All Blog
อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 23 อวสาน (ต่อ)



ช่วงเช้าวันนั้นภวัตกำลังนั่งอ่านแฟ้มคนไข้ เสียงเคาะประตูเบาๆ แล้วบุษบาเดินเข้ามา สีหน้าแววตาเศร้าหมอง ภวัตเงยหน้ามอง แต่บุษบาชิงพูดขึ้นก่อน

“ภวัต ... พอมีเวลาให้บุษสักนิดนึงไหมคะ”
ภวัตเหลือบดูนาฬิกา “อย่าให้เกินครึ่งชั่วโมงนะครับ”
บุษบาเดินมานั่ง ทำเป็นอัดอั้นตันใจครู่หนึ่ง
“ภวัต...บุษพอมีความหมายสำหรับคุณบ้างแม้ซักน้อยนิดมั้ยคะ”
“บุษเป็นเพื่อนผม ... เพื่อนย่อมมีความหมายสำหรับเพื่อนเสมอ” ภวัตพูดเสียงอ่อนโยน
บุษบากระตือรือร้นขึ้นมาทันที “ความรักที่เริ่มต้นจากความเป็นเพื่อน จะเป็นความรักที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจกัน...เป็นความผูกพันที่มั่นคง บุษเชื่ออย่างนั้นค่ะ”
“บุษ” ภวัตอึ้งเจอรุกอีกครั้ง
บุษบาถอนใจโล่งอก “ในเมื่อเรามีใจตรงกันอย่างนี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องรออะไรต่อไปแล้ว ... บุษต้องการคู่คิดที่คอยให้คำแนะนำ ...คำปรึกษา ...เพราะตอนนี้พี่ไชยก็เปลี่ยนสภาพจากหมอเป็นคนไข้ไปเรียบร้อย ...บุษขอเวลาสองเดือน สำหรับบินไป ตัดชุดแต่งงาน”
“เดี๋ยวครับ ... เดี๋ยว”
“สองเดือนนานไปหรือคะงั้นเดือนเดียวก็ได้ ถึงจะค่อนข้างขลุกขลัก แต่บุษ...”
“ผมยังไม่มีแผนจะแต่งงานกับใครครับ” ภวัตโพล่งออกมา
บุษบาอึ้ง
“และสำหรับผม...เพื่อนก็คือเพื่อน...คงไม่มีทางจะพัฒนาเป็นอย่างอื่นได้”
“ภวัต!”
“คุณเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมทุกอย่าง วันนึง คุณจะต้องพบคนที่ดีพร้อมเท่าเทียมกัน”
บุษบาผุดลุกขึ้นทันที “ไม่ต้องมาอ้างโน่นอ้างนี่ จะบอกว่าคุณต้องการ เขี่ยบุษทิ้งเหมือนเขี่ยรองเท้าเก่าๆคู่หนึ่งก็ว่ามาเลย ใช่สิ บุษมันเก่าไปแล้วนี่”
“ไปกันใหญ่แล้ว เราไม่ได้มีอะรกัน ผมจะไปเขี่ยคุณทิ้งได้ยังไง”
“หมายความว่า คุณจะไม่ยอมแต่งงานกับบุษ”
“ถึงจะแต่งก็ไปไม่รอดหรอกครับ ... เพราะ ...”
ภวัตพูดไม่ทันจบบุษบาก็พูดสวนขึ้น “โธ่เอ๊ย...ที่แท้ก็กลัวว่าจะไปไม่รอดนี่เอง...ไม่เป็นไรค่ะ เราแต่งงานกันไปก่อน เรื่องรอดหรือไม่รอดเอาไว้ไปว่ากันทีหลัง”
ภวัตสุดจะทนกับเรื่องนี้ตัดสินใจตัดบท “ผมไม่ได้รักคุณ”
บุษบาเบิกตากว้างตกตะลึงมองภวัต

บุษบากลับมาห้อง น้ำตาไหลพรากสีหน้าคั่งแค้น “ไม่รัก เป็นไปไม่ได้ที่ภวัตจะไม่รักฉัน”
บุษบาเดินกลับไปกลับมาอย่างพลุ่งพล่าน
“เขาต้องรักฉันซิ ผู้หญิงเพอร์เฟ็คท์ขนาดนี้จะหาที่ไหนได้ง่ายๆ...มันต้องมีมือที่ 3 แน่!…แล้วเผลอๆ อาจจะมีมือที่ 4 ด้วย นังดารกา ... นังแนนนี่” นัยน์ตาบุษเป็นประกายสีหน้ามาดหมาย
ดารกาอยู่ที่หอพักกำลังนั่งกอดเข่า ดวงตาทอดมองออกไปข้างหน้าเหมือนตกอยู่ในภวังค์ มีเสียงโทรศัพท์สายในหอพักดังขึ้น ดารกาปล่อยให้ดังครู่หนึ่ง แล้วหยิบขึ้นรับ
“สวัสดีค่ะ...” ชะงัก “ใครนะคะ”
สีหน้าและแววตาของดารกาเป็นประกายกร้าวขึ้น

ไม่นานหลังจากนั้นบุษบาก็พาตัวเองมายืนรอดารกาอยู่ที่ห้องพัก... และยิ้มนิดๆ
“พี่บุษทราบได้ยังไงคะว่า น้องดาอยู่ที่นี่”
“ก็ไม่ได้ลึกลับอะไรนี่จ๊ะ พี่บุษมีเรื่องจะคุยกับน้องดา พี่ขึ้นไปบนห้องน้องดาได้ไหม”
“พี่บุษไม่กลัวหรือคะ ข้างบนเคยมีเพื่อนน้องดากระโดดตึกตาย”
“ถ้ากลัวก็ไม่มาน่ะซิ”
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญค่ะ” ดารกาเดินนำบุษบาไป

ครู่ต่อมาบุษบามองโดยรอบห้อง “...น่าสบายนี่”
“พี่บุษคงไม่ได้จะมาชมห้องน้องดาใช่มั้ยคะ”
บุษบาทรุดตัวลงนั่ง แล้วมองดารกาหัวจรดเท้า “น้องดาจัดว่าเป็นคนสวยคนนึง”
ดารกายิ้มนิดๆ
“รู้มั้ยว่าภวัตเขาบอกกับพี่ว่าเขาเป็นห่วงน้องดามาก”
“หรือคะ”
“เพราะพอเขาแต่งงานกับพี่บุษแล้ว ก็คงต้องย้ายไปอยู่ด้วยกัน น้องดาอยู่ทางนี้คงไม่มีคนติวให้เหมือนเคย”
ดารกาสะดุ้ง “แต่งงาน พี่ พี่ภวัตจะแต่งงานหรือคะ”
“อ้าว! พี่ภวัตยังไม่ได้บอกน้องดาอีกหรือจ้ะ ... อ้อ ! แต่คงจะรอให้ได้ฤกษ์แน่นอนเสียก่อน ! ตายจริง น้องดาเป็นอะไรน่ะ หน้าซีดเลย”
“เปล่าค่ะ ... แต่พอดีน้องดาจะต้องดูหนังสือสอบ ... พี่บุษกลับไปก่อนดีไหมคะ แล้ววันหลังค่อยคุยกัน”
บุษบาไม่สนยังใส่ต่อ “คนเราน่ะนะ ต้องรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว อย่าหวังสูงจนเกินศักดิ์ ... มีกำเนิดต่ำต้อยก็อย่าทะเยอทะยาน ....ถ้าตกลงมาจะเจ็บฟรี” น้ำเสียงเยาะเย้ย หมิ่นและหยามหยัน
ดารกากำมือแน่น “พอที”
“ต๊าย ! ขอโทษ....พี่บุษลืมไปว่า น้องดาเป็นลูกแม่ค้าขายปลา !...โชคดีที่เขาเอามาทิ้งหน้าบ้านเศรษฐีแต่ก็นั่นแหละนะ กาก็คือกา ต่อให้เอาขนนกยูงมาแซมให้ตาย มันก็ยังเป็นกาอยู่นั่นเอง”
บุษบาพูดพลางเดินไปที่ประตู ดารกาหันหลัง ดวงตาดารกาเริ่มเขียวเรืองๆ โกรธจัด แต่พยายามระงับไว้
“เฮ้อ ! น่าเวทนา ทางเดียวที่จะช่วยไม่ให้ตกลงมาชักกระตุกจุกแอ็คๆ ก็คือ เตือนตัวเองอยู่เสมอว่าเป็นใคร”
ใบหน้าดารกาใกล้เปลี่ยนเป็นอสูรเข้าไปอีก
“เป็นลูกแม่ค้าขายปลาก็น่าจะได้กับลูกพ่อค้าขายหมู ... รวยนะนั่นน่ะ” บุษบาพูดขณะจับลูกบิดประตู
“เป็นชาวตลาดก็อยู่กับชาวตลาด อย่าเผยอสะเออะเสนอหน้ามาอยู่กับไฮโซฯ เด็ดขาด... มันเหม็นคาวปลา”
ดารกาแสยะปาก เขี้ยวงอกหันกลับมา จังหวะเดียวกับที่บุษบาเปิดประตูออกไปพอดี ดารกาคำรามลั่น
บุษชะงักเมื่อได้ยินเสียงคำรามราวกับสัตว์ที่บาดเจ็บ เดินกลับมาเอาหูแนบประตู แล้วหัวเราะ
“เสียงเหมือนปลาถูกทุบหัวมั้ง” บุษบาเดินนวยนาดไป

จัดการดารกาจบ บุษบาก็ขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านปัทมน เพื่อปิดจ๊อบมารหัวใจ ขณะที่พรเปิดประตูแล้วเดินมา
“คุณแนนนี่อยู่ไหน พร”
“อยู่บนห้องค่ะ เดี๋ยวพรจะขึ้นไปตามลงมาให้”
“ฉันจะรออยู่ในสวนนะ”
“ค่ะ” พรเดินเข้าไปในบ้าน
“บาดเจ็บสาหัสไปหนึ่ง เหลืออีกหนึ่ง” บุษบาเดินอ้อมไปหลังบ้าน

แนนนี่ประหลาดใจนักที่ได้ยินจากพรมาใครมาขอพบ
“ยัยบุษบาน่ะหรือคะมาขอพบแนนนี่ โอ๊ย! ดินจะถล่ม ฟ้าจะทลาย แล้วให้ไปพบในสวนด้วย”
“ค่ะ”
“สงสัยแกจะคิดว่าแนนนี่เป็นพี่ภวัต”
แนนนี่เดินออกมา โดยพรอมยิ้มตามไปด้วย

บุษนั่งกรีดกรายดูแหวนที่นิ้ว ขณะที่แนนนี่เดินเข้ามาทักทายกวนๆ
“เป็นหิดหรือคะ”
บุษบานิ่วหน้าทันใด แล้วปรับเป็นยิ้มเย้ยนิดๆ “ดูแหวนวงใหม่ 10 กะรัตค่ะ กำลังคิดอยู่ว่าแหวนหมั้นจะเอายังไงดี จะให้เท่านี้หรือว่าใหญ่กว่านี้นิดหน่อย”
“ถามความเห็นแนนนี่หรือเปล่าคะ”
“เออ! ก็ดีเหมือนกัน เพราะคนที่จะเป็นเจ้าบ่าวของพี่น่ะสนิทกับแนนนี่ม้าก ...ก...มาก”
แนนนี่เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“คุณภวัตไงจ๊ะ” บุษบาลอยหน้าตอบ
“มั่วเว่อร์ พี่ภวัตไม่ตาถั่วขนาดนั้นหรอก ผู้หญิงสวยแต่รูปจูบแล้วเหม็นแบบเจ๊นี่ รับรองว่าไม่อยู่ในสายตาพี่ภวัต”
บุษบาเยาะแกมเย้ย “แล้วใครล่ะที่อยู่ ! เธองั้นเรอะ”
“ก็ไม่แน่เหมือนกันนะเจ๊ ระหว่างยายแก่เหนียงยานอย่างเจ๊ กับสาวน้อยวัยใสอย่างฉัน ผู้ชายร้อยทั้งร้อยเลือกฉันชัวร์”
“นังเด็กนรก!”
“นังผู้ใหญ่อเวจี” แนนนี่ไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย
“นังเด็กกำพร้า ! พ่อแม่ไม่สั่งสอน”
“แล้วพ่อแม่ของเจ๊ล่ะ ได้ข่าวว่ารีบตายหนีความอับอายขายหน้าที่ลูกสาวชอบไล่ตื้อผู้ชาย เหมือนกันไม่ใช่เรอะ”
บุษบากรี๊ด แนนนี่แกล้งกรี๊ดล้อเลียน
“แกมันร้ายเหมือนนังแม่มด”
แนนนี่ลอยหน้าต่อปาก “อ๊อ...อ ! ก็ฉันเป็นแม่มดนี่ จะให้ร้ายแบบนังอิจฉาอย่างเจ๊ ได้ไง อ้อ!...ในฐานะที่คุ้นเคยกันมา ถ้าเจ๊หาแฟนไม่ได้ก็บอก ...ยังมีปีเตอร์อีกคน”
“อร้ายย” บุษบากรี๊ดแค้นสุดๆ ในขณะที่แนนนี่รีบอุดหู

โดนตอกกลับขนาดนั้น บุษบาจึงพุ่งไปฟ้องภวัตที่บ้านทันที และภวัตกำลังส่งทิชชูให้บุษบาซึ่งกำลังร้องห่มร้องไห้
“ภวัต .... ตั้งแต่เป็นตัวเป็นตนมา บุษไม่เคยเห็นเด็กที่ไหนหยาบคาย ร้ายกาจเหมือนนัง ... เอ๊ย! น้องแนนนี่มาก่อนเลย ... คำนึงก็ว่าบุษเหนียงยาน สองคำก็ว่าเป็นผู้ใหญ่อเวจี”
“เหลวไหลใหญ่แล้ว” ภวัตฉุนแนนนี่
บุษบารีบยุส่ง “แค่นั้นยังไม่พอค่ะ เขาบอกว่าภวัตหลงรักเขาหัวปักหัวปำจนสองตาไม่มีแลใครอีก”
“แนนนี่” ภวัตพึมพำ
“เขาด่าว่าบุษฉอดๆ จนบุษเถียงไม่ทันเลยค่ะ”
“แล้วคุณมีธุระอะไรกับแนนนี่หรือ”
บุษบาอึกอักไปสักครู่หนึ่งเพราะคิดหาข้อแก้ตัวไม่ทัน “เอ้อ ...คือ...อ๋อ! บุษซื้อมะยงชิดไปฝากคุณอาปัทน่ะค่ะ แค่ถามนิดเดียว ว่าคุณแม่อยู่หรือเปล่า เขาก็ใส่บุษเป็นชุด จะเกรงใจว่าบุษเป็นรุ่นพี่บ้างก็ไม่มี... ที่มาเล่าเนี่ย บุษไม่ได้ต้องการให้ภวัตไปดุไปว่าอะไรน้อง แต่อย่างน้อยก็ให้รับรู้บ้างว่า น้องไม่ได้ใสซื่ออย่างที่เห็น”
บุษบาเช็ดน้ำหูน้ำตา ในขณะที่ภวัตสีหน้าเคร่งเครียด

เวลาเดียวกันโป่งยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ริมรั้ว แนนนี่ชะเง้อมอง แล้วกวักมือเรียก
“โป่ง โป่ง มาหา จารย์หน่อย”
“เดี๋ยวไปปิดน้ำก่อนนะ จารย์”
“ไม่ต้อง จารย์ปิดให้เอง” แนนนี่ว่าคาถา น้ำหยุดไหลทันที
“เออ! กลอันนี้ก็ดีนะ จารย์” โป่งเดินมาเกาะรั้ว
“ยัยเจ๊บุษบา กำลังฟ้องพี่ภวัตอยู่ใช่ไหม”
“โอ๊ย ! บ่อน้ำตาแตกเลยละ เมื่อกี้โป่งเดินผ่านหน้าตึก ยังต้องว่ายข้ามน้ำตาแกมาเลย”
“หน็อยแน่ะ ไม่รู้จักแนนนี่เสียแล้ว โป่งไปเถอะ จารย์จะไปรอจัดการยัยบุษบา”
“ครับ” โป่งเดินไป
ในขณะที่แนนนี่หน้าตาถมึงทึง

ครู่ต่อมาบุษบาเดินนวยนาดเข้ามาบ้านแนนนี่ซึ่งจอดรถไว้ “เฮ้อ! ร้องไห้เสียเหนื่อยเลย”
เสียงแนนนี่เรียกดังขึ้น “ยัยบุษแบน”
บุษบาชะงัก หันกลับมา เห็นแนนนี่ยืนมองมาด้วยท่าทางเอาเรื่อง

ภวัตเดินเข้ามาในห้องตะโกนเรียกอย่างฉุนๆ “แนนนี่ ! ออกมาเดี๋ยวนี้”
ภวัตเรียกหลายครั้ง แต่ทุกอย่างเงียบสงบ ภวัตเดินไปที่หน้าต่าง แล้วนิ่วหน้า เห็นแนนนี่กำลังยืนปะทะคารมกับบุษบา ภวัตเพ่งมองหน้าเคร่ง

แนนนี่ท้าวสะเอวเข้ามาใกล้ “เธอฟ้องอะไรพี่ภวัต”
“ก็ไปถามเขาเองซิ แต่รับรองว่าฉันละเลงภาพเธอซะเละไม่มีชิ้นดี ต่อไปนี้ภวัตก็จะเลิกใส่ใจเธอ เธอจะกลายเป็นหมาหัวเน่า โธ่เอ๊ย ! ขนาดพ่อแม่แท้ๆ เขายังไม่ต้องการ แล้วใครที่ไหนเขาจะต้องการเธอ”
แนนนี่โกรธจนมือไม้สั่น
จังหวะนั้นบุษบามองเห็นภวัตเดินเข้ามาช้าๆ เชื่อว่าพอจะไม่ได้ยิน และเห็นตัวเองถนัด
บุษบาจึงยั่วต่อเบาเสียงลงไม่ให้ภวัตได้ยินคำด่า “ลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้ คุณอาปัท เอาลูกเขามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอม อาจจะเป็นลูกฆาตกรโหดที่ไหนสักคนก็ได้...อาจจะมีเลือดชั่ว”
แนนนี่โกรธจัด
“เอาเลยซิ อยากตบฉันก็ตบเลย นังปีศาจร้าย”
แนนนี่นัยน์ตาลุกวาว “พูดออกมาอีก อัม..อัลลูอัล ...อิวาอิรัล ...แปลเป็นภาษาไทยว่า ปากเน่าปากหนอน”
มีหนอนหลุดร่วงออกมาจากบุษบา ทันควัน บุษบาร้องกรี๊ด ... ยิ่งร้องหนอนยิ่งออกมา
“เห็นหรือยัง ยัยบุษแบน ฉันไม่ต้องตบแกให้เสียมือเลยสักนิด”
“พอที ! แนนนี่” ภวัตตะโกนบอกเสียงขุ่นเขียว
แนนนี่สะดุ้ง แล้วหันขวับมามอง “พี่ภวัต”
“บอกให้หยุดเดี๋ยวนี้”
แนนนี่ว่าคาถา หนอนหายไปทันที บุษบาทรุดตัวลงไปร้องห่มร้องไห้เหมือนคนเสียสติ
ภวัตประคองบุษขึ้นมาอย่างอ่อนโยน แนนนี่มองอย่างเจ็บปวด
“ภวัต! หนอน”
“ไม่มีอะไรแล้ว ... ผมจะพาไปส่งบ้าน ...ขอกุญแจรถด้วย”
บุษบาส่งกระเป๋าให้ ...เอนตัวซบภวัตอย่างหมดแรง แนนนี่เม้มปากด้วยความน้อยใจ และเจ็บใจ
“พี่ภวัต ! มันด่าแนนนี่”
“แต่ที่ฉันเห็นมันไม่ใช่อย่างนั้น”
“ฉัน…พี่ภวัตเรียกตัวเองว่าฉันกับแนนนี่”
“ภวัต ... บุษไม่ไหวแล้ว บุษอยากกลับบ้าน” บุษบาอ้อนทันที
ภวัตประคองบุษขึ้นรถ แล้วตัวเองเข้านั่งที่คนขับ แนนนี่มองตามด้วยความช้ำอกช้ำใจ จังหวะหนึ่งบุษบาเบือนหน้ามามองเย้ยหยัน ขณะที่ภวัตคาดเข็มขัดให้ แนนนี่กำมือแน่น บุษบาเอนตัวซบไหล่ภวัต นัยน์ตาบุษมองแนนนี่เยาะหยัน ขณะที่รถแล่นผ่านไป (Slow)
แนนนี่มองตามน้ำตาไหลพราก

ทาฮิร่ากอดแนนนี่ แล้วลูบหลังอย่างปลอบโยน ขณะที่แนนนี่ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“พวกมนุษย์มันก็เป็นยังงี้แหละหลาน โดยเฉพาะมนุษย์ผู้ชาย โง่ขมโข่ง อ่อนแอและโลเลเป็นไม้หลักปักขี้เลน”
“แทนที่จะพูดให้ดี นางกลับพูดให้เขาตีกันเวรก๊ำ..เวรกรรม” ชิกเก้นบ่นงึมงำ
“แกบ่นอะไรของแกฮึ ชิคเก้น”
“ก็แค่ปรับทุกข์น่ะ คุณย้าย..เบื่อเหลือเกินพวกคนบ้าห้าร้อยจำพวก กับพวกคนดีร้อยจำพวกนี่ ไปดีกว่า”
ชิกเก้นกระโดดออกไป
“ไปซะได้ก็ดี หลังๆ นี่มันชักจะขโมยซีนบ่อยไปแล้ว”
ตลอดเวลาที่นายบ่าวแขวะกันไปมา แนนนี่ยังคงร้องไห้อยู่อย่างนั้น
“คุณยายขา ... แนนนี่มีแต่ความจริงใจและซื่อตรง แต่ทำไมพี่ภวัตไม่เคยมองเห็น”
“ไม่ใช่มองไม่เห็นจ้ะ แต่เขามองข้าม”

ทาฮิร่าแวะมาหารือกับปัทมนเรื่องแนนนี่ ปัทมนมองทาฮิร่าอย่างอ่อนโยน
“คุณยายไม่ผิดหรอกค่ะ คุณยายทำหรือพูดอะไรไปก็เพื่อปกป้องหลานเท่านั้น”
“ปกไปปกมา หลานไปอยู่กินกับมนุษย์หมด จะว่าไปก็จริงของไอ้ชิกเก้นมันเหมือนกัน”
“มันเป็นเรื่องบุพเพสันนิวาสน่ะคะ .. คู่ของใครก็คู่ของเขา ...ไม่มีใครสามารถไปแยกเขาจากกันได้” ปัทมนว่า
“ยายก็ว่าจะเลิกยุ่ง แต่มันก็อดไม่ได้สักที .... เพราะใจมันคิดอย่างนี้ก็เลยปลอบใครไม่ค่อยเป็น...คงต้องอาศัยหนูนั่นแหละ” คุณยาย...ขอร้อง
“ถ้าแนนนี่มาขอคำแนะนำ หนูก็จะลองพูดกับเขาดู”
“ขอบใจนะ ยายเลือกแม่ให้แนนนี่ไม่ผิดจริงๆ”
ปัทมนไหว้ “หนูก็ต้องขอบคุณคุณยายที่พาลูกสาวแสนจะน่ารักมาให้หนู”
ทาฮิร่าชอบอกชอบใจ “ขอบใจกันไปก็ขอบใจกันมา”

ด้านภวัตพยุงบุษบาเข้ามานั่งภายในห้องรับแขก บุษบายังคงยึดมือภวัตไว้แน่น
“เด็กคนนี้น่ากลัวเหลือเกิน ... บุษว่าคุณอยู่ที่นั่นอาจจะไม่ปลอดภัย เอาอย่างนี้มั้ยคะ คุณย้ายมาอยู่ที่นี่...มาทั้งครอบครัวก็ได้”
“ขอบคุณมาก แต่คงไม่มีอะไรหรอกครับ ผมอยู่บ้านนั้นมาตั้งแต่เกิด”
“แต่บุษเป็นห่วงคุณค่ะ นังเด็กผีนั่นมันจ้องคุณตาเป็นมัน วันนึงมันต้องเอาคุณไปอยู่ด้วยแน่ๆ”
ภวัตนิ่งไป บุษบารีบเปลี่ยนเรื่อง “ไหนๆ ก็มาแล้ว ... ภวัตจะขึ้นไปเยี่ยมพี่ไชยหน่อยมั้ยคะ”
“ครับ”
“เชิญค่ะ” บุษบาเดินเกาะแขนภวัตขึ้นข้างบนไป

ไชยอยู่ในห้องกำลังนั่งค้นข้อมูลทางเน็ต ในขณะที่มีเสียงเคาะประตูเบาๆ
“ใคร”
“ภวัตมาเยี่ยมพี่ไชยค่ะ” บุษบาตะโกนเข้ามา
“เข้ามาเลย”
ประตูเปิดออก ภวัตและบุษเดินเข้ามา ภวัตไหว้ไชย ... ไชยรับไหว้
“บุษออกไปก่อน ... พี่อยากคุยกับภวัตตามลำพัง”
“ได้ค่ะ”
บุษบาขยิบตาเป็นสัญญาณให้พี่ชายเรื่องแต่งงาน ไชยมัวแต่สนใจจะคุยกับภวัต บุษบาจำใจเดินออกไปเซ็งๆ
ภวัตมองไชยอย่างแปลกใจ “ท่าทางหมอดีขึ้นมากเลยนะครับ”
“ผมไม่ได้เป็นบ้าอย่างที่คนอื่นเข้าใจ แต่ก็ต้องปล่อยข่าวให้ดูว่าเหมือนมากก็เพราะ ผมไม่ต้องการให้มันรู้”
ภวัตงง “ใครครับ”
“นังดารกา” ไชยโพล่งขึ้นมาทันที
“หมอ” ภวัตอึ้ง
“มันไม่ใช่มนุษย์ ผมขอยืนยันว่ามันไม่ใช่มนุษย์ มันเป็นปีศาจร้ายที่แฝงตัวอยู่ในร่างมนุษย์ คุณอยู่ใกล้ๆกับมัน สนิทสนมกับมัน ลองสังเกตให้ดีซิ”
ภวัตอึ้งไป สีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
“ผมน่ะอยากให้มันเป็นมนุษย์จะตาย ผู้หญิงสวยขนาดนั้นใครก็ชอบ ผมเองก็เคยจะจริงจังด้วย แต่ว่า...”ไชยส่ายหน้า “มันเล่นงานผมจนสยอง เชื่อเถอะ มันเป็นปีศาจร้ายจริงๆ”

ภวัตกลับมาบ้านเจอรัดเกล้ากำลังนั่งดูที.วี. อยู่ ภวัตทิ้งตัวลงนั่ง ... สีหน้าแววตาดูสับสนกับอะไรบางอย่าง
“เป็นอะไรไปคะ”
ภวัตหันมาจะอ้าปากตอบ
“ห้ามตอบว่าเปล่า เพราะท่าทางของพี่ภวัตบอกว่ามีอะไรแน่”
ภวัตถอนใจยาวอย่างหนักใจ “ระยะหลังๆ มานี่เกล้าเคยเห็นน้องดาทำอะไรแปลกๆ มั้ย”
รัดเกล้าชะงัก “ทำไมพี่ภวัตถึงถามขึ้นมา”
“ตอบมาเถอะน่า”
“ก็มีเรื่องที่ระยะหลังๆ น้องดาหวงผมมาก จำได้มั้ยคะที่พี่ธานีเคยลูบผมแล้วเกล้าก็เคย ถามเรื่องที่คาดผม”
สองพี่น้องนึกถึงเหตุการณ์เหล่านั้นขึ้นมา
“เกล้ายังจำได้เลยว่า น้องดาแทบจะเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย ..แต่หลังจากนั้นแกก็มาขอโทษ” รัดเกล้าเว้นระยะไปนิดจึงพูดต่อ “พี่ภวัตว่า น้องดาเป็นเด็กเก็บกดมั้ยคะ”
ภวัตโยกหัวน้องสาวอย่างเอ็นดู “วิเคราะห์เก่งเหมือนกันนี่”
รัดเกล้าสีหน้าจริงจังขึ้น “แต่ถ้าคิดให้ดี เกล้าว่าน้องดาไม่น่าจะเป็น เพราะครอบครัวก็รักใคร่กลมเกลียวกันดี คุณอาปัทกับพี่ธานีก็เป็นคนยุติธรรม จะมีก็ยัยแนนนี่ที่เกเรชอบหาเรื่อง แต่ก็ไม่น่าจะร้ายแรงขนาดทำให้น้องดากลายเป็นคนเก็บกด”
“ก็อาจจะมีเรื่องอื่นที่เราไม่รู้” ภวัตลุกขึ้นยืน “พี่จะขึ้นไปอาบน้ำละ เหนียวตัวเต็มที”
ภวัตเดินขึ้นไปข้างบน ขณะที่รัดเกล้ายังใช้ความคิดต่อ

ภวัตเดินเข้ามาในห้อง ทั้งแนนนี่ ทาฮีร่าและชิกเก้น ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน ต่างคนต่างตะลึง
“คุณยาย” แนนนี่อุทาน
“แนนนี่” ทาฮิร่าอึ้ง
ชิกเก้นเอามั่ง “คุณยาย ! แนนนี่
“จะให้ผมเข้าใจว่า ต่างคนต่างมาใช่มั้ยคะ”
“ใช่” ทั้งสามตอบพร้อมกัน
“ถ้าอย่างนั้น ขอเชิญกลับไปให้หมด เชิญครับ” ภวัตสับสนกับเรื่องในวันนี้ กลายเป็นฉุนไปหมด
“แต่แนนนี่อยากจะขอโทษและชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่ภวัต” แนนนี่หน้าเศร้า
“ฉันก็มีเรื่องที่จะทำความเข้าใจกับเธอ” ทาฮิร่าพูดเป็นทางการ
“ส่วนชิกเก้น...”
ชิก้เก้นพูดไม่ทันจบภวัตรีบตัดบท “ผมยังไม่อยากรับฟังใครทั้งนั้น”
“เวรก๊ำ...เวรกรรม”
แนนนี่มองทาฮิร่า และชิกเก้นหน้าตาอ้อนวอน “คุณยายขา...ชิกเก้น...ได้โปรด”
ทาฮิร่าและชิกเก้นมองสายตาวิงวอนของแนนนี่ แล้วหันมาสบตากัน หายแวบไป
แนนนี่ค่อยๆ เบือนหน้ามามองภวัตตาละห้อย ภวัตเมินมองไปอีกทางกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อน

2 นายบ่าว ปรากฏตัวในห้องแนนนี่ แล้วทาฮิร่ารีบไปที่หน้าต่างเพื่อดูความเป็นไปทันที
“ทำอะไรน่ะ หา” ชิกเก้นทัก
“สังเกตการณ์” ทาฮิร่าบอก
“เขาเรียกว่า แอบดู”
“สังเกตการณ์” ทาฮิร่าโต้
“แอบดู” ชิกเก้นเถียง

ส่วนเหตุการณ์ที่สองนายบ่าว แอบสังเกตการณ์ดูนั้น แนนนี่หันมามองพอดี ขณะที่ทาฮิร่ากำลังชะเง้อชะแง้ แนนนี่ว่าคาถา บริเวณนั้นกลายเป็นกำแพง
ทาฮิร่าถอนใจเฮือกใหญ่ หันมา
“เป็นไงล่ะ”
“เซ็งแมว” ทาฮิร่าหน้าเนือยๆ
“เค้ามีแต่เซ็งเป็ด”
“แต่ฉันเซ็งแมว”

ด้านแนนนี่เดินมากราบที่แขนภวัต
“พี่ภวัต... แนนนี่กราบขอโทษ ต่อไปแนนนี่จะไม่ผิดสัญญากับพี่ภวัตอีกแล้วแนนนี่จะอดทน อดกลั้น ... แนนนี่จะ ...”
ภวัตหันมามอง ... สีหน้าเย็นชา “การกระทำสำคัญกว่าคำพูด ! เธอผิดสัญญากับพี่ เพราะฉะนั้นเราไม่มีอะไรที่จะต้องพูดกันอีกแล้ว”
แนนนี่น้ำตาไหลพราก “พี่ภวัต...แนนนี่ขอโอกาสอีกสักครั้ง ... ครั้งเดียวจริงๆ แนนนี่จะอดทนอดกลั้น ต่อให้คุณบุษบาจิกผมตบแนนนี่ แนนนี่จะนิ่งเฉย จะก้มหน้าก้มตาถูกตบโดยไม่ตอบโต้แม้แต่นิดเดียว”
“ถ้าบุษบาทำขนาดนั้น พี่มั่นใจว่า เธอต้องสาปเขาให้เป็นหนอนไปเลย”
“ไม่ค่ะ”
“เธอจะพูด จะสัญญ่งสัญญาอะไรก็ได้ แต่บอกตามตรงว่า พี่หมดความเชื่อถือในตัวเธอแล้ว พี่เสียใจและผิดหวัง”
แนนนี่กอดภวัตร้องไห้สะอึกสะอื้น “แนนนี่จะเป็นเด็กดี แนนนี่จะไม่ใช้คาถา แนนนี่สำนึกตัวแล้ว”
ทว่าภวัตจับแขนแนนนี่ดึงออกจากตัวอย่างเย็นชา เช่นเดียวกับสีหน้าบึ้งตึง
“กลับไปได้ แล้วไม่ต้องมาที่นี่อีก! เราไม่มีเรื่องที่จะพูดกันอีกต่อไป”
แนนนี่เม้มปาก ตัดสินใจวางไพ่ตาย
“งั้นแนนนี่ จะคบกับปีเตอร์! อาจจะรับหมั้นแล้วแต่งงาน”
“เชิญ!”
แนนนี่ไร้เรี่ยวแรง ร่างซวนเซ มองแทบช็อก
“อยากจะคบกับปีเตอร์ หรือใครสักกี่คนก็เป็นเรื่องของเธอ! เธอเป็นแม่มดนี่จะใช้เวทมนตร์เรียกผู้ชายให้มาหลงรักแบบพระสังข์ใช้มนต์เรียกเนื้อเรียกปลาก็ได้! จะทำอะไรก็ตามใจ พี่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธออีก” ภวัตประชด
“พี่ภวัต...พี่ภวัตเกลียดแนนนี่แล้ว...” แนนนี่ร้องไห้เหมือนใจจะขาด
“รู้แล้ว...ก็รีบไป”
แนนนี่มองภวัตอย่างเศร้าโศกเสียใจ
“ถึงพี่ภวัตจะโกรธจะเกลียดแนนนี่ขนาดไหน...แนนนี่ก็จะรักพี่ภวัตตลอดไป”
ภวัตยิ้มเยาะ “มุกนี้ของเธอมันใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้วละ”
แนนนี่ทรุดลงไปราวกับเจ็บปวดแสนสาหัส ภวัตเดินออกไปอย่างไม่สนใจ

ทางด้านปัทมนกำลังไหว้พระ
“ลูกเหนื่อยหัวใจเหลือเกินแล้ว ใกล้วันเกิดของดารกาเข้ามาทุกที ขอพระพุทธคุณช่วยปกป้องคุ้มครองดารกาด้วยเถิด”
มีเสียงเรียกดังขึ้นมา “คุณแม่ขา” น้ำเสียงสั่นเครือเหมือนคนร้องไห้
ปัทมนหันมามอง แนนนี่ปรากฏตัวขึ้น น้ำตาเปียกชุ่มทั่วใบหน้า
“แนนนี่ เป็นอะไรลูก ทำไมถึงได้ร้องไห้มากมายขนาดนี้”
“พี่ภวัตเกลียดแนนนี่ เขาไม่มีวันให้อภัยแนนนี่อีกแล้ว”
แนนนี่สะอึกสะอื้นตัวโยน เหมือนใจจะขาด
“ไหน มันเรื่องอะไรกัน เล่าให้แม่ฟังซิลูก”
“แนนนี่ทำผิด แนนนี่เป็นคนเลว”
ปัทมนกอดลูกสาวไว้แน่นด้วยความสงสารและเวทนาสุดๆ

ภวัตยืนเหม่อออกไปข้างหน้า ภาพแนนนี่ร้องไห้ เหมือนใจจะขาดโผล่ขึ้นในความคิด
“ถึงพี่ภวัตจะโกรธจะเกลียดแนนนี่ขนาดไหน แนนนี่ก็จะรักพี่ภวัตตลอดไป”
“มุกนี้ของเธอมันใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้วละ”
แนนนี่ทรุดลงไปราวกับเจ็บปวดแสนสาหัส พอภาพเหล่านั้นเลือนหายไป ภวัตสีหน้าแววตาเจ็บปวด
“พี่เองก็เจ็บปวดไม่น้อยกว่าแนนนี่”

“ไม่เป็นไร แนนนี่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม่ก็ยังอยู่นะลูกนะ แนนนี่เจ็บปวดแค่ไหน แม่ยิ่งเจ็บปวดมากกว่าแนนนี่หลายเท่านัก” ปัทมนปลอบแนนนี่
“แนนนี่จะทำยังไงดีคะ” แนนนี่ถามขึ้น
“ร้องไห้เสียให้พอ แล้วตั้งต้นชีวิตใหม่...มาสวดมนตร์ไหว้พระกับแม่จิตใจจะได้สงบเย็นลง แล้วพี่ภวัตเขาก็จะเห็นเอง”
“ไม่มีวันที่เขาจะให้อภัยแนนนี่อีกแล้ว แนนนี่รู้ดี”
“แม่ก็จะไม่รับรองว่าเขาจะให้อภัยแนนนี่หรือไม่ แต่แนนนี่ต้องปรับปรุงตัวเองนะลูกนะ ไม่ใช่เพื่อใคร ...แต่เพื่อตัวของลูกเอง และชาวนครเวทมนตร์ของลูก”
แนนนี่ชะงัก “แม่หมายความว่ายังไงคะ”
“แล้วลูกก็จะเข้าใจจ้ะ” ปัทมนลูบหลังแนนนี่อย่างอ่อนโยน
จังหวะนั้นมีเสียงเคาะประตูเบาๆ
“ใครจ๊ะ”
“ผาดค่ะ ... คุณดากลับมาบ้านค่ะ”
ปัทมนลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู
“ไปทำอาหารอร่อยๆ ที่คุณดาชอบเตรียมไว้น่ะจ๊ะ”
“ค่ะ” ผาดเดอนออกไป
ปัทมนหันกลับมา “แนนนี่”
ทว่าแนนนี่หายไปแล้ว
“ไปไหนอีกล่ะ”
ปัทมนถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินออกไป)

เวลาต่อมาดารกากำลังยืนอยู่หน้ากระจก เอาผ้าคาดผมออก เห็นเขาขึ้นเด่นชัด ดารกาค่อยๆ แสยะยิ้มออกมา เห็น 2 เขี้ยวแหลมเด่นชัด
“รออีกไม่นาน .... ข้าก็จะยิ่งใหญ่เกินใคร”
มีเสียงเคาะประตูเบาๆ
“น้องดา ... เปิดประตูให้แม่หน่อยซิลูก”
ดารกาบึ้งเหมือนไม่พอใจที่ถูกรบกวน

ดารกาคาดผมดังเดิม เขาหดกลับเข้าไป ดารกามองสำรวจความเรียบร้อยแล้วเดินไปเปิดประตู
“น้องดา ...จะกลับมาไม่โทร. บอกแม่ก่อนล่ะลูก แม่จะได้ให้สุเทพขับรถไปรับ”
ดารกาสีหน้าขรึมเฉย “น้องดากลับเองสะดวกกว่าค่ะ”
“หิวมั้ยลูก ... แม่ให้ผาดเขาเตรียม...”
“ไม่หิวค่ะ” ดารกาสวนออกมา
ปัทมนอึ้งไป
“ถ้าคุณแม่ไม่มีอะไรแล้ว น้องดาขอท่องหนังสือนะคะ”
ปัทมนดึงรั้งดารกาเข้ามากอด แล้วน้ำตาซึม “น้องดา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้จำไว้เสมอว่า แม่รักน้องดามากนะลูก รักมากขนาดชีวิตนี้ แม่ก็สละให้น้องได้”
ระหว่างนั้นสีหน้าดารกา บริเวณรอบดวงตามีน้ำชื้นขึ้นมา และแววตาอ่อนลง
จู่ๆ เสียงสดับดังขึ้นในความคิด “ความรักไม่ว่าชนิดไหนจะทำให้เจ้าอ่อนแอ ...เจ้าจะรักใครไม่ได้”
ดวงตา และใบหน้าดารกา กลับมาแข็งกระด้างตามเดิม ผละออกจากอ้อมกอดแม่
“ขอโทษนะคะ”
ดารกาหันหลังให้ ปัทมนต้องเบิกตาโพลง เมื่อมองเห็นหาง ที่ปลายเป็นลูกศรตวัด ปัทมนรีบพุ่งไปที่ประตูทันที ดารกาเดินกลับไปที่เตียง แล้วทรุดตัวลงนั่ง หางตวัดมาอยู่ข้างๆ ตัว

ดารกาก้มลงมอง นัยน์ตาเป็นประกายวาววับสงสัยครามครัน “เห็นหรือเปล่า” ยิ้มเยือกเย็นอย่างไม่พอใจและเป็นกังวลออกมา

ปัทมนรีบก้าวเข้ามาในห้องพระ แล้วปิดประตู เดินมาทรุดตัวก้มลงกราบพระ
“ขออำนาจพรพุทธคุณและผลบุญกุศลที่ลูกเคยทำมา จงช่วยปกป้องคุ้มครองดารกาจากปีศาจร้ายด้วยเถิด”
ปัทมนก้มกราบ 3 ครั้ง
ดารกาคาใจเดินออกมาเพื่อจะตรงมายังห้องปัทมนดูท่าที แต่ในระหว่างทางจะต้องผ่านห้องพระก่อน ดารกาหยุดชะงัก รัศมีรุ่งเรืองส่องผ่านลอดประตูออกมา แสงนั้นเจิดจ้าจนดารกาต้องยกแขนขึ้นป้องหน้า

ในที่สุด ดารกาต้องล่าถอยกลับไป
ที่นครเวทมนตร์ แนนนี่ถือไม้กวาดเดินมาเรื่อยเปื่อย และเดินมาจนถึงอาคารเรียนภายในโรงเรียนเวทมนตร์ แนนนี่มองเข้าไปเห็นท่านผู้นำกำลังอบรมและให้โอวาทนักเรียนที่เรียนจบหลักสูตร

“ในที่สุดพวกเจ้าก็สามารถเรียนจบหลักสูตรแม่มดพ่อมดแล้ว ข้าขอแสดงความยินดี”
แนนนี่ฟังด้วยสีหน้าสดใสมากขึ้น
“เวทมนตร์คือดาบ 2 คม ใช้ในทางที่ดีก็จะเกิดประโยชน์ ถ้าใช้ในทางชั่ว ก็จะเกิดผลร้ายอย่างที่ไม่คาดคิด...เวทมนตร์มีคุณอนันต์และมีโทษมหันต์ ...
แนนนี่ฟังโอวาทท่านผู้นำแม่มดอย่างเพลินเพริด
จนไม่รู้ตัวว่า จังหวะนั้น มีใครคนหนึ่งกำลังเดินใกล้เข้ามาทุกที
“เพราะฉะนั้น ทุกคนต้องมีคุณธรรมเพื่อควบคุมเวทมนตร์”
“ช่างกล้านัก...อสูรน้อย”
แนนนี่สะดุ้งเฮือกหันขวับมา เห็นบาบาร่ายืนมองด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย พร้อมกับไทเกอร์
“อาจารย์บาบาร่า”
“ทุกคน! อสูรน้อยอยู่ที่นี่” บาบาร่าตะโกนสุดเสียง
แนนนี่รีบวิ่งหนี เหล่าพ่อมดแม่มด ทุกคนไล่ตาม แล้วจับตัวแนนนี่ได้ในที่สุด หลังจากชุลมุนวุ่นวายครู่หนึ่ง

เย็นวันเดียวกันที่เมืองมนุษย์ ปัทมนเดินเข้ามาภายในห้องอาหาร โดยที่ผาดและพรกำลังช่วยกันจัดโต๊ะ
“อ้าว ! ยังไม่ลงมากันอีกหรือ” ปัทมนถาม
“ยังเลยค่ะ นี่ผาดกำลังจะให้พรขึ้นไปดู”
ธานีเดินเข้ามาพอดี “อะไรกันหรือครับ คุณแม่”
“น้องๆ ยังไม่ลงมาทานข้าวน่ะลูก”
“พรจะขึ้นไปตาม” พรอาสา
“ไม่ต้อง ฉันขึ้นไปเอง” ปัทมนห้าม
“ผมดีกว่าครับ .. คุณแม่”
“ไม่ได้จ้ะ”
ปัทมนรีบลุกเดินไป ทั้งสามคนมองตามอย่างแปลกใจ

ปัทมนเดินมาหน้าประตูห้องแนนนี่ เคาะเรียกเบาๆ “แนนนี่ ... แนนนี่”
“ไม่อยู่ครับ” เสียงชิกเก้นดังลอดออกมา
ปัทมนเปิดประตูเข้าไป
“แนนนี่ไปไหนล่ะ”
“อ้าว ! ไม่ได้อยู่กับคุณแม่หรือครับ”
“เปล่านี่ แม่ก็นึกว่าอยู่ในห้อง”
“อาจจะไปหาคุณยายก็ได้ เดี๋ยวชิคเก้นไปตามให้”
“ไปดูให้หน่อยเถอะจ้ะ ขอบใจมากนะ ชิกเก้น”
“ไม่เป็นไรครับ เวรก๊ำ ... เวรกรรม” ชิกเก้นหายตัวไป

จากนั้นปัทมนเดินมาหน้าประตูห้อง ยืนรวบรวมสมาธิครู่หนึ่งแล้วจึงเคาะประตู
“น้องดา...น้องดา”
“น้องดาไม่หิวค่ะ” เสียงดารกาบอก
“งั้นเดี๋ยวแม่จะเอาขึ้นมาให้ลูกนะ”
“ไม่ต้องค่ะ! เดี๋ยวถ้าหิวน้องดาจะลงไปเอง”
“ตามใจลูก”
ปัทมนเดินออกไป โดยไม่วายหันไปมองอีกครั้งด้วยความกังวล

ชิกเก้นมาโผล่ที่เซฟเฮ้าส์นายหญิงตามคำขอร้องของปัทมน
“เปล๊า ! แนนนี่ไม่ได้มาที่นี่ ฉันก็นึกว่าอยู่กับคุณแม่ปัทมาเค้า” ทาฮิร่าบอกชิกเก้น
“คุณแม่ปัทมาก็นึกว่าอยู่กับคุณยายเหมือนกัน เวรก๊ำ ...เวรกรรม”
“ฉันรู้แล้ว ต้องอยู่กับหมอภวิต นี่คงแอบไปดีกันละซี้”

ทาฮิร่าหายตัวไป ชิกเก้นตามติด มาโผล่ในห้องภวัต
“แนนนี่ไม่ได้มาที่นี่ครับ หรือถ้ามา ผมคงจะไล่กลับไปแล้ว”
“หน็อยแน่ ! บังอาจไล่หลานฉันเรอะ” ทาฮิร่าฉุนจัด
“เขายังไม่ได้ไล่ คุณยาย แนนนี่ไม่ได้มา เขาจะไล่ได้ไง เวรก๊ำ...เวรกรรม”
ภวัตชักเป็นห่วง “แนนนี่ไม่ได้อยู่ที่บ้านหรือครับ”
“ก็ถ้าอยู่ ฉันจะเสด็จมาตามทีนี้มั้ยล่ะยะ เวรก๊ำ ....เวรกรรม”
“คุณย้าย ! นั่นมันของชิคเก้นพูดนะ” ชิกเก้นโวยวาย
“ฉันจะพูดบ้าง มี’ไรมั้ย แกไม่ได้จดลิขสิทธิ์ไอ้นี่”
ทาฮีร่าหายไป ชิกเก้นหายตาม

สมาชิกบ้านภวัตเตรียมตัวทานข้าวเย็น โป่งยกถาดอาหารมาเสิร์ฟ แต่ละจานเป็นไข่เจียวโปะข้าว
จักรวาล และรัดเกล้ามองจาน แล้วเงยหน้ามองโป่ง
“คือ ... คุณแม่บ้านบานเย็นเค้าไม่อยู่ครับ โป่งก็เลยทำอาหารตามมีตามเกิด”
เสียงภวัตถามขึ้นขณะเดินเข้ามา “ใครไม่อยู่นะ”
“ป้าบานเย็นค่ะ”
“จะไปไหนทำไมไม่บอกไม่กล่าว” จักรวาลบ่นอุบ
“โอ๊ย ! แกไปกลับเร็วมากครับ เดี๋ยวแวบไปเดี๋ยวแวบมาเหมือนคุณยายทาฮีร่ากับอาจารย์แนนนี่ไม่มีผิดเลย”
คนอื่นเฉยๆ แต่ภวัตชะงัก “ป้าบานเย็นน่ะเรอะ”
“ครับ”
“ไปดูที่ห้องซิว่า เสื้อผ้ายังอยู่หรือเปล่า”
“ครับผม” โป่งเดินออกไป
ภวัตนิ่งคิด...ภาพบาบาร่าตอนเจอกันในเมืองแม่มดผุดขึ้นมาในห้วงความคิด ในขณะที่ภาพแม่บ้านบานเย็นซ้อนเข้ามาอีกที
“ใช่แล้ว”
“อะไรใช่” รัดเกล้ากับจักรวาลประสานเสียง
ภวัตลุกขึ้น “เดี๋ยวผมมานะครับ” เดินขึ้นบนบ้านไป

โป่งเปิดประตูเข้ามา เสื้อผ้าข้าวของบาบาร่าอยู่เหมือนเดิม
“เสื้อผ้าก็ยังอยู่นี่”
ทันทีทันใดของทั้งหมดหายวับ
“เฮ้ย” โป่งตกใจร้องลั่น

โป่งวิ่งเข้ามาในห้องอาหารหน้าตาตื่น
“หายวับไปกับตาเลยครับ”
“อะไรของแก” จักรวาลสงสัย
“เสื้อผ้าข้าวของคุณบานเย็นครับ หายวับไปกับตา”
“โป่งนี่ยิ่งนับวันยิ่งเพี้ยนนะ คุณพ่อขา...เกล้าว่าเราไปหาอะไรทานข้างนอกดีกว่าค่ะ”
“แล้วข้าวไข่เจียวนี่ละลูก...ไหนๆโป่งมันก็อุตส่าห์ทำมาแล้ว...จะทิ้งก็เสียดาย...กินเข้าไปเถอะลูก แล้วภวัตล่ะ”
“โป่งไปตามมั้ยครับ”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวเขาก็ลงมาเอง”
จักรวาลตักกินข้าวไข่เจียว
“ก็อร่อยเหมือนกันนี่”

ภวัตเข้ามาในห้องเรยกหาทาฮิร่าทันที “คุณยาย! คุณยายครับ”
เงียบ ...ภวัตพยายามเรียกแต่ก็เงียบอีก
“ทีเวลาเรียกไม่มา พอไม่เรียกกลับมา”
ขาดคำร่างทาฮิร่าก็ปรากฏตัวขึ้น
“นินทาอะไรฉันยะ พ่อภวิต”
“ผมจำได้แล้วครับ” ภวัตโพล่งออกมา
“หือ”
“ป้าบานเย็นแม่บ้านผมครับ หน้าเหมือนแม่มดที่เมืองเวทมนตร์เปี๊ยบเลยแล้วตอนนี้แกก็หายไปแล้วด้วย ... ผมไปเจอแกพยายามจับอสูรที่นั่น”
“คนที่มีขนตาพะเยิ่บพะยั่บใช่มั้ย”
“ใช่ครับ”
“บาบาร่า” พูดจบทาฮิร่าก็หายตัวไป
“คุณยาย” ภวัตเรียกไว้
ปัทมนกำลังร้องห่มร้องไห้อยู่กับทาฮิร่า
“คุณยาย ! ให้หนูไปด้วยคนนะคะ หนูจะไปยืนยันว่าแนนนี่ไม่ใช่อสูรแน่นอน”
“คุณแม่พูดเหมือนรู้ว่าใครเป็นอสูร” ชิกเก้นแปลกใจ
ปัทมนสะดุ้ง “เปล่า แม่ไม่รู้ ไม่รู้ซักหน่อย”
“หนูรออยู่ที่นี่ ยายจะรีบไปช่วยแนนนี่”
ทาฮิร่าหายวับไป
“คุณยาย บอกแนนนี่ด้วยนะคะว่า แม่เป็นห่วงสุดหัวใจ”
“ถ้านางไม่บอก ชิกเก้นจะบอกให้ห้เองครับ...คุณแม่” ชิกเก้นหายตัวไป

ปัทมนเดินออกมาจากห้อง แล้วเช็ดน้ำตา มีเสียงดารกาถามขึ้นมาจากข้างหน้า
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ คุณแม่”
ปัทสะดุ้งเฮือก แล้วหันขวับไปมอง ดารกายืนอยู่มุมหนึ่ง
ปัทมนพึมพำ “น้องดา”
ดารกายิ้มใสซื่อ “คุณแม่ร้องไห้ทำไม”
“เอ้อ!” ปัทมนมองไปที่บริเวณด่นหลังของดารกา แต่ไม่ปรากฏมีหาง
“เรื่องเกี่ยวกับแนนนี่ใช่ไหมคะ” ดารกาดักคอ
ปัทมนอึกอัก
“คุณแม่ออกมาจากห้องแนนนี่ น้องดาก็เลยเดาเอาว่าต้องเกี่ยวกับแนนนี่”
ปัทมนจำใจต้องพยักหน้ารับ “จ้ะ”
“แนนนี่เป็นอะไรคะ” ดารกาคาดคั้น
“แก ... แกหายไป”
“ตายจริง ...” ดารกาเว้นไปนิดจึงพูดต่อ “จะหายไปไหนได้ คุณแม่ลองติดต่อไปที่ปีเตอร์หรือยังคะ”
ปัทมนสีหน้ามีความหวังขึ้น “จริงซิ แนนนี่อาจจะงอนไปหาปีเตอร์ก็ได้ แม่อาจจะคิดมากไปเอง”
“น้องดาโทร. ให้ก็ได้ค่ะ”
ดารกเดินมาโอบเอวแม่ ปัทมนเกิดความตื้นตันขึ้นมา
“น้องดา ... แม่รักน้องดามากนะลูกนะ”
ดารกายิ้มให้ “น้องดาทราบค่ะ”
สองแม่ลูกเดินลงไปด้วยกัน

ครู่ต่อมาปีเตอร์อยู่ที่คอนโด กำลังรับโทรศัพท์ด้วยความตกใจ
“แนนนี่ไม่ได้มาที่นี่ครับ ปีเตอร์ไม่เจอแนนนี่มาตั้งหลายวันแล้ว เดี๋ยวปีเตอร์จะไปที่บ้านคุณแม่นะครับ ห่วงแนนนี่มากเลย”
ไวเท่าความคิดปีเตอร์พุ่งไปหยิบกุญแจรถรีบเดินออกไป

ช่วงค่ำวันนั้น ทุกคนมารวมอยู่ในห้องรับแขกบ้านปัทมน ปีเตอร์เดินเข้ามาสมทบ ด้วยหน้าตาวิตกกังวลเว่อร์ๆ
“ปีเตอร์มาแล้วครับ”
“เขารอคุณแนนนี่กันครับ ไม่ใช่คุณปีเตอร์”
จักรวาลเอ็ดเอา “ไอ้โป่ง”
โป่งหน้าเจื่อนไป
“เดี๋ยวปีเตอร์จะลงประกาศหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ใครพบแนนนี่ปีเตอร์จะให้ 10 ล้าน” เรื่องเวอร์ต้องนายเปอร์ตี้เท่านั้น ดารกาเหลือบมองเยาะๆ
“คุณจักร ! งั้นเราไปกันเถอะ ค่ะ” อิงอรเอ่ยชวน
“ไปไหนครับ” จักรวาลงง
“ตามหาแนนนี่ไงคะ ตั้ง 10 ล้าน”
ภวัตเดินขึ้นไปข้างบนขณะที่ทุกคนพูดปรึกษากัน ดารกาเดินตามไป

ดารการีบเดินตามภวัตขึ้นมา
“พี่ภวัต”
ภวัตหยุดเดิน หันกลับมา
“พี่ภวัตช่วยแนนนี่ไม่ได้หรอกค่ะ”
“ทำไมน้องดาถึงได้มั่นใจนัก”
“เพราะมันไม่ใช่เรื่องของมนุษย์”
“พี่เชื่อในพลังแห่งความรัก ... พี่เชื่อว่าความรักจะเอาชนะ ทุกสิ่งทุกอย่างได้”
“พี่ภวัต หมายความว่าพี่ภวัตรักแนนนี่”
“ใช่! แล้วยิ่งรู้สึกรุนแรงขึ้นเมื่อแนนนี่หายไป พี่ทำให้แนนนี่ผิดหวังและเสียใจ”
ภวัตจับลูกบิดประตู
“แล้วถ้าน้องดาหายไปล่ะคะ”
“พี่ก็คงเป็นห่วงน้องดา ต้องพยายามตามหาน้องดาเหมือนกัน”
“แต่ไม่ใช่ด้วยความรัก”
“ด้วยความรักเหมือนกัน แต่เป็นความรักของพี่ชายที่มีต่อน้องสาว”
ภวัตเปิดประตูห้องเข้าไป ดารกากำมือแน่น
ภาพอสูรร้ายตัวพ่อปรากฏขึ้นลางๆ
“อย่าใจอ่อน ดารกา”
“พี่ภวัตรักคนอื่น” ดารกาพูดกับอสูร
“ฆ่ามันสิ ฆ่าให้หายแค้น ฆ่ามัน”
สีหน้าดารกาเกรี้ยวกราดนัยน์ตาเป็นสีเขียว น่ากลัว ขณะจับลูกบิดประตู

ภวัตเดินมาทรุดตัวลงนั่งบนเตียงแนนนี่ ภวัตมองไปโดยรอบ ด้วยสีหน้าแววตาเจ็บปวด จนมาหยุดที่รูปแนนนี่ หยิบมาดู “แนนนี่ อย่าเป็นอะไรไปนะ รอให้พี่บอกรักแนนนี่ก่อน ทุกครั้งแนนนี่จะเป็นคนบังคับให้พี่พูด ถ้าแนนนี่กลับมาได้ พี่จะบอกรักแนนนี่โดยที่ไม่ต้องบังคับเลย”
ภวัตพูดพร่ำออกมาด้วยสีหน้าแววตาเจ็บปวด

ที่ด้านนอกดารกา กำลังต่อสู้กับความรู้สึก 2 อย่าง ซึ่งห้ำหั่นกันอยู่ภายใน
มือดารกาจะเปิด ไม่เปิด ดารกา และอสูรร้ายจอมทำลายล้าง ต่อสู้กัน
“เข้าไปฆ่ามัน ดารกา มันจะได้เสริมพลังให้เจ้าเมื่ออายุครบ 22 ปี ฆ่ามัน”
ดูไม่ออกว่าดารกาจะเปิดหรือไม่เปิด
และที่สุดเหมือว่าจะเปิดเข้าไป จู่ๆ แสงสว่างรุ่งเรืองจากห้องพระกระจายออกมา อสูรร้ายร้องลั่น แล้วหายไปด้วยความหวาดกลัว ส่วนดารกาหมดสติลง ธานีขึ้นมาตามพอดี
“น้องดา ! น้องดาเป็นอะไร”
ธานีอุ้มดาเดินลงไป

ที่นครเวทมนตร์ ดวงดาวใหญ่น้อยบนท้องฟ้านครเวทมนตร์
- รับตัวปราสาทสวยงามตั้งอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์กระจ่าง (ยังไม่ 15 ค่ำดี)
- รับภาพภายในคุกแนนนี่นั่งกอดเข่าพิงผนัง สีหน้าแววตาดูว้าเหว่
แนน ยายจ๋า ... คุณแม่ ..... พี่ภวัต ชาตินี้เราคงไม่ได้พบกันอีกแล้ว
มีเสียงไขกุญแจประตู แนนนี่รีบลุกขึ้นทันที ประตูเปิดออก ผู้นำแม่มด และบริวารเดินเข้ามาพร้อมด้วยบาบาร่า
“จะยอมรับหรือยังว่าเป็นอสูร” ท่านผู้นำถาม
“แนนนี่เป็นแม่มด แล้วจะให้ยอมรับว่าเป็นอสูรได้ยังไงเจ้าคะ”
“มุสา ปากแข็ง เจ้านั่นแหละเป็นอสูร แล้วข้าเป็นผู้จับเจ้าได้” บาบาร่าขึ้นเสียง
“บาบาร่า” ผู้นำแม่มดเรียกเป็นเชิงเตือน
“เจ้าค่ะ” บาบาร่าเสียงอ่อย เจ้าค่ะ
“อสูรน้อย บอกมา ว่าใครเป็นผู้เลี้ยงดูเจ้า”
บาบาร่ารีบตอบ “ก็ทา...”
แนนนี่มองหน้าบาบาร่า “คนที่เลี้ยงดูกับคนที่รู้แล้วไม่บอกใคร เพราะต้องการความดีความชอบคนเดียว ... ใครจะผิดมากกว่ากันเจ้าคะ ท่านผู้นำ”
บาบาร่าอึ้งไป
“ผิดทั้ง 2 คนนั่นแหละ พวกมันเป็นใคร”
บาบาร่าทำทีเป็นกระแอมกระไอส่งสัญญาณไม่ให้แนนนี่พูด
“แนนนี่บอกได้แต่ว่าแนนนี่ไม่ใช่อสูร”
“ปากแข็งนัก” ผู้นำแม่มดเว้นนิด “มะรืนนี้พระจันทร์เต็มดวง ... เราจะกำจัดเจ้า”
พูดจบท่าผู้นำเดินออกไป ทุกคนตาม บาบาร่าหันมามองแว่บหนึ่งก่อนประตูจะปิด แนนนี่พยายามใช้คาถาเพื่อจะพังประตูออกไป คาถาหายตัว แต่ก็ไม่สำเร็จ แนนนี่เอนตัวพิงผนัง แล้วค่อยๆ เลื่อนลงมานั่งร้องไห้

เวลาเดียวกันทาฮิร่ายืนเหม่อมองออกไปที่ภายนอก เห็นยอดหอคอยสูงเสียดฟ้า
“จะเอายังไงดีครับ คุณยาย”
“ฉันก็อับจนปัญญาเหมือนกัน”
มีเสียงเคาะประตูเบาๆ
“ใครมา”
“พนันได้เลยว่าป้าขนตาปลิว เวรก๊ำ .. เวรกรรม”
ทาฮิร่าทำมือ ประตูเปิดออก บาบาร่าและไทเกอร์เดินเข้ามา หน้าตาระรื่น
“นั่นไง” ชิกเก้นบอก
“ฉันมีข่าวดีมาบอกจ้ะ วันมะรืนนี้อสูรแนนนี่จะถูกกำจัดแล้ว”
“บาบาร่า เธอต้องช่วยแนนนี่ แนนนี่ไม่ใช่อสูร”
“ถ้าแนนนี่ไม่ใช่อสูรแล้วใครจะเป็น”
“ฉันก็ไม่รู้...อาจจะเป็น...”
“อย่าเอ่ยชื่อดารกาเด็ดขาด เด็กสาวคนนั้นบริสุทธิ์ใสซื่อราวกับน้ำค้าง”
“มันอาจจะเป็นใครก็ได้ทั้งนั้น และก่อนจะกล่าวหาใคร เราต้องหาหลักฐานพิสูจน์ก่อน”
“นางก็พูดจาไม่ไร้สาระเป็นเหมือนกัน” ชิกเก้นว่า
“เขาพิสูจน์แล้ว” บาบาร่าบอก
“ยังไง” ทาฮิร่าสงสัย
“เออน่า ! เอาเป็นว่าพิสูจน์แล้วละกัน แล้วเธอกับไอ้ชิกเก้นก็ไม่ควรเข้ามาขัดขวางกระบวนการยุติธรรม”
“ได้ยินแล้วใช่มั้ย ชิกเก้น” ไทเกอร์พูดขู่
“ไปล่ะ จันทราสวัสดิ์”
บาบาร่าและไทเกอร์เดินออกไป

ดึกมากแล้ว ปัทมนชำเลืองดูดารกาซึ่งนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง แล้วค่อยๆ ลุกขึ้น หันมาทางผาด
“ผาดคอยดูน้องดาไว้นะ ฉันจะไปสวดมนตร์”
“ค่ะ”
ปัทมนเดินออกไป ดารกาหรี่ตามองตาม

พระพุทธรูปองค์ประธานในห้องพระส่องแสงดูสว่างเรืองรอง ประตูเปิดออก ปัทเดินมาทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าลง แล้วก้มกราบ ปัทมนเงยหน้ามองพระพุทธรูป ด้วยสีหน้าแววตาที่ทุกข์หนัก
ผาดเอนตัวลงนอน
“น้าผาด”
“คุณดาไม่ได้หลับหรอกหรือคะ”
“น้องดาไม่เคยหลับหรอก ขอถามอะไรหน่อย ทำไมคุณแม่ถึงได้ชอบสวดมนตร์นัก”
“เพราะสวดแล้วสบายใจมั้งคะ อำนาจพระพุทธคุณจะปกป้องคุ้มครองคุณดา แล้วก็ทุกคนจากสิ่งชั่วร้าย”
ดารกาผุดยิ้มเยือกเย็นออกมาขณะถาม “แล้วถ้าน้องดาเป็นสิ่งชั่วร้ายเสียเองล่ะ”
ผาดสะดุ้ง “ฮื้อ ! … คุณดาละก็”
ดารกาลงนอน...ดวงตาจับจ้องมองเพดานขณะพูด “สิ่งชั่วร้ายอาจจะแฝงอยู่ทุกๆ ที่ โดยที่เราไม่รู้ตัว”
ผาดชำเลืองมองด้วยสีหน้าแววตาไม่ไว้ใจ
“น้าผาดกลัวน้องดาหรือจ้ะ”
“เปล่า เปล่านี่คะ คุณดาเป็นคนดี น้าผาดจะต้องกลัวทำไม”
ดารกาหัวเราะเสียงเย็น แล้วพลิกตัวหันหลังให้
ผาดมองเห็น แล้วเบิกตากว้าง ยกมืออุดปากไม่ให้มีเสียงหลุดออกมา เมื่อเห็นหางโผล่ออกมา กำลังแกว่งไกว ไปมา
ผาดขยี้ตาแล้วมองใหม่ ถอนใจอย่างโล่งอก เมื่อทุกอย่างกลับเป็นปกติ
“สงสัยจะตาฝาด”

ที่ด้านล่างพรยกข้าวต้มมาเสิร์ฟให้สมาชิกที่รวมตัวกันอยู่
“โอ๊ย ! เกล้ากินไม่ลงหรอก” รัดเกล้าเอ่ยขึ้น
“นิดหน่อยก็ยังดีนะคะ” พรคะยั้นคะยอ
“ทำไมป่านนี้ยังไม่มีใครติดต่อมาเลย” ปีเตอร์บ่น
“นายคิดว่าใครจะติดต่อมาล่ะ” ธานีถามกลับ
“ปีเตอร์คิดว่าน่าจะเป็นโจรเรียกค่าไถ่ มันเรียกเท่าไหร่ ปีเตอร์จะจ่ายให้หมด”
“เงินไม่ใช่คำตอบเสมอไปหรอกโดยเฉพาะในกรณีนี้” ภวัตว่า
“กลับไปเถอะปีเตอร์ ดึกแล้ว” รัดเกล้าเอ่ยขึ้น
“ปีเตอร์เป็นห่วงแนนนี่ ถึงกลับไปปีเตอร์ก็คงนอนไม่หลับ”
“งั้นก็ตามใจ” รัดเกล้าหันมาทางภวัต “เกล้าจะขึ้นไปสวดมนตร์กับคุณอาปัทดีกว่า”
“ดีแล้วลูก” จักรวาลบอก
รัดเกล้าเดินขึ้นไป
พรหันมามองอิงอรซึ่งนอนหลับสนิทตลอด “พรปลุกให้กลับไปนอนบ้านดีไหมคะ”
“ไม่ต้องหรอก ปล่อยให้แกนอนให้สบายเถอะ อุตส่าห์มีน้ำใจมาอยู่เป็นเพื่อน” ธานีบอก
ภวัตลุกขึ้น เดินออกไปข้างนอก ทุกคนมองตามอย่างเข้าใจความรู้สึก
ทางด้านปัทมนกับรัดเกล้า กำลังนั่งสวดมนตร์อยู่ด้วยกัน

ส่วนที่นครเวทมนตร์เวลาเดียวกัน ทาฮิร่ากับชิกเก้นขี่ไม้กวาดมาร่อนลงตรงด้านบนหอคอยที่คุมขังแนนนี่!!






Create Date : 11 มีนาคม 2555
Last Update : 11 มีนาคม 2555 21:49:51 น.
Counter : 324 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]