การดูแลผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัว ป้องกันแผลกดทับ
เป็นกระทู้ในเวบ ไทยคลินิก ซึ่งมีคุณหมอ doglover ตอบได้อย่างละเอียด จึงอยากจะนำมาให้อ่านกัน ...
หัวข้อ 10584: การดูแลผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัว (จำนวนคนอ่าน 25 ครั้ง)
« เมื่อ: Feb 9th, 2007, 11:09pm »
อยากทราบวิธีการดูแลผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัว ปู่ดิฉันเป็นโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง ท่านอายุ 80 ปี แต่ก่อนปู่ก็แข็งแรงดี แต่เมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมาปู่มีอาการไม่มีแรง ไม่สามารถเดินได้ ต้องพยุงไปไหนมาไหน มีอาการไม่อยากอาหาร ทานข้าวได้น้อยมาก เมื่อ 1 อาทิตย์ที่ผ่านมาได้นำปู่ไปโรงพยาบาล หมอได้ให้อาหารทางสายยาง จนเมื่อวานนี้ปู่ไม่รู้สึกตัว แต่สามารถขับถ่ายได้ปกติ(ค่อยโล่งใจหน่อย) เรียกก็ไม่ตื่น หมอได้ให้เครื่องช่วยหายใจ ตอนนี้อาการไม่ดีเลย อยากทราบว่าเราจะสามารถดูแลปู่ตอนนี้อย่างไรได้บ้าง อยากให้ปู่รู้สึกตัว(จะมีโอกาสไหมนะ) อือ
เกือบลืมถามแน่ะ แผลกดทับส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณไหนจะป้องกันอย่างไร (การพลิกผู้ป่วยจะพลิกอย่างไรไม่ให้เกิดแผลกดทับ) ถ้าพูดกับปู่ตอนไม่รู้สึกตัวปู่จะได้ยินรึเปล่านะ การช่วยบีบมือ แขน เท้า จะมีส่วนช่วยไหม มีคำถามเยอะแยะไปหมดเลย ช่วยตอบหน่อยนะคะ
ส่งโดย: หลานปู่
« ความเห็นที่ #2 เมื่อ: Feb 10th, 2007, 8:54pm »
ดีใจจังครับ ที่มีญาติของผู้ป่วยคิดจะดูแลผู้ป่วยที่ไม่รู้ตัวอย่างจริงๆจังๆ มีวิธีดูแล ไม่ยากครับที่จะเข้าใจ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า เป็นปัญหาจุกจิก และ อาจทำให้เราท้อได้ครับ เพราะเราต้องดูแลแบบนี้ ทุกวัน ตลอดทั้งวัน ยิ่งคนไม่รู้ตัว หรือ ไม่ค่อยมีสติ อาจมีอาการวุ่นวาย สับสน ซึ่งจะยิ่งทำให้เราหงุดหงิด ก็ต้องอดทนนะครับ ก่อนอื่น คำถามที่ว่า ผู้ป่วยจะหายได้หรือไม่ อันนี้ต้องขึ้นกับว่าการไม่รู้สึกตัวเป็นจากอะไร โดยทั่วไปมักเป็นจากปัญหาในสมอง เช่น เนื้อสมองขาดเลือด เลือดออกในสมอง หรือ สมองฝ่อมาก รวมถึงปัญหานอกสมอง ซึ่งมักเป็นจากเกลือแร่ในเลือดผิดปกติ หรือมีของเสียในเลือดคั่ง (มักเป็นในโรคไตวาย) ดังนั้นจะหายหรือไม่ แล้วแต่โรคที่เป็นครับ ส่วนการให้การดูแลผู้ป่วย ผมจะให้หลักการโดยแบ่งตามระบบของร่างกายดังนี้ครับ 1. การหายใจ - ถ้าผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจทางปาก และแนวโน้มจะไม่สามารถเอาท่อออกได้ภายใน 2 สัปดาห์ แนะนำให้ผ่าตัดเจาะคอ ครับ เพราะทำให้ระยะทางในการหายใจสั้นลง ดูดเสมหะ และ การดูและเรื่องเสมหะทำได้ง่าย และภายหลังเอาเครื่องช่วยหายใจออกได้ ก็สามารถคาท่อนี้ไว้ต่อได้ โดยให้ผู้ป่วยหายใจทางท่อนี้ อีกทั้ง สามารถดูแลความสะอาดในปากได้ง่าย ถ้าผู้ป่วยสามารถกินทางปากได้ ก็ให้กินได้ (นี่คือประโยชน์ของการเจาะคอนะครับ) - ถ้าได้เจาะคอแล้ว ก็ดีแล้วครับ การดูแลก็คือ ทำความสะอาดแผลรอบท่อ วันละครั้ง หรือ มากกว่านั้น ขึ้นกับว่า มีเสมหะเลอะมากแค่ไหน และ คอยดูดเสมหะให้เขาเป็นครั้งคราว ทั้งนี้ต้องทำใจนะครับว่า คนที่มีท่อคาอยู่ และ ไม่สามารถเคลื่อนไหว จะมีเสมหะมากเป็นปกติอยู่แล้ว และก็มีความเสี่ยงต่อปอดอักเสบอยู่แล้วครับ - ถ้าหายใจเองได้ แนะนำว่า ควรสังเกตว่า ผู้ป่วยมีเสมหะมากน้อยแค่ไหน พอจะไอออกได้หรือไม่ อาจจะลองดูดเสมหะทางปาก แต่โดยปกติมักจะไม่ค่อยได้ผลครับ เพราะสายดูดมักลงหลอดอาหารมากกว่า การจะดูดทางปากได้ ผู้ป่วยมักต้องไอได้พอสมควร ถ้าไม่สามารถไอได้ โดยมากมักต้องเจาะคอ - ผู้ป่วยกลุ่มนี้ ควรดูแลโดยการเคาะปอดบ่อยๆ (อย่างน้อย 3-4 รอบ ต่อวัน) เพื่อดันเสมหะให้ออกมาทางหลอดลมใหญ่ เพื่อดูดเสมหะได้ง่ายขึ้น ป้องกันปอดอักเสบ โดยทำร่วมกับการพลิกตัวไปมา และ ยกส่วนหัวขึ้น หรือ ลง แล้วเคาะปอด จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดันเสมหะให้ง่ายยิ่งขึ้นครับ
2. เรื่องอาหารการกิน - โดยมากคนกลุ่มนี้ มักกินทางปากไม่ได้ จึงให้อาหารทางสายจมูก โดยให้เป็นอาหารบด (Blenderized diet) หรือ ให้อาหารเหลวทางการแพทย์ การให้อาจให้ทางกระบอกแก้ว แล้วเทลงพรวดเดียว (เหมาะสำหรับคนที่รับอาหารได้ดี ไม่ท้องอืดไม่อาเจียน) แต่ถ้ามีปัญหาท้องอืด อาเจียน หรือ มีอาหารเหลือในการให้ครั้งต่อมา ก็ควรให้โดยการหยดผ่านสาย ความเร็วก็แล้วแต่ผู้ป่วยจะรับได้ครับ (แล้วแต่แพทย์นะครับ) ดังนั้น ก่อนให้อาหารทุกครั้ง ต้องทำการดูดดูว่า มีอาหารเหลือแค่ไหน ถ้าไม่เกิน50 ซีซี (บางตำรา ไม่เกิน 100 ซีซี ) ก็สามารถให้ต่อได้ รวมถึงดูลักษณะน้ำที่เหลือเป็นยังไง ถ้าเป็นน้ำเขียว-เหลือง หรือ นมที่ย่อยบ้างแล้ว ก็อาจจะไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นนมที่ยังไม่ย่อย ควรยืดระยะเวลาในการให้ออกไปอีก 1-2 ชม. แล้วมาดูดซ้ำ ถ้าออกน้อยลงหรือไม่มี ก็ให้ต่อได้ - ดูแลเรื่องสายจมูก โดยเปลี่ยนทุกเดือน คอยทำความสะอาดบริเวณจมูก และรูจมูกทั้งสองข้าง และ สังเกตว่า สายกดบริเวณจมูกหรือไม่ และ คอยป้องกันสายเลื่อน หลุด หรือ ผู้ป่วยดึง - ดูแลเรื่องการขับถ่าย โดยปกติ อาหารบด มักจะมีไฟเบอร์อยู่แล้ว แม้ไม่ได้กินผักผลไม้ ก็มักจะถ่ายได้ ถ่ายปกติควรเป็นโคลนๆ 1-2 ครั้ง ถ้าถ่ายเหลว 3 ครั้งขึ้นไป บ่งว่าท้องเสีย ต้องดูว่า เราทำอาหารสะอาดดีหรือไม่ อาหารบูดหรือไม่ หรือความเข้มข้นมากเกินไป ก็ท้องเสียได้ครับ ไม่ควรปล่อยให้ท้องผูก (ไม่ถ่ายเกิน2 วัน) เพราะอุจจาระยิ่งแข็ง ก็ยิ่งออกยาก ท้องจะอืดง่าย และทำให้รับอาหารไม่ได้
3. เรื่องแผลกดทับ - ถ้ายังไม่มี ก็เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดครับ และบ่งว่า มีการดูแลผู้ป่วยที่ดีจริงๆ เพราะเป็นภาวะที่เกิดคู่กับผู้ป่วยกลุ่มนี้ การป้องกันไม่ว่าจะยังไม่มีแผล หรือ มีแล้วก็ตาม ก็คือ -- พลิกตะแคงผู้ป่วย เป็นประจำ ตามทฤษฎี คือ ทุก 2 ชม. ก็เพราะถ้านานกว่านั้น เนื้อบริเวณที่กดทับจะขาดเลือด จนไม่สามารถกลับคืนสภาพได้ การพลิกก็คือ สลับระหว่าง นอนหงาย พลิกซ้าย พลิกขวา โดยเอาหมอนมาวางพิงเพื่อป้องกันผู้ป่วยหงายหลัง ทำให้กลับมาเป็นท่านอนหงายอีก โดยปกติการนอนหงายจะสบาย และ ง่ายที่สุด ผู้ป่วยจึงมักจะพยายามกลับมานอนหงาย ทำให้เกิดแผลที่กระเบนเหน็บได้ง่ายที่สุด -- ตำแหน่งที่เป็นบ่อย คือ จุดที่มีกระดูกนูน คลำได้ชัด เช่น กระเบนเหน็บ (มักเป็นตรงกลาง) กระดูกสะโพก กระดูกตาตุ่ม (มักเป็นด้านนอก มากกว่าด้านใน) กระดูกสะบัก กระดูกสันหลัง ตรงกลางหลัง (กรณีคนที่หลังโกง) แนะนำว่า ควรลงทุนซื้อ ที่นอนอัดลม ซึ่งจะมีลักษณะเป็นลูกระนาดเรียงกัน ประมาณ 18-22 ลูก โดยจะมีเครื่องอัดลมสลับกัน เพื่อถ่ายเทแรงกด ราคาประมาณ 7000 -8000 บาทครับ จะช่วยลดปัญหาแผลกดทับได้ดี (กับคุณแม่ของผม ผมก็ลงทุนครับ ใช้ได้ดีมาก พอท่านเสีย ผมก็บริจาคให้โรงพยาบาลไป ได้บุญอีกต่างหาก) ส่วนบริเวณตาตุ่ม แนะนำว่า ใช้ถุงมือยาง หรือ ถุงยางอนามัย ใส่น้ำแล้วนำมารองที่ตาตุ่ม จะช่วยได้ดีครับ - ถ้ากรณีมีแผลกดทับแล้ว ก็ลำบากหน่อยละครับ แผลพวกนี้ หายยาก โดยเฉพาะถ้าเป็นลึก แม้จะตื้นขึ้นมา ก็จะหายยากอยู่ดี ยิ่งถ้ามีโรคประจำตัวเช่น เบาหวาน เลือดจะมาเลี้ยงได้ไม่ดีเท่าคนปกติ จะยิ่งหายยากเข้าไปอีก -- ต้องทำความสะอาดแผล อย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน ถ้าเลอะอุจจาระ ก็ต้องทำเพิ่มอีกครับ -- คอยป้องกันอย่าให้อุจจาระ ปัสสาวะเลอะแผล ถ้าไม่จำเป็น ไม่ควรใช้ แพมเพอร์สครับ เพราะมันจะเป็นระบบปิด พอมีอึ หรือ ฉี่ออกมาเราก็อาจยังไม่รู้ จึงหมักหมม กว่าจะรู้ แผลก็แช่อึ ฉี่นานแล้ว ผมแนะนำให้ใช้ ผ้ารองเปื้อน (blue /white pad) จะดีกว่า พออึออกมา ก็รู้ทันที หรือ ถ้าจะใช้แพมเพอร์ส ก็ควรเปิดแผ่ออก ไม่ควรปิดพลาสเตอร์
4. ช่วงระหว่างที่นอนป่วย แม้ผู้ป่วยจะไม่รู้ตัว แต่อย่าเพิ่งเหมาว่าเขาจะไม่รู้เรื่องเลยนะครับ ฉะนั้น การพูดจากับเขาบ่อยๆ เป็นสิ่งที่ควรกระทำอย่างยิ่ง ถ้าคุณนับถือพุทธ ผมขอแนะนำว่า ควรพูดถึงบุญกุศลที่เขาเคยทำมาตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน รวมถึงบุญที่เราไปทำมาด้วยนะครับ พูดย้ำบ่อยๆ อย่าได้เบื่อ หรือ อายนะครับ เพราะเราไม่รู้ว่าเขาจะรู้ตัวช่วงไหน ถ้าเขาลืมตา ก็เอารูปพระพุทธ พระสงฆ์ให้เขาดู (เห็นหรือไม่เห็นอีกเรื่องนึง) เอาเทปธรรมะ เทปสวดมนต์มาเปิดให้เขาฟังบ่อย บางคนเอาเทปเพลงเปิดให้ฟัง ก็จะเอามาแทรกคั่นรายการบ้างก็ได้ ที่ผมปฏิบัติกับคุณแม่ของผม คือ ผมจะสวดมนต์ให้ท่านฟังครับ สวดบทเดิมๆนี่แหละ เช่น อะระหัง สัมมา ฯ นะโมตัสสะ ฯ อิติปิโสฯ พาหุง มหากาฯ ชินบัญชร ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก เป็นต้น สวดวันนึงก็หลายสิบรอบ เอาให้อย่างน้อย ก็เข้าหูท่านบ้าง และก็ควรนิมนต์พระมา เพื่อถวายสังฆทานบ้างครับ โดยคอยบอกผู้ป่วยเรื่อยๆ เผื่อเขาจะได้ยินบ้าง ถ้าจะทำบุญอะไร แนะนำให้เอาเงิน หรือ ทรัพย์สินของผู้ป่วยไปใช้ทำบุญนะครับ บุญจะได้เป็นของเขาเป็นหลัก นวดมือ นวดเท้า ก็เอาเลยครับ เอ้อ...อย่าลืม ทาโลชั่น ทาน้ำมันให้ด้วยนะครับ เพราะมักจะผิวแห้งแตก อีกทั้งการนวดก็ช่วยให้เขาผ่อนคลายด้วยครับ เท่าที่ผมนึกได้ก็ประมาณนี้นะครับ ผมไม่ได้ลงในแง่วิชาการมากนัก เพราะจะยิ่งงง ผมเน้นแง่ปฏิบัติมากกว่า เพราะผมก็มีประสบการณ์ทั้งของคุณแม่ของผม และ ผู้ป่วยของผมด้วย ขอให้โชคดีครับ
________________________________________ คนเป็นหมอ ได้เปรียบกว่าอาชีพอื่นตรงที่เรามีโอกาสเห็นคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตาย นักโทษ สมณะ คนเมา คนบ้า
ฉะนั้นเราน่าจะอาศัยความได้เปรียบนี้เร่งศึกษาธรรมะเถิด อย่าได้ประมาทในชีวิตเลย เพราะถ้าเราประมาท เราอาจต้องวนเวียนในสังสารวัฏอีกนานไม่รู้จบ
ส่งโดย: doglover สถานะ: Newbie จำนวนความเห็น: 44
.......................................................................
Sat, 2017-09-30 13:00 -- hfocus
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี จัดประชุมวิชาการสาธารณสุข ประจำปี 2560 แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ พร้อมโชว์นวัตกรรมใหม่ ทางการแพทย์ เตียงไดนามิคพิชิตแผลกดทับ เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2560 ณ โรงแรมพีลูส อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ในการประชุมวิชาการสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ประจำปี 2560 สานพลัง สร้างการเรียนรู้ คู่สุขภาพดียุค 4.0 นพ.พนัส โสภณพงษ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า การประชุมวิชาการครั้งนี้ เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การทำงานด้านบริหาร วิชาการ บริการ และมีการนำเสนอนวัตกรรมเพื่อนำไปสู่การพัฒนาระบบบริการ การดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขของจังหวัดกาญจนบุรี ช่วยเพิ่มพูนความรู้ ทักษะ การพัฒนางานด้านการแพทย์และสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชนผู้รับบริการ ของจังหวัดกาญจนบุรี ทั้งนี้ได้มีการนำเสนอผลงานนวัตกรรมใหม่ เตียงไดนามิคพิชิตแผลกดทับ เป็นเตียงที่ช่วยป้องกันการเกิดแผลกดทับ ลดภาระการดูแลผู้ป่วยของพยาบาลและญาติ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้ป่วย เนื่องจากแผลกดทับ เป็นความทุกข์สาหัสของผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยติดบ้าน ติดเตียง หรือผู้ป่วยที่มีความจำกัดในการเคลื่อนไหวแล้ว ยังนำไปสู่ปัญหาการติดเชื้อและอาจรุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ เตียงไดนามิคพิชิตแผลกดทับเป็นเตียงที่มีขนาดกว้าง 90 เซนติเมตร ยาว 200 เซนติเมตรและความสูง 65 เซนติเมตร ใช้มอเตอร์เป็นกลไกการขับเคลื่อนแม่แรงในการยกเตียง มีอุปกรณ์สำหรับตั้งเวลา และควบคุมการทำงานรองรับน้ำหนักได้ตามสัดส่วนของผู้ป่วยที่ใช้ได้เป็นอย่างดี และเคลื่อนย้ายได้ง่าย มีความสะดวกในการใช้งานและการเก็บรักษา ประดิษฐ์ง่าย กลไกการทำงานไม่ซับซ้อน ราคาถูก เนื่องจากนำวัสดุที่ไม่ใช้แล้วมาใช้ให้เกิดประโยชน์ สามารถนำเตียงเก่ามาปรับปรุงเป็นเตียงป้องกันแผลกดทับสำหรับผู้ป่วยนอนติดเตียงได้ พร้อมจะขยายให้ทุกโรงพยาบาลในจังหวัดนำไปปรับใช้ https://www.hfocus.org/content/2017/09/14628
................................................................
Create Date : 01 กรกฎาคม 2551 |
Last Update : 18 กันยายน 2561 21:12:57 น. |
|
3 comments
|
Counter : 24182 Pageviews. |
|
|
|
รวบรวมบทความเกี่ยวกับเรื่องสมอง ..
โรคเส้นเลือดสมองตีบ
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=04-03-2008&group=4&gblog=21
อัมพาตเป็นแล้วรักษาหายหรือไม่
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=24-05-2008&group=4&gblog=39
โรคหลอดเลือดสมองที่รักษาได้ด้วยการผ่าตัด
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=11-05-2008&group=4&gblog=37
การดูแลผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัว ป้องกันแผลกดทับ
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=01-07-2008&group=4&gblog=51
โรคอัลไซเมอร์ ( Alzheimer’s disease )
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=12-06-2008&group=4&gblog=46
ภาวะสมองตาย : ระยะสุดท้ายของชีวิตที่จะต่อชีวิตผู้อื่นได้
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=17-07-2008&group=4&gblog=53