All Blog
อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 17


ภวัตนั่งกลุ้มกุมขมับ เครียดหนักเรื่องแนนนี่ อยู่ภายในสวนหย่อมหลังบ้านตัวเอง ธานีกับรัดเกล้านั่งอยู่ด้วยกัน มองด้วยความเป็นห่วง

“ยัยแนนนี่ก็เหลือเกิน...ถูกตามใจซะจนเสียเด็ก พี่ภวัตอย่าไปกลุ้มให้เปลืองสมองเลยค่ะ เปล่าประโยชน์” รัดเกล้าเอ่ยขึ้น
“นิสัยของแนนนี่คงสุดที่จะปฏิสังขรณ์แล้วจริงๆ” ธานีว่า หน้าเครียด
ระหว่างนั้น ดารกายกถาดน้ำกระเจี๊ยบเข้ามาเสิร์ฟ
“น้ำกระเจี๊ยบเย็นๆ มาแล้วค่ะ น้องดาทำเองกับมือเลยนะคะ”
“แหม... น้องดาเนี่ย ช่างเป็นกุลสตรี แม่ศรีเรือนซะจริงๆ” รัดเกล้าชมออกหน้าออกตา
“เป็นที่น่าอิจช้า...น่าอิจฉาของทอมบางคน” ธานีเอ่ยขึ้น เหลือบตามองรัดเกล้า
รัดเกล้าตาลุก ทำท่าปั้นปึ่งใส่ธานีตามปกติของคู่ปรับคู่นี้ รัดเกล้าคิดในใจ แบบเล่นฉันอีกแล้วตานี่ จึงแกล้งทำแก้วกระเจี๊ยบลื่นมือ ลอยสูง พยายามเอามือไล่คว้า แก้วน้ำกระเจี๊ยบราดรดธานีตั้งแต่ศีรษะลงไปทั้งตัว
“ ว้ายๆๆๆๆ” รัดเกล้าแกล้งร้องตกใจที่เห็นน้ำกระเจี๊ยบหกรดธานี แต่แอบหัวเราะอย่างสะใจ
ธานีถูกน้ำกระเจี๊ยบหกรดทั้งตัว บ่นอุบ “เฮ้ยๆๆๆๆๆ หมดเลย หมดกัน”
พอรัดเกล้าจะหนี ธานีดึงหางม้าผมเปียไว้ รัดเกล้าหน้าหงาย
“นึกว่าจะหนีพ้นเหรอยัยทอมแสบ”
“ว้าย” รัดเกล้าถูกดึงหางเปียจนหน้าหงายตกใจร้องลั่น
ธานีลากผม ดึงร่างรัดเกล้าออกไป แต่ก่อนไปธานีหันกลับมามองภวัตกับดารกาแวบหนึ่ง

ดารกาวางแก้วน้ำกระเจี๊ยบตรงหน้าภวัต แต่ภวัตไม่สนใจ
“วันนี้ พี่ภวัตดูเพลียๆ ลองดื่มน้ำกระเจี๊ยบดูสักนิด ช่วยบรรเทาความอ่อนเพลียได้ค่ะ”
ภวัตยังเงียบเหมือนไม่ได้ยินอะไร ดารกาตาวาววับ แต่แอ๊บทำเป็นเรียบร้อยใสซื่อ

อีกมุมไม่ไกลจากบริเวณนั้น ธานีลากรัดเกล้าไปทางห้องน้ำในบ้าน เดินไปพูดไป
“มานี่เลยยัยตัวดี แกล้งฉันแล้วจะชิ่งหนีน่ะไม่มีวันซะละ มาล้างตัวให้ฉันเลย”
รัดเกล้าได้ยินถึงกับตาเหลือก “ห๊ะ”
รัดเกล้ามองธานีซึ่งน้ำกระเจี๊ยบเลอะแทบทั้งตัว ทั่วทั้งเสื้อและกางเกง
“ม้ายยยย...ไม่...ไม่มีทาง”
ธานีมีท่าทีขึงขังจริงจังขึ้น ดึงรัดเกล้าหลบมาแอบดูภวัตกับดารกา
“มานี่ก่อน”
ธานีมองจ้องไปที่ ภวัตกับดารกานั่งอยู่ รัดเกล้ามองตาม

ภวัตยังเอาแต่นิ่งเงียบ จนดารกาถามขึ้น
“เรื่องแนนนี่อีกแล้วใช่ไหมคะ?”
ภวัตนิ่ง
“น้องดาเข้าใจค่ะ ว่าแนนนี่สร้างเรื่องปวดเศียรเวียนเกล้าให้พี่ภวัตไม่หยุดหย่อน แต่ที่จริงแล้วแนนนี่ออกจะน่า
สงสาร” ดารกาเริ่มเล่นบทแสนดีทันที
“น่าสงสารยังไง น่าโมโหล่ะไม่ว่า”
“คนที่เอาแต่ใจ และชอบใช้อารมณ์ แท้จริงแล้วเป็นเพราะเขา ขาดการยอมรับ เพราะความรู้สึกขาดนี่เอง ที่ทำให้เขาพยายามเรียกร้องความสนใจจากคนอื่น ด้วยความไร้เหตุผลของตนเอง”
ธานีกับรัดเกล้าได้ยินที่ทั้งคู่คุยกัน
“ยัยดาเข้าใจแนนนี่ดีขนาดนี้ แนนนี่ยังไม่เห็นความดีของพี่สาวอีก เฮ้อ”
รัดเกล้าเหล่มอง ด้วยท่าทีเขม่น “เป็นพี่ชายประสาอะไรล่ะ มีน้องสาวแค่สองคนแต่ไม่มีปัญญาให้น้องปรองดองกัน”
“หยุด! ไม่งั้นจะไปให้ล้างน้ำกระเจี๊ยบเดี๋ยวนี้เลย” ธานีขู่
“เชอะ รอไปเหอะ หมามีเขา เต่ามีหนวดโน่นแหละ”
ธานี ลากรัดเกล้าไป “งั้นมาเลย”
รัดเกล้าลุกพรวดจะหนีมองไปทางภวัต จะตะโกนให้ช่วย “พี่ภวัต...อุ๊บ”
ธานีรู้ทัน รีบเอามือปิดปากลากกลับที่

ส่วนภวัตยังนั่งนิ่งฟังดารกาแสดงความแสนดี เป็นพี่สาวที่น่ารักของแนนนี่ต่อไป
“น้องดารักน้องแนนนี่คะ และอยากให้ทุกคนรักน้องแนนนี่เหมือนที่น้องดารัก เรามาช่วยกันเติมเต็มสิ่งที่ขาดในใจของน้องแนนนี่กันเถอะนะคะ ถือว่าน้องดาขอร้อง...”
“แต่เรื่องแนนนี่เกเรพี่คงต้องเรียนให้คุณน้าปัทมนทราบ...ไม่อย่างนั้นแนนนี่จะยิ่งได้ใจ นึกอยากจะทำอะไรใครก็ทำ”
สีหน้าภวัตขณะพูดจริงจังและขึงขัง
ดารกาลอบยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก ที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน โดยไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในสายตาธานี
ธานีสะดุดตาสีหน้าของดารกา รัดเกล้าอาศัยจังหวะนั้นแอบหนีไป ด้วยหน้าตาระรื่นชอบใจที่หนีได้
รัดเกล้าหันมาส่งจูบให้ธานี พูดเสียงเบา “ไปหละคุณพี่ เชิญแอบฟังเขาให้พอเล้ย... บาย”
ธานีไม่สนใจรัดเกล้าแม้แต่น้อย เพราะมัวฉงนกับสีหน้าของดารกา พึมพำออกมา
“ยัยดา ทำหน้าตาร้ายเป็นด้วยเหรอ ไม่เข้ากับเรื่องดีๆ ที่พูดอยู่เลย”
ธานีฉงน แต่ก็ไม่ติดค้างมากมาย เพราะไม่เคยคิดว่าน้องสาวแสนดีจะร้าย แล้วนึกได้หันหา รัดเกล้าไม่อยู่แล้ว
“อ้าว ยัยทอมแสบเอ๊ย...กลัวต้องอาบน้ำให้ฉันขนาดนี้เลยเหรอ” ธานีหัวเราะขำๆ

ค่ำคืนนั้น แนนนี่กำลังนอนหลับตามีหูฟัง เปิดฟังเพลงดังลั่นระบายอารมณ์ ดารกาเข้าห้องมา หยุดมองในท่ากอดอก
“แนนนี่”
แนนนี่ยังคงนอนกระดิกเท้าท่าเดิม ไม่ได้ยิน
ดารกาเรียกเสียงดังขึ้น “แนนนี่”
แนนนี่ยังคงนอนกระดิกเท้าท่าเดิม เพราะไม่ได้ยิน
ดารกาชักยั๊ว เข้าไปดึงหูฟัง ที่ครอบหูแนนนี่ออก ได้ผลคราวนี้แนนนี่ลุกพรวดขึ้น
“นึกว่าใคร ที่แท้ก็พี่สาวจอมจุ้นจ้านนี่เอง บุกมาถึงห้องแนนนี่ จะเข้ามาค้นอะไรอีกล่ะ”
“เปล่า...พี่แค่มาตาม คุณแม่ให้เธอไปพบที่ห้องพระ”
“พี่ดาไปฟ้องอะไรคุณแม่”
“พี่เปล่านะจ๊ะ...พี่ไม่อยากเอาเรื่องของเธอ ไปรบกวนคุณแม่ให้ท่านไม่สบายใจ”
ดารกายิ้มเหมือนจะปรารถนาดี แต่ที่จริงแล้วสมน้ำหน้ามัน แนนนี่สัมผัสได้ และรู้สึกหวาดระแวงดารกาขึ้นมา

ปัทมนกราบไหว้พระหน้าโต๊ะหมู่บูชา เตรียมสวดมนตร์ก่อนเข้านอน เช่นทุกคืน ควันธูปลอยอ้อยอิ่ง
เสียงเคาะ ก๊อกๆๆๆ ดังขึ้นหน้าประตู
“แม่คะ... แนนนี่เองค่ะ”
“เข้ามาได้”
แนนนี่เปิดประตูเข้ามานั่งในห้องพระ นั่งพับเพียบเรียบร้อย สงบเสงี่ยม
“คุณภวัตเล่าให้แม่ฟัง เรื่องที่ลูกแกล้งหนูบุษ”
“งานเข้าแล้วไง”
“ลูกทำอย่างนั้นจริงหรือเปล่า”
แนนนี่ส่ายหน้าปฏิเสธหงึกๆ
“มุสาต่อหน้าพระ บาปหนักนะ” ปัทมนว่า
แนนนี่เหลือบมองพระ แบบกลัวๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ก็นี้ดสสสสส...นึง”
“ไม่ทำได้มั้ย” ปัทมนขอร้อง
“ก็เขาอยากสนิทกับพี่ภวัตทำไม แนนนี่ยอมไม่ได้หรอก หัวเด็ดตีนขาดยังไง แนนนี่ก็ไม่ยอม”
ปัทมนโคลงศีรษะอย่างเหนื่อยใจ “มีสิทธิ์อะไรที่จะไม่ยอม”
“ก็พี่ภวัตเป็นของแนนนี่…แนนนี่เป็นเจ้าของพี่ภวัตจริงๆ นะคะ...คุณแม่”
“เป็นผู้หญิงยิงเรือ น่าอายนะ ที่พูดเหลวไหลอย่างนี้” ปัทมนดุอยู่ในที
แนนนี่หน้ามุ่ย ถูกแม่ดุ
“ภวัตจะเป็นของใคร พี่เค้าเป็นคนเลือก” ปัทมนพูดเสียงจริงจัง
“ห้ามเลือก!!!”
“แนะ! ยังพูดเหลวไหลอีก... แนนนี่... ถ้าแม่ห้าม...ห้ามไม่ให้ลูกทำใครเดือดร้อนอีก... ลูกจะเชื่อแม่มั้ย”
“ค่ะ... แนนนี่จะพยายาม”
ปั่ทดึงร่างแนนนี่เข้ามากอด ปลอบหลังจากที่ดุ
“ลูกจะเป็นใคร จะพิเศษอย่างไรก็ตาม ในสายตาแม่ ลูกก็คือลูก แม่รักและเป็นห่วงลูกของแม่เสมอ”
“แม่ขา... แนนนี่ก็อยากเป็นคนดีให้แม่ชื่นใจ แต่พอเจอสิ่งยั่วยุ แนนนี่จะทนไม่ไหวค่ะแม่”
“ต้องทนให้ไหว ลูกต้องผ่านสิ่งยั่วยุให้ตบะแตกไปให้ได้ แม่เชื่อ...ว่าแนนนี่ต้องทำได้”
“ค่ะ... แนนนี่สัญญาว่าจะต้องทำให้ได้”
ปัทมนหอมแก้มแนนนี่อย่างทะนุถนอม

ประตูห้องพระเปิดแง้มอยู่ ดารกาแอบมองผ่านเข้าไปตรงช่องที่เปิดแง้มอยู่ เห็นปัทกอดแนนนี่ด้วยความรัก
สีหน้าแววตาของดารกายิ่งเพิ่มความชิงชังขึ้นในหัวใจ
รังสีอำมหิตแห่งความเกลียดชังแผ่ออกมาจากตัวดารกา แต่สักครู่ดารกาก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อนอย่างมาก เหมือนมีไฟเผาผลาญผิวกาย
ดารกาปวดแสบปวดร้อนมากๆ แทบผิวจะพอง “โอ๊ะ อะไรกันนี่ ทำไมปวดแสบปวดร้อน ร้อนอย่างนี้”
จังหวะนั้นดารกามองไปในห้อง เห็นรังสีสีทองเรืองรองสว่างจ้ารอบองค์พระพุทธรูป
ดารกาทรุดตัวนั่งลงกราบพระ ความร้อนที่แผดเผากายหายไปทันที ดารกาเงยหน้าขึ้นมามอง รังสียังเรืองเจิดจรัสรอบองค์พระพุทธรูป ดารกาจ้องที่พระพักตร์พระพุทธรูป สัมผัสได้ถึงความเมตตาในใบหน้านั้น
แวว ตาดารกาเรื่อๆ เหมือนเริ่มรู้สึกผิดชอบชั่วดี ดารกาพึมพำกับตัวเอง
“เมตตาลูกด้วย ลูกอยากมีชีวิตที่ดีเหมือนคนอื่นเขา ลูกไม่ผิดใช่ไหมคะ”
สีพระพักตร์พระพุทธรูป ยังดูเรืองรองไปด้วยแสงทองสว่างจ้า แสงนั้นอ่อนฟุ้งกระจายรู้สึกได้ถึงความมีเมตตาที่แผ่มาถึงดารกา

คืนเดียวกันนั้น บาบาร่ากำลังปรุงยาในหม้อใบใหญ่ที่เดือดปุดๆ ได้ที่ บาบาร่าเอางูพิษตัวเขื่องใส่ลงไปในหม้อ ตามด้วยตะขาบ แมงป่อง แมงมุมพิษ ฯลฯ
ไทเกอร์กระโดดผลุง มาชะโงกหน้าดูใกล้ๆ
“ทำอะไรน่ะ คุณยายบาบาร่า เห็นแล้วน่าเสียวไส้.... อึ๊ยยยย”
“กวนอาหารแมวให้แกกินมั้ง ถามได้....เห็นๆ อยู่ว่าฉันกำลังปรุงน้ำยาสารพัดพิษ”
“โอ ! แม่มดมหาภัยปรุงน้ำยาสารพัดพิษ มันจะออกฤทธิ์ร้ายกาจสักแค่ไหนหนอ” ไทเกอร์ตั้งสมมติฐานแกมประชด
“ถ้าอยากรู้....ฉันจะมอบเกียรติ ให้แกทดลองกิน ประเดิมเป็นตัวแรก เอามั้ย...” บาบาร่าว่า
“No Way !!! ไทเกอร์ขอสละสิทธิ์”
“หากคำพยากรณ์เรื่องอสูรทำลายล้างเมืองเวทมนตร์เป็นจริง อีกไม่กี่ทิวาราตรี ก็จะครบกำหนดตามคำทำนายแล้ว ฉันต้องหาทางตัดไฟ เสียแต่ต้นลม”
สีหน้าแววตาบาบาร่าขณะพูดเป็นประกาย

ดึกสงัดสดับนั่งสวดคาถาพึมพำอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชาภายในบ้าน ออกเสียงสูงๆ ต่ำๆ บรรยากาศวังเวงและน่ากลัว
จู่ๆ ที่ด้านนอก ก็มีลมพายุพัดครืนๆ ฟ้าแลบแปลบปลาบ แต่ไม่มีฝนตก มาลีแอบดูสดับ แล้วแปลกใจ บ่นพึมพำ
“ไอ้นี่ ท่าจะบ้า... นั่งสวดคาถาอะไรของมันทั้งวันทั้งคืน เสียงก็สูงๆต่ำๆ น่ากลัวพิลึก ไม่รู้จะปลุกผีห่าซาตานตนไหนขึ้นมาอีก”
มาลีหันไปเจอใบหน้าอสูรเต็มขั้นยื่นหน้า ออกมาจากด้านข้างของมาลี
อสูรสดับตวาดเสียงเขียว “ปลุกข้านี่แหละ ฮ่าๆๆๆๆ”
“ผี !!!! อ๊าย...”
มาลีกรี๊ดลั่น ตกใจจนช็อก หมดสติไป
ร่างอสูรร้ายหายวับไป มีเพียงร่างของสดับที่ยังคงสวดคาถานั่งนิ่งอยู่อย่างเดิม

เวลาเดียวกันดารกานั่งหวีผม จ้องมองเงาตัวเองหน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง
ดารกาพึมพำเบาๆ “ทำไมใครๆถึงได้รุมรักแต่นังแนนนี่ ทั้งๆ ที่ฉันสวยกว่า เก่งกว่า เหนือกว่ามันตั้งหลายขุม”
จู่ๆ ดารกาก็หักหวีดังเป๊าะ แล้วเขวี้ยงลงพื้น ทันใดนั้น หลอดไฟในห้องก็กะพริบ 2-3 ที ก่อนดับวูบลง
ดารกาหันมองอย่างประหลาดใจ
“เหอๆๆๆๆ” เสียงอสูรสดับหัวเราะเย็นยะเยือก นำเสียงยานคาง ดังแว่วมา
ที่กระจกเบื้องหน้าดารกา ปรากฏใบหน้าอสูรลอยออกมา
“เจ้าทำดีมาก ลูกพ่อ”
ดารกางง ไม่สะทกสะท้าน “ฉันทำอะไร”
“พลังอสูรจะกล้าแข็ง ก็ต่อเมื่อเจ้าจมดิ่งสู่ด้านมืดของจิตใจ ความโกรธ เกลียด เคียดแค้น ชิงชัง จะครอบงำชะตากรรมของเจ้าตลอดไป และกลืนกินเจ้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับอสูร”
“แกพูดเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ”
“อย่าแกล้งโง่นักเลย!!! จงดูสารรูปของเจ้าตอนนี้สิ” อสูรร้ายน้ำเสียงพึงพอใจเป็นอย่างมาก
ดารกามองหน้าตัวเองในกระจก เห็นเงาตัวเอง เริ่มมีรังสีอำมหิตสีดำเปล่งออกมาโดยรอบ
ดารกาตกตะลึง ยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าตนเอง
“เวลานี้ เจ้าเข้าใกล้ความเป็นอสูรเข้าไปทุกที.... ทุกที...รอเวลาที่อสูรน้อยอย่างเจ้า จะกลายเป็นจอมอสูรเท่านั้น ฮ่าๆๆๆ” อสูรร้ายชอบอกชอบใจ
“ฉันไม่อยากเป็นอสูรร้าย ไม่อยากให้พี่ภวัตรังเกียจฉัน”
“ฮ่าๆๆๆ คิดดูให้ดี รอบๆตัวเจ้า มีใครบ้างล่ะที่รักเจ้า” อสูรสดับพูดแทงใจดำ
ดารการ้องไห้โฮออกมา โดนใจอย่างจัง
“ไม่มีเลย...จะมีก็แต่พ่อเพียงผู้เดียวเท่านั้น ที่ปรารถนาดีต่อเจ้าเสมอมา” อสูรบิ้วท์ดารกาต่อเนื่อง
“แล้ว... ฉันต้องจะทำอย่างไร พี่ภวัตถึงจะหันมามองฉัน รักฉัน...เหมือนที่รักนังแนนนี่” ดารกาบอก
“ยอมรับสายเลือดอสูรของข้า แล้วข้าจะช่วยเจ้า !!! ฮ่าๆๆ”
ดารกาครุ่นคิด เหมือนกำลังตัดสินใจบางอย่าง

บรรยากาศยามเช้าภายในตลาดสดแห่งนั้น เสียงการซื้อขายต่อรองราคา ดังจอกแจกจอแจ ตามปกติเช่นวันก่อนๆ
มาลีอยู่ในสภาพผมบนหัวชี้ตั้งเด่ ฟูไม่เป็นทรง เนื่องจากโดนผีหลอกเมื่อคืน และกำลังนั่งทุบหัวปลาปั๊กๆ ทำปลาตามที่ลูกค้าสั่ง ครู่เดียวมาลีก็ยื่นถุงปลาช่อนส่งให้ลูกค้า
“อ่ะ ของป้า หกสิบ”
ลูกค้ายื่นแบงก์ให้รับถุงปลา แต่อดไม่ได้ที่จะทักเรื่องทรงผม
“ไปทำผมร้านไหนมาจ๊ะ แม่มาลี”
“ทำเทิมที่ไหนกัน ฉันถูกผีหลอก”
ลูกค้าอีกสองคนที่รอรับปลาอยู่ ยกมือทาบอก “ผี” ก่อนจะถามต่อ
“แล้วได้ขอเลขหรือเปล่า ว่างวดนี้ออกอะไร”
“ไม่ทันขอ เป็นลมซะก่อน”
“แหม... อุตส่าห์โดนผีหลอกทั้งที เสียเที่ยวจริงเลย” ลูกค้าบ่น
มาลียกมือท่วมหัว
“สา....ธู้... ! ขอให้ไอ้ผีที่มันหลอกหลอนฉันเมื่อคืน มันตามไปให้เลขเด็ดพวกป้าๆ ถึงที่บ้านคืนนี้ทีเท้อ”
ลูกค้าปากดีสองคนเห็นแล้ว รู้สึกหวาดหวั่น ร้อนๆ หนาวๆ ชวนกันเปิดแนบไปทันที
มาลีเท้าสะเอว เบ้ปากล่ส่ง “อีโธ่..นึกว่าจะแน่ เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกะนังมาลี”

ระหว่างนั้นดารกาใส่แว่นดำพรางใบหน้า เดินเข้ามา มาลีไม่ทันมองเต็มๆ ตา ก็สาธยายขายของยาวเหยียด
“รับปลาอะไรดีคะ ปลาช่อน ปลาดุก ปลาสวายก็มีจะเอาตัวไหน ชี้เลยจ้ะ เดี๋ยวชั้นทุบหัวให้ คุณจะได้ไม่บาป”
ดารกาถอดแว่นดำออก มาลีเงยหน้ามองเห็นดารกา ชัดๆ แล้วตกใจ เพราะคาดไม่ถึง
“คุณหนู”
ดารกายิ้มให้มาลีอย่างอ่อนหวาน

ด้านบาบาร่ายังคงสาละวนอยู่กับการปรุงยามหาสารพัดพิษ และกำลังใช้กระบวยตักน้ำยาสารพัดพิษจากในหม้อกวน ใส่ในจอกเล็กๆ แล้วปิดฝา
“แค่นี้ก็สำเร็จ! หึหึหึ น้ำยาสารพัดพิษเกรดเอ แค่เหยาะใส่อาหารเพียงหยดเดียวเท่านั้น รับรอง..เจ้าอสูรน้อยนั่น ได้
แซบนัวไปถึงชาติหน้า ฮิๆๆๆ” บาบาร่าหัวเราะชอบใจ
“แผนการของคุณยายบาร์ ช่างชั่วช้าสุโค่ยจริงๆ” ไทเกอร์สรรเสริญนายหญิง
“ว่าที่ผู้บริหารดินแดนแห่งเวทมนตร์ ก็ต้องมีวิสัยทัศน์ยาวไกลเป็นของธรรมดา” บาบาร่าคุยโอ่ อวดโอ้สรรพคุณตัวเองต่อ
“แล้วคุณยายจะลงมือเมื่อไหร่ล่ะ แม้วว....” ไทเกอร์เลียอุ้งเท้าตัวเองรอฟังคำตอบ
“วันนี้แหละ”
บาบาร่าผุดยิ้มเหี้ยมเกรียมออกมาทางใบหน้า

เวลาเดียวกันมาลีเดินนำดารกามาตามทางเดินในชุมชนไปยังบ้านตัว
“แล้วคุณหนูนึกยังไง ถึงได้อยากเจอผัวฉันนักล่ะ”
“ฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษาสักหน่อย” ดารกาตอบเสียงเย็น
“โอ๊ย...คนดีๆ น่ะ ไม่มีใครเค้าอยากมีเรื่องกับไอ้สดับมันหรอก เปลืองตัว” มาลีพูดไปตามปาก โดยไม่ทันยั้งคิด
ดารกายั๊วจ้องหน้า “อ้าว ฉันคนไม่ดีงั้นสิ”
“ว้าย เปล่าจ้า...เปล่า ฉันพูดผิดจ้า ฉันผิดเอง” มาลีตบปากตัวเอง “นี่แน่ะๆ”
ดารกาไม่อยากเอาเรื่อง เพราะมีเป้าหมายใหญ่กว่านั้น!

ไม่นานหลังจากนั้น มาลีก็พาดารกามาหยุดที่หน้าห้องทำพิธีของสดับ
“ระยะหลังๆ มานี้ ไอ้สดับ มันเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องนี้แหละ จะปรึกษาหารืออะไรกับมัน ก็เชิญตามสบายเลยนะ ฉันไปก่อนละ”
มาลีรีบผลุนผลันออกไป
ดารกาเอื้อมมือออกไปจะผลักประตู แต่ไม่ทันที่มือจะสัมผัส ประตูก็เปิดแอ๊ด ออกมาเอง คล้ายจะเชื้อเชิญรอคอยอยู่ ดารกาเดินเข้าไปในห้องนั้น

ดารกากวาดสายตามอง เห็นแต่ข้าวของเครื่องใช้ในการประกอบพิธีกรรม แต่ไม่พบสดับ จังหวะเดียวกันนั้นบรรดาสัตว์ร้ายในโหลดองบนโต๊ะเล็ก พากันกลอกตา เหมือนจับตามองดารกาอยู่
“เหม็นชะมัดยาด มีอะไรตายในห้องเนี่ย !!!”
ทันใดนั้น ประตูปิดปัง !!!
ดารกาหันหลังขวับ เห็นประตูปิดเอง และมีเสียงเรียกขึ้น
“ลูกพ่อ...”
ดารกาหันกลับมา ตกใจที่เห็นสดับ ซึ่งเวลานั้นถูกอสูรแฝงร่าง ยืนอยู่ตรงหน้า
“พ่อนึกแล้ว ว่าเจ้าต้องมา”
“ฉันยอมรับข้อเสนอของแก”

อสูรสดับแสยะยิ้ม ตาลุกวาว













Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2555 2:15:16 น.
Counter : 663 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]