All Blog
อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 20



ปัทมนทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา ในขณะที่ดารกาลงนั่งกับพื้นข้างหน้า

“เมื่อกี้คุณแม่ร้องทำไมคะ...น้องดาตกใจแทบแย่”
ปัทมนไม่พูดอะไรเพราะกลัวว่าลูกสาวแสนซื่อจะกลัว
“ช่างเถอะจ้ะ...แม่อาจจะคิดไปเอง!.. ว่าแต่น้องดาเถอะ..แม่ว่า ระยะนี้หนูดูเครียดๆ นะ”
“ค่ะ! น้องดาเรียนหนัก” ดารกาอ้างเรื่องเรียน
“เพลาๆ ลงบ้างก็ได้...เครียดมากๆ เดี๋ยวจะไม่สบาย”
“น้องดาไม่อยากให้คุณแม่ผิดหวังค่ะ... เรื่องเมื่อกี้ เดี๋ยวน้องดาจะขอโทษพี่ธานี..”
“น้องดา..” ปัทมนพูดพลางยื่นมือมาจับหัวลูก
ดารกาขยับตัวถอยทันที ปัทมนชะงัก...แต่ไม่พูดอะไร..
“น้องดาปวดศีรษะน่ะค่ะ...ปวดตุ้บๆ เลยไม่อยากให้ใครจับ”
“เป็นมากก็ปรึกษาพี่ภวัต...”
“ค่ะ...น้องดาก็ตั้งใจว่าอย่างนั้น!”
ดารกาพูดโดยไม่สบตาปัทมนตลอด ปัทมนรับรู้ มองลูกสาวแสนดีอย่างเพ่งพิศ

คนอื่นๆ จับกลุ่มเม้าท์ที่ด้านล่าง
“น้องดาเป็นอะไรก็ไม่รู้!” ธานีแปลกใจ
“แนนนี่รู้! เป็นบ้าไง” แนนนี่สวนขึ้น
ภวัตดุใส่ “แนนนี่!...เมื่อไหร่เราถึงจะพูดถึงคนอื่นดีๆ บ้าง”
จังหวะนั้นมีเสียงปัทมนดังขึ้นขัดจังหวะ
“ภวัต!”
ทุกคนหันมา ขณะปัทมนเดินมถึงาพอดี
“อามีเรื่องอยากจะคุยด้วยหน่อยจ้ะ!”
“ได้เลยครับ!”
“งั้นผมจะขึ้นไปข้างบนนะครับ...” ธานีออกตัว
“ไม่ต้อง...ธานีอยู่ฟังด้วยก็ดี!” ปัทมนบอก
“แล้วแนนนี่ละค่ะ!” แนนนี่อยากรู้
“เราขึ้นไปอ่านหนังสือสอบได้แล้ว!”
“ว้า!” แนนนี่บ่น
“แนนนี่!” ปัทมนปราม
“ก็ได้ค่ะ!” หันมามองภวัต “...เดี๋ยว น.น. ถามพี่ภวัตก็ได้!”
“เอ๊ะ! เด็กคนนี้นี่!” ปัทมนดุ แต่ไม่จริงจัง
แนนนี่หัวเราะคิกคัก เดินแกมวิ่งขึ้นข้างบนไป อาการร่าเริง

แนนนี่เปิดประตูเข้ามา
“ได้ความว่ายังไงบ้าง!” ชิกเก้นถามอย่างร้อนรน
“ไม่ได้เลย! เออ! วันนี้ยัยพี่ดา ทำอะไรแปลกๆละชิกเก้น!”
“แปลกยังไง!”
“ก็พี่ธานี น่ะซิจะจับหัวน้องสาวสุดสวาทขาดใจด้วยความเอ็นดู...แต่เจ้าหล่อนดันปรี๊ดแตก ผลักเสียหน้าคะมำเลย!”
“น้องดาคนสวยน่ะนะ! ไม่น่าเชื่อ!” ชิกเก้นไม่อยากจะเชื่อ
“เชื่อเถอะ...ชิกเก้น! ถึงนิสัยแนนนี่จะแย่ แต่ก็ไม่โกหก!”
“เออ! ถ้าบอกว่าแนนนี่ปรี๊ดแตกค่อยน่าเชื่อหน่อย!”
“ตอนนี้พวกผู้ใหญ่เขากำลังปรึกษาหารือกัน! แสดงว่าทุกคนต้องเริ่มหนักใจ!”

ปัทมนเอ่ยขึ้นน้ำเสียงซีเรียส
“อาอยากจะให้ภวัตช่วยสอนน้องดาหน่อยว่าดูหนังสือยังไงถึงจะไม่ทำให้เคร่งเครียดเกินไป!”
“ผมก็ว่าน้องดาเครียด แต่เมื่อกี้เห็นแล้วตกใจ...แกไม่เคยหลุดขนาดนี้!” ธานีบอก
“ได้ครับ... คุณอาปัท”
“ขอบใจนะจ้ะ อาก็ไม่เห็นใครนอกจากภวัตที่จะช่วยได้!”
“ผมคิดว่าน้องดาคงเก็บกดมานาน...ทั้งเรื่องเรียน... เรื่องพยายามเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้อง...และอาจจะมี
สาเหตุอื่นอีก”
“อย่าให้แนนนี่รู้ล่ะ เดี๋ยวแผลงฤทธิ์ตาย!” ธานีกังวล
“แผลงไม่ได้! แนนนี่โตแล้ว...ต้องเข้าใจเสียบ้างว่าอะไรควร อะไรไม่ควร แล้วแม่จะพูดกับแกเอง”
“แกเองก็ต้องพูดเหมือนกัน แนนนี่น่ะติดแกมาก...อย่าไปตามใจเหมือนที่แล้วๆ มา” ธานีหันมาทางภวัต
“ฉันไปตามใจที่ไหน!” ภวัตแย้ง
“งั้น....” ธานีอึ้ง
“ธานี เรานั่นแหละ...ต้องให้เวลากับแนนนี่แล้วก็น้องดามากขึ้นก่อนที่แกจะเป็นไม้แก่ดัดยากไปกว่านี้”
“ผมขอตัวก่อนนะครับ...ต้องไปดูว่าที่บ้านมีอะไรเสียหายบ้าง!”
“อ้าว...ตายจริง! อาเลยยึดตัวภวัตไว้เลย...ธานี..ไปช่วยดูด้วยซิ! บ้านเราไม่มีอะไรแล้ว!”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ไป”
ธานีตบไหล่เพื่อน และ เดินออกไปด้วยกัน ปัทมนทรุดตัวลงนั่งสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด

หลายวันต่อมา ทาฮิร่านอนซมอยู่อยู่ในตะเกียงแก้ว เห็นได้ชัดว่าไม่สบาย ส่วนแนนนี่เดินกลับไป
กลับมาอย่างใช้ความคิดอยู่ในห้องตัวเอง มีชิกเก้นอยู่ข้างๆ
ชิกเก้นมองครู่หนึ่ง จึงเอ่ยขึ้น “วันเวลาผ่านไป! ชิกเก้นดีใจที่แนนนี่ตัดอกตัดใจเรื่องคุณแม่ได้ ไม่มีคุณ
แม่คนไหนที่ไม่รักลูกหรอก!”
แนนนี่รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
“จิตมนุษย์นี่ไซร์ ยากแท้หยั่งถึง...แนนนี่ว่าจิตแม่มดหรือจิตอสูรก็เหมือนกัน!... แนนนี่ต้องรู้ให้ได้ว่า
ทำไมแม่ถึงต้องทิ้งแนนนี่! ไม่อย่างนั้นมันก็คงค้างคาใจไปตลอดชีวิต!
“แนนนี่...” ชิกเก้นทำท่าจะห้าม
“อย่าห้ามแนนนี่เลย... เพราะถึงห้ามแนนนี่ก็ไม่เชื่อ!”
“อ้าว!...เวรก๊ำ...เวรกรรม!”
“ยิ่งตอนนี้ คุณยายไม่ค่อยสบาย ยิ่งทางสะดวก...ชิกเก้นต้องช่วยแนนนี่นะ!”
“ไม่เอา! ชิกเก้นไม่อยากเกี่ยวข้องด้วย!”
“ขอบใจมากจ๊ะ ที่รับปากว่าจะช่วย!”
“เฮ้ย! ชิกเก้นรับปากเมื่อไหร่กัน” ชิกเก้นโวยวายที่ถูกมัดมือชก
“แผนแนนนี่เป็นอย่างนี้นะ...” แนนนี่กระซิบกระซาบ
“ไม่เอา! ไม่ฟัง!”
“ชิกเก้นต้องควบเป็น 2 คนเลย ทั้งแนนนี่เวลาเข้าไปหายายในตะเกียง แล้วก็เป็นพี่ภวัตด้วย เพราะแนน
นี่จะไปเมืองเวทมนตร์กับพี่ภวัต!” แนนนี่เล่าแผน
“ได้โปรด! แนนนี่! อย่าทำอย่างนั้น Don’t”
“แนนนี่จะเข้าไปดูคุณยายในตะเกียงก่อนนะ!”
แนนนี่หายเข้าไปในตะเกียง
“เดี๋ยว! แนนนี่ ชิกเก้นยังไม่ได้รับปาก! ดูซิ! ฟังเสียที่ไหน! ยายหลานคู่นี้ช่างเหมือนกันเสียนี่กระไร!
เวรก๊ำ.....เวรกรรม”

ทาฮิร่านอนซมอยู่ ขณะแนนนี่ปรากฏตัวขึ้น
“ยายจ๋า...เป็นยังไงบ้างจ๊ะ!”
ทาฮิร่าลืมตาขึ้น “ดีขึ้นองคุลีเดียว...นี่แหละที่เขาเรียกว่าสังขาร! อยู่ดีๆก็เจ็บ”
แนนนี่เดินมารินยาให้ “นี่จ้ะ...ยาอายุวัฒนะ”
ทาพยุงตัวขึ้นรับมากิน
“ระหว่างป่วยนี้...ยายต้องอยู่ในตะเกียง ห้ามออกไปไหนทั้งนั้น”
ทาฮิร่าอ้าปากจะพูด
“ห้ามเถียงจ้ะ ตอนนี้ยายเป็นคนไข้ของแนนนี่! ห้ามเถียง ห้ามพูด จะได้หาย เร็วๆ! พี่ตะเกียง..คอยดูแล
คุณยายแทนแนนนี่ให้ดีนะ.
ทาฮิร่าตาโตอ้าปากจะพูด แต่ตะเกียงแก้วพูดก่อน
“แล้วแนนนี่จะไปไหน!”
แนนนี่นึกได้ “อ๋อ! ไม่ได้ไปไหนหรอก! แนนนี่ก็ไปๆ มาๆ เหมือนเคย...แนนนี่ออกไปก่อนนะจ๊ะ”
พูดจบแนนนี่ลอยออกไป
“นอนพักผ่อนเถอะค่ะ คุณยาย!”
ทาฮิร่าลงนอนอย่างว่าง่าย

แนนนี่ออกมาจากตะเกียงแก้ว เจอชิกเก้นที่มารออยู่ในห้องพระ
“คุณยายว่าไงมั่ง!”
“ไม่ได้ว่า...เพราะแนนนี่ว่าเสียก่อน ชิกเก้นก็เหมือนกัน...ระวังตัวให้ดีระหว่างที่แนนนี่ไม่อยู่...เอา
ตะเกียงแก้วมาไว้ในห้องพระอย่างนี้ดีแล้ว..แนนนี่ค่อยสะบายใจหน่อย!
แนนเดินไปที่ประตู แล้วเปิดออกไป

แนนนี่ก้าวออกมา แล้วต้องชะงัก เห็นดารกายืนท้าวแขนอยู่ที่ระเบียง หันหลังให้ แนนนี่เดินผ่านเหมือน
ไม่สนใจ
“เข้าไปสวดมนตร์หรือจ๊ะ แนนนี่!” ดารกาทักทายเสียงใส
แนนนี่หันกลับ “ค่ะ! แนนนี่ขอพรพระให้ทุกคนพ้นจากภัยอสูร!”
“ขอให้พี่ดาด้วยหรือเปล่า!”
“แล้วพี่ดาอยากจะให้พระคุ้มครองหรือเปล่าล่ะคะ!” แนนนี่ประชด
ดารกาหัวเราะ “มนุษย์ทุกคนต้องอยากทั้งนั้น ยกเว้นอมนุษย์!”
“อมนุษย์บางพวกก็ต้องการค่ะ!” แนนนี่ว่า
“เช่น...แม่มด!” ดารกาดักคอ
แนนนี่มองดารกา แล้วหันหลังเดินลงไป
ดารกามองตามสายตาเหยียดเย้ย ขณะพูดพึมพำ “แต่อสูรไม่ต้องการ!”

เวลาเดียวกัน ผาดกำลังเช็ดถ้วยเช็ดชามอยู่ในครัว ดารกาเดินเข้ามา..มองจ้องผาดเขม็ง ร่ายคาถา
ร่างผาดกระตุกเหมือนถูกสะกด หันกลับมาช้าๆ
“จงเข้าไปเอาตะเกียงแก้วในห้องพระมาให้ข้า!”
ผาดเดินตัวแข็งออกไป ดารกามองตาม ด้วยสีหน้าแววตาเยือกเย็น

ผาดเดินแข็งท่อเข้ามาภายในห้องโถง พรซึ่งกำลังเก็บกวาดบริเวณนั้นอยู่ มองอย่างแปลกใจ
“พี่ผาด”
ผาดยังเฉย ไม่ตอบ แล้วเดินต่อไป พรแปลกใจ จึงเดินตามเข้ามา
“พี่ผาด! เป็นอะไรน่ะ”
ผาดเดินไปที่บันไดไม่พูดไม่จา
พรจับแขนผาด ถามคาดคั้น “พี่ผาด เป็นอะไร”
ผาดหันขวับมา ดึงแขนออก แล้วสะบัดกระแทกพรอย่างแรง พรล้มลงสลบคาที่
ผาดเดินขึ้นบันไดต่อไป
สักครู่หนึ่งดารกาเดินตามเข้ามาช้าๆ

ผาดเดินช้าๆ ขึ้นบันไดมาทีละขั้นๆ โดยมีดารกาก้าวขึ้นบันไดตาม

ระหว่างนั้นแนนนี่เดินกลับเข้ามาในบ้านบ่นพึมพำออกมา
“โฮ้ย ! ไม่น่าลืมเล้ย เดี๋ยวยายน้อยใจแย่”
แนนนี่ชะงัก เมื่อมองเห็นพรนอนสลบอยู่ แนนนี่รีบเข้ามาประคองพรขึ้น
“พี่พร”
พรรับรู้ ค่อยๆ ปรือตาขึ้นมา แล้วยกมือชี้ไปข้างบน
แนนนี่มองตาม
“อะไรหรือจ๊ะ พี่พร”
พรพูดไม่ออก ยังพยายามชี้ อยู่อย่างนั้น
แนนนี่วางพรลง แล้วรีบเดินขึ้นไปชั้นบนทันที

ผาดเดินมาหยุดที่หน้าห้องพระ ยกมือจับลูกบิดประตูช้าๆ ดารกายืนกอดอกมองใบหน้าเยือกเย็น
แนนนี่เดินกึ่งวิ่งขึ้นมา แนนนี่แปลกใจในอาการของผาด แล้วมองไปเห็นดารกาเข้า
“น้าผาด ! พี่ดา!”
ผาดชะงัก ในขณะที่ดารกานัยน์ตาเป็นประกาย รู้สึกโกรธที่ถูกขัดจังหวะ แล้วค่อยๆ หันกลับไป
ดารกาทำเป็นเอานิ้วแตะปาก เดินมาหาแนนนี่ “น้าผาดแกเป็นอะไรไม่รู้ ตบพี่พรซะสลบแล้วก็เดินตัวแข็งทื่อขึ้นมา พี่ดาเลยตามขึ้นมาดู”
โดยที่แนนนี่ไม่ทันสังเกต ดารกาเบือนหน้าไปทางผาด นัยน์ตาเป็นประกายสีเขียวเรือง
ผาดล้มลงหมดสติ
ดารการีบเดินเข้าไป เช่นเดียวกับแนนนี่ ดารการีบช้อนหัวผาดขึ้น
“น้าผาด ...น้าผาด”
ผาดค่อยๆ รู้สึกตัว ปรือตาขึ้น
“น้าผาด...เป็นอะไรจ๊ะ” ดารกาชิงถามขึ้นก่อน
“ลูกไหวมั้ย ... น้าผาด”
ผาดหลับตาลง แล้วค่อยๆ ลุกนั่ง ลืมตาขึ้นมาใหม่ ในอาการงงๆ
“คุณน้องดา คุณแนนนี่”
“น้าผาดเป็นอะไรน่ะ” ดารกาถามเหมือนเป็นห่วง
“ไม่ทราบค่ะ ก็เมื่อกี้น้าผาดอยู่ในครัว ...โอ๊ย! น้าผาดงงไปหมดแล้ว”
แนนนี่มองผาดแล้วหันไปมองห้องพระ สีหน้าครุ่นคิด

ส่วนในตะเกียงแก้วทาฮิร่าฟังเรื่องราวจบก็ทำมือเป็นภาษาใบ้ของแม่มด ลงท้ายด้วยวาดสองมือเป็นวงใหญ่ ซึ่งหมายถึงอสูร
ชิกเก้นแปลบรรยาย “ต้องเป็นเพราะอสูรแน่ๆ โชคดีนะที่ชิกเก้นเคยลงเรียนแปลภาษามือของพวกแม่มด ... เลยได้ใช้ประโยชน์ตอนนี้เอง”
“โชคดีเหมือนกันที่แนนนี่นึกออกว่า จะต้องมาเตรียมยามื้อกลางและเย็นให้ยาย”
ทาฮิร่าหันมาทำมือถามแนนนี่
“แปลว่า แนนนี่จะไปไหน” ชิกเก้นแปลอีก
“อ๋อ! จะแวะไปมหา’ลัยหน่อยจ้ะ”
ทาฮิร่าสะกิดชิกเก้นให้หันมาดู แล้วทำท่าต่อ
“อสูรมันคงรู้แล้วว่าตะเกียงแก้วอยู่ในห้องพระนี่ มันถึงได้สะกดให้ผาดเข้ามาเอา! โห! ประโยคนี้ยาวหน่อย!” ชิกเก้นแปลต่อ
“เอ! แนนนี่จะทำยังไงดี...นึกไง”
ทาฮิร่าทำมืออีก
“แนนนี่ควรไปปรึกษาคุณแม่เรื่องผาดกับพร” ชิกเก้นแปลอีก
“ถ้าอย่างนั้นแนนนี่จะไปก่อนนะคะ”
ชิกเก้นทำท่าทะเล้นมองแนนนี่แล้วแปลเฉย “ถ้าอย่างนั้น แนนนี่จะไป...”
แต่ไม่ทันจบก็โดนทาฮิร่าตบหัวชิกหนึ่งที
“ไม่ต้องแปลแล้ว ชิกเก้น นี่แนนนี่พูด ไม่ใช่คุณยาย
“ชิกเก้นแปลเพลินไปหน่อย”
“คุณยายระวังตัวให้ดีนะคะ”
ทาฮิร่าเพิ่งตั้งท่า แต่ชิกเก้นแปลล่วงหน้าให้ก่อน
“ไม่ต้องเป็นห่วง....ยายดูแลตัวเองได้”
ทาฮิร่าตบหัวอย่างฉุนจัด แล้วพยายามพูด “ไอ้ชิกเก้น ฉันยังไม่ได้ทำท่าเลยดันแปลล่วงหน้า” หันมาทางแนนนี่ “ไม่ต้องห่วงยาย ...ให้รู้ตัวอย่างนี้ ยายก็ระวังตัวได้ แนนนี่ก็ต้องระวังตัวเหมือนกัน”
“จ้ะยาย แนนนี่จะระวังที่สุด แนนนี่ไปเอายามาให้ก่อนนะจ้ะ”
พอแนนนี่ว่าคาถาหายตัวออกไป ทาฮิร่าทำตาดุใสชิกเก้น
“ไอ้แมวเจ๋อ”

“ขอโทษนะพร พี่ไม่รู้ตัวจริงๆ” ผาดพูดขณะอยู่ในห้องกับพร โดยมีดารกาตามเข้ามา
“ฉันว่าพี่ผาดถูกผีสิง” พรว่า
ผาดสะดุ้ง “บ้า”
ดารกาทำสีหน้าตกใจ “ฮื่อ ! ขนลุกเลย” ลูบแขนตัวเอง “แต่เมื่อกี้น้าผาดน่ากลัวมากจริงๆ”
แนนนี่โผล่เข้ามาพอดี
“เป็นไงบ้างจ๊ะ พี่พร”
“ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ” พรบอก
“พี่พรบอกว่าน้าผาดถูกผีสิง” ดารกาเล่า
“แนนนี่ว่าไม่ใช่หรอกค่ะ น่าจะเป็นอย่างอื่นมากกว่า” น้ำเสียงแนนนี่มั่นใจ
ดารกาทำตาโต ตกใจ “อะไรล่ะจ๊ะ ตายละ...ยิ่งพูดพี่ดายิ่งกลัว”
“อย่างพี่ดาน่ะ กลัวอะไรกับเขาด้วยหรือคะ...แนนนี่ว่าพี่ดาเป็นหญิงแกร่ง”
“โถ...คุณแนนนี่ อย่าประชดคุณพี่อย่างนั้นซิคะ” ผาดปรามๆ
ดารกาปั้นหน้าฝืนยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ...จริงของแนนนี่ น้องดาไม่ควรกลัวอะไร...น้องดาเป็นพี่ ควรจะปกป้องแล้วก็ทำให้น้องอุ่นใจ ไม่ใช่เอาแต่แสดงความอ่อนแอ”
“เศร้าเว่อร์…พี่พรไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แนนนี่จะไปบอกพี่โป่งให้มาเยี่ยม”
พรออกอาการเขิน “ฮื่อ! คุณแนนนี่เนี่ย”
แนนนี่เดินออกไป แล้วหัวเราะคิกคัก ดารกาทำเป็นยิ้มให้อย่างใสซื่อ

โป่งกำลังตัดแต่งกิ่งก้านต้นไม้ แนนนี่ปรากฏ ตัวขึ้นข้างหลัง
“โป่ง”
โป่งหันมาทางเสียง “ …’จารย์ วันนี้ไม่ได้ขี่ไม้กวาดมาหรือครับ”
“เปล่า ! หายตัวมา !”
“…’จารย์นี่ยอดฝีมือเลย ... ขนาดป้าบานที่ว่าแน่ๆ ยังแพ้ลุ่ย ว่าแต่เมื่อไหร่ ’จารย์จะสอนให้โป่งหายตัวเสียทีล่ะครับ”
“ตอนนี้ติดภารกิจหลายอย่าง ไม่ค่อยว่าง ... ที่’จารย์มานี่ก็เพราะจะบอกให้โป่งไปเยี่ยมพี่พร เขาไม่ค่อยสบายน่ะจ้ะ”
“พรไม่สบาย โป่งจะไปเยี่ยมเดี๋ยวนี้เลยครับ”
โป่งวางกรรไกรตัดกิ่งไม้รีบเดินไป
“พี่โป่ง”
โป่งหันมาแล้วชะงัก แนนนี่ส่งช่อดอกไม้ให้
“อ้ะ เอาไปเยี่ยมพี่พร”
“...’จารย์ ’จารย์ไปเอามาจากไหนครับ”
“จากอากาศ เอ้า เอาไป”
“ขอบคุณมากครับ ’จารย์”
โป่งรับดอกไม้ แล้วรีบวิ่งออกไป แนนนี่มองตาม แล้วว่าคาถาหายวับไป
อิงอรซึ่งยืนแอบมองที่ข้างรั้วยกมือทาบอก...เห็นเต็มตาอีกครั้ง

อิงอรเดินมาทรุดตัวลงกุมขมับอยู่บริเวณหลังบ้าน แนนนี่ปรากฏตัวข้างหลังเอานิ้วชี้ สะกิดกลางหลัง
อิงอรสะดุ้งเฮือก หันกลับมา แล้วสะดุ้งซ้ำอีกครั้ง เมื่อเห็นแนนนี่ยืนถือไม้กวาดอยู่
“นะ .... นะ.... แนน .... แนนนี่”
แนนนี่รีบกระพุ่มมือไหว้ “ขอประทาสโทษค่ะที่ทำให้ป้าอิงตกใจ”
“มะ .... มะ ... ไม่เป็นไร บางทีชีวิตมันก็ราบเรียบนัก ...ได้ตกอกตกใจเสียบ้างก็ดี”
“ดีใจจังเลยที่คุณอิงพูดอย่างนั้น เพราะแนนนี่กำลังจะมาขออนุญาต Take off ที่นี่หน่อย”
“Take off”
“ค่ะ ! ป้าอิงหันไปซิคะ”
“ทำไม”
“ความฝันกับความจริงบางทีก็ก้ำกึ่งกัน พอป้าอิงหันมามองอีกที ป้าอิงอาจจะนึกว่าเป็นความฝันได้”
อิงอรค่อยๆ หันหลังให้ แนนนี่ขี่ไม้กวาดเหาะขึ้นไป ในขณะที่อิงอรค่อยๆ หันกลับมา ทว่า แนนนี่หายไปแล้ว
“ขอบคุณมากค่ะ ป้าอิง”
อิงอรเงยหน้ามอง เห็นแนนนี่กำลังไหว้อยู่บนไม้กวาด อิงยกมือไหว้ตอบ
“บ๊าย .... บาย .... ไปละค่ะ”
แนนนี่ขี้ไม้กวาดลอยไปบนฟ้า

“แนนนี่พูดถูก...บางทีความฝันกับความจริงมันก็ก้ำกึ่งกันอยู่” อิงอรพึมพำเว้นไปนิดหนึ่ง “
แล้วนี่มันฝันหรือว่าจริง!”

ทางด้านภวัต ซึ่งอยู่ที่โรงพยาบาล กำลังเดินคุยอยู่กับบุษบา และมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องทำงาน
“พี่ไชยไม่สบายคราวนี้ เปลี่ยนไปมากเลยค่ะ...เมื่อคืนก็ปรารภว่าอยากจะให้บุษเป็นฝั่งเป็นฝา”
ภวัตเริ่มมีท่าทีอึดอัด
“บุษเองก็ไม่ได้อยากจะเร่งรัด แต่พี่ไชยน่ะซีคะ เป็นห่วงกลัวว่าบุษจะถูกหลอกลวงเพราะทรัพย์สมบัติของเรามีมากมายหลายพันล้าน”
“บุษฉลาด .... แล้วยิ่งคอยระวังตัวอย่างนี้ คงไม่มีใครมาหลอกได้หรอก” ภวัตว่า
“บุษฉลาดในเรื่องเรียนเรื่องการทำงานค่ะ ... แต่เรื่องโลกภายนอกแล้วบุษ” ทำท่าบริสุทธิ์ไร้เดียงสาก่อนจะเอ่ยต่อ “ตามใครไม่ค่อยจะทัน”
ภวัตเดินเปิดประตูเข้าไปในห้อง บุษบาตามติด

ทั้งสองก้าวเข้ามา...แล้วต้องชะงักโดยเฉพาะภวัต หันไปจ้องดุๆใส่แนนนี่ซึ่งปลอมเป็น น.น. ใส่หนวดเคราคล้ายแขกอาหรับ
น.น. รีบลุกขึ้นยืนไหว้
“ต๊าย! นี่เด็กที่ไหนค่ะ!” บุษบาประหลาดใจ
“ไม่เด็กแล้วนะฮ่ะ คุณผู้หญิง! กำลังขบเผาะเหมาะเหม็งเลยทีเดียวเชียว!” น.น. หรือแนนนี่ว่า
“ภวัต!” บุษบาหันไปฟ้องภวัต
“ด็อกเตอร์ภวัตนัด น.น ให้มาพบฮะ!” น.น. ว่า
“จริงหรือคะ”
“ไม่ต้องถามหรอกฮะ เพราะเป็นความจริง! ไม่งั้น น.น จะเข้ามาได้ยังไง!” น.น.ว่ายิ้มๆ
“น.น. เป็นคนไข้ของผม!” ภวัตบอกบุษบา
แนนนี่เบิกตากว้าง
“เขาเป็นเด็กมีปัญหามาก ผมถึงต้องนัดมาที่นี่!” ภวัตสบโอกาส
บุษบาหันมามองไม่รู้ว่าเป็นแนนนี่
“ท่าทางก็บ้าๆบอๆ จริงๆเสียด้วย! ถ้าอย่างนั้นเอาไว้ค่อยพูดเรื่องของเราต่อตอนมื้อเย็นนะคะ”
“ครับ”
แนนนี่อ้าปากจะค้าน ภวัตถลึงตาดุ
“คุณบุษไปทำงานเถอะ”
“ค่ะ”
บุษบามองแนนนี่แว่บหนึ่งแล้วเดินไปที่ประตูโดยมีภวัตตามออกไปส่งหน้าห้อง

พอทั้งสองคนก้าวออกมาพ้นห้องแล้ว บุษบาลดเสียงลงกระซิบกระซาบ
“ภวัตต้องระวังตัวนะค่ะ เด็กคนนี้ท่าทางแปลกๆ บุษกลัวว่าจะทำร้ายภวัต!”
“ขอบคุณที่เตือน...ผมจะระวังตัว!”
“ให้ ร.ป.ภ. มาอยู่ด้วยมั้ยคะ”
“อ๋อ! ไม่ต้องหรอกครับ! ไม่ได้อันตรายขนาดนั้น”
บุษบาเงย หน้าขึ้นจุ๊บแก้มภวัตเบาๆ “ยังไงก็ระวังตัวด้วยค่ะ...บุษเป็นห่วง”
บุษบาเดินยิ้มออกไป ภวัตเปิดประตูเข้าไป โดยไม่รู้ตัวว่าแก้มตัวเองมีรอยลิปสติกสีแดงสดจากรอยจูบติดอยู่

ภวัตเปิดประตูเข้ามา สีหน้าหงุดหงิดเต็มทน
“พี่น่ะเบื่อเหลือจะทนแล้วนะ แนนนี่”
“น.น. เห็นแม่แล้วละค่ะ”
ภวัตชะงักไปนิดหนึ่ง “พี่ดีใจด้วย!”
“เห็นแต่ตัวค่ะ... หน้าตาปิดหมดเลย!”
“ว้าว!”
“น.น.เลยจะลงไปเมืองแม่มดอีกครั้ง! คราวนี้ต้องเข้าไปค้นในห้องสมุดให้ได้!”
“โธ่เอ๊ย! แนนนี่...ทุกคนเขาเป็นห่วง”
“รวมทั้งพี่ภวัตด้วยใช่มั้ยคะ”
ภวัตนิ่ง
“ใช่มั้ยเอ่ย”
ภวัตยังนิ่งอยู่
“ถ้ำไม่ตอบ... น.น. จะไปเดี๋ยวนี้เลย”
แนนนี่ทำท่าเรียกไม้กวาดมาถือ
ภวัตรีบพูด “ใช่”
“งั้นก็ไปด้วยกัน”

แนนนี่ร่ายคาถา ทั้งสองคนหายวับไปด้วยกัน








Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2555 20:29:03 น.
Counter : 407 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]