All Blog
อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 24 จบบริบูรณ์



ในขณะที่แนนนี่กำลังนอนตะแคงหนุนแขนตัวเอง หลับอยู่ในคุกบนหอคอยเมืองเวทย์ ทาฮิร่าและชิกเก้นเดินผ่านกำแพงคุกเข้ามา ทาฮิร่ามองเห็นสภาพหลานเลิฟแล้วรู้สึกสงสารจับจิต

“โถ! แนนนี่ของยาย”
“เวรก๊ำ ... เวรกรรม”
ทาฮิร่าคุกเข่าข้างๆ “แนนนี่ ... แนนนี่”
แนนนี่ลืมตาขึ้น เบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้น
“ยาย ยายจ๋า นี่แนนนี่ฝันไปหรือเปล่าจ๊ะ”
“ไม่ได้ฝันหรอกลูก ยายมาช่วยหนูแล้วจริงๆ”
“เอ้า ! อย่าเพิ่งคร่ำครวญ ... รีบออกไปกันก่อน แล้วจะคร่ำครวญเท่าไหร่ก็ตามใจ”
ทาฮิร่าหลับตาว่าคาถา แล้วเดินจะทะลุกำแพง แต่ก็ชนโครมออกไปไม่ได้
“เอาแล้วไง” ชิกเก้นหน่าย
“ไม่เป็นไร ลองใหม่อีกที”
ทาฮิร่าว่าคาถาใหม่ แต่ก็ได้ผลอย่างเดิม คือไม่สามารถทะลุกำแพงออกไปได้
“ชักจะกลุ้มแล้วละซี เข้าได้แต่ออกไม่ได้ เวรก๊ำ ...เวรกรรม”
“แนนนี่ก็ใช้เวทมนตร์ไม่ได้เหมือนกัน” แนนนี่บอก
“เฮ้อ ! แย่แล้ว ท่านผู้นำคงลงอาคมไว้หมด ถึงได้เป็นอย่างนี้”
ทันใดนั้นก็มีเสียงคุ้นหูของบาบาร่าดังขึ้น
“จับตัวได้แล้วทั้งยาย ทั้งหลานเลย”
ทั้งสามมองไปที่ลูกกรงหน้าต่าง เห็นบาบาร่าและไทเกอร์มองเข้ามา
“บาบาร่า” ทาฮิร่าพึมพำ
“จันทราสวัสดิ์อีกครั้งนึง ทาฮิร่า ... เจ้าไทเกอร์ เห็นหรือยังว่าฉันเดาไม่ผิด ทาฮิร่าต้องแอบมาช่วยอสูร แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ไทเกอร์ ไปตามท่านผู้นำมา”
“อย่า เพื่อเห็นแก่มิตรภาพ ... อย่า...”
“เห็นไม่ได้ อสูรเป็นอันตรายกับพวกเราและเมืองเวทมนตร์”
แนนนี่ฉุนขึ้นมา “คำก็อสูร สองคำก็อสูร แนนนี่ไม่ใช่อสูร”
“ยังจะปากแข็งอีก ถ้าเธอไม่ใช่แล้วใครจะใช่ นังอสูรแนนนี่”
แนนนี่เครียดสุดๆ “แนนนี่ไม่ใช่”
“ใช่ แล้วทาฮิร่าก็เป็นผู้ทรยศ ทาฮิร่าต้องตายพร้อมอสูร”
แนนนี่สุดจะทนไหว ระเบิดอารมณ์ออกมา
“ไม่ ยายต้องไม่เป็นอะไร แนนนี่ไม่ยอม”
จบคำ กำแพงคุกระเบิดออกเปิดทาง บาบาร่าตกตะลึง แล้วรีบตะโกนเรียก
“ทหาร! จับอสูร อสูรหนีไปแล้ว”
“แนนนี่ รีบไปเดี๋ยวนี้”
“ยายต้องไปกับแนนนี่”
บาบาร่าร่ายคาถาจะจับแนนนี่ ทาฮิร่าปล่อยพลังปะทะไว้ เช่นเดียวกับชิกเก้นก็ปะทะเจ้าไทเกอร์ไว้ อีกแรง พ่อมดทหารได้ยินเสียงรีบมา
“หนีไป แนนนี่ เร็วเข้า” ชิกเก้นร้องบอก
“เร็ว! แล้วค่อยกลับมาช่วยยาย ยายไม่เป็นไรหรอก” ทาฮิร่าเร่งเร้า
เหตุการณ์ชุลมุนอยู่สักครู่ แล้วในที่สุดแนนนี่ก็ตัดสินใจหนีไป

ระหว่างนั้นรัดเกล้าและปัทมน กำลังนั่งสวดมนตร์อยู่ แนนนี่ปรากฏตัวขึ้นทางเบื้องหลัง แนนนี่ชะงักที่เห็นรัดเกล้าอยู่ด้วย จึงร่ายคาถาหายตัวไป

แนนนี่ปรากฏตัวขึ้นมาที่หน้าห้องพระ แล้วเคาะประตูเบาๆ
“คุณแม่ขา คุณแม่”
ประตูเปิดออก ปัทมนและรัดเกล้า เบิกตากว้างด้วยความดีใจ
“แนนนี่”
ปัทมนสวมกอดลูกสาวไว้แน่นด้วยความตื้นตันใจ
“แนนนี่ของแม่”
“แนนนี่หายไปไหนมา รู้หรือเปล่าว่าทุกคนเขาเป็นห่วง” รัดเกล้าพูดแบบตำหนิน้องเล็กๆ
“แนนนี่ขอโทษค่ะ เอ้อ ! แนนนี่ไปบ้านคุณยายมา”
ปัทมนชะงัก “จริงซิ คุณยายเป็นยังไงบ้าง”
“ก็...เอ้อ...ท่านยังอยู่ที่นั่นค่ะ”
แนนนี่กับปัทมนรู้กันสองคน ปัทมนมีสีหน้าวิตกกังวลขึ้นมาทันที

ครู่ต่อมา ปัทมน และแนนนี่ พร้อมด้วยธานีเดินออกมาส่งทุกๆ คน
“ขอบคุณมากนะคะคุณจักร น้องเกล้า ภวัตที่อุตส่าห์มาอยู่เป็นเพื่อนคอยแนนนี่”
“โอ๊ะ! เรื่องเล็กมากครับ ถึงไม่ใช่ญาติ เราก็เป็นเหมือนญาติกันอยู่แล้ว” จักรวาลว่า
ธานีมองเกล้ายิ้มๆ “อีกหน่อยได้เป็นญาติกันแน่ๆเลยครับ”
รัดเกล้าเขินจัดฟาดแขนธานีอย่างแรง
“โอ๊ย”
ทุกคนมีสีหน้าแจ่มใส บรรยากาศดูผ่อนคลาย
ภวัตมองแนนนี่ด้วยแววตารักเอ็นดู “พี่ไปละนะ แนนนี่”
“ค่ะ” แนนนี่อมยิ้มเขินๆ
ดารกาลอบมองคนทั้ง 2 ด้วยสายตาไม่พอใจ โดยเฉพาะอาฆาตแนนนี่
ทั้ง 3 เดินออกไป
แนนนี่หันมาตบแขนปีเตอร์ “ขอบใจนะ ปีเตอร์”
“ทีหน้าทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะ แนนนี่ ปีเตอร์เป็นห่วงยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดเลย”
แนนนี่ซาบซึ้ง รู้สึกตื้นตันใจเล็กๆ “อย่าพูดมาก เดี๋ยวแนนนี่ร้องไห้”
ปีเตอร์หัวเราะ แล้วเปิดประตูรถ
“ขอบใจนะจ้ะ ปีเตอร์” ปัทมนบอก
“ครับ”
ปีเตอร์ขับรถออกไป ปัทมน ดารกา และแนนนี่มองตาม

ทั้ง 4 คนแม่ลูก เดินขึ้นมาชั้นบนของบ้าน
“ผมขอเข้านอนก่อนนะครับ .... ง่วงจัง”
“ไปเถอะลูก”
แนนนี่กอดธานีซึ้งใจ “ขอบคุณมากๆ นะคะ พี่ธานีที่เป็นห่วงแนนนี่มากขนาดนี้”
“เฮ้ย ! เฮ้ย ! มั่วแล้ว” ธานีล้อน้องสาว
ทุกคนยิ้มแย้ม ธานีเดินไปที่ห้อง แล้วหันมาบอกแนนนี่
“ทีหน้าทีหลังจะไปไหน ต้องบอกก่อนรู้มั้ย”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ”
ธานีเข้าห้องไป ปัทมนหันมามองดารกาสีหน้าอ่อนโยน
“แม่จะพาแนนนี่ไปสวดมนตร์ น้องดาจะสวดด้วยกันมั้ยลูก”
ดารการีบปฏิเสธ “เดี๋ยวน้องดาสวดก่อนนอนดีกว่าค่ะ ยังต้องดูหนังสือสอบอีกเยอะ”
“อย่าคร่ำเคร่งมากนะลูกนะ .... เดี๋ยวจะไม่สบาย”
ดารกายิ้มให้แล้วเดินเข้าห้อง

ปัทมนและแนนนี่เดินเข้าห้องพระ
“ไหน ... เรื่องมันเป็นยังไง เล่าให้แม่ฟังเดี๋ยวนี้”
“คือ ... คุณยายกับชิคเก้นไปช่วยแนนนี่ ตอนนี้ก็เลยถูกจับแทนแนนนี่ไปแล้วค่ะ”
“โอย ! ฉันจะเป็นลม”

ทางด้านภวัตผุดลุกผุดนั่งรอแนนนี่อยู่อย่างใจจดใจจ่อ เดินไปชะเง้อมองที่หน้าต่าง
ภวัตบ่นอย่างหงุดหงิด “มัวแต่ทำอะไรอยู่นะ ทีอยากให้มาก็ไม่มา”
เดินมานั่งบ่นต่ออีก “แล้วพี่จะบอกรักแนนนี่ได้ยังไง”

แนนนี่กับปัทมน อยู่ในห้องกันสองคน ปรารภเรื่องที่เมืองเวทย์
“แล้วคุณยายกับชิคเก้นจะเป็นอะไรหรือเปล่า โธ่เอ๊ย แนนนี่ไม่น่าหุนหันพลันแล่น”
“แนนนี่ผิดไปแล้วค่ะ คุณแม่ แต่แนนนี่สัญญาว่าจะต้องไปช่วยคุณยายกับชิกเก้นมาให้ได้”
“แล้วหนูจะช่วยยังไง”
จู่ๆ ชิกเก้นก็โผล่ขึ้นมาในห้อง “เมี้ยว”
“ชิกเก้น” แนนนี่กับปัทมนร้องออกมาพร้อมกัน อย่างดีใจ
“มาได้ยังไง แล้วคุณยายล่ะ”
“คุณยายถูกลงโทษแค่กักบริเวณอยู่แต่ในบ้าน เพราะนางยืนยันว่าแนนนี่ไม่ใช่อสูร ท่านผู้นำเองก็เห็นว่าคุณยายทาฮิร่าเป็นแม่มดผู้อาวุโสตนนึง เลยตัดสินใจให้รอจนกว่าอสูรตัวจริงเสียงจริงจะอายุครบ 22 ปี... แล้วจะได้รู้กันเสียทีว่าไผเป็นไผ” ชิกเก้นว่า
ปัทมน และแนนนี่ฟังแล้ว ถอนใจอย่างโล่งอกออกมา

วันเวลาผ่านไปอีกระยะหนึ่ง ไชยอยู่ที่บ้านชะโงกหน้าออกมามอง สีหน้าแปลกใจ เห็นบุษบากำลังสั่งงานชายฉกรรจ์ 7 คน
“ยัยบุษจะทำบ้าอะไรน่ะ”

ไม่นานนักบุษบาเดินยิ้มแย้มเข้ามาในบ้าน ขณะที่ไชยนั่งมองสีหน้าเคร่งขรึม
“ผู้ชายพวกนั้นเป็นใคร หน้าตายังกับมหาโจรทั้งนั้น”
“อ๋อ ! บุษให้คนสวนบ้านเราไปจัดหามาให้ทำงานให้บุษหน่อยค่ะ”
“งานอะไรของเธอ อย่าบอกนะว่า...”
“บุษจ้างพวกมันให้ฉุดนังน้องดาไปทำลายให้สิ้นซาก” บุษบาบอกหน้าเฉย
ไชยฟังแล้วสะดุ้งโหยง “ยัยบุษ”
“นายนนท์บอกว่าถ้าได้ค่าจ้างงามๆ คนพวกนี้จะไม่ทิ้งร่องรอย และจะไม่ปริปากถึงผู้จ้างเด็ดขาด” บุษบาบอก
“พี่ไม่ได้กลัวไอ้พวกนั้น พี่กลัวยัยดารกา”
“โธ่เอ๊ย นี่พี่ไชยยังคิดว่ามันเป็นภูติผีปีศาจอยู่อีกหรือคะ บุษน่ะไม่เชื่อหรอก”
“ยัยบุษ พี่เห็นกับตามาแล้ว พี่แทบเป็นบ้าแล้วต้องแกล้งบ้าไปพักหนึ่งก็เพราะมัน”
“เดี๋ยวก็รู้ค่ะ บุษจะกำจัดนังน้องดาก่อน คิวต่อไปก็จะเป็นนังแนนนี่ทุกคนที่เป็นผู้ต้องสงสัยว่าจะแย่งภวัต บุษต้องกำจัดให้หมด”
“แล้วจะมาโทษพี่ว่าไม่เตือนไม่ได้นะ”
“อ๋อ ! บุษไม่โทษอยู่แล้ว .... บุษจะมอบสามี 7 คน ให้เป็นของขวัญวันเกิดนังน้องดา”
สีหน้าบุษบาขณะพูดดูโหดเหี้ยมและเลือดเย็น

เวลาผ่านไป บริเวณสนามบ้านปัทมน โป่ง พร และผาด กำลังช่วยกันจัดโต๊ะอาหาร
“ขนมเค้กมาแล้วค่ะ” พรยกกล่องขนมเค้กมาวางบนโต๊ะ
ปัทมนดูนาฬิกา “เอ๊ะ ...ป่านนี้แนนนี่กับน้องดาน่าจะมาแล้วนะคะ”
“อาจจะรถติดก็ได้ครับ ภวัตก็ยังไม่มาเลย” จักรวาลบอก
“หิวจัง ! เกล้าไปตักอาหารก่อนละ” รัดเกล้าจะเดินไป
“ไม่ต้อง ! พี่บริการเอง”
ธานีเดินไปตักอาหาร ทุกคนคุยกันอย่างสนุกสนาน นอกจากปัทมนซึ่งยังดูมีแววกังวลใจ

ดารกาเดินออกมา บริเวณที่จอดรถ พร้อมด้วยกระเป๋าสะพาย และกระเป๋าหนังสือ พอมาถึงที่จอดรถ แล้วกดรีโมท ดารกาเปิดประตูรถวางกระเป๋าลง
จังหวะนั้นชายฉกรรจ์ 3 คน ซึ่งรอที่อยู่เปิดรถตู้ตรงมาพุ่งชาร์จตัวอย่างรวดเร็ว
คนหนึ่งใช้ผ้าเช็ดหน้าโปะยาสลบ ดารกาดิ้นเดี๋ยวเดียวสลบไป ชายคนนั้นอุ้มดามาใส่รถตู้ แล้วขับไปอย่างรวดเร็ว โดยที่คนอื่นๆ มัวแต่ตกตะลึง

ที่บ้านปัทมน แขกคนสนิททุกคนกำลังพูดคุยกันสนุกสนาน ภวัตเดินเข้ามา สีหน้าดูอารมณ์ดี
“อ้าว ! เจ้าของวันเกิดยังไม่มากันอีกหรือครับ”
“แนนนี่กำลังเลี้ยวเข้าซอย แต่น้องดายังติดต่อไม่ได้เลย” จักรวาลเอ่ยขึ้น
“คุณอาปัทกำลังขึ้นไปสวดมนตร์ค่ะ”
ภวัตมีสีหน้าวิตก “จริงซิ วันนี้ทั้งสองคนอายุครบ 22 ปีพอดี”
“เกี่ยวอะไรกับอายุครบ 22 ด้วย”
ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไรต่อ ปีเตอร์ขับรถเข้ามาจอด ทุกคนหันไปมอง
ภวัตหน้าตาหงุดหงิดขึ้นมาทุกที เมื่อเห็นแนนนี่สดชื่นแจ่มใสลงมาจากรถกับปีพร้อมอุปกรณ์ สายรุ้ง ลูกปา และหมวก
“มาแล้วค่ะ มาแล้ว”
ภวัตทำเป็นมองไม่เห็น ทำให้แนนนี่ยิ้มเก้อ
บุษบา กับไชยขับรถเข้ามา โดยทั้งคู่หอบของขวัญคนละ 2 กล่องใหญ่
“Happy birthday จ้ะ แนนนี่ แล้วน้องดาล่ะ” บุษบาทำเป็นแกล้งถาม
“เอ้า นี่ของพี่”
แนนนี่ทำเป็นไม่ได้ยิน “ปีเตอร์ ไปทำพั้นช์กันเถอะ”
“ทุกคนคอยชิมพั้นช์ยี่ห้อแนนนี่ปีเตอร์นะครับ”
ไชยและบุษบาแววตากระด้างขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ แล้วรีบกลบเกลื่อนเมื่อเห็นบรรยากาศทำท่าว่าจะกร่อย
“ไม่เป็นไรค่ะ ... คุณธานีช่วยรับหน่อยค่ะ”
รัดเกล้าและธานีรีบมารับของขวัญไปวางรวมกัน
อิงอรกระซิบบุษบา “เป็นเด็กที่มารยาทแย่มาก คุณอิงว่าต้องขัดเกลาอีกเยอะ”
บุษบาแอ๊บทำตัวเป็นผู้ใหญ่แสนดี “โถ ! แกยังเด็กอยู่ค่ะ...บุษไม่ถือหรอก”
“เด็กกับผี ... เอ๊ย...ปีศาจอะไรล่ะ อายุตั้ง 22 แล้ว” อิงอรว่า
“บุษว่าบุษเข้าใจแกค่ะ”
อิงอรลูบมือลูบแขนบุษบาอย่างชื่นชม “แม่คุณ หนูน่ะแสนดีราวกับแม่พระ ใครได้ไปเป็น
แม่ศรีบ้านศรีเรือนละก็ โชคดีนักหนา”
“คุณอิงต้องบอกหมอภวัตซิคะ” บุษบาบอก
ทั้ง 2 มองไปทางภวัต ซึ่งคุยกับไชย และธานีอยู่ บุษบามองจ้องภวัตด้วยสีหน้ามาดหมาย

เวลาเดียวกัน ยามค่ำในบริเวณรกร้างค่อนข้างเปลี่ยว รถตู้แล่นเข้ามาในพงหญ้ารก แล้วเข้ามาจอดหน้าบ้านร้างซึ่งมีชายฉกรรจ์อีก 4 คนรออยู่ ชายฉกรรจ์ 3 คนเปิดประตูรถ แล้วคนหนึ่งแบกร่างดารกาซึ่งเริ่มรู้สึกตัวแล้วลงมา
ชายคนหนึ่งเปิดประตูบ้าน พาดารกาเข้าไป ชายโฉดที่เหลือตามเข้าไป
ชายคนนั้นโยนดารกาลงบนเตียงในบ้านร้างแห่งนั้น สีหน้าดารกาเต็มไปด้วยความตกใจ แม้จะค่อนข้างมึนๆ อยู่
“พวกแกเป็นใคร”
ทุกคนแสยะยิ้มพร้อมกัน
“พวกเรา 7 คน เป็นว่าที่สามีของเธอน่ะซิ สาวน้อย” 1 ใน 7 บอก
“อย่านะ”
“อะไรจ๊ะหนู ยังไม่ทันแต่ง ก็จะหย่าแล้ว”
“ฉันไม่เคยทำอะไรให้พวกแกเลย ... ปล่อยฉันไปเถอะ”
“หนูไม่ได้ทำอะไรให้ฉัน แต่หนูแย่งแฟนคนอื่น” ชายอีกคนบอก
“ใคร !”
ดารกานึกถึงใบหน้าบุษบาที่มองอย่างอาฆาตขึ้นมาในห้วงความคิด
“นังบุษบา” ดารกาพึมพำ
“เฮ้ย !” ชายหัวโจกพยักหน้าเป็นสัญญาณ
ทุกคนเดินเข้ามาช้าๆ นัยน์ตาหื่นกระหาย ดารกาพยายามหนีเอาตัวรอด
ชายโฉดแต่ละคนดักทางโน้นทางนี้ แล้วดึงเสื้อขาดหลุดลุ่ย แต่ละคนหัวเราะชอบใจ แล้วปล่อยให้ดาหนีออกไป
“เฮ้ย ! น้องชอบเล่นซ่อนหา ตามใจเขาหน่อย” 1 ใน 7 ว่า
ทุกคนเฮฮาตามออกไป

ดารกาซมซานหนีเข้ามาในป่า ทั้ง 7 คนไล่ตาม อย่างย่ามใจ
“ยู้ฮู”
“ดารกา ... ยู้ฮู”
ทั้งหมดร้องเรียก เสียงแบบคนโรคจิต ดารกาพยายามหนี จนในที่สุด ทั้งหมดดักดารกาไว้หมด
ดารกากวาดตามองทุกคนอย่างตื่นตระหนก และหวาดกลัว สีหน้าของแต่ละคนขณะก้าวเข้ามาถึงตัวดารกา ดูหื่นกระหายสุดๆ ดารกาตัดสินใจจะวิ่งแหวกวงล้อมออกไป แต่ไม่พ้น ชาย 2 คนคว้าตัวไว้ได้ แล้วเหวี่ยงลงพื้น
ทุกคนรุมเข้ามาที่ดารกา ซึ่งนอนคว่ำอยู่กับพื้น ทันใดนั้น ก็มีเสียงคำรามก้องราวกับเสียงสัตว์ร้ายดังขึ้น
ทั้ง 7 คนชะงัก เงี่ยหูฟัง แต่เสียงเงียบไป
“เฮ้ย ! ทำเสียงขู่” 1 ใน 7 ว่า
ชายคนที่ 5 จับตัวดารกาพลิกขึ้น แล้วทุกคนสะดุ้งเฮือก ดารกากลายร่างเป็นอสูรหน้าตาน่ากลัว
ชายทั้ง 7 ชายผงะ
“ตัวอะไรวะ”
ดารกาค่อยๆ ลุกขึ้น ร่างขยายสูงใหญ่ เขา เขี้ยว หางผุดขึ้นพร้อมกัน ดวงตาลุกวาวเป็นเปลวไฟ
ดารกาแหงนหน้าขึ้นฟ้าส่งเสียงคำรามก้องดังสนั่น เสียงฟ้าฝนคำรามขานรับตลอดเวลา

เสียงฟ้าร้องครืนครัน สลับกันทั้งฟ้าร้องฟ้าแล่บและฟ้าผ่าปรากฏไปทั่วบริเวณ ทุกคนกำลังช่วยกันขนข้าวของเข้าบ้านกันโกลาหลหนีฟ้าฝน แนนนี่หอบชามแก้วจัดผลไม้ขึ้นจากโต๊ะ แล้วชะงัก
มีเสียงคำรามอสูรดังแทรกฟ้าฝนขึ้นมา
แนนนี่พึมพำ “เสียงอสูร”
“อะไรหรือคะ คุณแนนนี่” พรถาม
“เปล่าจ้ะ”
“เป็นห่วงคุณดาจัง” พรหน้าหมองนิดๆ
“อ๋อ! พี่ดาโทร.มาบอกแล้วจ้ะว่า...วันนี้คงไม่กลับมาเพราะกลัวพายุฝน” แนนนี่รีบแก้ต่างให้
“นั่นน่ะซีคะ....พี่พรก็นึกแล้วเหมือนกัน”

จังหวะหนึ่งเกิดผ่าเปรี้ยงปร้างทางหน้าต่าง แนนนี่รีบจูงปัทมนเข้ามาหลบในห้องพระ
“คุณแม่ขา...เมื่อกี้แนนนี่ได้ยินเสียงคำรามของอสูร”
ปัทมนเข่าออ่อนหมดแรงใจจะขาดรอนๆ “โอย ! แม่จะเป็นลม”
“เสียงเมื่อกี้แสดงว่าพี่ดายังอยู่ในโลกของเรา ... แต่อีกไม่นานก็คงจะไปเมืองเวทมนตร์
ปัทมนเบือนหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างพึมพำออกมา
“น่ากลัวเหลือเกิน”

ชาวเมืองเวทมนตร์ รวทั้งท่านผู้นำ กลุ่มแม่มด บาบาร่า ไทเกอร์ ทุกคนออกมายืนกลางแจ้ง แหงนหน้ามองท้องฟ้าที่คำราม และฟ้าผ่าติดต่อกันไม่ยอมหยุดยังกับจะถล่มทลายลงมา บรรยากาศน่ากลัวมากๆ เมฆสีเทาเต็มบริเวณไปหมด

ส่วนที่บริเวณชายป่าแห่งนั้น ทั้ง 7 คนวิ่งหนีกันป่าราบ แต่หนีไม่พ้น ถูกดารกาจับหักคอบ้าง เหยียบบ้าง ตวัดลูกศรที่หางทั้งที่มอดบ้าง และพ่นไฟออกมาเผาบ้างในที่สุด ทุกคนกลายเป็นศพหมด
ดารกาแหงนหน้าขึ้นคำรามลั่น ฟ้าผ่าเปรี้ยงๆ รับเสียงอสูรดารกา

เวลาเดียวกันแนนนี่หันมามองแม่ “แนนนี่ต้องไปก่อนละนะคะ”
“ระวังตัวนะลูก”
“คุณแม่สวดมนตร์ให้แนนนี่ด้วยนะคะ”
“โถ ! แม่ต้องสวดอยู่แล้วลูก”
แนนนี่ทำท่าจะเดินไป แล้วนึกได้ ทรุดตัวลงก้มกราบแทบเท้าแม่ ปัทมนซึ้งใจนัก ทรุดตัวลงกอดลูก น้ำตาคลอ
“ขอให้พระพุทธคุณช่วยปกปักรักษาให้ลูกรักของแม่จงปลอดภัยนะลูก”
แนนนี่กอดแม่ครู่หนึ่ง แล้วเรียกไม้กวาดมา เดินไปที่หน้าต่างแล้วขี่ออกไป
ปัทมนมองตามด้วยความเป็นห่วงสุดๆ

ดารกายังคงคำรามร้องกู่ก้องชัยชนะ
เสียงเรียกสะท้อนก้องไปทั่วบริเวณ “ดารกาเทวี”
ดารกาหันไปมอง
เห็นอสูรตัวพ่อปรากฏตัวในร่างอสูรแบบเดียวกัน จัดเต็มทั้งเขา เขี้ยว และหาง
“ถึงเพลาของเจ้าแล้ว ... เมืองเวทมนตร์จะต้องพินาศ”
ดารกาเบือนหน้าไป แล้วชู 2 มือขึ้น ลำแสงออกจากนิ้วดารกา เป็นฟ้าแลบสว่าง ทางโน้นที ทางนี้ทีไปทั่วบริเวณ ในที่สุด ก็ไปถึงจุดหนึ่ง สว่างวาบออกมาเป็นนครเวทมนตร์
ดารกามองไปด้วยสีหน้าบ่งบอกถึงชัยชนะ

บาบาร่าเปิดประตูเข้าบ้านทาฮิร่ามาท่ามกลางลมแรงจัด พัดอื้ออึง
“เพราะเธอคนเดียว ทาฮีร่า ที่เลี้ยงอสูรจนมันโตแล้ววกกลับแว้งกัดเรา” บาบาร่าแขวะ
“อสูรไม่ใช่งูซักหน่อย จะได้มาแว้งกัด เวรก๊ำ ... เวรกรรม” ชิกเก้นเถียงแทนนาย
“เงียบเลย ไอ้ชิกเก้น แกก็ตัวดี”
“อ้าว! โทษแม่มดด้วยกันเสร็จ ก็หันมาโทษแมวต่อ เวรก๊ำ ... เวรกรรม ทีไทเกอร์ ก็นั่งตัวลายพร้อยอยู่นี่ ทำไมไม่โทษบ้างล่ะ” ชิกเก้นบ่นอุบ
“เสียใจ! ไทเกอร์เป็นแมวมีระเบียบวินัยเช่นเดียวกับคุณยายบาบาร่าเจ้านายเป็นยังไง แมวก็เป็นอย่างนั้น” ไทเกอร์อวยเจ้านายสุดโต่ง
“เดี๋ยวก็ได้รู้แน่ว่า เจ้านายใครเป็นยังไง หัวเราะทีหลังหัวเราะได้ดังกว่าบาบาร่า เพื่อนเลิฟ” ทาฮิร่าหยัน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่เมืองมนุษย์เวลาเดียวกัน บุษบากำลังแปรงผมจะเข้าบ้าน ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องครืนครั่น ... ฝนตกหนัก มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น บุษเดินมาหยิบดู หน้าตาประหลาดใจ
ที่หน้าจอมีโทรศัพท์ เป็นตัวอักษรยึกยือ ภาษาอสูร
“อะไรน่ะ” รับสาย “ฮัลโหล”
เสียงอีกด้านเป็นเสียงครืดคราด
“ใครน่ะ”
บุษบาถาม แต่ยังคงเป็นเสียงครืดคราดเช่นเดิม
“ไอ้โรคจิต”
บุษบาปิดโทรศัพท์วางลง แล้วเดินไปที่เตียงจะล้มตัวนอน แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงครืดคราดดังอีก
บุษบาหันขวับมามองอย่างตกใจ
โทรศัพท์มีเสียงคำรามออกมา บุษบาค่อยๆ ถอยหลังเดินไปที่ประตู ตาจดจ้องมองโทรศัพท์ไม่กระพริบด้วยความหวาดกลัว รีบเปิดประตูออกไป

บุษบาก้าวออกมา พร้อมๆ กับไชยซึ่งมีสีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความตกใจเช่นกัน บุษบาร้องกรี๊ด
ไชยเองก็ร้องลั่น เมื่อเห็นศพ 7 ศพนอนเกลื่อนกลาดชวนสยดสยอง
“เร็ว ! พี่ไชย หนีเร็ว”
ทั้ง 2 คนวิ่งหนีตายลงบันไดไปอย่างไม่คิดชีวิต

บุษบา และไชยวิ่งกระเจิดกระเจิงออกมาหน้าบ้าน แล้วต้องสะดุ้งเฮือก หยุดชะงัก เห็นดารกายืนหันหลังให้
“นะ .... นะ.... น้อง... น้องดา” บุษบาระล่ำระลัก
ดารกาค่อยๆ หันกลับมา สีหน้าแววตาน่ากลัวชวนสยองอย่างยิ่ง
“พะ ....พะ... พี่ ... พี่บอกแล้วว่า มัน ... มันไม่ใช่คน” ไชยว่า
ดารกาค่อยๆกลายร่าง อสูรตัวพ่อปรากฏขึ้น
“ไปทำลายนครเวทมนตร์ ทางนี้พ่อจัดการเอง”
ดารกาค่อยๆ เลือนหายไป ดวงตาลุกเป็นไฟ

อสูรตัวพ่อเบือนหน้ากลับมามองทั้งสองพี่น้อง บุษบาและไชยพนมมือขอชีวิต ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว
“อย่า...อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันกลัวแล้ว”
“ฉันก็กลัวแล้ว จะไม่ทำอีกแล้ว”
อสูรสะบัดมือ ร่างทั้งสองคนกระเด็นไปตกลงบนพื้น เลือดพุ่งออกจากปาก อสูรร้ายหมายจะซ้ำ
เสียงแนนนี่ร้องขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้”
ทั้ง 3 เงยหน้าขึ้นมาดู เห็นแนนนี่ขี่ไม้กวาดผ่านหน้าไป บุษบา และไชย ช็อกจนหมดสติทันที

ที่นครเวทมนตร์ ร่างอสูรดารกายามนี้สูงเทียมฟ้า กำลังทำลายล้างเมืองเวทย์ ด้วยการเหยียบบ้าง ปัดบ้าง ปล่อยแสงใส่บ้านเมืองพินาศพังยับเป็นแถบๆ บางส่วนถูกไฟไหม้ บรรดาพ่อมด และแม่มด หนีตายกันอลหม่าน
อสูรดารกายังคงเดินหน้าทำลายล้าง และคร่าชีวิตพ่อมด แม่มด ราวกับโกรธแค้นกันมานานนักหนา
ทหารมารายงานผู้นำแม่มด ท่านผู้นำเรียกประชุมวิสามัญ
เวลาเดียวกัน แม่มดโสภามาบอกบาบาร่า และทาฮิร่าให้รีบหนี บาบาร่าเยาะเย้ยทาฮิร่า ไหนว่าแนนนี่ไม่ใช่ อสูร และท้าทายให้ไปดูด้วยกัน ว่าใครจะหน้าแตก
ผู้นำแม่มด เปิดประตูออกมา “มันมาแล้วใช่มั้ย โสภา”
“เจ้าค่ะ ท่านผู้นำ”
“เรียกประชุมที่สภาเมืองฯ” ผู้นำแม่มด เดินออกไป..พร้อมสั่ง
“เจ้าค่ะ” โสภารับคำสั่ง

เวลาเดียวกันอสูรดารกาพ่นควันเผาเมืองเวทย์ต่อ พ่อมด แม่มด ต่างล้มตายเป็นไม้ร่วงร่วง
บาบาร่าขี่ไม้กวาดมากับไทเกอร์ ทาฮิร่ามากับชิกเก้น ทั้ง 4 เบิกตากว้างเมื่อเห็นความหายนะ ตรงหน้า
ทาฮิร่าพึมพำด้วยความตระหนก และสยดสยอง “ช่างตรงตามคำทำนายไม่มีผิดเพี้ยน”
“เวรก๊ำ ... เวรกรรม”
“โน่นไง อสูรหลานรักของทาฮีร่า .... ทำไมไม่ห้ามล่ะ เผื่อหลานจะเชื่อบ้าง” บาบาร่าเยาะ
“ระวัง ! มันหันมาแล้ว” ไทเกอร์ร้องเตือน
อสูรร้ายค่อยๆ หันกลับมาช้าๆ ทาฮิร่าและบาบาร่าเบิกตากว้าง บาบาร่าถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นเต็มตาว่าเป็น...อสูรดารกา
ทาฮร่าได้ที “หลานดารกาของเธอต่างหาก บาบาร่า”
“เวรก๊ำ ... เวรกรรม” ชิกเก้นครวญ
“เป็นไปไม่ได้” บาบาร่าไม่เชื่อ
ดารกาปล่อยซัดลูกไฟใส่ทันที ทั้ง 4 ร้องลั่น กระเด็นมาตกใกล้ๆ กัน
“ต้องเป็นแนนนี่ ที่ปลอมตัวมาใส่ร้ายน้องดา” เกือบจะตายอยู่แล้ว บาบาร่ายังไม่เชื่ออีก
“เอ๊อ! ยังจะดันทุรังเถียงอีก” ทาฮิร่าระอาแกมหน่าย
ดารกาแสยะเขี้ยวตรงเข้ามา ทาฮิร่าและบาบาร่า ผนึกกำลังสู้ แต่ก็ต้องบาดเจ็บกันไป
ทั้ง 2 นาง เตรียมขี่ไม้กวาดหนีอย่างทุลักทุเล

ดารกาปล่อยแสงใส่ จนไม้กวาดหักคนละ สองท่อน 2 สาวสามพันปีหนีหัวซุกหัวซุน
ผู้นำแม่มด นำกำลังทหาร พ่อมด แม่มด เดินออกมาจากหน้าสภานครเวทมนตร์ ระหว่างนั้นทหารคนหนึ่ง ซึ่งได้รับบาดเจ็บวิ่งเข้ามา ทรุดลงตรงหน้า

“ท่านผู้นำ”
“ออสการ์ เอ้า บาดเจ็บมากนี่ ....” หันมาสั่งแม่มดนางหนึ่ง “ไอรีน พาออสการ์ไปทำบาดแผล”
“รีบหนีไป...มันกำลังตรงมาทางหน้าสภาแม่มดนี่แล้ว...ถ้าบาบาร่ากับทาฮีร่าต้านไม่อยู่ละก็...” สีหน้าออสการ์หวาดผวาอย่างหนัก
ไอรีน และทหารอีก 2 คนช่วยกันพยุงออสการ์ไป
ไทเกอร์และชิกเก้นกระโจนมา
“ท่านผู้นำ! ช่วยคุณยายบาร์ของไทเกอร์ด้วย” ไทเกอร์ร้องเสียงหลง
“คุณยายทาของชิกเก้น ท่าทางจะไม่รอดแน่ เวรก๊ำ ...เวรกรรมสู้อุตส่าห์อยู่มาจน 3 พันปี”
“ทุกคน ตามข้ามา”
สิ้นคำของท่านผู้นำแม่มด ทุกคนเรียกไม้กวาดขึ้นขี่ไป ไทเกอร์ ชิกเก้นกระโจนเกาะไม้กวาดห้อยต่องแต่งไป
เวลาเดียวกันนั้นทาฮิร่า และบาบาร่า กำลังแย่เต็มที่ อสูรดารกาปล่อยลำแสงใส่ทาฮิร่า ซึ่งคลานหลบหัวซุกหัวซุน
จังหวะหนึ่งลำแสงพุ่งตรงสู่ทาฮิร่า แนนนี่ม้วนตัวลงมาจากไม้กวาดพายายหลบได้ทันท่วงที ด้วยความหงุดหงิดสุดๆ
“แนนนี่” ทาฮิร่ากับบาบาร่าประสานเสียงอย่างดีใจ

“แนนนี่ไม่ใช่อสูรหรอกเรอะ ... “ บาบาร่าช็อก ผินหน้ามามองดารกาหน้าเศร้า “... โธ่ ! ดารกา”
คราวนี้อสูรดารกาปล่อยลำแสงใส่บาบาร่า แนนนี่โอบ 2 ยายแม่มด คนละข้างหลบได้หวุดหวิด
เป็นจังหวะเดียวกับที่กลุ่มผู้นำขี่ไม้กวาดกันมา ทุกคนปล่อยแสงสู้อสูรดารกา
“ท่านผู้นำ” ทาฮิร่าอุทาน
“เรารอดตายแล้ว” บาบาร่าร้องออกมาอย่างดีใจ
ชิกเก้นกระโดดมา “หรือไม่ก็ตายกันหมด เวรก๊ำ ... เวรกรรม”
ลำแสงจากกลุ่มผู้นำ ทำให้อสูรดารกาซวนเซไปมา ครู่หนึ่ง
“อสูรแย่แล้ว” ไทเกอร์ร้องขึ้น
แต่แล้วอสูรตัวพ่อก็ปรากฏตัวเข้าช่วย
“เฮ้ย ! มาได้ไง” ชิกเก้นประหลาดใจ
“มันตามแนนนี่มา”
อสูรดารกาตั้งตัวได้ ปล่อยแสงตอบโต้กลับ
ไม้กวาดหัก พ่อมดแม่มด กลุ่มผู้นำตกลงมาร้องกันโอดโอย อสูรตัวพ่อปล่อยแสงซ้ำเติม
แนนนี่ปล่อยแสงสู้ อสูรผงะ แนนนี่หยิบไม้กวาดพุ่งใส่ทันที ไม้กวาดพุ่งทะลุหัวใจอสูรร้าย ยืนโงนเงนล้มลงตึง
อสูรดารกาตะโกนลั่น เสียงสะท้อนก้องไปทั่วทั้งบริเวณ “พ่ออสูร”
อสูรร้ายขาดใจตายต่อหน้า
อสูรดารกาแค้นจัด หันมาทางแนนนี่ “นังแม่มด ฉันน่าจะฆ่าแกเสียนานแล้ว”
“แนนนี่ดูพี่ดาไม่ผิดเลยมาตั้งแต่ต้น พี่ดานั่นเองที่เป็นอสูร”
ดารกาเรียกอาวุธมาเป็นสามง่าม แนนนี่เรียกไม้กวาดมา แม่มดน้อย และอสูรน้อย เข้าสู่กัน อย่างไม่มีใครยอมกัน
สีหน้าบรรดากองเชียร์ แต่ละคนมองตาไม่กระพริบ

ทางด้านปัทมนในเมืองมนุษย์ยังคงตั้งมั่น ตั้งสมาธิแน่วแน่ สวดมนตร์อยู่ในห้องพระอย่างต่อเนื่อง

การต่อสู้ระหว่างอสูรดารกา กับแม่มดแนนนี่ยังคงดำเนินต่อไป แต่แล้วจังหวะหนึ่งแนนนี่เสียที ถูกลำแสงกระแทกสุดแรงเกิดจนกระเด็นตกลงมา แนนนี่กระอัก แล้วสะอึกออกมาเป็นเลือด
ทาฮิร่าผวาเข้ามาประคอง “แนนนี่”
“แนน .. แนนนี่ยังอ่าน .. คัมภีร์พิฆาตอสูรไม่จบ” แนนนี่พูดเสียงขาดๆ หายๆ เพราะเจ็บหนัก

กลุ่มท่านผู้นำไปเข้าปะทะอสูรดารกาแทน
“แกดูแนนนี่ไว้นะชิกเก้น” ทาฮิร่าลุกขึ้นฮึด “ทาฮิร่าสู้ตาย”
ทาฮิร่าลืมแก่พุ่งเข้าปะทะ
“เอาด้วย” บาบาร่าเข้าร่วมวงไพบูลย์
ทั้งหมดประสานพลังเข้ารุมอสูรดารกา ด้วยลีลาแสนมหัศจรรย์
ส่วนภวัตยืนที่หน้าต่างดูเหตุการณ์ด้วยสีหน้ากังวล แล้วตัดสินใจออกไปจากห้อง

พรเปิดประตูรั้วรับภวัตด้วยความแปลกใจ “คุณหมอภวัต”
“ขอโทษด้วยที่มากดกริ่งปลุกตอนนี้ ... พอดีผมมีธุระกับธานี คือ ... เพิ่งนึกได้น่ะ”
ภวัตพูดพลาง วิ่งเข้าข้างในพลาง โดยพรมองตามงงๆ

ภวัตเข้ามาห้องแนนนี่ หยุดยืนตรงกลางห้อง และส่งเสียงอ้อนวอนเรียกหาพรมวิเศษ

“พรมวิเศษ ผมไม่รู้หรอกว่า คุณอยู่ที่ไหนหรือได้ยินผมหรือเปล่า แต่ผมขอให้คุณมาหาผมเดี๋ยวนี้ ...ผมจะไปช่วยแนนนี่ ผมรักเธอ ผมเป็นห่วงเธอที่สุด
เงียบ
“ด้วยพลังแห่งความรักที่ผมมีต่อแนนนี่ ขอให้คุณมาพาผมไปพบเธอด้วยเถอะ”
หน้าต่างเปิดออกอย่างแรง ภวัตหันไปมอง
ด้วยความรัก ความแน่วแน่จริงใจ และพลังแห่งรัก ทำให้พรมวิเศษปรากฏออกมา ภวัตยิ้มด้วยความตื้นตัน ในขณะที่พรมลอยเข้ามา

การต่อสู้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง อสูรดารกาปล่อยแสงใส่ทุกคนกระเด็นกระดอน ล้มระเนระนาดบาดเจ็บไปเป็นแถบๆ
จังหวะนั้นภวัตนั่งพรมมาร่อนลงจอด
“แนนนี่”
ภวัตตรงเข้ามาที่แนนนี่ และโอบประคองไว้ด้วยความรัก และห่วงใยสุดแสน
อสูรดารกามองภาพนั้นด้วยความสะเทือนใจ
“พี่ภวัต” แนนนี่ดีใจยิ่งนัก
“น้องดา เลิกคิดทำลายล้างเสียเถอะ นครเวทมนตร์เสียหายมากพอแล้ว เธอฆ่าทั้งมนุษย์ทั้งแม่มดพ่อมดมากมาย อย่าทำบาป มากไปกว่านี้เลย” ภวัตร้องขอ
“ถ้าน้องดายอมเลิก ทุกอย่างจะกลับไปเหมือนเดิมไหม .. พี่ภวัตจะรักน้องดามั้ย”
“ก็ตอบไม่ได้ว่า ทุกอย่างจะกลับไปเหมือนเดิมหรือไม่ ..แต่ที่ตอบได้คือพี่จะรักน้องดาเหมือนน้องเช่นเดิม”
อสูรร้ายดารกาเงยหน้าครวญครางราวกับได้รับความเจ็บปวดสุดแสน
“น้องดา”
“พี่ภวัตรักนังแนนนี่ พี่ภวัตทำร้ายหัวใจน้องดา น้องดาจะทำลายทุกอย่างไม่ให้เหลือ”
อสูรดารกาชูมือขึ้น แล้วปล่อยลำแสงลงมา พื้นดินบริเวณนั้น แยกออกจากกัน เห็นเปลวไฟเบื้องล่าง ผู้คนในบริเวณที่ไม่ทันระวังต่างร่วงตกลงไป เสียงร้องดังระงม
กลุ่มผู้นำแม่มดต่างก็ร่วงหล่น รวมทั้งทาฮิร่าและบาบาร่า ต่างพยายามปีนป่ายกลับขึ้นมา ต่างหมดแรงสลบไสลบ้างตกไปบ้าง
อสูรดารกาคั่งแค้นอย่างหนัก และยังคงอาละวาดถล่มเมืองเวทย์ ไม่ยอมรามือ ไฟไหม้ไปทั่วทุกหย่อมหญ้า
“เราจะมีวิธีแก้ไขมั้ยคะ ท่านผู้นำ” แนนนี่ตะโกนถามท่านผู้นำแม่มด
“มี แนนนี่ เจ้าไม่ใช่อสูร แต่เจ้าเกิดปีเดียว วันเดียว เดือนเดียว และเวลาเดียวกับอสูร เพราะเจ้าถูกกำหนดมาให้กำจัดอสูร ให้ตายไปกับมัน” ท่านผู้นำกล่าว
“แนนนี่ปราบอสูร” ทาฮิร่ากับบาบาร่า ประสานเสียงกัน
ภวัตโอบกอดแนนนี่ไว้เพื่อให้กำลังใจ อสูรดารกาเดินจากไป ตลอดทางที่ผ่านมีแต่ความเสียหายทำลายล้าง
“ท่านผู้นำโปรดบอกมาเลยค่ะว่า แนนนี่จะต้องทำอย่างไร มันมุ่งหน้าไปที่สภาแม่มดแล้ว”
“เจ้าต้องสละชีวิต ยอมตายไปกับมัน”
“อะไรนะ” ทุกคนตกใจ
แนนนี่ตัดสินใจเด็ดขาด “แนนนี่จะทำ” น้ำเสียงมุ่งมั่น
ทุกคนยิ่งตกใจ
“แนนนี่ ไม่ได้หรอก ยายไม่ยอมให้หนูทำเด็ดขาด” ทาฮิร่าทั้งรักทั้งห่วงหลานสาว
“แนนนี่” ภวัตหน้าเศร้า
“แนนนี่ทราบค่ะว่าทุกคนเป็นห่วงแนนนี่ แต่ถ้าแนนนี่ไม่ทำ อสูรก็ไม่ถูกกำจัด ความเสียหายจะตามมาอีกมากมาย โดยเฉพาะทุกคนต้องตาย”
“เราทุกคนยอมตาย ใช่ไหม บาบาร่า” ทาฮิร่าหันมาทางเพื่อนเลิฟ
บาบาร่าพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก
“ให้แนนนี่ตายคนเดียวไม่ดีกว่าหรือคะ”
ทาฮิร่าเสียใจร้องไห้ออกมา “ไม่ ยายไม่ยอม”
“คุณยายขา ปล่อยให้แนนนี่ทำเถอะค่ะ ท่านผู้นำก็บอกอยู่แล้วว่าแนนนี่เกิดมาเพื่อกำจัดอสูร”
ทาฮิร่าร้องไห้ใจจะขาดและกอดแนนนี่ไว้แน่น
“ยายไม่ได้เลี้ยงหลานมาเพื่อให้สละชีวิตให้ทุกคนที่พยายามตามล้างตามผลาญหลาน” ทาฮิร่าแดกดัน
บาบาร่า ผู้นำแม่มด พรรคพวกก้มหน้า ทำตาปริบๆ
“พวกเขาจ้องจะฆ่าหลานของยายอย่างเดียว พอมาถึงตอนนี้ก็จะเรียกร้องให้เจ้าเสียสละอีก ในเมื่อจะต้องตาย ก็ตายกันให้หมดซิ อยู่กันมาตั้งไม่รู้กี่ร้อยกี่พันปีแล้ว”
แนนนี่กอดยายไว้แน่น “ยายจ๋า ขอให้แนนนี่ได้ทำเถอะ แนนนี่เต็มใจจะทำแล้วก็อยากให้ยายภูมิใจด้วยว่าเลี้ยงเด็กกำพร้าคนนี้มาไม่เสียหลาย”
ทาฮิร่าสะอึกสะอื้น พูดไม่ออก บาบาร่าต้องโอบไหล่ไว้
แนนนี่หันมาทางภวัต “พี่ภวัต ฝากบอก คุณแม่ คุณลุงจักร พี่ธานี พี่รัดเกล้าและทุกๆคนที่บ้านด้วยว่า แนนนี่รักพวกเขา บอกแม่ว่า แนนนี่ตัดสินใจจะอยู่ที่นี่กับยาย จะไม่กลับไปอีก อย่าบอกท่านว่าแนนนี่ตาย”
ภวัตพูดไม่ออก ด้วยความสะเทือนใจ
“แนนนี่รักพี่ภวัตค่ะ” แนนนี่บอกชายที่เธอสุดชีวิต รักตั้งแต่พบหน้า จวบจนวันนี้ วินาทีนี้
ภวัตดึงแนนนี่มากอดแน่น “แนนนี่”

“แนนนี่รักพี่ภวัต อยากอยู่กับพี่ภวัตไปชั่วชีวิต”
“ฟังนะแนนนี่ ...” ประคองหน้าแนนนี่ไว้ “... พี่รักแนนนี่ รักมาตั้งแต่แรกและจะรักไปจนตลอดชีวิต”
จังหวะนั้นมีเสียงร้องของอสูรดารกาดังขึ้นมาราวกับหัวใจแตกสลาย
“พี่จะรักแนนนี่คนเดียวตลอดไป”
แนนนี่ยิ้มทั้งน้ำตา “เพียงเท่านี้แนนนี่ก็มีความสุขที่สุดแล้ว ถึงตายแนนนี่ก็ไม่เสียดายชีวิตเลยสักนิด ลาก่อนค่ะพี่ภวัต”
ภวัตโอบกอดแนนนี่ไว้ บรรจงจูบตรงหน้าผากอย่างรักใคร่และอาลัยอาวรณ์
แนนนี่ก้มกราบแทบเท้าเหมือนจะบอกลายายครั้งสุดทท้าย
“แนนนี่ไปละนะ ชิกเก้น ฝากดูแลยายให้ดีด้วย”
แนนนี่ตัดสินใจลุกเดินแกมวิ่งไป ทาฮิร่าใจจะขาดเสียให้ได้ และทำท่าจะตามแต่บาบาร่าจับไว้
ภวัตตัดสินใจลุกตามไป

อสูรดารกากำลังกรีดร้องโหยหวน รังสีจากเสียงนั้นทำให้อาคารต่างๆ ในบริเวณนั้นพังทะลาย
ผู้คนที่ซ่อนตัวอยู่พยายามจะหนีเอาชีวิตรอด แต่ก็ต้องเศษอาคารถล่มทับเป็นที่น่าเวทนา
“พี่ดา แนนนี่มาแล้ว”
อสูรดารกาหันมา “อ้อ ! มาแล้วเรอะ นังมารหัวใจ”
“หยุดก่อกรรมทำชั่วเสียที แนนนี่พร้อมจะไปกับพี่ดาแล้ว”
อสูรดารกาแสยะแยกเขี้ยวใส่อย่างแค้นคั่ง
ระหว่างนั้นภวัตตามมา
“น้องดา พาพี่ไปแทนแนนนี่”
“อย่านะ พี่ภวัต กลับไป” แนนนี่ร้องห้าม
“พี่รักแนนนี่ พี่ยอมตายแทนแนนนี่”
อสูรดารกากรีดร้อง “อ๊าย ... ย...ย.... ทำไมพี่ภวัตไม่รักน้องดา”
พอแนนนี่เห็นดารกาเผลอ รีบวิ่งเข้ามาจับแขนไว้ แล้วพาเหาะขึ้นไป
“ไปด้วยกัน”
“ไปไหน”
แนนนี่จับแขนดารกาลอยดิ่งลงไปในแผ่นดินที่แยกออกจากกัน
“แนนนี่ น้องดา” ภวัตช็อก

เวลาเดียวกันนั้น ปัทมนสวดมนตร์อย่างมุ่งมั่น

ดารกากับแนนนี่จมดิ่งลงไปสู่เบื้องล่างที่เต็มไปด้วยไฟลุกโชนอย่างน่ากลัว

ปัทมนตั้งสมาธิสวดมนตร์อยู่อย่างนั้น จังหวะนั้นปัทมนมองเห็นภาพลูกทั้งสอง ดารกาและแนนนี่ กำลังจมดิ่งลงไปเรื่อยๆ
“ด้วยอำนาจพระพุทธคุณ ได้โปรดช่วยลูกรักของแม่ทั้ง 2 คนด้วย”
ในหุบเหวที่เบื้องล่างเปลวไฟพร้อมจะเผาผลาญทุกสรรพสิ่ง ดารกาจับมือแนนนี่แน่น
“แนนนี่ ฉันตาย..... แกก็ต้องตายด้วย”
“แนนนี่พร้อมจะตายอยู่แล้ว และก็ไม่เสียดายชีวิตเลย”
“นังแม่มด แกเป็นคนทำลายความรักของฉัน”
ปัทมนอยู่ในห้องพระ เริ่มสวดมนตร์มาถึงบทแผ่เมตตา เสียงสะท้อนก้องมาในหุบเหวแห่งนั้น
“ใครมาบ่นอะไรแถวนี้ ฉันไม่ฟัง” ดารกาเสียงกร้าว
แนนนี่สีหน้าชื่นมื่น “คุณแม่ คุณแม่สวดมนตร์ให้พี่ดากับแนนนี่”
“ฉันไม่ฟัง”
ทั้งสอง ดำดิ่งลึกลงไปทุกทีๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ ท่าทางดูอ่อนแรงลงไปทุกขณะ
เสียงปัทมนดังขึ้นมา “น้องดาลูกรัก อย่าสร้างบาปอีกต่อไปเลย ขอพระพุทธคุณและพลังรักจากแม่และคำสั่งสอนอบรมของแม่ จะช่วยให้ลูกกลับใจ หยุดท้ำร้ายทุกคนด้วยเถิด”
แนนนี่กับดารกาอ่อนแรงลงไปอีก แนนนี่ออ่อนระโหยโรยแรงเต็มทีแล้ว
“พี่ดา แนนนี่หมดแรงแล้ว แนนนี่ขออโหสิให้พี่ดานะคะขออย่าให้เรามีเวรมีกรรมต่อกันอีกเลย”
ดารกาก็อ่อนแรงแต่ยังทำเสียงกร้าวใส่ “ฉันไม่อโหสิให้แก แล้วก็ไม่รับคำอโหสิด้วย”
ปัทมนยังคงสวดแผ่เมตตาต่อ
ดารกาซึ่งใกล้จะหมดแรงลงไปทุกทีๆ เวลานั้นแสงแห่งพระพุทธรูปผุดเข้ามาในห้วงความคิด สีพระพักตร์ที่เต็มไปด้วยความเมตตาแผ่รัศมีสว่างเรืองรองออกมา เสียงสวดมนตร์ของแม่เวลานี้กลับฟังสงบเยือกเย็นอย่างประหลาด
อสูรดารกาลืมตาขึ้น สีหน้ากร้าวกระด้างดูอ่อนโยนลง ภาพปัทมนที่รักใคร่เมตตาดารกา มาตั้งแต่เด็กจนโตเข้ามาในห้วงความคิด
มือของดารกาขยับจับมือแนนนี่แน่นมากขึ้น มือแนนนี่ก็ขยับจับมือดารกาเช่นกัน
แนนนี่อ่อนระโหยกำลังจะสิ้นแรงแล้ว
“พี่ดา”
“แนนนี่ พี่ฝากคุณแม่ ฝากพี่ภวัตด้วย พี่ขออโหสิกับทุกคน”
ดารกาพยายามรวบรวมกำลังครั้งสุดท้าย จับแขนแนนนี่ไว้มั่น แล้วเหวี่ยงขึ้นไปสุดแรงเกิด ร่างแนนนี่ ลอยลิ่วๆ ขึ้นสู่เบื้อบน
“พี่ดา”
ในขณะที่ดารกาลอยละลิ่วลงสู่เบื้องล่าง และจมหายลงไปในกองไฟ บรรลัยกัลป์
ร่างของแนนนี่กระเด็นขึ้นมา ดารกาดิ้นรนในกองไฟนั้น แล้วจึงค่อยๆสงบลง
เสียงดารกาดังขึ้นมาจากก้นหุบเหวแห่งเปลวเพลิง
“ทุกๆ คนต่างมีอสูรอยู่ในตัว”
อสูรดารกากลับคืนเป็นดารกาแสนดีคนเดิม เขา เขี้ยว หาง หายไปจนสิ้น เหมือนคนปกติธรรมดานอนตาย
ภวัตยืนโอบกอดแนนนี่อย่างสุดแสนรักที่ปากเหว
“พี่นึกว่าต้องเสียแนนนี่ไปเสียแล้ว”
“พี่ดาค่ะ พี่ดาช่วยแนนนี่ไว้” แนนนี่บอกอย่างตื้นตันใจ
เปลวเพลิงลุกโชนขึ้นมาจากก้นเหว ภวัตและแนนนี่เบิกตากว้าง

สักครู่หนึ่ง ท่านผู้นำแม่มดกำลังร่ายคาถาปิดปากเหว
“อัล .... อามีลา ...โฮลา ... อัมอารัล”
หุบเหวปิดเข้าหากัน ผู้คนรีบหนีออกจากบริเวณนั้นวุ่นวาย ชิกเก้นกระโดดไม่ข้าม ตกลงไป ดีว่ามือคว้าขอบไว้ได้
“คุณยาย ช่วยด้วย”
ทาฮิร่าหันมา “ไอ้ชิกเก้น”
ทาฮิร่าหันหลังกลับวิ่งไปช่วยชิกเก้น
“ทาฮิร่า อย่าไป” บาบาร่าร้องห้าม
ทาฮิร่าไม่ฟังเข้าไปอุ้มชิกเก้นออกมาได้อย่างหวุดหวิด
“ชิกเก้น ไม่เป็นอะไรแล้วนะ ไม่เป็นไรแล้ว”
ภวัตและแนนนี่เดินเข้ามาหาทาฮิร่า
“คุณยาย”
สองยายหลานโผกอดกันครู่หนึ่งแล้วนึกได้
ทาฮิร่าก้มมองชิกเก้น “ชิกเก้น ชิคเก้นไม่หายใจ”
“ชิกเก้น” แนนนี่ตกใจ
ทาฮิร่าร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ “ชิกเก้น ลืมตาซิ ลืมตา”
แนนนี่กอดคุณยายไว้น้ำตาไหล เสียใจไม่ต่างกัน “คุณยายขา”
“ชิกเก้น ฉันสั่งให้แกลืมตา ฉันอยากทะเลาะกับแกอีก”
ทาฮิร่าสะอึกสะอื้น ขณะที่ทุกคนต่างเศร้าสลดกันไป

ประตูบ้านทาฮิร่าเปิดออก ทาฮิร่ายังคงน้ำตาไหลพราก อุ้มชิกเก้นเดินเข้ามา
ท่านผู้นำแม่มด บาบาร่า แนนนี่ ภวัต และไทเกอร์รวมทั้งแม่มดผู้ติดตามผู้นำตามเข้ามา บรรยากาศเศร้าสลด สีหน้าแต่ละคนต่างเศร้าหมอง น้ำตาซึม แนนนี่จับมือภวัตแน่น
แนนนี่ร่ายคาถาเป็นเบาะสวยงามให้ทาฮีร่าวางชิคเก้นลง
“ชิกเก้น แกมันใจดำ ทิ้งฉันให้อยู่คนเดียวได้ยังไง” ทาฮิร่าปาดน้ำตา “คอยดูนะฉันจะชุบชีวิตแกให้ได้
“โธ่เอ๊ย ทาฮีร่า คาถาบทง่ายๆ กว่านี้เจ้ายังลืมเลย แล้วจะไปจำคาถาชั้นสูงโต่งอย่างนั้นได้ยังไง” ท่านผู้นำว่า
“ยังไงก็ต้องลองดูละเจ้าค่ะ”
ทาฮีร่าทรุดตัวลงขัดสมาธิ ทุกคนนั่งห่างออกมา
“อัมมา .... อาลาเฟรชา อนาโตมียา”
ทาฮิร่าชี้ไปชิกเก้น ทุกคนมองตามลุ้นเต็มที่ ชิกเก้นยังคงแน่นิ่งไม่ไหวติง
ทาฮิร่าสูดลมหายใจเรียกพลัง “อัมมา .... อนาโตมียา อาลาเฟรชา”
ทาฮิร่าชี้ใหม่ ชิกเก้นยังคงแน่นิ่ง ทาฮิร่าว่าคาถาชี้แล้วชี้อีก แต่ชิกเก้นยังนิ่ง
ในที่สุด ทาฮิร่าถึงกับต้องยกมือปาดเหงื่อ
“ ยายจ๋า”
ท่านผู้นำแตะแขนเป็นเชิงปลอบ “ทาฮิร่า...”
ทาฮิร่าปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ชิกเก้น ขอให้แกไปสู่สุคติเถิด”
จู่ๆ เสียงคุ้นหูเอ่ยขึ้น “เฮ้อ! เมื่อยจัง”
ทุกคนชะงัก แล้วก้มลงไปมอง เห็นชิกเก้นกำลังบิดตัวไปมาด้วยความเมื่อยขบ
“ชิกเก้น” ทุกคนประสานเสียง
“นี่ฉันชุบแกฟื้นใช่มั้ย ดีใจจัง...แนนนี่ นายภวิต เห็นมั้ยว่ายายเก่ง” ทาฮิร่าดี๊ด๊าสุดโต่ง
“โอ๊ย! ชุบเชิบอะไรที่ไหน ชิกเก้นไม่ได้ตายซักหน่อย แค่อยากลองใจคุณยายทาฮิร่าเท่านั้น” ชิกเก้นว่า
“ไอ้ชิกเก้น”
“ข้อแรก ... ชิกเก้นอยากรู้ว่าคุณยายยังจำคาถาชุบชีวิตได้มั้ย ปรากฏว่าก็จำไม่ได้ เวรก๊ำ...เวรกรรม”
“ก็แกไม่ได้ตาย แกจะรู้ได้ยังไงว่าฉันจำไม่ได้”
ขณะที่ทั้งคู่เถียงกัน...คนอื่นลุกเดินออกไปเซ็งๆ เว้นภวัตและแนนนี่
“รู้ละกัน ข้อต่อไปนี้สำคัญที่สุด ‘ไรสุด นั่นคือชิคเก้นอยากรู้ว่าคุณยายรักชิคเก้น...’ไรชิคเก้นมากแค่ไหน ปรากฏว่ามากจนแมวปลื้ม”
“ไอ้ชิกเก้น แกได้ตายจริงๆแน่”
ทาฮิร่าลุกขึ้น ชิกเก้นไหวตัวทันกระโจนหนีไปทางหน้าต่างก่อน
“เวรก๊ำ....เวรกรรม”
ทาฮิร่าตามติด “อย่าหนีนะ ไอ้ชิกเก้น”
ภวัต และแนนนี่มองตาม แล้วหัวเราะ
ในที่สุดภวัตหันมามองแนนนี่ ส่วนแนนนี่ก้มหน้าเขิน
ภวัตล้อ “เอ๊ะ พี่บอกหรือยังว่ารักแนนนี่”
แนนนี่บ่นอุบอิบ “บอกแล้วค่ะ”
“ไม่เป็นไร ต่อไปนี้ พี่จะบอกทุกวันเลยว่ารักแนนนี่”
แนนนี่ยิ่งเขินจัด

เวลาผ่านไป
เช้าวันนี้สมาชิกทุกคนกำลังใส่บาตรอยู่หน้าบ้าน โดยมีปีเตอร์คอยคุมบุษบาตล๊อด ซึ่งบุษบายามนี้ดูสงบเสงี่ยมเจียมตัวกว่าที่เคยเห็นราวกับเป็นคนละคน ทุกคนร่วมใจกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ดารกา
เหมือนกับจะรับรู้ รูปดารกาในกรอบใหญ่ที่ตั้งอยู่ภายในบ้าน ทอดสายดวงตามองมายังทุกคนอย่างสงบและอ่อนโยน

ส่วนที่เมืองแม่มด ทาฮิร่าและชิกเก้น ลงจากไม้กวาดจะเดินเข้าบ้าน
“อยากจะเอาเด็กมาเลี้ยงอีกมั้ยคุณยาย” ชิกเก้นถามนายหญิง
“ถ้ามี ฉันก็เลี้ยง”
“เรียกว่าไม่เข็ด เวรก๊ำ...เวรกรรม”
“เลี้ยงแม่มดมาเยอะ เลี้ยงแล้วขาดดุลย์ ต้องยกให้พวกมนุษย์ผู้ชายหมด คราวหน้าถ้าเลือกได้ อยากจะลองเลี้ยงพ่อมดดูบ้าง”
“เอากับนางซิ”
จังหวะนั้นที่เท้าทาฮีร่าสะดุดอะไรบางอย่าง
“อุ๊ย!” ทาฮิร่าก้มลงมอง “ตะเกียงแก้ว ตะเกียงแก้วกลับมาอยู่กับฉันอีกแล้ว”
“เวรก๊ำ...เวรกรรม”

หลังจากต้องอกสั่นขวัญแขวนตลอด 22 ปี ที่ผ่านมา ความสุข เสียงหัวเราะ คืนกลับสู่นครเวทมนตร์อีกคราครั้ง

จบบริบูรณ์






Create Date : 11 มีนาคม 2555
Last Update : 11 มีนาคม 2555 21:51:15 น.
Counter : 1035 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]