|
|
|
ข้อควรระวัง ในการใช้ คอนแท็กเลนส์
ข้อควรระวังในการใช้คอนแท็กเลนส์
การใส่คอนแท็กเลนส์ทำให้การส่งผ่านออกซิเจนระหว่างอากาศกับกระจกตาดำลดลง (กระจกตาดำต้องการออกซิเจนจากหน้าสัมผัสกับอากาศภายนอกโดยการละลายของออกซิเจนในน้ำตาผ่านเข้าไป)
ดังนั้น ผู้ใช้คอนแท็กเลนส์บางคนที่มีการสร้างน้ำตาบกพร่อง (ไม่ว่าจะเป็นในแง่ปริมาณ และ/หรือคุณภาพของน้ำตา) ทำให้การส่งผ่านออกซิเจน-น้ำตา-กระจกตาดำลดลง ผลก็คือ กระจกตาดำขาดอากาศหายใจ ทำให้เซลล์เยื่อบุผิวกระจกตาดำซึ่งมีบทบาทในการทำให้กระจกตาดำคงความใสอยู่ได้ตลอดเวลา ลดจำนวนลงไป ภูมิคุ้มกันของตา โดยเฉพาะ บริเวณกระจกตาดำลดลงไป เสี่ยงต่อการติดเชื้อง่ายขึ้น
อัตราของผู้ใช้คอนแท็กเลนส์ โดยดูแลอย่างถูกต้อง (ไม่ใส่ค้างคืน ไม่ขี้เกียจล้าง) อยู่ที่ ๑:๒๐๐:๑ ปี (ใน ๑ ปี คนใช้คอนแท็กเลนส์ อย่างถูกวิธี ๒๐๐ คน จะมี ๑ คน ที่เกิดการติดเชื้อทั้งที่รุนแรงและไม่รุนแรง)
เมื่อมีการติดเชื้ออย่างอ่อนๆ อาจมีอาการเพียงการคัน ระคายเคือง หรือมีน้ำตาไหลเท่านั้น ทำให้ร่างกายพยายามเอาระบบภูมิคุ้มกันมายังกระจกตาดำ (ซึ่งเป็นอวัยวะที่ไม่มีหลอดเลือดมาเลี้ยงโดยสิ้นเชิง) มากขึ้น หลอดเลือดที่เยื่อบุตาขาวจะขยายตัว ในผู้ที่เกิดการระคายเคืองการแพ้สารที่อยู่ในน้ำยาสารพัดอย่าง มีการขยายตัวของหลอดเลือดนี้ได้บ้างเหมือนกัน บางรายหลอดเลือดถึงกับงอกไปบนกระจกตาดำเลยครับ
ในบางประเทศ ทุกคนที่ใส่คอนแท็กเลนส์ต้องได้รับการตรวจพื้นฐาน ได้แก่ ความโค้งของกระจกตา (คอนแท็กเลนส์มีหลายความโค้ง การเลือกความโค้งให้เหมาะกับตาแต่ละคนก็เป็นเรื่องสำคัญ) ตรวจคุณภาพน้ำตา และโรคตาที่อาจยังไม่แสดงอาการก่อนที่จะเริ่มใส่คอนแท็กเลนส์ และในบางคนอาจได้รับคำแนะนำให้เลือกใช้วิธีแก้ไขสายตาอย่างอื่นแทน ทั้งที่ดูๆ เขาก็เป็นคนปกติ ไม่เคยมีปัญหาเรื่องตามาก่อน
แต่ในประเทศเราซื้อขายง่ายครับ ซื้อตามร้านแว่นก็ได้แล้ว ถูกผิดก็ลองๆ กันไป...มีปัญหาค่อยหาหมออีกที ไม่ค่อยดีเลยนะครับ
นพ.ณวัฒน์ วัฒนชัย บทความจาก : นิตยสารหมอชาวบ้าน ฉบับ ๓๑๐ www.doctor.or.th email: fdf2pr@doctor.or.th
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
วิธีล้างคอนแทคเลนส์ ก่อนตาติดเชื้อ | 12 มิถุนายน 2558 07:28 น.(แก้ไขล่าสุด 12 มิถุนายน 2558 15:14 น.) | https://www.manager.co.th/QOL/viewnews.aspx?NewsID=9580000066359
โดย...สิรวุฒิ รวีไชยวัฒน์ แม้ปัญหาตาบอดของคนไทยจะมีสาเหตุมาจาก โรคตาต้อกระจก เป็นอันดับ 1 ก็ตาม แต่การใส่คอนแทคเลนส์แบบผิดๆ และไม่ดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ให้ดีนั้น ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตาติดเชื้อ จนลุกลามจนถึงขั้นต้องสูญเสียดวงตาและการมองเห็นอย่างถาวรได้เช่นกัน คราวนี้มาดูกันว่า การใช้งานคอนแทคเลนส์แบบผิดๆ มีอะไรกันบ้าง นพ.ธีรวีร์ หงส์หยก ประธานคณะอนุกรรมการข่าวสารสัมพันธ์เพื่อประชาชน ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้คนนิยมใส่คอนแทคเลนส์มากขึ้น เพื่อความคล่องตัวที่มากกว่าการสวมแว่น ส่วนวัยรุ่นนิยมใส่คอนแทคเลนส์เพื่อความสวยงาม หรือ แฟชั่น เช่น ใส่คอนแทคเลนส์สีเพื่อเปลี่ยนสีดวงตา การใส่บิ๊กอาย ซึ่งจริงๆ แล้วในสหรัฐอเมริกา ถือว่าการใส่คอนแทคเลนส์ตาโตเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่เมืองไทยยังคงไม่สามารถควบคุมได้ จึงเห็นการขายกันเกลื่อนเมือง ซึ่งเลนส์ที่มีขนาดใหญ่ไม่พอดีกับกระจกตา ซึ่งคอนแทคเลนส์ปกติก็ทำให้ออกซิเจนเข้าไปถึงดวงตายากแล้ว ยิ่งคอนแทคเลนส์สี ซึ่งไม่ทราบว่าใช้สีอะไรมาทำ ก็ยิ่งไปป้องกันไม่ให้ออกซิเจนเข้าถึงดวงตาเข้าไปอีก จึงทำให้ดวงตาอ่อนแอลง เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น นพ.ธีรวีร์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังพบการใช้คอนแทคเลนส์แบบผิดๆ ทั้งการซื้อคอนแทคเลนส์มือสอง หรือการยืมคอนแทคเลนส์สีของเพื่อนมาใส่ เพราะเห็นว่าสวยดี สิ่งเหล่านี้ไม่สมควรทำ เพราะปกติดวงตาเราจะมีเชื้อแบคทีเรียเกาะอยู่แล้ว แต่ไม่ได้เป็นอันตราย แต่เมื่อใส่คอนแทคเลนส์เชื้อเหล่านี้ก็จะไปเกาะอยู่ที่คอนแทคเลนส์ ทำให้เมื่อนำของมือสอง หรือของคนอื่นมาสวม อาจได้รับเชื้อติดผ่านทางตาได้ รวมไปถึงการใส่คอนแทคเลนส์แล้วนอนหลับ แม้จะมีการโฆษณาอออกมาว่าคอนแทคเลนส์ชนิดนี้ใส่นอนหลับได้ ก็ไม่ควรทำ เพราะเอื้อต่อการติดเชื้อมากขึ้น หรือแม้แต่การรักษาโรคทางตาบางอย่าง ที่ต้องใส่คอนแทคเลนส์นอน เช่น ใส่คอนแทคเลนส์นอนเพื่อปรับความโค้งของกระจกตา ตื่นเช้ามาถอดออก เพื่อปรับค่าสายตานั้น ก็ยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ด้วยซ้ำ จึงไม่ใช่สิ่งที่สมควรทำ บางรายติดเชื้อแล้วรักษาได้ก็ดีไป แต่บางคนติดเชื้อแล้วแม้จะรักษาได้ แต่กระจกตาขุ่นมัว ไม่ใสเหมือนเดิม ทำให้มีปัญหาการมองเห็นไปตลอดชีวิต หากจะรักษาก็ต้องผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา แต่ดำเนินการได้ยาก เพราะประเทศไทยยังมีการบริจาคกระจกตาที่น้อยอยู่ สำหรับการดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ นพ.ธีรวีร์ ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากเก็บรักษาไม่ดี ก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้เช่นกัน ถ้าจำเป็นต้องใช้คอนแทคเลนส์ต้องดูแลรักษาให้ดี ลดโอกาสการที่คอนแทคเลนส์จะสัมผัสกับน้ำ โดยเฉพาะการอาบน้ำ ว่ายน้ำ หรือแม้แต่แช่น้ำก็จำเป็นต้องถอดออก โดยการใช้คอนแทคเลนส์นั้น ก่อนจับจะต้องล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาด เช็ดมือให้แห้งด้วยผ้าสะอาดหรือทิชชูที่ไม่เป็นขุย เมื่อใส่คอนแทคเลนส์แล้วมีอาการตาแห้ง แนะนำว่าควรใช้ยาหยอดตาก่อนใส่คอนแทคเลนส์ หรือระหว่างวันก็ควรถอดคอนแทคเลนส์ก่อนแล้วค่อยหยอดตา แต่หากจะหยอดตาระหว่างใส่คอนแทคเลนส์ก็สามารถทำได้ แต่จะต้องเลือกน้ำยาหยอดตาที่ระบุว่าผสมสารกันบูดแบบสลายได้ หรือไม่ใส่สารกันบูด เพราะจะมีความอ่อนโยนกว่า และป้องกันสารกันบูดไปเกาะกับเลนส์จนเกิดความผิดปกติของดวงตาได้ ทั้งนี้ ยาหยอดตาแบบไม่มีสารกันบูด อายุการใช้งานจะน้อยแค่ 1 วัน เหมาะกับคนที่ตาแห้งมากๆ ต้องหยอดบ่อยๆ นพ.ธีรวีร์ กล่าวว่า ส่วนหลังถอดคอนแทคเลนส์นั้น ให้ล้างคอนแทคเลนส์ด้วยน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ แต่ที่พบส่วนมากมักจะแช่ไว้เฉยๆ ในตลับ ซึ่งไม่ถูกต้อง จะต้องมีการถูและล้างระหว่างอุ้งมือและนิ้วมือด้วย จากนั้นจึงค่อยแช่ในน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ในตลับ ซึ่งจากการศึกษาพบว่า จะฆ่าเชื้อโรคได้มากกว่า ที่สำคัญห้ามล้างคอนแทคเลนส์ด้วยน้ำเปล่า ส่วนตลับใส่คอนแทคเลนส์ควรใช้น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ทำความสะอาดด้วย และคว่ำไว้ให้แห้ง ห้ามใช้น้ำเปล่าล้างเช่นกัน นอกจากนี้ น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ต้องใช้ของใหม่เสมอ เพราะของเก่าจะมีเชื้อโรคปน ไม่ควรถ่ายใส่ภาชนะอื่นเพื่อพกพาไปข้างนอก เพราะอาจติดเชื้อจากภาชนะอื่นได้ ส่วนคนนานๆ ใส่คอนแทคเลนส์ที ไม่ควรแช่คอนแทคเลนส์นานๆ เพราะน้ำยาล้างจะเสื่อมประสิทธิภาพลง ไม่สามารถฆ่าเชื้อได้ ต้องเปลี่ยนน้ำยาบ่อยๆ หรือใช้แบบรายวันจะดีกว่า
::::::::::::::::::::::::::::
Create Date : 03 ธันวาคม 2551 |
Last Update : 7 ตุลาคม 2560 13:19:29 น. |
|
5 comments
|
Counter : 3742 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: หมอหมู วันที่: 8 มีนาคม 2553 เวลา:19:09:00 น. |
|
|
|
โดย: หมอหมู วันที่: 8 มีนาคม 2553 เวลา:19:17:24 น. |
|
|
|
โดย: หมอหมู วันที่: 8 มีนาคม 2553 เวลา:19:21:56 น. |
|
|
|
โดย: หมอหมู วันที่: 19 พฤษภาคม 2555 เวลา:14:23:15 น. |
|
|
|
โดย: หมอหมู วันที่: 9 กรกฎาคม 2555 เวลา:23:59:38 น. |
|
|
|
| |
|
|
หมอหมู |
|
|
|
Location :
กำแพงเพชร Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 762 คน [?]
|
ผมเป็น ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ หรือ อาจเรียกว่า หมอกระดูกและข้อ หมอกระดูก หมอข้อ หมอออร์โธ หมอผ่าตัดกระดูก ฯลฯ สะดวกจะเรียกแบบไหน ก็ได้ครับ
ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปี ( เรียกว่า แพทย์ทั่วไป ) แล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง ออร์โธปิดิกส์ อีก 4 ปี เมื่อสอบผ่านแล้วจึงจะถือว่าเป็น แพทย์ออร์โธปิดิกส์ โดยสมบูรณ์ ( รวมเวลาเรียนก็ ๑๐ ปี นานเหมือนกันนะครับ )
หน้าที่ของหมอกระดูกและข้อ จะเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วย ของ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก ข้อ และ เส้นประสาท โรคที่พบได้บ่อย ๆ เช่น กระดูกหัก ข้อเคล็ด กล้ามเนื้อฉีกขาด กระดูกสันหลังเสื่อม ข้อเข่าเสื่อม กระดูกพรุน เป็นต้น สำหรับกระดูกก็จะเกี่ยวข้องกับกระดูกต้นคอ กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน กระดูกข้อไหล่ จนถึงปลายนิ้วมือ กระดูกข้อสะโพกจนถึงปลายนิ้วเท้า ( ถ้าเป็นกระดูกศีรษะ กระดูกหน้า และ กระดูกทรวงอก จะเป็นหน้าที่ของศัลยแพทย์ทั่วไป ) นอกจากรักษาด้วยการให้คำแนะนำ และ ยา แล้วยังรักษาด้วย วิธีผ่าตัด รวมไปถึง การทำกายภาพบำบัด บริหารกล้ามเนื้อ อีกด้วย นะครับ
ตอนนี้ผม ลาออกจากราชการ มาเปิด คลินิกส่วนตัว อยู่ที่ จังหวัดกำแพงเพชร .. ใช้เวลาว่าง มาเป็นหมอทางเนต ตอบปัญหาสุขภาพ และ เขียนบทความลงเวบ บ้าง ถ้ามีอะไรที่อยากจะแนะนำ หรือ อยากจะปรึกษา สอบถาม ก็ยินดี ครับ
นพ. พนมกร ดิษฐสุวรรณ์ ( หมอหมู )
ปล.
ถ้าอยากจะถามปัญหาสุขภาพ แนะนำตั้งกระทู้ถามที่ .. เวบไทยคลินิก ... ห้องสวนลุม พันทิบ ... เวบราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์ หรือ ทางอีเมล์ ... phanomgon@yahoo.com
ไม่แนะนำ ให้ถามที่หน้าบล๊อก เพราะอาจไม่เห็น นะครับ ..
|
|
|
วันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 เวลา 15:10:57 น. มติชนออนไลน์
สธ.ประกาศคุมเข้มคอนแทคเลนส์-ป้องดวงตาผู้ใช้ได้รับอันตราย
ผู้สื่อข่าว"มติชนออนไลน์"รายงานเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมว่า
มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 19 พฤษาภคม 2552 เพื่อควบคุมการผลิตและนำเข้า เลนส์สัมผัสหรือคอนแทคเลนส์ให้เป็นเครื่องมือแพทย์ที่ต้องได้รับใบอนุญาต
และ มีคุณภาพมาตรฐานตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากำหนดเพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองความปลอดภัยแก่ผู้บริโภคในการใช้คอนแทคเลนส์สัมผัสทุกประเภทและ เพื่อเป็นการป้องกันการนำเลนส์ไปใช้ในทางที่ผิด
สาระสำคัญของประกาศมีดังนี้
1. ให้ผู้รับอนุญาตผลิตหรือนำเข้าเลนส์สัมผัสจัดให้มีฉลากเลนส์สัมผัสที่ขาย หรือมีไว้เพื่อขาย แสดงข้อความไว้บนภาชนะบรรจุหรือหีบห่อบรรจุอย่างชัดเจน เป็นข้อความภาษาไทย และจะมีภาษาอื่นนอกจากภาษาไทยด้วยก็ได้ แต่ข้อความภาษาอื่นต้องมีความหมายตรงกับข้อความภาษาไทยโดยอย่างน้อยแสดงรายละเอียดดังต่อไปนี้
(1) ชื่อ ประเภท และชนิดของเลนส์สัมผัส
(2) ชื่อ และสถานที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า แล้วแต่กรณี ในกรณีเป็นผู้นำเข้าให้แสดงชื่อผู้ผลิต เมืองและประเทศผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์นั้นด้วย
(3) จำนวนเลนส์สัมผัสที่บรรจุ
(4) เลขที่หรืออักษรแสดงครั้งที่ผลิต
(5) เดือน ปีที่หมดอายุ
(6) เลขที่ใบอนุญาตเครื่องมือแพทย์
(7) ประโยชน์ วิธีการใช้ และวิธีการเก็บรักษา
(8) คำแนะนำ ต้องแสดงข้อความว่า “การใช้เลนส์สัมผัสควรได้รับการสั่งใช้และตรวจติดตามทุกปีโดยจักษุแพทย์ หรือ ผู้ประกอบโรคศิลปะโดยอาศัยทัศนมาตรศาสตร์เท่านั้น” แสดงด้วยอักษรสีแดงที่เห็นได้ชัดเจน ขนาดความสูงตัวอักษรไม่น้อยกว่า ๒ มิลลิเมตร
(9) ระยะเวลาในการใช้งาน สำหรับเลนส์สัมผัสที่มีกำหนดระยะเวลาการใช้งาน แสดงด้วยอักษรขนาดที่เห็นได้ชัดเจน ขนาดความสูงตัวอักษรไม่น้อยกว่า 2 มิลลิเมตร
(10) คำเตือน ต้องแสดงข้อความอย่างน้อยว่า การใช้เลนส์สัมผัสโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ที่ผิดวิธี มีความเสี่ยงต่อการอักเสบหรือการติดเชื้อของดวงตา อาจรุนแรงถึงขั้นสูญเสียสายตาอย่างถาวรได้
(11) ข้อห้ามใช้ ต้องแสดงข้อความอย่างน้อย ดังนี้
(ก) ห้ามใส่เลนส์สัมผัสนานเกินระยะเวลาใช้งานที่กำหนด
(ข) ห้ามใช้เลนส์สัมผัสร่วมกับบุคคลอื่น
(ค) ห้ามใส่เลนส์สัมผัสทุกชนิดเวลานอน ถึงแม้จะเป็นชนิดใส่นอนได้ก็ตาม ควรถอดล้างทำความสะอาดทุกวัน
(12) ข้อควรระวังในการใช้ ต้องแสดงข้อความอย่างน้อยดังนี้
(ก) ผู้ที่มีสภาวะของดวงตาผิดปกติ เช่น ต้อเนื้อ ต้อลม ตาแดง กระจกตาไวต่อความรู้สึกลดลง ตาแห้ง กระพริบตาไม่เต็มที่ ไม่ควรใช้เลนส์สัมผัส
(ข) ควรใช้น้ำยาล้างเลนส์สัมผัสที่ใหม่ และเปลี่ยนน้ำยาฆ่าเชื้อโรคสำหรับเลนส์สัมผัสทุกครั้งที่แช่เลนส์สัมผัส และแม้ไม่ใส่เลนส์สัมผัส ควรเปลี่ยนน้ำยาใหม่ในตลับทุกวัน
(ค) ควรเปลี่ยนตลับใส่เลนส์สัมผัสทุกสามเดือน
(ง) ข้อความ “ไม่ควรใส่เลนส์สัมผัสขณะว่ายน้ำ เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่ตาได้”หรือ “ห้ามใส่เลนส์สัมผัสขณะว่ายน้ำ เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่ตาได้” แล้วแต่กรณี ตามที่ผู้ผลิตกำหนด
(จ) ล้างมือฟอกสบู่ให้สะอาดทุกครั้งก่อนสัมผัสเลนส์
(ฉ) หากเกิดอาการผิดปกติ เช่น เจ็บหรือปวดตาเป็นอย่างมากร่วมกับอาการแพ้แสงตามัวลง น้ำตาไหลมาก ตาแดง ให้หยุดใช้เลนส์สัมผัสทันที และรีบพบจักษุแพทย์โดยเร็ว
2.ให้ผู้รับอนุญาตผลิตหรือนำเข้าเลนส์สัมผัสต้องจัดให้มีเอกสารกำกับ เครื่องมือแพทย์ของเลนส์สัมผัส ที่ขายหรือมีไว้เพื่อขาย เป็นข้อความภาษาไทย และจะมีภาษาอื่นนอกจากภาษาไทยก็ได้ แต่ข้อความภาษาอื่นต้องมีความหมายตรงกับข้อความภาษาไทย
3.ให้ผู้รับอนุญาตผลิตหรือนำเข้าเลนส์สัมผัส จัดทำรายงานการขายเลนส์สัมผัสตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาประกาศกำหนด
ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2552
ปล. นำมาลงไว้ เผื่อมีคนสนใจ ...