All Blog
อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 15 (ต่อ)


ดารกาเดินเข้ามาในบ้านภวัต แล้วเหลียวมองหา เห็นจักรวาลกำลังนั่งดูที.วี อยู่หันมามอง

“มาหายัยเกล้าเหรอน้องดา”
“มาหาพี่ภวัตน่ะค่ะ พอดีน้องดาเห็นแนนนี่ร้องไห้ ก็เลยเดาเอาว่า คงจะถูกพี่ภวัตดุ น้องดาสงสารน้อง” ดารกาตีหน้าเศร้า
“ภวัตขึ้นไปข้างบน...เดี๋ยวลุงขึ้นไปตามให้” จักรวาลขยับตัว
ดารกาทำทีเป็นห้ามไว้ด้วยความเกรงใจ “อุ๊ย ! ไม่ต้องค่ะ...เอาไว้เมื่อไหร่ก็ได้”
“ไม่เป็นไร ลุงจะขึ้นไปเตรียมการสอนพอดี”
ดารกาไหว้ขอบคุณ “ถ้าไม่รบกวนคุณลุง น้องดาก็ขอบคุณมากค่ะ”
จักรวาลยิ้มเดินเข้ามา แล้วจับศรีษะดารกาโยกเบาๆ อย่างเอ็นดู
“หนูนี่เป็นเด็กดีจริงๆ...คุณแม่ต้องภูมิใจในตัวหนูแน่”
ดารกายิ้มแย้มใสซื่อ จักรวาลเดินออกไป

ภวัตกำลังนั่งอ่านวารสารทางการแพทย์ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ภวัตลุกไปเปิด
“น้องดามาหาแน่ะ” จักรวาลยิ้มขณะบอก
“คงจะเรื่องแนนนี่” ภวัตนึกรู้
“แกนี่ชอบทะเลาะกับเด็ก!”
“ผมไม่ได้ทะเลาะ แล้วแนนนี่ก็ร้ายเกินเด็ก” ภวัตบ่น
“นั่นแหละ! เขาเรียกว่าทะเลาะ”
ภวัตเดินออกมา แล้วปิดประตู
“น้องดานี่เป็นเด็กดีจริงๆนะ...เด็กสมัยใหม่ จะหาเรียบร้อย ...อ่อนหวานมีเมตตาอย่างนี้ยาก...แถมยังเรียนเก่ง แล้วก็สวยอีก” ดูเหมือนจักรวาลจะเป็นปลื้มดารกาเอามากๆ
ภวัตยิ้ม แล้วเดินไปที่บันได
“ภวัต!” จักรวาลเรียกไว้
“ครับ” ภวัตหยุดเดินหันกลับมา
“พ่อน่ะคิดว่า แกควรจะรอน้องดา”
ภวัตไม่พูดอะไร ได้แต่ยิ้มแล้วเดินลงไป

ภวัตเดินเข้ามาในห้องรับแขกแล้วทรุดตัวลงนั่ง
“จะมาแก้ตัวให้แนนนี่หรือ” ถามดารกาขึ้นมาอย่างเอ็นดู
ดารกายิ้มแห้งๆ “น้องดาเห็นแนนนี่เสียใจมากน่ะค่ะ เลยสงสารน้อง พี่ภวัตอย่าโกรธแกเลยนะคะ”
“เด็กดื้ออย่างแนนนี่ต้องถูกลงโทษบ้าง”
“แค่นี้แกก็เสียใจมากพอแล้วค่ะ”
“น้องดา! ...ที่แนนนี่เป็นอย่างนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะน้องดาใจอ่อน แนนนี่จะแผลงฤทธิ์ขนาดไหน ก็ไม่เคยถือสา” ภวัตว่า
ดารกาก้มหน้าลงครู่หนึ่ง แล้วเงยขึ้นมานัยน์ตามีน้ำคลอหน่วย
“พี่ภวัตอย่าตำหนิน้องดาเลยค่ะ...น้องดามีพี่ชายคนเดียว แล้วก็มีน้องสาวคนเดียว จะไม่ให้น้องดารักทั้ง 2 คนมากได้ยังไงละค่ะ” ดารกาแสนดีบอกทั้งน้ำตา
ภวัตถอนใจยาว แล้วมองหน้าดารกาเหมือนกังวลบางอย่าง
“พี่ภวัตมองน้องดาอย่างนั้นทำไมคะ” ดารกาแปลกใจ
“ไม่มีอะไร เพียงแต่ว่า...เวลาแนนนี่โมโหหรือโกรธมากๆ ...น้องดาควรจะอยู่ห่างๆ” ภวัตเตือน
ดารกาขยับจะถาม แต่ภวัตชิงพูดขึ้นก่อน
“คือ...พี่เห็นแนนนี่ค่อนข้างจะอารมณ์รุนแรง...เดี๋ยวจะไปกันใหญ่”
“น้องดาจะพยายามค่ะ”
สีหน้าภวัตค่อนข้างจะหนักใจ ด้วยความเป็นห่วงดารกา กลัวแนนนี่ใช้อิทธิฤทธิ์ที่มีทำร้าย

เวลาผ่านไป จากเย็นย่ำ มาถึงยามเช้าอันสดใสของวันถัดมา
ปีเตอร์อยู่ที่ห้องในคอนโด แต่งตัวเสร็จ เตรียมไปมหา’ลัย เดินมาหยิบกุญแจรถ แต่แล้วปีเตอร์มองด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นเป็นกุญแจรถคันใหม่ที่แพงกว่าเดิม
“เฮ้ย! มาได้ไง”
พอดีมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปีเตอร์หยิบขึ้นมากดรับ
“ป๊า!” ปีเตอร์พูดเสียงร้อนรน
“ไง!…รถคันใหม่ถูกใจมั้ย อาปีเตอร์” เสียงป๊ะป๋าดังจากปลายสาย
ปีเตอร์งง “หมายความว่าป๊าซื้อรถคันใหม่ให้ปีเตอร์”
“อ้าว! ก็ลื้อขอนี่หว่า ! ซินแสเคยดูว่าดวงป๊า ลูกยิ่งผลาญเงิน ก็ยิ่งรวยป๊าก็เลยจัดหนักให้เลย!” เสียงป๊ะป๋าคึกอย่างเคย
“ปีเตอร์ไปขอป๊าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ไม่เป็นไร ...ปีเตอร์ก็เบื่อรถคันเก่าจะแย่” ปีเตอร์งงเข้าไปใหญ่ “หม่าม้าจะพูดด้วยนะ”
“อาปีเตอร์! ชุดทับทิมที่ลื้อสั่งน่ะเป็นไง ! …ถูกใจหรือเปล่า” หม่าม้าถามเสียงสดใส
“ชุดทับทิม!” ปีเตอร์งงอีก
“ก็ลื้อบอกจะให้อาแนนนี่ใส่เล่นขำๆไง!…แค่นี้นะ ป๊ากับม้าจะต้องรีบหา เงินให้ลื้อผลาญต่อ”
ปีเตอร์วางโทรศัพท์ลงงงๆ
“ชุดทับทิม!”
ปีเตอร์หันไปมองรอบห้อง... กวาสายตาเลยเรื่อยไปที่บริเวณหัวเตียง เห็นมีกล่องเครื่องประดับวางอยู่
ปีเตอร์เดินไปหยิบมาเปิดดู เห็นในกล่องเป็นเครื่องประดับชุดทับทิมตามที่หม่าม้าบอกจริงๆ
ปีเตอร์เกาหัวแกรกๆ ด้วยความงง “ขอตอนไหน...แต่ก็โอ.เค!”
ปีเตอร์หยิบกล่องทับทิม และโทรศัพท์ พร้อมกุญแจรถเดินออกจากห้องไป

ผู้คนที่อยู่คอนโดฯ กลุ่มหนึ่ง กำลังแตกตื่นฮือฮา พากันชื่นชมรถสวยคันใหม่ที่จอดอยู่ในลานจอดรถ เสียงรีโมทดังขึ้น ทุกคนหันมามอง เห็นปีเตอร์กำลังเดินอาดๆ เข้ามา
“ปีเตอร์! รถสวยจริงๆ” เพื่อนบ้านในคอนโดฯ กล่าวชม
ปีเตอร์ยิ้มกริ่ม ท่าทางมีฟอร์ม เชิดนิดๆ
“ครับ ... ขอโทษนะครับ! ผมต้องรีบไปเรียนแล้ว! เดี๋ยวต้องซื้อดอกกุหลาบไปให้แฟนอีก”
ทุกคนหลีกทางให้ ปีเตอร์ขึ้นรถขับออกไป ทุกคนมองตามตาขวางๆ และจับกลุ่มเม้าท์มอยทันควัน
“ขี้โอ่ชะมัด!” คนหนึ่งว่า
“ขี้เก๊กอีกต่างหาก!” คนสุดท้ายเสริม

ปีเตอร์ซิ่งรถเข้ามาในมหา’ลัย ไม่นานหลังจากนั้น เพื่อน พี่ นักศึกษาในบริเวณนั้นหันมามอง แล้วส่งเสียงฮือฮากับรถคันใหม่
ปีเตอร์จอดรถแล้วก้าวลงมาพร้อมกุหลาบแดงช่อโตดอกใหญ่ในอ้อมอก
“เปลี่ยนรถอีกแล้วเรอะ ปีเตอร์!” เพื่อนคนหนึ่งถาม
ปีเตอร์พยักหน้ารับ “เบื่อคันเก่า นี่อีก 2-3 เดือนก็ว่าจะเปลี่ยนใหม่”
พูดจบปีเตอร์ก็ถือดอกไม้ก้าวเดินออกไป แน่นอนทุกคนมองตาม แล้วสุมหัวนินทาทันที!

ปีเตอร์เดินตรงเข้ามาในกลุ่มแนนนี่ซึ่งกำลังคุยออกรสชาติกับเพื่อนๆ จังหวะนั้นมีเพื่อนคนหนึ่งสะกิดพร้อมกับพูดแซว
“แนนนี่ พระกุมารปีเตอร์หอบกุหลาบมาให้แน่ะ!”
แนนนี่และทุกคนหันไปมอง เห็นปีเตอร์เดินมาคุกเข่าราวกับอัศวิน แล้วยื่นส่งดอกไม้ให้ ในมือยังมีถุงใส่เครื่องประดับมาด้วย
“แหม! พอดีเลย! วันนี้วันเกิดจอย!…แนนนี่ยังไม่ได้ซื้อของขวัญให้จอยเลย ขอบใจนะปีเตอร์”
แนนนี่รับดอกไม้มาแล้วส่งให้จอยหน้าตาเฉย ในขณะที่ปีเตอร์มองหน้าเหวอ
“แฮปปี้ เบิร์ธเดย์นะ จอย”
“ขอบใจจ้ะ!” เพื่อนชื่อจอยชะโงกมองปีเตอร์ซึ่งยังคุกเข่าเหวอๆ อยู่อย่างนั้น “ไม่ว่ากันนะปีเตอร์”
“ว่าได้ไง! ใช่มั้ยปี!” แนนนี่แกล้งถาม
ปีเตอร์ยิ้มแห้งๆ ลุกขึ้น ในมือยังหิ้วถุง
แนนนี่รีบดึงถุงมา “นี่ถุงอะไร”
“เอาไว้เปิดตอนเย็นได้มั้ย! แนนนี่”
“โอเค!”
ปีเตอร์เศร้าแบบดราม่าสุดขีด ทั้งจ๋อยทั้งเซ็ง พูดไม่ออกบอกไม่ถูก

เย็นวันนั้นปัทมนฝ่าการจราจรอันคับคั่งบนถนน จนในที่สุดก็กลับมาถึงบ้าน และกำลังเดินเข้ามาในบ้าน โดยมีพรถือของตามมา ผาดถือถาดแก้วน้ำส้มกับน้ำเปล่ามาให้
“ขอบใจจ้ะ...วันนี้ร้อนจัง...แนนนี่กับน้องดากลับหรือยัง” ปัทมนถามถึงลูกสาวทันที
พรมีสีหน้ากังวลขึ้นมาทันที “คุณดากลับมาแล้วค่ะ แต่คุณแนนนี่ยังไม่กลับ”
“อ้าว! ฉันเห็นรถแนนนี่จอดอยู่”
“เธอโทร. มาบอกให้คนรถไปขับกลับมาก่อนค่ะ...ส่วนเธอกลับกับคุณปีเตอร์”
ได้ยินชื่อปีเตอร์ และรู้เรื่องราวก่อนหน้านี้ ปัทมนถึงสำลักน้ำ พรวด
ผาดตกใจ รีบหยิบทิชชูส่งให้ “นี่ค่ะ”
ปัทมนรับมาท่าทีหงุดหงิดและดูเป็นกังวลเอามาก
“ทำไม ...เฮ้อ! ฉันสั่งห้ามแล้วเชียวนะ”
ปัทมนเดินขึ้นไปข้างบนอย่างรีบร้อน และหงุดหงิดอยู่
“คุณปัทเป็นอะไรน่ะ” ผาดแปลกใจ
“เธอก็ห่วงคุณแนนนี่น่ะซิพี่ผาด...ฉันเองยังใจไม่ดีเลย” พรสยองไม่หายเมื่อถึงวันนั้น
“แกจะว่าคุณปีเตอร์ตากลับน่ะเรอะ” ผาดว่า
พรลุกขึ้น แล้วยกน้ำเดินออกไป ผาดตะโกนไล่มาตามหลัง
“เอาผ้ามาเช็ดด้วยนะ!”

ปัทมนเดินเข้ามาในห้องแนนนี่ แล้วล็อคประตูแน่นหนา ปัทมนเดินมาหยุดตรงกลางห้อง
“คุณยายคะ...คุณยาย ...อยู่แถวนี้หรือเปล่าคะ”
ทว่าทุกอย่างเงียบสนิท
“คุณยาย!”
จังหวะนั้น มีเสียงดังโครมข้างนอก ทางระเบียงนอกห้อง
ปัทมนสะดุ้ง รีบเปิดประตูออกไปที่ระเบียง แต่แล้วปัทมนต้องยกมืออุดปากด้วยความตกใจ
เมื่อห็นว่าคุณยายแม่มด...ทาฮิร่ากำลังเหนี่ยวลูกกรงระเบียงโยนตัวเองขึ้นมา
“ระวังค่ะ คุณยายขา”
ปัทมนรีบไปช่วยดึงขึ้นมา
“เฮ้อ ! ค่อยยังชั่ว ! ...กะระยะผิดไปหน่อยเดียว!”
ปัทมนช่วยประคองพาทาฮิร่าเข้าไปนั่งโซฟาในห้อง
ทาฮิร่าทรุดตัวลงนั่ง “หนูเรียกยายทำไม”
“แนนนี่ค่ะ! แนนนี่ไปกับปีเตอร์อีกแล้ว!” ปัทมนมีน้ำเสียงกังวลอย่างมาก
“หา! แนนนี่ไปกับเปอร์ตี้ ตายล่ะ ทำไมถึงไม่รู้จักหลาบจำบ้าง ! แล้วนี่ไปไหนก็ไม่รู้” ทาฮิร่าแทบช็อก
“จะทำยังไงดีล่ะค่ะ ...หนูละกลุ้มใจเหลือเกิน”
“เดี๋ยว! ขอยายคิดก่อน”
ทาฮิร่าพยายามคิดอย่างหนัก

เวลาเดียวกัน ปีเตอร์ขับรถมาจอดบนถนนสายหนึ่งที่สงบ...ค่อนข้างเงียบ บรรยากาศดูเย็นสบาย
แนนนี่เบือนหน้ามาทางปีเตอร์
“ไหน! ปีเตอร์มีอะไรจะพูดกับแนนนี่”
ปีเตอร์เอื้อมไปหยิบถุงข้างหลังมายื่นส่งให้ “เอ้า...ของขวัญเล็กๆ น้อยจากปีเตอร์”
แนนนี่ยังไม่ยอมรับ พูดเชิดๆ “เนื่องในโอกาส”
“เนื่องในโอกาสที่หมู่นี้เราไม่ค่อยได้พบกัน” ปีเตอร์เสียงเศร้า
“หือ”
“ไม่รู้ซิ! ไม่กี่วันมานี่ ปีเตอร์รู้สึกแปลกๆ เหมือนจะหลับๆ ตื่นๆ”
แนนนี่ยิ้มด้วยความดีใจแล้วตบไหล่ปีเตอร์ดังป๊าบ “...เย้”
“โอ๊ย” ปีเตอร์ร้องลั่น
“ขอต้อนรับกลับโลก ! ปีเตอร์เป็นปกติแล้ว”
ปีเตอร์เหวอ งง “อ้าว! แล้วปีเตอร์เป็นอะไร”
“เป็นเด็กอสูร!” แนนนี่หยิบกล่องออกจากถุง “เป็นอันว่า แนนนี่จะรับของขวัญของปีเตอร์เพื่อฉลองที่แนนนี่ได้เพื่อนกลับมา”
“แค่เพื่อนเหรอ!” ปีเตอร์เสียงอ่อย จ๋อยไป
“หรือจะเป็นศัตรู” แนนนี่ว่า
“โอ.เค! เพื่อนก็เพื่อน ! เปิดดูซิ”
แนนนี่แกะกระดาษห่อออก ปรากฏว่าเป็นกล่องหรู ที่พอแนนนี่เห็นก็รู้ว่าข้างในเป็นเครื่องประดับ
“ปีเตอร์” แนนนี่มองหน้าปีเตอร์
“เปิดดูดี้” ปีเตอร์คะยั้นคะยอ
“แนนนี่ไม่รับของขวัญราคาแพง”
“แพงที่ไหน! ล้านกว่าๆ นิดหน่อยเอง” ปีเตอร์พูดชิลล์ๆ
แนนนี่ส่งคืนให้ “เอาคืนไป”
“แต่แนนนี่สัญญาแล้วว่าจะรับ”
แนนนี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วมองปีเตอร์ด้วยสีหน้าจริงจัง
“ไม่เอาทั้งหมด เอาอย่างเดียวก็ได้...นะ...นะ...Please” ปีเตอร์อ้อนเสียงเศร้าๆ
“เออ ! เออ!”
“เยส ! ปีเตอร์เลือกให้นะ”

ภวัตรู้เรื่องแนนนี่ไปกับปีเตอร์จากทาฮิร่าก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที
“ทำมั้ย ...ทำไมไม่รู้จักเข็ดหลาบ”
“เอ๊ะ! อย่ามาว่าหลานฉันนะ” ทาฮิร่าไม่พอใจ
“ไม่ใช่แค่ว่าหรอกครับ มันน่าจะลงโทษอย่างหนักด้วย” ภวัตโมโหอีกต่างหาก
“หน้อยแน่ะ! นายภวิต” ทาฮิร่าเม้ง
“ภวัต” ภวัตฉุน
“ภวิต” ทาฮิร่าจงใจเรียก
“คุณยายจะมาเถียงเจ้าของชื่อได้ยังไง”
“ก็ได้ยังงี้แหละ!” พาลไม่แพ้หลานสาว
“ถ้าอย่างนั้น ก็เชิญออกจากห้องผมไปได้เลย”
“ไม่! จนกว่าเธอจะช่วยไปตามหาหลานฉัน” ทาฮิร่าต่อรอง
“ขอประทานโทษ! คุณยายเป็นแม่มดนะครับ ส่วนผมเป็นมนุษย์! แม่มดที่ไหนมาขอความช่วยเหลือจากมนุษย์”
“ไม่ว่าอะไรมันก็ต้องมีครั้งแรกทั้งนั้น”
ภวัตทรุดตัวลงนั่งอย่างระอา “แล้วผมจะไปตามที่ไหน แล้วก็ไปได้ยังไง”
“พรมวิเศษไง”
“ไหนล่ะครับ” ภวัตถาม
“เฮ้อ ! พ่อลาโง่! พ่อลาดื้อ!”
ระหว่างนั้นมีเสียงแตรรถดังขึ้นหน้าบ้านแนนนี่ 2 คนสะดุ้ง แล้วลุกเดินไปพร้อมกันที่หน้าต่าง แล้วชะโงกมอง เห็นรถปีเตอร์จอด รอให้ประตูใหญ่หน้าบ้านเปิดให้อยู่
“เฮ้อ” ทาฮิร่าถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ไหนล่ะครับ ที่คุณยายว่าหลานสาวตกอยู่ในอันตราย! นั่งหน้าระรื่นชื่นใจอยู่ข้างอสูรเสียด้วย” ภวัตแขวะแนนนี่เข้าให้
“เธอเห็นเรอะว่า แนนนี่หน้าระรื่น”
“ไม่เห็นแต่เดาได้”
“โธ่เอ๊ย ! นายภวิต”
ภวัตทอดสายตามองไปที่ประตูบ้านที่เปิดอยู่ เห็นปีเตอร์ขับรถพาแนนนี่เข้าไป
“น่าห่วงตายละ”
ภวัตหันมาอีกที แต่ทาฮิร่าหายไปแล้ว...ไปตอนไหนก็ไม่รู้

ปัทมนถอนใจอย่างโล่งอก เดินโผเข้ามาสวมกอดแนนนี่แน่น โดยมีปีเตอร์มองอย่างแปลกใจ
“แนนนี่! ทีหน้าทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะลูก แม่เป็นห่วงจนเกือบจะบ้าตาย”
“แนนนี่ไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ”
ปัทมนเหลือบมองปีเตอร์แว่บหนึ่ง “ไม่เข็ดหรือลูก”
ปีเตอร์พูดแทรกขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “แนนนี่อยู่กับปีเตอร์รับรองว่าปลอดภัยไร้กังวลครับ!”
“แน่ใจหรือจ๊ะ...ปีเตอร์” ปัทมนเสียงซีเรียส
จังหวะนั้นดารกา และธานีเดินลงมา ดารกาทำสงบเสงี่ยมไม่กล้าพูด
“ไปเถลไถลที่ไหนมาฮึ รู้หรือเปล่าว่าทุกคนเค้าเป็นห่วงแทบแย่ มือถือก็ไม่เปิด!” ธานีสวดยับ
“อุ๊ยตายจริง! แนนนี่ลืมไปค่ะ ปิดตอนเข้าห้องเรียนแล้วลืมเปิด” แนนนี่นึกได้
อีกฟากของห้องผาดและพร ผลุบๆโผล่ๆ อยู่มุมหนึ่ง
ปีเตอร์เริ่มผิดสังเกต มองทุกคนอย่างแปลกใจ
“นี่มันอะไรกันครับ...ทำไมทุกคนถึงมองปีเตอร์ราวกับเป็นคนร้าย”
“กลับไปได้แล้ว” ธานีพูดเป็นเชิงไล่
“เฮ้ย! พี่ธานี” แนนนี่อึ้ง
“พี่ธานีไล่ปีเตอร์” ปีเตอร์เองก็งง
ปัทมนเห็นท่าไม่ดีรีบพูดไกล่เกลี่ย “พี่เขาเห็นว่าค่ำแล้ว...ปีเตอร์ควรจะกลับบ้านกลับช่อง...”
“ปีเตอร์อยู่คอนโดฯ ที่แพงที่สุดในประเทศไทยครับ” ปีเตอร์คุยโว
“เออ! นั่นแหละ! ถ้าไม่รีบกลับ เดี๋ยวคอนโดฯหายไม่รู้ด้วย” ธานีเล่นมุกอย่างหมั่นไส้
“คอนโดฯหาย” ปีเตอร์ไม่เก็ตมุกธานี
“เออ! รีบไปซิ”
ปีเตอร์รีบเดินออกไป แนนนี่หัวเราะคิกคัก ตะโกนไล่หลัง
“ขอบใจนะปีเตอร์”
“ไป! แนนนี่! เราต้องคุยกันยาว”
ปัทมนเดินจูงแนนนี่ขึ้นไป ธานีหันมาทางดารกาซึ่งมองตามแนนนี่อย่างเอ็นดู
“เอ้า...ยืนยิ้มอยู่นั่นแหละ...ทำไมไม่คุยกับน้องล่ะ”
“น้องดาไม่กล้าค่ะ...ช่วงนี้แนนนี่ไม่ค่อยชอบน้องดาเลย” ดารกาพูดเสียงเศร้า
“เฮ่ย...ไม่ชอบได้ยังไง...เรามีกันอยู่แค่ 3 คนพี่น้อง”
ธานีพูดพลางโอบไหล่ดารกาด้วยความเอ็นดู

ครู่ต่อมา ปัทมนจูงมือแนนนี่ขึ้นชั้นบน เปิดประตูเข้าไปในห้อง แล้วรีบปิดทันที ขณะที่แนนนี่ถอนใจเฮือกออกมาด้วยความตื่นเต้น เมื่อเห็นทาฮีร่านั่งมองจ้องอยู่ แนนนี่รู้ตัวรีบประจบทันที
“ยายจ๋า...แนนนี่กำลังคิดถึงอยู่เลย”
“ไม่ต้องพูดมาก ! ทำไมไม่จำที่ยายบอกให้ระวังตัว” ทาฮิร่าดุทันที
“แนนนี่จะทำให้แม่หัวใจวายไปถึงไหน! เพิ่งรอดพ้นจากอสูรมาหยกๆ ถึง 2 ครั้ง...ยังจะเอาตัวเข้าไปเสี่ยงอีก” ปัทมนเสริมอีกคน
“รู้ทั้งรู้ปีเตอร์น่ะเป็นสมุนอสูร!” ทาฮิร่าย้ำ
“ไม่ใช่ตอนนี้ค่ะ...แนนนี่ก็รู้ว่าเวลาไหนอสูรจะสิงหรือไม่สิงปีเตอร์” แนนนี่พูดอย่างคึกคะนอง
“อย่าทะนงตน” ทาฮิร่าเอ็ดอีก
คราวนี้แนนนี่หน้าจ๋อย
“อบรมมากๆ เลยค่ะ คุณยาย! แนนนี่ดื้อนัก! ต้องอบรมมากๆ” ปัทมนสัพยอก แต่ยิ้มๆ
“เวรก๊ำ ... เวรกรรม!” ชิกเก้นขอแจม
“เงียบ! ไอ้ชิกเก้น! เวลานี้เป็นเวลาที่ฉันจริงจัง” เลยโดนทาฮิร่าสวด
ชิกเก้นบุ่นงุบงิบในลำคอ เสียงเบามาก “เวรก๊ำ ...เวรกรรม”

ทางด้านดารกาเดินเข้ามาในห้อง จังหวะนั้นมีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ดารกาเดินมาหยิบขึ้นดู แล้วทำหน้านิ่งๆ
“สวัสดีค่ะ”
เป็นไชยนั่นเอง ซึ่งกำลังเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ทำงานด้วยสีหน้าแจ่มใส
“พี่โทร.มา พรุ่งนี้เช้าจะไปรอรับที่มหาวิทยาลัย”
“แต่น้องดาต้องเรียน...” ดารกาปฏิเสธกลายๆ
“เอ๊ย! แล้วพี่จะติวให้เอง” ไชยพูดอย่างหงุดหงิด
“แต่น้องดา ...”
“น้องดาอยากให้พี่บอกคุณแม่น้องดาเรื่องเงิน” ไชยยกเรื่องเงินมาขู่อีก
“ตกลงค่ะ”
“เข้าใจง่ายๆ อย่างนี้ก็ดี”
“ตอนนี้พี่ไชยอยู่ที่ไหนคะ”
“พี่ก็ยังอยู่ที่โรงพยาบาลน่ะซี ถามทำไม....จะมาหาหรือ”
“แล้วพบกัน ค่ะ”
ดาวางโทรศัพท์ลง สีหน้านิ่งสนิท
ไชยออกมาจากห้องทำงาน แล้วเดินตรงไปที่ลิฟท์ น่าประหลาดนักเพราะบริเวณที่ไชยเดินผ่าน ดูวังเวง ไม่มีผู้คนเลย
“หายไปไหนกันหมด” ไชยพึมพำมองซ้ายมองขวา
“วังเวงพิลึก”
ไชยเดินมาที่ลิฟท์ แล้วกดเรียก ลิฟท์ลงมาแล้วหยุด ประตูเปิดออก ไชยเดินเข้าไป แต่ต้องสะดุ้งเมื่อหันกลับมา สดับยืนจังก้าอยู่หน้าลิฟท์ ไชยงงเอามากๆ เพราะไม่รู้ว่าสดับมาจากไหน มาเมื่อไหร่
“เฮ้ย! นายมาจากไหน”
“อย่ายุ่งกับดารกา” สดับพูดเสียงเย็น
ประตูลิฟท์ปิดเสียก่อน ไวเท่าความคิดไชยรีบกดให้เปิด แล้วเดินออกไป
“เดี๋ยว”
ไชยชะงัก บริเวณนั้นว่างเปล่า ไม่มีใครเลย ไชยเดินมองหา แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงาสดับ
ไชยเดินกลับเข้าไปในลิฟท์อย่างงๆ และสงสัย

ลิฟท์เคลื่อนตัวลงมาเรื่อยๆ ในขณะที่ไชยมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด สักพักหนึ่ง เมื่อถึงชั้นล่างประตูเปิดออก ไชยก้าวออกมาด้วยท่าทีหวาดหวั่นเล็กน้อย

ไชยกลับมาถึงบ้าน เดินเข้ามา เห็นบุษบานั่งดูทีวีอยู่ บุษบาหันมามอง ก็ร้องทัก
“วันนี้กลับดึกนะคะ”
“ยัยบุษ....” ไชยทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง
“อะไรคะ”
แต่จู่ๆ ไชยกลับเปลี่ยนใจ “ เปล่า ไม่มีอะไร”
ไชยเดินเลี่ยงเข้าไปในบ้าน บุษบาลุกตาม สาวใช้ลุกขึ้นปิดที.วี

บุษบาเดินตามมาไชยมาถึงบริเวณบันได ถามขึ้นมาทันทีอย่างร้อนใจ
“พี่ไชย มีอะไรหรือคะ”
ไชยนิ่งไป สีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด ขณะที่หันกลับมาช้าๆ
“ไม่รู้ว่าพี่ตาฝาดหรือเปล่า”
บุษบาตาโต “พี่ไชยเจอผีหรือคะ”
ไชยสะดุ้งโหยง ถามทันทีด้วยความประหลาดใจ “รู้ได้ไง”
“พี่ไชยทำหน้าแบบนั้นเลย” บุษบาตื่นเต้น “แสดงว่าพี่เจอผีจริงๆ”
“ก็ไม่เชิง ผู้ชายคนนั้นมาบอกพี่ว่า ห้ามยุ่งกับดารกา”
“โธ่เอ๊ย! นึกว่าอะไร...นังดารกาต้องจ้างมาแน่ ผีที่ไหนจะมารู้จักดารกา” บุษบาเยาะแกมหยัน
ไชยพยักหน้าช้าๆ “นั่นซีนะ ... แต่มันทำเนียนมากเลย”

ยามเช้า สภาพการจราจรเช้าวันนั้น ค่อนข้างติดขัด
ดารกาอยู่ที่มหา’ลัย กำลังเดินมาเรื่อยๆ ตาคอยมองหารถไชย
“น้องดา” เสียงไชยเรียกมาจากทางใดทางหนึ่ง
ดารกาหันมามอง ไชยเปิดกระจกรถเรียก
ดารกาเดินมาที่รถซึ่งไชยเปิดประตูรอรับ พอขึ้นมาภายในรถดารกานั่งนิ่งๆ ไม่พูดไม่จา
“น้องดาเก่งมาก...ตอนแรกพี่ยอมรับเลยว่าหวาดๆ เหมือนกัน”
ดารกาหันมามองแปลกใจ
ไชยยิ้มอย่างเป็นต่อขณะพูด “จะบอกว่าไม่รู้เรื่องละซี”
“พี่ไชยพูดเรื่องอะไรคะ”
“ก็เรื่องที่เธอจ้างผู้ชายหน้าบากตัวเบ้อเริ่มให้มาขู่พี่” ไชยถามไม่อ้อมค้อม
“น้องดาไม่รู้เรื่อง”
“ทำหน้าไร้เดียงสาได้น่าเชื่อจริงๆ”
น้ำเสียงไชยหยันอยู่ในที ก่อนจะขับรถพาดารกาออกไป

ไม่นานหลังจากนั้นไชยก็เดินนำดารกาเข้ามาภายในบ้าน สีหน้าและท่าทีของดารกาดูอึดอัด
“นั่งก่อนซิ”
ดารกาลงนั่ง “ขอบคุณค่ะ”
“ทานอะไรหรือยัง” ไชยถาม
“เรียบร้อยแล้วค่ะ...พี่ไชยมีธุระอะไรกับน้องดาหรือคะ”
“เธอขอยืมเงินพี่ไปทำอะไร”
ไชยถามเข้าเรื่องดารกาก้มหน้าอึกอัก
“ว่าไง”
“น้องดามีความจำเป็นต้องใช้ค่ะ”
“น้องดาเอาไปให้ผู้ชายคนที่พี่เห็นเมื่อคืนใช่ไหม”
ไชยหมายถึงสดับที่เจอหน้าลิฟท์ ถามอย่างคาดคั้น ทว่าดารกายังคงเอาแต่นิ่งอยู่
“พาพี่ไปพบเขาหน่อยซิ”
ดารกาเหลือบตาขึ้นมองไชย
“ทำไม! พี่อยากรู้จักพ่อตาแม่ยายในอนาคตไม่ได้หรือ”
ดารกายังคงมองไชยนิ่งๆ

ถูกไชยรุกหนักในที่สุดดารกาก็ตัดสินใจพาไชยมาที่ชุมชนบ้านสดับ ขณะนั้นเธอเดินนำไชยเข้ามาเรื่อยๆ ไชยมองบรรยากาศในบริเวณนั้นอย่างสนใจ ดารกาพาไชยมาถึงบริเวณที่ค่อนข้างเงียบ
“แถวนี้ไม่ค่อยมีคนนะ”
ไชยกวาดตามองไปโดยรอบ แล้วหันมาทางดารกา ไชยสะดุ้งเพราะดารกาหายไปจากที่นั้นแล้ว
“น้องดา! น้องดา!”
บริเวณนั้นเงียบสงัด ปราศจากผู้คน
“หายไปไหนเร็วจัง! น้องดา !”
ไชยตะโกนเรียน จังหวะนั้นมีเสียงเหมือนประตูถูกเปิดออก ไชยหันขวับไปดู เห็นกระท่อมหลังหนึ่ง ประตูเหมือนเพิ่งมีคนเดินเข้าไป
“น้องดา!”

สีหน้าของไชยฉายแววมาดหมายขณะเดินไปที่กระท่อมหลังนั้น










Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2555 13:59:04 น.
Counter : 521 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]