Ortho knowledge for all @ Do no harm patient and myself @ สุขภาพดี ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ ต้องสร้างเอง

3 สิ่งสำคัญที่ แม่ลูกอ่อน ควรรู้ก่อนเลี้ยงลูกน้อยด้วย นมแม่



คุณแม่ทุกคนควรมีข้อควรรู้พื้นฐานซึ่งบางท่านอาจยังไม่ทราบ ก่อนให้นมลูก ดังนี้

1.นมแม่ถือเป็นสุดยอดอาหารที่มีคุณค่าที่สุดสำหรับทารก ไม่ว่านมผงหรือนมชนิดใดก็ไม่สามารถเทียบเท่า โดยอุดมไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ ฮอร์โมนและสิ่งกระตุ้นภูมิคุ้มกัน แม่ลูกอ่อนไม่ควรตกเป็นเหยื่อทางการตลาดเข้าใจผิดคิดว่าผลิตภัณฑ์นมผงดีกว่า หรือมีประโยชน์เท่ากับนมแม่  โดยในปัจจุบันมีพระราชบัญญัติควบคุมการโฆษณาอาหารสําหรับทารกและเด็กเล็ก พ.ศ.2560 หรือที่เรียกว่า “พ.ร.บ.นมผง”  ประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2560 เพื่อควบคุมไม่ให้ผู้ประกอบการส่งเสริมการขายในทางที่ผิด

2.แม่มือใหม่ควรมีความรู้เรื่องอาหารเสริมตามวัยที่เหมาะสมควบคู่กับการให้นม นมแม่สามารถให้แก่ลูก ได้เรื่อย ๆ จนน้ำนมแม่หมด แต่ต้องเสริมอาหารในวัยที่เหมาะสมเพื่อฝึกการกลืน การรับประทาน และเพิ่มสารอาหารให้แก่ลูก

- ทารกในช่วง 6 เดือนแรกนั้นให้นมแม่อย่างเดียวพอ ห้ามป้อนอาหารให้ลูกก่อน 6 เดือน เพราะทำให้ลูกน้อยเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้ โดยอาจทำให้ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ หรือเกิดลำไส้อุดตัน ซึ่งในกรณีนี้เคยมีเด็กอายุเพียง 7 วันที่ถูกป้อนกล้วยแล้วเสียชีวิตเกิดขึ้นมาแล้ว 

- ทารก 6 เดือนขึ้นไป ควรมีอาหารเสริมที่เหมาะสมควบคู่กับนมแม่ อาจจะเริ่มจากอาหารบดพวกผัก ผลไม้ ไข่แดงหรือข้าวบด โดยควรเริ่มอาหารทีละอย่างและทีละน้อย ๆ ก่อน เพื่อสังเกตอาการต่าง ๆ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากการแพ้อาหาร

1. รู้จักสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงหากให้นมบุตร เนื่องจากบางสิ่งที่เรารับประทานสามารถส่งผ่านทางน้ำนม รวมถึงมีผลต่อการสร้างน้ำนมได้ โดยมีดังนี้

- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ

- หลีกเลี่ยงควันบุหรี่และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

- หลีกเลี่ยงการใช้ยา/ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนที่จะใช้ เพื่อ ป้องกันอันตราย หรือผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นและไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาเกินจริง อ้างว่าเพิ่มน้ำนม หรือลดความอ้วนหลังคลอดบุตร เนื่องจากอาจปลอมปนสารที่เสี่ยงอันตรายต่อทารกได้

           หากคุณแม่ทุกคนอยากให้ลูกน้อยของตัวเองเจริญเติบโตเป็นเด็กที่แข็งแรงสมบรูณ์ ก็ควรจะหาข้อมูลการเลี้ยงดูลูกน้อยเพิ่มเติม เพราะยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ควรรู้

https://oryor.com/oryor2015/print-detail.php?cat=44&id=1510





Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2561
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2561 15:40:18 น. 1 comments
Counter : 3025 Pageviews.  

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณna_nyu


 
ขอบคุณครับ


โดย: na_nyu วันที่: 2 มีนาคม 2561 เวลา:3:07:39 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

หมอหมู
Location :
กำแพงเพชร Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 762 คน [?]




ผมเป็น ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ หรือ อาจเรียกว่า หมอกระดูกและข้อ หมอกระดูก หมอข้อ หมอออร์โธ หมอผ่าตัดกระดูก ฯลฯ สะดวกจะเรียกแบบไหน ก็ได้ครับ

ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปี ( เรียกว่า แพทย์ทั่วไป ) แล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง ออร์โธปิดิกส์ อีก 4 ปี เมื่อสอบผ่านแล้วจึงจะถือว่าเป็น แพทย์ออร์โธปิดิกส์ โดยสมบูรณ์ ( รวมเวลาเรียนก็ ๑๐ ปี นานเหมือนกันนะครับ )

หน้าที่ของหมอกระดูกและข้อ จะเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วย ของ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก ข้อ และ เส้นประสาท โรคที่พบได้บ่อย ๆ เช่น กระดูกหัก ข้อเคล็ด กล้ามเนื้อฉีกขาด กระดูกสันหลังเสื่อม ข้อเข่าเสื่อม กระดูกพรุน เป็นต้น

สำหรับกระดูกก็จะเกี่ยวข้องกับกระดูกต้นคอ กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน กระดูกข้อไหล่ จนถึงปลายนิ้วมือ กระดูกข้อสะโพกจนถึงปลายนิ้วเท้า ( ถ้าเป็นกระดูกศีรษะ กระดูกหน้า และ กระดูกทรวงอก จะเป็นหน้าที่ของศัลยแพทย์ทั่วไป )

นอกจากรักษาด้วยการให้คำแนะนำ และ ยา แล้วยังรักษาด้วย วิธีผ่าตัด รวมไปถึง การทำกายภาพบำบัด บริหารกล้ามเนื้อ อีกด้วย นะครับ

ตอนนี้ผม ลาออกจากราชการ มาเปิด คลินิกส่วนตัว อยู่ที่ จังหวัดกำแพงเพชร .. ใช้เวลาว่าง มาเป็นหมอทางเนต ตอบปัญหาสุขภาพ และ เขียนบทความลงเวบ บ้าง ถ้ามีอะไรที่อยากจะแนะนำ หรือ อยากจะปรึกษา สอบถาม ก็ยินดี ครับ

นพ. พนมกร ดิษฐสุวรรณ์ ( หมอหมู )

ปล.

ถ้าอยากจะถามปัญหาสุขภาพ แนะนำตั้งกระทู้ถามที่ .. เวบไทยคลินิก ... ห้องสวนลุม พันทิบ ... เวบราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์ หรือ ทางอีเมล์ ... phanomgon@yahoo.com

ไม่แนะนำ ให้ถามที่หน้าบล๊อก เพราะอาจไม่เห็น นะครับ ..




New Comments
[Add หมอหมู's blog to your web]