป็นไร แนนนี่ไม่ซีเรียสอยู่แล้ว ไป๊!”
แนนนี่พูดแล้วเดินนำ ปีเตอร์ตามออกไปติดๆ กัน
พรเงยหน้ามองตามอย่างกังวล พอคล้อยหลังสองคน พรรีบกระซิบผาด
“พี่...”
“อยู่กันแค่นี้ทำไมต้องกระซิบกระซาบด้วย” ผาดเอ็ดเอา
“ฉันเป็นห่วงคุณแนนนี่” พรน้ำเสียงซีเรียส
“ฉันกลับมองว่า ทุกคนที่อยู่ใกล้กับคุณแนนนี่น่าเป็นห่วงมากกว่า” ผาดส่ายหน้า
“ฉันไปบอกคุณธานีก็ได้”
พรพูดแล้วลุกขึ้นเดินไปทันที มิวายผาดตะโกนเรียกไว้ ก็ไม่เหลียวหลัง
“เฮ้ย! พร มาช่วยกันก่อน”

ทั้งสองคนยืนคุยกันอยู่หน้าห้อง จังหวะหนึ่งธานีถอนใจ
“ผมกำลังทำงานอยู่นะพี่พร ไม่มีเวลามาฟังเรื่องเหลวไหล”
“โธ่ ! คุณธานีขา พี่พรเคยเอาเรื่องเหลวไหลไร้สาระมาพูดหรือคะ พี่พรเห็นจริงๆ” พรย้ำ
“ปีเตอร์อาจจะล้อพี่พรเล่นก็ได้” ธานีพูดจริงจัง
พรถอนใจเฮือก สีหน้าท่าทางอัดอั้นตันใจ ธานีเดินมาโอบไหล่พรเป็นเชิงปลอบ
“ผมรู้ว่าพี่พรหวังดี แล้วก็เป็นห่วงแนนนี่มาก แต่เชื่อเถอะที่พี่พรเห็นน่ะ มันเป็นไปไม่ได้”
“คุณธานีแน่ใจหรือคะ” พรชักลังเลไม่แน่ใจความคิดตัวเอง
“ยิ่งกว่าแน่อีกครับ พี่พรสบายใจได้”

พรพยักหน้าแล้วเดินย้อนกลับไป ในขณะที่ธานีส่ายหน้า แล้วปิดประตู










Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2555 10:28:08 น.
Counter : 1220 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]