All Blog
อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 8




บรรยากาศในงานแฟร์มหา’ลัยปีนี้ เป็นไปอย่างคึกคัก พิธีกรยืนถือไมค์ใบหน้ายิ้มแย้ม กล่าวเปิดตัวการแสดงของแนนนี่ ปีเตอร์และดารกาอยู่หน้าม่านบนเวทีภายในหอประชุม

“การแสดงต่อไปนี้ผมบอกได้แต่เพียงว่าขอให้ทุกท่านเตรียมประสาทหูและประสาทตาของท่านให้พร้อม เพราะหากท่านพลาดไปเพียงวินาทีเดียวอะไรๆ อาจไม่เป็นอย่างที่ท่านคิด ขอเชิญทุกท่านพบการแสดงต่อไปของเราได้เลยครับ ...มายากลเดอะแนนนี่แอนด์ปีเตอร์ และวอยซ์โซโลบายดารกาครับผม”

พิธีกรพูดจบก็เดินกลับเข้าด้านข้างเวที พร้อมเสียงปรบมือกราวใหญ่จากผู้ชม
ม่านบนเวทีคลี่ตัวเปิดออก แนนนี่ ปีเตอร์และดารกายืนประจำที่ของตัวเอง เป็นสองโชว์ที่เล่นบนเวทีเดียวกันแบบแบทเทิ่ล แนนนี่เริ่มโชว์มายากลมีปีเตอร์ทำหน้าที่ผู้ช่วย แม้จะเป็นแค่เวทมนตร์เบสิค แต่ก็สร้างความฮือฮา เรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมกราวใหญ่
ครั้นพอดารกาเริ่มโชว์โอเปร่าด้วยเสียงสูงแสนอัศจรรย์กังวานหวาน ผู้ชมหันไปดูดารกาเป็นตาเดียว มีคนลุกขึ้นยืนปรบมือให้เกียรติ ที่เหลือเริ่มลุกตาม เสียงปรบมือกึกก้องห้องประชุม
แนนนี่กำลังร่ายมนตร์อยู่ก็ชักหน้าเสีย ลองแสดงกลใหม่ก็แล้ว คนดูยังฮือฮาอยู่กับเสียงโซปราโน่ของดารกาอยู่ดี แนนนี่ งัดไม้ตายร่ายมนตร์ชี้ไปที่ปีเตอร์
ปีเตอร์ยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง ทำเป็นยืดหน้ายิ้มรับเวทมนตร์แนนนี่ ผู้ช่วยอีกคนนำฉากดำมาบังตัวปีเตอร์ เมื่อเปิดออกมาตรงที่ปีเตอร์เคยยืนอยู่ กลับเหลือแค่เพียงลูกแตงโมลูกหนึ่งเท่านั้น!!
แน่ละ แนนนี่เสกปีเตอร์เป็นแตงโมไปแล้ว
ผู้ชมส่งเสียงฮือฮาชี้ชวนกันดูแตงโมปีเตอร์ พร้อมกับปรบมือสนั่นฮอลล์
แนนนี่คลี่ยิ้มอย่างพอใจกับการตอบรับ ค้อมคำนับรับเสียงปรบมือแล้วหันไปที่แตงโมปีเตอร์แล้วร่ายมนตร์
แต่ปรากฏว่าแตงโมปีเตอร์ยังคงอยู่เหมือนเดิม
แนนนี่หน้าเสีย ตกใจนิดหนึ่ง แล้วตั้งสติชี้นิ้วร่ายมนตร์ไปที่แตงโมปีเตอร์อีกครั้ง
“บาเซลากา ลา โบกาลาเซ เมลอนโต้”
แตงโมปีเตอร์ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ส่วนดารกาที่ร้องเพลงอยู่เริ่มเหลือบมองไปที่แตงโมปีเตอร์
ผู้ชมเริ่มส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาหันมาทางดารกาอีกครั้ง
แนนนี่หน้าเสียตัดสินใจเดินไปที่แตงโมปีเตอร์แล้วอุ้มลงจากเวที
“ทำไมนะ ทำไมมันไม่ได้ดั่งใจฉันแบบนี้ โอ๊ยฉันเกลียดวันนี้จริงๆ เลย” แนนนี่ฉุนเฉียว ทำท่าฮึดฮัด
ดารกายังคงร้องเพลงตามคิวของตัวเองต่อไป จังหวะนั้นไชยกับบุษบาถือดอกไม้มายื่นให้ดารกาหน้าเวที
ดารกามองไชยและบุษบาด้วยสีหน้าลังเล แต่แล้วก็เดินไปรับ ไชยยิ้มกริ่มจับมือดารกาตอนรับดอกไม้ไป
“วันนี้น้องดาของพี่สวยมากครับ” ไชยยิ้มกรุ้มกริ่ม
ดารกาสะดุ้ง รีบชักมือหนี เดินกลับไปยืนที่ตำแหน่งเดิมสีหน้าเจื่อนๆ แต่ก็ร้องเพลงต่อจนจบ

ด้านแนนนี่อุ้มแตงโมปีเตอร์มาที่ลับตาและปลอดผู้คน
“ได้โปรดเถิดแตงโมปีเตอร์ ช่วยคืนร่างทีนะ นะๆๆๆๆ”
แนนนี่หันมองซ้ายขวาแล้วร่ายมนตร์คืนร่างให้แตงโม
“บาเซลากา ลา เมลอนโต้”
สิ้นเสียงมนตรา ที่แตงโมมีแสงสว่างวาบๆ แนนนี่ยิ้มอย่างดีใจ
“เย้ เธอกลับมาแล้ว ดีใจจริง ๆ เลยปีเตอร์ ..ปี..เตอร์”
ทว่าพอแสงวาบบนแตงโมค่อยๆ จางลง ก็ปรากฏเป็นส้มโอลูกโตอยู่แทน
“ส้มโอปีเตอร์!!!”
แนนนี่หน้านิ่วเริ่มหงุดหงิดแต่ฝืนฉีกยิ้มไว้
“ฉันมีสมาธิ ฉั๊นมีสมาธิ ฉันรักวันนี้ วันนี้ดีจังเล๊ย เอาใหม่นะส้มโอปีเตอร์ ให้โอกาสแนนนี่อีกทีนะ บาเซลากา ลา เมลอนโต้เอ้ยเกรฟรุตโต้ ส้มโอ กลายเป็นปีเตอร์ ปี...เตอร์!”
คราวนี้ส้มโอปีเตอร์กลายเป็นมะม่วงซะงั้น แนนนี่เริ่มกุมหัว
“อะไรกันเนี่ยเล็กลงเรื่อยๆ เลย หวังว่าเสกครั้งต่อไปจะไม่เล็กเป็นลูกมะยมนะ ปีเตอร์ ปีเตอร์ คืนร่างซะเถอะ”
จังหวะนั้นเสียงชิกเก้นดังลอดเข้ามา
“ก็สติมันแตกแบบนี้ เวทมนตร์มันจะไปได้ผลได้ยังไงเล่า”
พร้อมกับที่ชิกเก้นโผล่มาจากด้านหลังแนนนี่
“ชิกเก้น! แนนนี่กำลังต้องการความช่วยเหลือเลย” แนนนี่ดีใจยิ่งกว่าได้แก้ว
“รวบรวมสมาธิใหม่สิ หลับตานิ่งๆ สักพักแล้วร่ายมนตร์ดูอีกที” ชิกเก้นพูดบอกเสียงเรียบ
แนนนี่พยักหน้าสูดหายใจเข้าแล้วหลับตาลงอย่างเชื่อฟัง
“ได้ แนนนี่จะลองดู”
เวลาผ่านไปแนนนี่ลืมตาขึ้น แล้วชี้ไปที่มะม่วงปีเตอร์ลองร่ายมนตร์ใหม่อีกครั้ง
“บาเซลากา ลา แมงโกแมงโกปีเตอร์...ปีเตอร์!”
มะม่วงปีเตอร์ลูกนั้นเริ่มขยายใหญ่ขึ้นๆ จนกลับมาเป็นร่างปีเตอร์ดังเดิม
แนนนี่กระโดดตัวลอยดีใจที่ทำสำเร็จ…ซะที
“เย้ ปีเตอร์กลับมาแล้ว แนนนี่ทำสำเร็จแล้วชิกเก้น”
ปีเตอร์ยังมีท่าทางสะลึมสะลือ จำเรื่องราวอะไรไม่ได้ แต่ทำจมูกฟุดฟิดก้มลงดมที่แขนตัวเองไปมา
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมเรามาอยู่กันตรงนี้ แล้วทำไมตัวปีเตอร์ถึงมีแต่กลิ่น...แตงโมล่ะแนนนี่ โอย มึน”
แนนนี่หัวเราะใส่หน้าปีเตอร์กำลังจะอ้าปากตอบก็ตาเหลือก
“ฮ่า ๆ ๆ ขำจัง อ้าว เย้ย...ปีเตอร์”
คุยๆ อยู่ร่างปีเตอร์เริ่มบูดเบี้ยวย่อส่วนลงอีกครั้ง จนกลายเป็นแตงโมในที่สุด แนนนี่หน้าเหยเก
“ก็...ก็เมื่อกี้ปีเตอร์หายแล้วนี่นา ทำไมถึง...” แนนนี่สงสัย
“เป็นอย่างนี้สักพักแหละจนกว่าเวทมนตร์จะคลายน่ะ ไม่แปลกหรอก” ชิกเก้นว่า
แนนนี่หน้าเศร้า เริ่มสงสารปีเตอร์ หลับตาชี้นิ้วไปที่แตงโมปีเตอร์กำลังจะร่ายมนตร์อีก แต่ก็ชะงักเมื่อมองไปเห็นอะไรบางอย่างที่อีกด้านหนึ่ง
แนนนี่เห็นดารกาจูงมือไชยเข้ามาแล้วหลบฉากไปที่มุมมืดหนึ่งอีกข้างของหลังเวที
“พี่ดา..จูงหมอไชยเนี่ยนะ ท่าทางแปลกๆ”

ดารกายกมือไหว้หมอไชย
“คิดว่าน้องดาขอร้องล่ะค่ะ พี่หมอไชยตัดใจจากน้องดาซะเถอะนะคะ”
“นี่น้องดาพูดอะไรอย่างนั้นจ๊ะ น้องดาทั้งสวยทั้งน่ารัก มาบอกให้พี่ตัดใจ อยากได้อะไรรึเปล่าจ๊ะ นั่นแน่ หรือว่าเป็น
แผนเรียกร้องความสนใจ ไม่เบาน๊า...เรา”
ไชยว่าพลางเชยคางดารกายิ้ม ๆ
“อยากได้อะไรจ๊ะคนสวยของพี่”
“น้องดากำลังจะหมั้นกับพี่ภวัตค่ะ” ดารกาโพล่งออกมา
ไชยชะงักกึก ก้มหน้าไปเกือบชิดใบหน้าดารกาแล้วหัวเราะใส่
“ฮ่า ๆ ๆ จะหมั้น...กับหมอภวัต เหรอจ๊ะ...”
ดารกาเอียงหน้าหลบหมอไชยอย่างฉุนๆ แต่พยายามข่มอารมณ์ตัวเองไว้
“ค่ะ น้องดากำลังจะต้องหมั้นกับพี่ภวัตเร็ว ๆ นี้แล้ว” ดารกาย้ำคำ
“ฮ่า ๆ ๆ ฝันอยู่เหรอจ๊ะน้องดาจ๋า หมอภวัตมันต้องแต่งกับยัยบุษต่างหากล่ะ น้องดาอย่าคิดไปเองอย่างนี้สิจ๊ะ” ไชยว่าน้ำเสียงเย้ยหยันอยู่ในที
พอดารกาได้ยินชื่อบุษบาขึ้นมา ก็หันกลับมาประจันหน้ากับหมอไชยแววตาแดงวาบ
“ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะคะ”
“ไม่ ทำไมต้องถอนในเมื่อน้องดาน่ะไม่ได้มีอะไรเหมาะกับหมอภวัตเลย น้องบุษต่างหากที่คู่ควรกับหมอภวัต” ไชยไม่ยอมถอนคำพูด
ดารกาโกรธจัดตาแดงวาบขึ้นกว่าเดิม จ้องไปที่ไชย ซึ่งไม่ทันสังเกต จึงพูดต่ออารมณ์ดี
“ส่วนน้องดาน่ะต้องเป็นของพี่เท่านั้นจ้ะ”
ไชยเข้าสวมกอด ก้มหน้าจะจูบดารกา ดารกาหอบหายใจลึก ความโกรธอัดแน่นแล้วระเบิดออกมาเป็นแรงผลักร่างไชยจนตัวกระเด้งลอยขึ้นบนอากาศ แล้วตกลงมาหงายหลังหัวฟาดพื้นอย่างแรง
ดารกาตาแข็งทื่อราวกับไร้ชีวิต มองร่างหมอไชยที่นอนกองอยู่ที่พื้นแล้วเดินออกไป
แนนนี่ก้าวช้าๆ ออกจากที่ซ่อน มือหนึ่งอุ้มแตงโมปีเตอร์ อีกมือหนึ่งกอดชิกเก้นแน่น
“ชิกเก้นเห็นอย่างที่แนนนี่เห็นใช่มั้ย” แนนนี่ตกใจ อึ้ง ตะลึงงัน
“ไปดูเค้าก่อนเหอะเร็ว” ชิกเก้นเตือนให้ไปดูไชย
แนนนี่รีบเข้าไปที่ร่างไชย วางแตงโมปีเตอร์ลง
“หมอคะ หมอไชย เป็นไงบ้างเนี่ย ชิกเก้น!เลือดออกด้วย” แนนนี่ตกใจ หันมาทางชิกเก้น
บริเวณพื้นตรงหัวของไชยมีเลือดไหลออกมาเป็นทาง ไชยยังคงแน่นิ่งไม่ได้สติ
แนนนี่เริ่มลนลานจนทำอะไรไม่ถูก
“ช่วยเค้าแนนนี่ เราต้องช่วยเค้า” ชิกเก้นเตือนซ้ำ
“จ..จ้ะ..ช่วยเดี๋ยวนี้”
แนนนี่หลับตาลง พยายามตั้งสมาธิเพื่อร่ายมนตร์ช่วยหมอไชยให้ฟื้น เป็นจังหวะเดียวกับที่บุษบาเดินเข้ามาเห็นหมอไชยนอนอยู่ที่พื้นไม่ได้สติพอดี ก็กรีดร้องโวยวาย
“ตายแล้ว พี่ไชยเกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
แนนนี่หน้าเสียลุกขึ้นยืน ในขณะที่บุษบาพุ่งเข้าไปดูอาการหมอไชยแล้วหันมาจ้องหน้าแนนนี่
“แกทำอะไรพี่ชายฉัน นังเด็กมารร้าย เลือด! พี่ไชย ภวัต! ฉันจะฟ้องภวัต”
บุษบาไม่ได้พูดเปล่า หยิบโทรศัพท์มือถือกดโทรออกหาภวัตมือไม้สั่น
แนนนี่ตกใจส่ายหน้าเป็นพัลวัน
“นี่หยุดนะ ฉันไม่ได้ทำอะไร ฉันกำลังจะช่วยพี่ชายคุณต่างหาก” แนนนี่อธิบาย
“ช่วยให้เลือดพี่ชายฉันหมดตัวน่ะสิ นังแม่มด นังคนใจร้าย” บุษบาแว้ดม่า โทรศัพท์มือถือติดพอดี “ภวัตคะคุณมาหาบุษที่หลังเวทีเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” บุษบาร้องไห้โฮ “เดี๋ยวนี้เลยนะคะ แนนนี่น้องสาวคุณทำร้ายพี่ชายบุษค่ะ”
ครู่เดียว ภวัต ธานี และรัดเกล้า ต่างเข้ามารุมที่ร่างหมดสติของไชย ภวัตรี่จับชีพจรของไชย
“เกิดอะไรขึ้น”
“เรียกรถพยาบาลเถอะค่ะ”
รัดเกล้าหันพูดกับธานี
“แนนนี่เองค่ะ มีรถพยาบาลจอดแสตนด์บายที่เต็นท์ปฐมพยาบาลค่ะ”
แนนนี่พูดจบทำท่าจะรุดไป บุษบาคว้าแขนแนนนี่ไว้
“ไม่ต้องคิดหนีเลยนังเด็กแม่มด เธออยู่ที่นี่ตรงนี้ฉันจะเรียกตำรวจมาจัดการเธอ”
“ก็บอกแล้วไงล่ะ ว่าฉันไม่ได้ทำไม่ได้ทำ จะเอายังไง เรียกฉันว่าแม่มดงั้นเหรอ ดีละ เดี๋ยวจะเสกให้ลงไปกองอยู่กับพี่ชายเลย” แนนนี่ชักโมโห
“หยุดนะแนนนี่ คุณบุษรู้สึกแย่กับอาการพี่ชายเค้ามากพอแล้ว ยังมีแก่ใจจะซ้ำเติมเค้าอีกงั้นเหรอ” ภวัตเอ็ดเสียงดัง
“แต่เค้า...”
“ไม่ต้องเถียง ภวัตพูดถูกแล้ว ถ้าเราอยากจะช่วยเค้าก็รีบไปเรียกรถพยาบาลมาเถอะ” ธานีเห็นด้วย
“แต่แนนนี่...”
“ทำตามที่พี่ธานีบอกเถอะแนนนี่ ไม่อย่างนั้นก็บอกทางพี่ เดี๋ยวพี่ไปเอง”
แนนนี่ก้าวออกไปอย่างหงุดหงิด แต่มาเจอดารกายืนนิ่งอยู่
“พี่ดา...”
ดารกามองเหตุการณ์ด้วยสีหน้างงงัน แนนนี่เข้าไปคว้าแขนดารกา
“พี่ดาบอกพวกเขาไปสิว่าเรื่องมันเกิดอะไรขึ้น เรื่องมันเป็นยังไง”
ดารกาทำหน้าประหลาดใจ
“แนนนี่พูดเรื่องอะไรพี่ดาไม่รู้เรื่อง”
แนนนี่มือตก ปล่อยแขนดารกา
“พี่ดาครั้งนี้แนนนี่ไม่ยอมแน่ พี่ดาเป็นคนทำก็ต้องยอมรับ ปีเตอร์เป็นพยานให้แนนนี่ได้”
แนนนี่ขัดเคืองใจ รีบหันไป พอเห็นแตงโมปีเตอร์ แล้วแทบอยากทึ้งหัวตัวเอง
“ปีเตอร์....โธ่เอ๊ย”
“หยุดซะที เลิกเล่นตลกได้แล้ว เธอทั้งคู่นั่นละ พอกันเลย”
บุษบาตั้งท่าจะก้าวเข้าเล่นมางานดารกาอีกคน พลันเหลือบไปเห็นหมอไชยเริ่มรู้สึกตัวลุกขึ้น
“พี่ไชย พี่ไชยรู้สึกตัวแล้วค่ะ”
แนนนี่หันขวับไปทางหมอไชย เริ่มมีความหวังขึ้นมา
“คุณหมอบอกเขาไปสิคะว่าใครเป็นคนทำร้ายคุณหมอ”
หมอไชยยกมือกุมหัวตัวเองที่เลือดไหลแบบงง ๆ
“เลือดนี่ มาได้ยังไงวะ” ไชยพูดอย่างงงๆ
แนนนี่โมโหมากจ้องหมอไชยทีดารกาที
“ที่แท้ก็เตี๊ยมกันมากับพี่ดา จะไม่รู้เรื่องได้ยังไงกัน”
แนนนี่ตรงเข้าไปผลักหมอไชยแล้ววิ่งหนีออกไป ภวัต ธานี และรัดเกล้าได้แต่มองหน้ากันเองส่ายหัวอย่างระอาในความประพฤติของแนนนี่
ดารกาครุ่นคิดด้วยความว้าวุ่น พยายามเรียกความทรงจำ แต่ก็จำอะไรไม่ได้เลย

แนนนี่วิ่งออกมาโดยอุ้มแตงโมปีเตอร์อยู่ในมือ และกำลังซุ่มดูบุษบากับคนรถค่อยๆ พยุงไชยขึ้นรถ ไชยยังคงกุมหัว
“แน่ใจนะครับว่าจะไม่ใช้รถพยาบาล” ภวัตถามย้ำ
“แน่ใจครับ อีกเดี๋ยวไอ้กอบก็พาผมถึงโรงพยาบาลแล้ว” ไชยว่า
หมอไชยยกมือลาทุกคน ฝ่ามือนั้นมีเลือดโชกจากศีรษะ บุษบาหน้าซีดเผือด
“เลือดพี่ไชยยังไม่หยุดไหลนะคะ” บุษบาว่า
หมอไชยเซหน่อยหนึ่งมาเกาะกรอบประตูรถ ที่แท้เป็นเพราะแนนนี่ตัดสินใจชี้นิ้วไปที่หมอไชยพร้อมกับร่ายมนตร์
จู่ๆ หมอไชย ก็ยืดตัวยืนตรงขึ้นมาเองได้ เอามืออีกข้างแตะที่หัวก็ไม่มีเลือดใหม่ติดออกมาแล้ว บุษบาเข้าไปจับเนื้อตัวหมอไชยอย่างประหลาดใจ
“แกล้งทำให้บุษสบายใจรึเปล่าคะ จู่ๆ ก็หายเองได้ด้วย” บุษบายังไม่วางใจ
ภวัตรุดเข้าดูแผลอีกคน
“ขอผมดูแผลนิดนะครับ ....เลือดหยุดแล้ว”
ไชยยิ้ม ขึ้นบิดซ้ายขวาโชว์
“ไงล่ะ หายละ”
“เป็นไปได้ยังไง” บุษบางง
“ไม่เห็นต้องสงสัยเลย นี่ใครล่ะหมอไชยซะอย่าง” ไชยว่า
แนนนี่เบ้ปากหมั่นไส้
“หมอไชยซะอย่าง ชิ แนนนี่ต่างหากล่ะ”
ภวัตเริ่มมีสีหน้าสบายใจขึ้น กำชับส่งหมอไชยอีกครั้ง”
“ยังไงก็รีบไปตรวจหน่อยดีกว่านะครับ อย่าเพิ่งสบายใจไป
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง รถของไชยแล่นออกไป บุษบาเกาะแขนภวัตแจ
“แต่ยังไงบุษก็ไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบง่าย ๆ หรอกนะคะ ภวัตต้องจัดการแม่น้องสาวตัวดีของภวัตให้บุษ”
แนนนี่ออกอาการเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน หมั่นไส้บุษบา
“ไปกันเหอะชิกเก้น แนนนี่ยังไม่อยากเสกหนอนเข้าปากยัยเจ๊นั่น”
แนนนี่ทำท่าจะก้าวไปแต่แล้วแตงโมปีเตอร์ในอ้อมแขนก็กระดุกกระดิกๆ แล้วค่อยๆ กลายเป็นปีเตอร์ที่ค่อย ๆ คืนร่างอยู่ในอ้อมแขนของแนนนี่
ปีเตอร์มองแนนนี่ตาหวานฉ่ำ สวมกอดแนนนี่ด้วยความดีใจ
“แนนนี่จ๋า กอดปีเตอร์เสียแน่นเลย”
แนนนี่เริ่มรู้สึกตัวเช่นกันว่าตัวเองกำลังกอดปีเตอร์อยู่ก็ตกใจร้องโวยวายเสียงดัง
“ว้าย ปีเตอร์ออกไปไกล ๆ แนนนี่นะ”
กลุ่มของภวัตแว่ว ๆ เหมือนได้ยินเสียงของแนนนี่จึงหันมองตามกันไป และเดินไปดู ภวัตหน้าเสีย เพราะมาทันได้เห็นแนนนี่กอดกับปีเตอร์พอดี
แนนนี่หันเจอพวกภวัต หน้าเจื่อนสนิท รีบแกตัวเป็นพัลวัน
“เปล่านะคะ มันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนเห็นเลยนะ”
ภวัตเม้มปากแน่น โกรธแนนนี่มากจนเดินหนีไป
“ว้ายไปไหนล่ะคะภวัตรอบุษด้วย”
บุษบาวิ่งตามภวัตออกไป ธานีสวดแนนนี่กับปีเตอร์ยับ
“พี่รู้นะว่าแนนนี่กับปีเตอร์สนิทกัน แต่สองคนก็ไม่ควรทำอย่างนี้ ว่าขนาดนี้แล้วยังไม่อยู่ห่างๆ น้องฉันอีก”
“เอ้อ..ห่างแล้วครับห่างแล้วๆ” ปีเตอร์รีบถดตัวหนีไปอีก
“วันนี้มันวันอะไรกันนะ แนนนี่พูดอะไรไปก็ไม่มีใครเชื่อ”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิจ๊ะ พี่ดาไง อย่างน้อยมีพี่ดาที่เชื่อแนนนี่นะ” ดารการีบพูดเหมือนจะปลอบใจ
“กรี้ดไปไกล ๆ เลยพี่ดานั่นล่ะที่ทำเรื่อง!”
“แนนนี่! ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ น้องดาอุตส่าห์พูดดีด้วยแท้ๆ” รัดเกล้าพลอยโกรธแนนนี่ไปด้วยอีกคน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่เกล้า เอางี้ ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรตรงนี้แล้ว เราไปลานรำวงการกุศลแก้เครียดกันดีกว่าค่ะ นะคะ”
ดารกาพูดพลางดึงแขนธานี รัดเกล้า ให้เดินไปด้วยกัน
ปีเตอร์รีบสะกิดแนนนี่ให้ไปด้วย พร้อมทำท่ารำ แนนนี่ตีมือปีเตอร์อย่างโกรธๆ เพราะไม่รู้จะไปลงที่ใคร

ดารกาดูรื่นเริงขึ้นหลังจากที่ไม่มีหมอไชย จัดการพาทุกคนยกเว้นแนนนี่เข้าแถวซื้อบัตรรำวง
“นอกจากจะสนุกแล้วยังได้ช่วยเหลือน้ำท่วมด้วยนะคะ” ดารกาพูดเสียงระรื่น
“อันที่จริงเราบริจาคไปเลยก็ได้นะ พี่ไม่ชอบเต้นอ่ะ” รัดเกล้าว่า
“ฮ่ะๆๆๆๆ” ธานีขำก๊าก แล้วทั้งคู่ก็เปิดฉากทะเลาะกันตรงลานรำวงนั่นเอง
“ขำอะไรพี่ธานี”
“เค้าเรียกรำวง ให้มารำไม่ใช่มาเต้น ฮ่ะๆๆๆ ยัยเป๋อเอ๊ย”
“ก็แค่พูดผิด ไม่เห็นต้องขำอะไรซะขนาดนั้น รำวงใครจะไม่รู้จัก”
“แน่ใจนะว่ารู้จัก”
“รู้จัก”
“เอ้างั้นเชิญครับ รำให้ดูหน่อย”
“เฮ้ยไม่นะ ไม่เอา รำไม่เป็น”
ธานีไม่ฟังเสียง รีบดันหลังรัดเกล้าเข้าลานรำวง แล้วรำป้อวนรอบตัว ภวัตที่ยืนกอดอกโดยมีบุษบาอยู่ใกล้ๆ หัวเราะขำธานีกับรัดเกล้า
ส่วนแนนนี่นั่งหน้าตูมอยู่อีกมุมหนึ่ง ระหว่างนั้นปีเตอร์เดินเข้ามายื่นบัตรรำวงให้ตรงหน้าแนนนี่
“ไปเร็ว รำวงกัน”
แนนนี่ยิ่งเซ็งมองผ่านไหล่ปีเตอร์ไปเห็นบุษบาอยู่ไม่ไกลจึงร่ายมนตร์ไปที่บุษบา
บุษบาต้องมนตร์แนนนี่ เดินตรงมาที่ปีเตอร์แล้วดึงแขนปีเตอร์ไป
ปีเตอร์งงแต่ก็ถลาตามบุษบาออกไป
“เย้ย อะไรกันเจ๊เบาๆ ดิ จะไปไหน แนนนี่ช่วยด้วย”
แนนนี่มองไปเห็นคนจับคู่กันรำวงอย่างสนุกสนาน ดารกาเดินมาพร้อมภวัตยื่นตั๋วให้ที่หน้าแนนนี่
“แนนนี่ออกไปรำวงกับพี่ภวัตสิจ๊ะ”
แนนนี่หน้าบึ้งใส่มองดารกาตาขวาง ปัดมือดารกาออกแล้วสะบัดหน้าหนี
“ไปรำเอาเองเถอะพี่ดา ตัวเองเป็นคนก่อเรื่องแท้ๆ”
ดารกายืนถือตั๋วรำวงค้าง น้ำตาค่อยๆ ซึมออกมาอย่างเสียใจ
ภวัตมองแนนนี่กับดารกาอย่างไม่สบายใจแต่ยกมือโอบไหล่ดารกา
“แนนนี่ไม่อยากก็ไม่เป็นไร เราไปกันเถอะน้องดา”
ภวัตโอบไหล่ดารกาเดินไป แนนนี่มองตามภาพนั้นอย่างขัดใจ

ทางด้านคู่ของธานีกับรัดเกล้ารำวงกันแบบสะเปะสะปะ จังหวะหนึ่งเท้าของรัดเกล้าเผลอไปเหยียบเท้าธานี
อย่างจัง จนธานีสะดุ้งรีบชักเท้าออก
“โอ๊ย น้องทอมคะ เธอเหยียบเท้าพี่เป็นร้อยรอบแล้วรู้ไหมคะ”
รัดเกล้าสะดุ้ง รีบชักเท้ากลับอีกที
“แหมพี่ธานีก็พูดไป เกล้าเหยียบโดนไม่กี่ครั้งทำเป็น...ทีตัวเองรำไม่ได้เรื่องเกล้ายังไม่เห็นว่า”

“น้อย ๆ หน่อยยัยเกล้า ไม่รู้อะไรใช่ไหมเนี่ยพี่น่ะระดับไหนแล้ว เธอน่ะแหละไม่เป็น มา เดี๋ยวพี่ธานีสอนให้นะจ๊ะ”
ธานีพูดพลางขยับจะไปจับมือรัดเกล้า ทว่ารัดเกล้ารู้ทัน รีบเบี่ยงตัวหลบแล้วเหยียบเท้าธานีเข้าให้อีกที
“แน่ะ จะมาแต๊ะอั๋งเกล้าอีกแล้ว เสียใจเกล้ารู้ทันนะพี่ธานี ฮ่าๆ” รัดเกล้าหัวเราะชอบใจ
ธานีซื้ดปากเจ็บเท้า
บุษบากับปีเตอร์รำวงไปก็เบ้ปากกันไปมา
“ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมฉันต้องมาจับคู่กับเธอ ฮึ่ย”
ปีเตอร์กระสับกระส่าย คันตัวยุกยิกๆ รำไม่เป็นท่า ไม่เป็นสุข บุษบามองแล้วขัดใจจนต้องเบือนหน้าหนี
“เป็นอะไรอีกยะเนี่ย เห็บ หมัดหรือตัวอะไรไต่ไม่ทราบ” บุษบาแขวะ
ปีเตอร์เกาแขนตัวเองยิกๆ แล้วร่างปีเตอร์ก็ค่อยๆ หดตัวลงๆ จนกลายเป็นสัปปะรด
บุษบาหันกลับมาอีกทีไม่เห็นปีเตอร์ บุษบาเห็นสัปปะรดวางอยู่ที่พื้นแทน
บุษบามองซ้ายมองขวาไม่เห็นปีเตอร์ ก็ก้มลงมองสัปปะรดบนพื้นปากคอสั่น
“แก แกกลายร่างได้ แกเป็นมนุษย์สัปปะรด อ๊าย...มนุษย์สัปปะรด”
บุษบาวิ่งหน้าตาตื่นออกจากลานเวทีรำวง

ทาฮิร่านั่งอยู่บนเตียง โดยมีแนนนี่นั่งกระเง้ากระงอดบ่นกระปอดกระแปดไม่หยุดปากอยู่ข้าง ๆ
“แนนนี่ไม่ได้โกหกนะคะยาย แนนนี่ไม่ชอบสร้างภาพอยู่แล้ว แนนนี่ไม่ได้ทำ บอกไม่ได้ทำก็ไม่มีใครเชื่อ”
ทาฮิร่านั่งนิ่งตีหน้าเฉยเมย แนนนี่หันมองหน้าทาฮิร่าพอไม่เห็นยายหืออือแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด
“ยายอ่ะ ทำไมยายไม่ตอบอะไรแนนนี่ ยายไม่เชื่อแนนนี่ใช่ไหม”
ทาฮิร่าเหลือบตามองแนนนี่แต่ก็ไม่ตอบอะไรออกมา แนนนี่ออกอาการเซ็งนึกถึงสัปปะรดปีเตอร์ขึ้นมาได้ ก็ลุกพรวดขึ้น กวาดตามองหารอบห้องก็ไม่เจอ
“ปีเตอร์ ปีเตอร์ สัปปะรดปีเตอร์หายไปไหน”
แนนนี่วิ่งพล่านไปทั่วห้อง ทาฮิร่ายังคงนั่งนิ่งสีหน้าเฉยอยู่อย่างเดิม
แนนนี่หันขวับไปหาชิกเก้น
“ชิกเก้นแกล้งแนนนี่ใช่ไหม บอกมาสัปปะรดปีเตอร์ไปไหน”
ชิกเก้นหน้าตาเหรอหรา ลุกจากที่เดิมไปนอนข้างๆ ทาฮิร่า
“อย่ามาโทษชิกเก้นนะ ชิกเก้นไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลย”
จังหวะนั้นพรเดินเข้ามาพร้อมจานผลไม้พอดี
“คุณแนนนี่มาทานผลไม้เร็วค่ะ พรปอกมาสดๆ เลย”
แนนนี่ตาโตพุ่งไปหาพรในทันที
“ผลไม้ ผลไม้อะไรน่ะพี่พร”
พรวางจานผลไม้ลงที่โต๊ะ ตอบแนนนี่แบบงง ๆ
“สัปปะรดค่ะคุณแนนนี่”
แนนนี่ได้ยินก็ตาเหลือก ยกจานสัปปะรดขึ้นมากอดน้ำตาไหลพราก
“ฮือ ไม่น่าเลยแนนนี่ขอโทษ แนนนี่ผิดเองทำให้ปีเตอร์เป็นแบบนี้ โฮๆ”
พรมองแนนนี่อย่างงงๆ แล้วเดินออกจากห้องไป
“เป็นอะไรไปหว่า หรือว่าซ้อมละคร ไปดีกว่าเดี๋ยวจะหาว่ารบกวน” พรบ่นงึมงำแล้วออกไป

ทาฮิร่าเห็นพรเดินออกไปแล้ว ก็หันกลับมาดูแนนนี่อย่างเหนื่อยหน่ายในความสติแตกของหลานจอมแก่น
“เอ้า พอละ เลิกฟูมฟายสติแตกเสียที ดูนี่สิ”
ทาฮิร่าร่ายมนตร์ให้ปรากฏภาพของสัปปะรดปีเตอรวางอยู่ที่โต๊ะด้านล่าง
แนนนี่ใช้มือปาดเช็ดน้ำตาแล้วยิ้มออกทันที
“นั่นมันโต๊ะข้างล่างนี่ยาย เย้ ปีเตอร์ยังไม่โดนใครกิน”
ชิกเก้นเห็นถึงกับส่ายหัวอย่างเอือมระอา
“ประจำ เป็นอย่างนี้ประจำ เฟอะฟะขี้ลืมแล้วก็โวยวาย”

ทางด้านทาฮิร่ามาโผล่กลางชุมชนบ้านมาลี มองซ้ายมองขวามองหาบ้านมาลี
“มาโผล่เอาตรงนี้ แล้วฉันจะรู้ไหมเนี่ยว่าอยู่หลังไหน ทำไมฉันต้องมาลำบากแบบนี้หนอ”
ทาฮิร่ามองหาอย่างมุ่งมั่น เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้น ที่แนนนี่พูดเรื่องแม่ และเอ่ยชื่อมาลีขึ้นมา

แนนนี่นั่งกระเง้ากระงอดบีบนวดขาให้ทาฮิร่าอย่างเอาอกเอาใจ
“จริงเหรอยาย แนนนี่มีแต่ยายจริง ๆ เหรอ ก็เขาบอกแนนนี่ว่าเขาเป็นแม่น่ะ”
ทาฮิร่าปรายตามองแนนนี่แว่บนึง
“แนนนี่มียายมีแม่ปัทมนแล้วยังไม่พอเหรอ”
ทาฮิร่าทำหน้าอ้อนแนนนี่
“มันก็ดีอยู่ เพียงแต่แนนนี่แค่คิดว่า ถ้าแนนนี่มีพ่อมีแม่เพิ่มมาอีกก็ยิ่งดีขึ้นไปอีกนี่นา”
ฟังแนนนี่ว่า ทาฮิร่าจึงถอนหายใจอีกเฮือก
“เอาเป็นว่ายายบอกแค่นี้แล้วกันนะว่าแนนนี่ มีแต่ยายกับแม่ปัทมนแค่นั้นในโลกนี้”
ทาฮิร่าถอนหายใจออกมาอีกรอบ
“ฉันละไม่เข้าใจจริงๆ ว่ามาอ้างตัวเป็นพ่อแม่ยัยแนนนี่เพื่ออะไรกัน”

ค่ำคืนนั้นสดับนั่งอยู่หน้าโต๊ะหมู่เสียงของอสูรลอยเข้ามา
“เจ้าต้องจัดการเจ้าเด็กนั่น”
สดับได้ยินแล้วทำหน้างง
“เด็ก เด็กไหนครับท่าน”
อสูรพุ่งเข้าร่างสดับ จู่ๆ สดับก็ตัวแข็งทื่อตาเป็นสีแดงวาบขึ้นมา ยกมือขึ้นตบหัวตัวเองอย่างแรง
“ไอ้โง่ ไอ้เด็กแนนนี่นั่นยังไงล่ะ มันนั่นแหละที่จะเป็นตัวทำลายอสูร” อสูรสดับตวาด
“แต่นังมาลีบอกเด็กนั่นมันเป็นลูกผม” สดับแย้ง
สดับตบหัวตัวเองอีกที
“โง่ แกนี่มันโง่ดักดานจริงๆ เด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกแก แต่มันจะเป็นคนฆ่าแกจำใส่หัวเอาไว้” อสูรสดับเอ่ยขึ้น
“ทำอะไรอยู่น่ะพี่ เสียงดังเอะอะ”
มาลีเดินเข้ามาในห้อง อสูรวูบออกจากร่างสดับทันควัน สดับหันไปหามาลี
“มาก็ดีแล้วแกโทร.ไปนัดเด็กแนนนี่นั่นให้เข้ามาหน่อยสิ” สดับว่า
มาลีทำท่าดีใจรีบเกาะแขนสดับ
“พี่อยากเจอลูกแล้วใช่ไหม ฉันดีใจจริงๆ เลย”
สดับสะบัดแขนออกจากมาลีแล้วตวาดซ้ำ
“เด็กนั่นมันไม่ใช่ลูก แกน่ะมันโง่ ไป ไปโทร.หามันอย่างที่ฉันบอก”
มาลีทำหน้างงไม่เข้าใจที่สดับพูด
สดับทำท่าขยับตัวจะพุ่งใส่ มาลีรีบวิ่งออกจากบ้านก่อนจะถูกสดับทำร้าย

ภวัตเดินกลับเข้าห้องตัวเอง รัดเกล้าเดินตามเข้ามานั่งลงบนเตียงของภวัต
“เกล้าไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ แนนนี่กับน้องดาถูกเลี้ยงคู่กันมาตั้งแต่เด็ก ทำไมถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้”
ภวัตชะงักไปครู่หนึ่งอย่างใช้ความคิด รัดเกล้าเห็นภวัตนิ่งจึงพูดต่อ
“แนนนี่ควรจะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีกว่านี้จริงๆ”
ภวัตมองหน้ารัดเกล้าแล้วโพล่งสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา
“พี่ไม่เชื่อว่าแนนนี่จะเป็นคนทำร้ายหมอไชย”
รัดเกล้าขัดใจ หันขวับมองหน้าภวัต
“พี่ภวัต”
ภวัตจ้องหน้ารัดเกล้ากลับ แววตาดูมั่นใจมากๆ
“ถึงแนนนี่จะแก่นจะซนแค่ไหน ก็ไม่มีทางทำร้ายคนได้ขนาดนั้น” ภวัตออกตัวแทน
รัดเกล้าฟังภวัตพูดแล้วถอนหายใจเล็กน้อยลุกขึ้นยืน
“เอาเถอะค่ะ ไม่ว่าพี่ภวัตจะว่ายังไง เกล้าก็ยังยืนยันว่าผู้หญิงที่เหมาะจะเป็นพี่สะใภ้เกล้าคือน้องดา!”
รัดเกล้าพูดจบก็เดินออกจากห้องไป
ภวัตมองตามหลังรัดเกล้าไปอย่างหนักใจ ตัดสินใจล้วงโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกงกดส่งข้อความ

โทรศัพท์มือถือแนนนี่วางอยู่ข้างๆ สัปปะรดปีเตอร์ จังหวะนั้นมีแสงที่โทรศัพท์สว่างวาบขึ้น ดารกาเดินผ่านมาเห็นแสงจากโทรศัพท์ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจหยิบขึ้นมาดู เป็นข้อความเข้าจากภวัต
“พี่ภวัต” ดารกามองรอบตัวแล้วกดเปิดอ่านข้อความ สักพักก็กดพิมพ์ข้อความส่งกลับ ที่หน้าจอเห็น “ข้อความถูกส่ง”
เวลาผ่านไปดารกายังคงยืนมองโทรศัพท์มือถือแนนนี่ ด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ทำไมยังไม่ส่งกลับมานะ”

ภวัตกดเปิดดูข้อความที่ถูกส่งกลับมาจากแนนนี่
“แนนนี่เกลียดพี่ภวัตและต่อไปนี้แนนนี่จะแกล้งพี่ดาทุกครั้งที่มีโอกาส”
ภวัตเงยหน้าจากโทรศัพท์แววตาเจ็บปวด

ดารกาจ้องอยู่ที่โทรศัพท์แนนนี่ในมืออย่างหงุดหงิด
“ส่งกลับมาซะทีสิ”
“สัปปะรด สัปปะรด โอ๊ย แนนนี่เอ๊ยเมื่อไหร่ไอ้โรคขี้ลืมนี่จะหายไปซะทีเนี่ย”
เสียงพูดของแนนนี่ดังขึ้นมา พร้อมๆ กับแนนนี่วิ่งเสียงดังตึงตังลงมาจากชั้นบน ดารกาหันไปตามเสียงอย่างตกใจ รีบวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้ววิ่งออกไป แนนนี่เดินมาถึงก็คว้าสัปปะรดขึ้นมากอด
“แนนนี่ขอโทษนะปีเตอร์”
จังหวะนั้นโทรศัพท์มือถือมีแสงสว่างวาบแสดงข้อความเข้า แนนนี่หันไปหยิบมือถือขึ้นมากดอ่าน
“ออกมาหาพี่หน่อย ภวัต”
แนนนี่เงยหน้าขึ้นแววตาเป็นประกายอย่างดีใจ

คืนนั้นมีเสียงมาลีบ่นกระปอดกระแปดดังลอดออกมาจากในบ้าน

“ดึกป่านนี้แล้วจะไปหาคุณหนูได้ยังไง เป็นแม่ก็เป็นแม่เหอะ เดี๋ยวได้ถูกนังคุณนายเจ้าของบ้านมันไล่เปิง”
ทันใดนั้นเองทาฮิร่าที่แปลงร่างเป็นแนนนี่ก็โผล่เข้ามา มาลีตกใจราวกับเห็นผี
“คุณหนู! มาได้ยังไงเนี่ย หายตัวได้รึไง”
“ใช่ เอ้ยไม่ใช่ ๆๆ คิดถึงเอิ่ม..”แม่” น่ะจ้ะ เลยมาหา” แนนนี่ทาฮิร่าหลุดปาก
“แม่? เรียกฉันว่าแม่งั้นเหรอ”
“หรือว่าหล่อนเอ้ยน้าไม่ใช่แม่หนูเหรอจ๊ะ”
“โถๆๆๆ คุณหนูของแม่ แม่นี่ละจ้ะเป็นแม่ของลูกแท้ ๆ เลย”
“ทำไมแม่ต้องเรียกหนูว่าคุณหนูล่ะ”
ถูกแนนนี่ทาฮิร่าถามคำนี้ขึ้น มาลีสีหน้าหลุกหลิก ส่อพิรุธบางอย่าง
“ก็เรียกๆ ไปอย่างนั้นเองนั่นละ” มาลีโบ้ย ไม่ยอมบอกความจริง
แนนนี่แกล้งทำหน้าโกรธ งอนๆ ตัดพ้อมาลี “แม่ทำตัวห่างเหินหนูต่างหาก ไม่เห็นหนูเป็นลูก”
“ไม่จริงนะไม่จริงเลย ฉันน่ะสุดแสนอยากจะเรียกคุณหนูว่าลูก แต่เห็นคุณหนูแนนนี่เธอบอกว่าหนูไม่ชอบ” มาลีรวบรวมความกล้า “จริงมั้ยจ๊ะ ลูกดารกาไม่ชอบให้แม่เรียกชื่อนี้ใช่มั้ยล่ะจ๊ะ”
“คุณหนูแนนนี่?” แนนนี่ทาฮิร่าสงสัย
“คนสวยๆ ที่อยู่บ้านเดียวกับหนูนั่นละ” มาลีบอก
“ชื่อแนนนี่”
“ใช่จ้ะ” มาลียิ้ม
“ส่วนหนูชื่อดารกา” แนนนี่ทาฮิร่าชี้ที่ตัวเองแบบพยายามจับต้นชนปลายเรื่องราว
“ก็ใช่น่ะสิจ๊ะ”
“เค้าบอกว่าหนูเป็นลูกแม่”
“ก็ใช่อีกนั่นละจ้ะ”
“แล้วก็ยังบอกอีกด้วยว่าหนูไม่ชอบชื่อดารกาของตัวเอง ให้แม่เรียกหนูว่าคุณหนู”
“ถูกเผงเลยจ้ะ” มาลีดีใจ
“สรุปว่าลูกสาวของแม่ชื่อดารกา”
“ก็ใช่น่ะสิจ๊ะ ก็หนูนั่นแหละ”
แนนนี่ทาฮิร่าสีหน้าคลายสงสัย แต่นึกเห็นใจดารกาขึ้นมา
“โธ่เอ๋ย เด็กหนอเด็ก แม่ดารกาเธอช่างน่าเห็นใจซะจริงๆ” แนนนี่ทาฮิร่าพึมพำออกมา
มาลีได้ยินไม่ชัดจึงยื่นหน้าเข้าฟัง “หนูว่าไงนะลูก”
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร อืม...” ทาฮิร่าสวมบทบาทเป็นแนนนี่ต่อ มองเข้าในบ้าน “แล้วนี่แม่อยู่คนเดียวเหรอจ๊ะ”
“ทำเหมือนไม่เคยเจอพ่อเค้าไปได้ เออ!จริงสิ หนูรีบกลับไปก่อนเหอะ”
“หนูอยากเห็นหน้าพ่อสักหน่อยน่ะจ้ะ” แนนนี่ทาฮิร่าออดอ้อน
แนนนี่ทำท่าจะก้าวเข้าไป มาลีฉุดแขนไว้
“เข้าไปมีหวังตายโหงแน่ ๆ บอกให้กลับก็รีบกลับไปซี่”
“ทำไมเหรอ ข้างในมีอะไร ทำไมหนูเข้าไปไม่ได้”
“เอ่อ...พ่อหนูเมามากน่ะ นะ..เชื่อแม่เหอะ อย่าเข้าไปเลย”
แนนนี่พยักหน้าหงึกหงัก แต่ไม่วายมองเข้าไปข้างใน
“งั้นหนูลานะคะ”
แนนนี่ไหว้ลามาลีแล้วหมุนตัวจะออกไป ทันใดนั้นเองก็ถูกกระชากผมแล้วลากตัวไปอย่างแรง มาลีร้องวี้ดว้าย เมื่อเห็นสดับจิกผมแนนนี่
“มาให้ฉันเอาเลือดชั่วของแกไปให้นายซะดีๆ”
แนนนี่ทาฮิร่าเจ็บเอามากๆ พยายามดิ้นจากมือสดับ แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเจ็บ
“แม่ นี่น่ะเหรอพ่อหนู”
“โว้ยมาถามอะไรตอนนี้ พี่ดับปล่อยคุณหนูไปเถอะ อย่าหาเรื่องกลับเข้าคุกเลยนะพี่นะ ฆ่าคนตายมันไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ”
แนนนี่ทาฮิร่าตาเหลือก บ่นงึมงำได้ความตกใจ
“นี่มันคิดจะฆ่าแนนนี่เชียวหรือนี่!”
“เอ็งหลีกไป รึอยากตายอีกคน นายสั่งยังไงข้ามีหน้าที่ทำอย่างนั้น”
แนนนี่ครุ่นคิดหาทางออก สดับกระชับมือที่จิกผมแนนนี่และลากร่างแนนนี่ถูลู่ถูกังไป แนนนี่ตัดสินใจร่ายมนตร์ดับไฟฟ้า ทั้งห้องกลายเป็นมืดมิดเห็นเพียงร่างตะคุ่มของทั้งสามคน
“อ้าวเฮ้ย ทำไมไฟดับ นังมาลี แกไม่ได้จ่ายค่าไฟอีกแล้วใช่มั้ย”
“จ่ายแล้วพี่ ฉันจ่ายแล้วจริงๆ”
“แกบังอาจโกหกฉันงั้นเหรอ ฮึ้ยนังนี่!”
ทันใดนั้นเองไฟติดสว่างขึ้นมาดังเดิม มาลีชะงักอยู่ในท่าหลบฝ่ามือทั้งที่อยู่ห่างสดับเป็นเมตร ขณะที่สดับเองก็ง้างมือค้าง มีแนนนี่คนเดียวที่หายไป
“เห็นมั้ยล่ะ ไฟติดแล้ว โอ้ย”
สดับก้าวเข้าทำร้ายมาลีอยู่ดี
“นังคุณหนูตัวดีมันหายไปไหน”
แนนนี่ทาฮิร่ายืนมองสดับอยู่ไม่ไกลที่หน้าห้อง สดับหันเจอก็ก้าวฉับๆ พุ่งเข้าไปหา
“หนอย คิดจะหนีเหรอนังตัวแสบ”
สดับชนโป้กเข้ากับกำแพงมนตร์ที่ทาฮิร่าเสกขึ้น
“เฮ้ยนี่มันอะไรกันวะ ใคร ใครทำอะไรข้าแบบนี้ โอ้ย!”
สดับหน้าหันไปตามแรงชกด้วยเวทย์มนตร์ของแนนนี่ทาฮิร่า ที่ทำท่าชกลมพร้อมร่ายมนตร์ใส่สดับ มาลีมองดูอาการสดับตกใจ รนรานเข้าไปช่วย
“พี่ดับ พี่เป็นอะไรไป”
“อีมาลี เอ็งใช่มั้ย เอ็งกล้าทำข้างั้นเหรอ”
สดับเงื้อมือปรี่เข้าหามาลี แนนนี่ร่ายมนตร์ให้สดับสดุดล้ม ข้าวของที่วางกองอยู่สูงพังครืนลงทับร่างสดับ มาลีเข้าไปช่วยอีก
“ว้ายพี่ดับ”
“นังมาลี!!! อย่าให้กูออกไปได้นะมึง” สดับตะโกนอย่างคั่งแค้น
ร่างของแนนนี่ทาฮิร่าค่อยฟูฟ่องกลายร่างเป็นทาฮิร่าตัวจริงขึ้นมา

ทาฮิร่ามองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าครุ่นคิด แววตาเป็นกังวลต่อความปลอดภัยของแนนนี่






Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2555 21:29:26 น.
Counter : 636 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]