Group Blog
 
All blogs
 
ทำความรู้จักกันและกัน

ดุจดาว เด็กสาววัยใสที่มีรูปเป็นทรัพย์แถมทรัพย์ก็มีมหาศาลเรียกว่าทำบุญมาครบเลยเชียวแหละ ดีกรีบุตรสาวเพียงคนเดียวของ ดร.มนตรีชัยอดีตอธิบดีฯที่ปัจจุบันลาออกมาเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทเอกชนนับสิบที่ รวมถึงการเปิดธุรกิจของตนเองอีกหลายบริษัทมีรายได้ที่มหาศาลต่อปี แต่มีได้ก็ต้องมีเสียเป็นกฎธรรมชาติเพราะต้องแลกมากับเวลาแทบทั้งหมดท่านจึงไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกเมียนักแต่ท่านก็พอใจแบบนั้น ต่างกับคุณหญิงประภาศรีผู้เป็นภรรยาที่มีเวลามากมายแต่ส่วนใหญ่จะหมดไปกับเรื่องราวในอดีตที่ฝังใจ เรื่องเก่าที่คิดถึงทีไรใจก็เศร้าหมองเงินที่มีมากมายก็ช่วยอะไรไม่ได้ ในฐานะลูก ดุจดาวทำได้เพียงมองมารดาอย่างเข้าใจ อยากจะทำมากกว่านี้เพื่อให้แม่หลุดพ้นจากบ่วงทางใจแต่ก็จนใจที่เห็นเธอดูเงียบหงอยในบางเวลาเป็นเพราะใจเธอกำลังเวทนามารดาที่ยังจมอยู่กับความทุกข์ตรมตอนนี้เธอก็คิดง่ายๆแค่ว่าหากเธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐฯได้แม่จะภูมิใจในตัวเธอและมีความสุขขึ้นมาบ้าง

แม้ดุจดาวจะเกิดในครอบครัวที่มีฐานะระดับเศรษฐีแต่เด็กสาวกลับไม่ยินดีกับทุกสิ่งที่มีมองเมินดั่งหลากสิ่งเหล่านั้นเป็นส่วนเกิน เหตุจากปมลึกในอดีต

ชีวิตภายนอกรั้วบ้านอันหรูหราดุจดาวทำตัวติดดินไร้แววคุณหนูผู้ร่ำรวยซ่อนเร้นเก็บงำชีวิตที่หรูหรา แม้เพื่อนฝูงที่สนิทสนมก็ไม่มีใครได้รับสิทธิ์จะได้รับรู้แน่นอนดุจดาวมีโลกอีกใบที่ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามา

เด็กสาวปฏิเสธที่จะเข้าเรียนในโรงเรียนอินเตอร์ราคาแพงมุ่งมั่นที่จะสอบเข้าโรงเรียนที่มีชื่อของรัฐบาลปฏิเสธการไปเรียนต่อต่างประเทศเพราะมีห่วงผูกติดกับผู้เป็นแม่ accessoriesต่างๆที่ผู้เป็นพ่อซื้อมาฝากจากต่างประเทศในราคาแสนแพงดุจดาวก็รับเอาไปกองสุมๆไว้ไม่ไยดีแม้แต่ความคิดที่จะหยิบออกมาดูยังไม่มี ของนอกกายใยดีไปก็มีแต่จะเสียเวลา จากเหตุการณ์หนึ่งในอดีตได้สอนเธอว่าไม่ว่าทรัพย์สินจะมีมากมายมหาศาลเพียงไหน แต่เมื่อไรที่ตายไปแล้วแม้แต่เศษเหรียญไม่กี่สตางค์ในปากก็ยังหอบหิ้วไปด้วยไม่ได้เลยวันนี้แค่ใจรับรู้ว่ามีทุกอย่างก็พอแล้วเธอเพียงไม่ต้องการเอาข้าวของที่มีมาถือให้มันหนักก็เท่านั้น

ติวเตอร์สาวทำตัวไม่ถูกเมื่อผู้สูงวัยคราวพ่อคราวแม่ยกมือไหว้เธอในฐานะแขกของคุณหนูเจ้าของบ้าน

“ไปเรียนคุณหญิงแม่ทีว่าดาวพาแขกมารอพบ” คุณหนูออกคำสั่งก่อนจะเดินนำแขกเข้ามาในบ้าน

คุณหญิงเลยเหรอ! แล้วเธอต้องวางตัวยังไงเนี่ยเวลาอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและยัยคุณหนูดาวทำไมไม่บอกเธอสักนิดว่าจะพาเธอมาในบรรยากาศโลกที่สามแบบนี้ คือเธอจะได้ไม่มา ติวเตอร์สาวชักขัดเคืองใจกับความไม่ชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วถ้าจะรวยขนาดนี้ก็ไม่น่าจะขาดแคลนติวเตอร์เก่งๆฝีมือดีนะเอาฝรั่งเจ้าของภาษามาเลี้ยงสักคนเพื่อให้อยู่คุยกับลูกสาวตัวเองทุกวันยังได้เลย

“เดี๋ยวก่อน” ดุจดาวหยุดฝีเท้าหันมองติวเตอร์สาวเลิกคิ้วสูงเป็นคำถาม

“อะไรคะ”

“ทำไมไม่บอกรายละเอียดกับพี่ก่อนว่าดาวอยู่บ้านหลังใหญ่อย่างกับวังแถมยังมีแม่เป็นคุณหญิงอีก แล้วยังจะมีเจ้าคุณปู่ เจ้าคุณตาอีกด้วยหรือเปล่าพี่จะไม่ไหวด้วยนะทำตัวไม่ถูก” เด็กสาวหลุดยิ้มออกมากับคำถามที่อีกฝ่ายยิงรัว

“ทุกคนที่นี่ก็เป็นคนธรรมดาเหมือนพี่แจนแหละค่ะ เราแค่มีเงินเยอะแต่ก็ไม่ได้เป็นผู้วิเศษสักหน่อยและคุณหญิงแม่ได้คำนำหน้าว่าคุณหญิงก็จากการทำคุณงามความดีค่ะไม่ใช่เพราะเป็นเจ้านายเท่านี้ละเอียดพอไหมเจ้าคะ” เด็กสาวทำหน้าอ้อล้อจนใจที่เคยคับแน่นของอีกฝ่ายเบาลง

เมื่อเดินผ่านประตูใหญ่เข้ามาด้านในพรพิสุทธิ์รู้สึกได้ถึงแรงลมพัดมาปะทะเข้าที่ใบหน้าจิตของหญิงสาววิ่งไปหาผีแม่ลูกแทบจะทันที ก็มันปกติที่ไหนเล่ากับลมแรงแบบนี้ในบ้านที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำคือจะตามราวีกันไปทุกที่เลยใช่ไหมเนี่ย พักผ่อนบ้าง ไรบ้างนะ … เป็นห่วง

ดุจดาวพาแขกสาวมานั่งรอในห้องรับแขกระหว่างรอพรพิสุทธิ์กวาดสายตามองไปรอบๆชื่นชมในความงดงามและหรูหราของทุกชิ้นในบ้านหลังนี้คงจะแพงแสนแพง ที่ความจริงมันก็เป็นเช่นนั้น

“คุณแม่มาแล้วค่ะ” ติวเตอร์สาวลุกพรวดขึ้นมองคนที่กำลังเดินเข้ามาคุณหญิงแม่ช่างแตกต่างกับเด็กแสบ แม่ลูกกันจริงหรือเปล่าเนี่ยก็เด็กดาวออกจะกระโดกกระเดก แก่นแก้วแต่คุณหญิงแม่กลับดูอ่อนช้อยแม้ท่าเดินก็ดูละเมียดละไมดั่งกับนับก้าวเดิน

“สวัสดีค่ะคุณหญิง"สาวที่เคยมาดมั่นประหม่าหมดท่าเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าหญิงวัยกลางคนที่มีฐานะร่ำรวยต่างกับตนราวฟ้าดินก็เธอมันแค่ลูกชาวไร่กับราชการระดับกลางด้านประภาศรีเองแม้จะเป็นผู้ดีเต็มขั้นแต่ก็มิได้ประพฤติตนเจ้ายศเจ้าอย่างยกมือรับไหว้ยิ้มแย้มให้กับแขกของลูกสาวอย่างเป็นกันเอง

“สวัสดีจ้ะ ทำตัวตามสบายเถอะนะ” พรพิสุทธิ์ยิ้มเป้ยๆรับเมตตาก่อนจะนั่งตามลงไป เมื่อได้เห็นคุณหญิงแม่ก็รู้ทันทีเลยว่าเด็กดาวหน้าตาดีได้ใครมาคุณหญิงในสมัยสาวๆคงจะสวยมากแน่ๆขนาดลูกสาวโตขนาดนี้แล้วท่านยังคงความงามไว้ได้มิสร่างแต่ถ้าเป็นกิริยาท่าทางเด็กดาวดูจะไม่ได้แม่มาเลย

“ใครกันจ๊ะแขกของลูกสาวแม่” น้ำเสียงอ่อนโยนมีเมตตานัยน์ตาแม้จะเศร้าสร้อยแต่ก็ถูกปรุงแต่งให้มีประกายสดใส

“พี่แจนค่ะคุณแม่ จะมาเป็นติวเตอร์ส่วนตัวของดาว”

“แล้วทานอะไรกันมารึยังถ้ายังแม่จะได้สั่งให้แม่ครัวเขาจัดการให้”

“ยังเลยค่ะคุณแม่และดาวกับพี่แจนก็หิวมากด้วยค่ะเพราะวันนี้เราติวกันหนักมาก” เด็กสาวตอบแทนติวเตอร์สาว

“ดาวขอฉู่ฉี่ปลาแซลมอน หมึกไข่ผัดกระเทียม แล้วก็กุ้งซอสมะขาม” ที่แม่ครัวรู้ใจดีว่าหากเป็นของคุณหนูต้องใช้กุ้งแม่น้ำตัวย่อมและใส่หอมเจียวเยอะหน่อยเพราะเป็นของโปรด

“พี่แจนทานอะไรดีคะ”คุณหนูของบ้านเอียงคอถามแขกสาวที่นั่งตัวเกร็งขากรรไกรค้างสมองมึนตึ๊บ คิดตอบอะไรไม่ออก ไอ้ข้อสอบปริญญาโทที่ว่ายากกลับเทียบไม่ได้กับคำถามพื้นๆแบบนี้เรื่องง่ายใกล้เพียงเอื้อมมือปลายตา กลับยากยิ่งเมื่อระบบการประมวลผลของสมองเรรวน

“อะไรก็ได้ค่ะ"ดุจดาวอมยิ้มกับท่าทางประหม่าไร้ความมั่นใจนี่ถ้าไม่ติดว่าแม่นั่งอยู่เป็นยันเกราะเพชร ยัยพี่แจนคงโดนเธอค่อนขอดตามประสาคุณหญิงเองก็ยิ้มไม่หุบเอ็นดูกับท่าทางไม่เป็นธรรมชาติของติวเตอร์สาว ที่ พรพิสุทธิ์รู้สึกได้ว่ารอยยิ้มนี้ของคุณหญิงออกมาจากหัวใจที่ไม่ได้ปรุงแต่งหรือเสแสร้งเพราะมันไม่จำเป็นเลยที่คุณหญิงจะต้องมาฝืนทำอะไรแบบนั้นกับเธอก็เธออยู่ในฐานะลูกจ้าง แต่หากเมื่อไรที่รอยยิ้มจางลงความทุกข์โศกที่ซุกซ่อนอยู่ในสองตาก็จะปรากฏขึ้น

“งั้นก็ทำในส่วนของดาวเผื่อหนูแจนด้วยเลย ส่วนของฉันขอสลัดเนื้อย่างไม่ติดมันนะจ๊ะแม่แมวใส่ Worcestershire sauce ด้วยนะ" หญิงรับใช้ที่ดูจะสูงวัยที่สุดค้อมหัวก่อนจะเดินออกไป พรพิสุทธิ์จึงได้โอกาสขอตัวไปเข้าห้องน้ำรู้ดีว่าประเดี๋ยวคงจะโดนซักฟอกละเอียดยิบแน่ๆ ตอนนี้ขอไปปรับตัวปรับใจก่อนดุจดาวให้หญิงรับใช้อีกคนเป็นผู้นำทางให้เดินไปคนเดียวคงหลงด้วยอาณาเขตที่กว้างใหญ่ของนิวาสถานหลังนี้

พรพิสุทธิ์เดินแลซ้ายมองขวาดูข้าวของประดับบ้านที่ล้ำค่าตระการตาไปหมดด้วยความสนอกสนใจเมื่อมองไปบนผนังก็เห็นภาพวาดสีน้ำมันที่คงเป็นของจิตรกรเอกชื่อดัง ถัดมาเป็นรูปถ่ายของคุณหญิงแม่เด็กดาว และรูปของชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐาน เดาว่าคงเป็นพ่อของเด็กแสบ และ… พรพิสุทธิ์สะดุดสายตากับรูปสุดท้าย เป็นภาพของหญิงสาวนางหนึ่งที่เธอรู้สึกคุ้นหน้ามากๆแต่ติดอยู่ที่ริมสมองว่าคุ้นที่ไหนยังไง นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก แต่ที่มั่นใจมากในตอนนี้คือ ผู้หญิงในรูปสวยมาก! แต่แววตาดูหมองเศร้าดั่งเดียวกับคุณหญิงเธอเป็นใครกันนะ มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอะไรกับคนบ้านนี้ใกล้เคียงที่สุดก็น่าจะเป็น พี่สาวของเด็กดาว…งั้นเธอก็คงมีโอกาสได้พบ

ไม่นานพรพิสุทธิ์ก็กลับมานั่งที่เดิม

“พี่แจนจะมาเป็นครูสอนพิเศษให้ดาวค่ะคุณแม่" ดุจดาวแนะนำตัวติวเตอร์อย่างเป็นทางการ พาให้ติวเตอร์สาวนึกสงสัยว่าเด็กคนนี้มีหลายบุคลิกจริงๆอยู่ต่อหน้าคุณหญิงหล่อนจะพูดจาชัดถ้อยชัดคำตัว ร ล ลิ้นอ่อน มีหางเสียงอ่อนหวานดั่งกับได้รับการฝึกมารยาทมาเป็นอย่างดี แตกกับกับตอนอยู่ในกลุ่มก๊วนเด็กแสบราวฟ้าดินที่คงจะเพราะเก็บกดสินะแล้วนี่คุณหญิงท่านจะรู้บ้างไหมว่าบุตรสาวของท่านเวลาอยู่นอกบ้านแสบไส้ขนาดไหน

“ดีจ้ะ ลูกดาวอ่อนภาษาเพราะดื้อดึงไม่ยอมเข้าโรงเรียนอินเตอร์ได้คนเก่งมาช่วยสอนลูกแม่ก็จะได้เก่งขึ้นฝากหนูแจนพร่ำสอนลูกดาวของฉันด้วยนะจ๊ะ ตอนนี้ฉันก็เหลือดาวเป็นเพียงความหวังเดียวแล้วจะส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศก็ไม่ยอมไปไม่รู้ว่าจะเป็นลูกแหง่ไปถึงไหน" ประภาศรีพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือสะเทือนใจกับบางเรื่องที่ใจมันพาลไปนึกถึงพรพิสุทธิ์สะดุดกับคำว่าเหลือ มันก็หมายความว่าก่อนหน้านี้เคยมีมากกว่าหนึ่ง…ใช่ไหม?

“ลูกแหง่ที่ไหนกันคะ เพราะดาวรักและเป็นห่วงคุณแม่ต่างหาก" เด็กสาวหน้าง้ำทำเป็นงอนผู้เป็นแม่ ที่แม่รู้ทางลูกสาวดีจึงได้เพียงยิ้มก่อนจะดึงลูกสาวเข้ามากอดดุจดาวเป็นเพียงรักเดียวที่ยังมีตัวตนและจับต้องได้ หากวันนั้นไม่มีดุจดาวเธอคงดับสลายไปแล้วพร้อมๆความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่

โอ่วเจ็บปวดรวดร้าวเหลือเกินกับใจที่แตกสบายที่ฝังอยู่ในกายที่ยังมีลมหายใจ

“อาหารเรียบร้อยแล้วค่ะ” เสียงนี้ช่วยเข้ามาหยุดอารมณ์เศร้าหมองของคุณหญิงดึงท่านกลับสู่ปัจจุบัน

มื้ออาหารราบรื่นไปด้วยดีคุณหญิงมีเมตตาและคอยอาทรติวเตอร์สาวอยู่ไม่ขาดเพราะเห็นเป็นดั่งลูกสาวอีกคนการที่ดุจดาวพาพรพิสุทธิ์เข้ามาในบ้านก็หมายถึงว่าพรพิสุทธิ์จะได้รับเครดิตจากทุกคนในบ้านหลังนี้เพราะถือว่าหล่อนเป็นที่พอใจคุณหนูของบ้านที่ปกติไม่ใคร่จะพอใจและไว้วางใจใครนักและนานมาแล้วที่บ้านหลังใหญ่แห่งนี้มิได้เปิดรับให้ใครได้เข้ามา

อาหารเลิศรสที่ถูกปรุงแต่งจากวัตถุดิบชั้นดีจากแม่ครัวผู้ชำนาญการหมดเกลี้ยงในพริบตาจากสองสาวที่หิวโซหลังเหน็ดเหนื่อยมาจากการเรียนการสอน และการเดินทาง

“กี่โมงแล้วค่ะนี่" เมื่อหนังท้องตึงพรพิสุทธิ์จึงมีสติกับบางเรื่อง

“มีอะไรจ๊ะหนูแจน" คุณหญิงอาทรเมื่อเห็นหน้าตาตื่นตระหนกตกใจ

“คือแจนเพิ่งนึกขึ้นได้ค่ะว่าจะต้องไปรับน้องชาย เอ่อ…ลูกของป้าน่ะค่ะ เขามาจากต่างจังหวัด" หญิงสาวมีท่าทางวิตก

“อ๋อ งั้นก็สบายใจได้จ้ะ เดี๋ยวฉันจัดการให้” คุณหญิงไม่ร้อนใจตาม

“แมวรีบไปบอกนายหมายให้เอารถออก แล้วพาหนูแจนไปรับน้องชาย"

“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะคุณหญิง เดี๋ยวแจนออกไปเรียก taxi จะสะดวกกว่า" พรพิสุทธิ์ส่ายหน้าไหวๆรีบปฏิเสธอย่างไวแต่ก็อย่างว่าแหละนะคนมีอำนาจมากเงินถึงก็แบบนี้เพียงแค่เอ่ยปากออกคำสั่งอะไรที่ดูว่ายุ่งยากกลับกลายเป็นเรื่องง่ายดายในชั่วพริบตาเดียว

ดุจดาวเพียงอมยิ้มอย่างรู้แนวผู้เป็นแม่ดีว่าไมตรีที่คุณหญิงแม่หยิบยื่นให้ ใครอย่าหวังว่าจะปฏิเสธได้สำเร็จเมื่อปลายตามองติวเตอร์สาวมั่นก็ได้เห็นท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกคงเพราะเกรงใจคนไม่คุ้นเคย

“ดาวขอออกไปกับพี่แจนนะคะคุณแม่" ดุจดาวยื่นมือเข้ามาช่วยคลี่คลายในฐานะคนกลาง ประภาศรีพยักหน้ารับรู้เท่านั้นความปรารถนาของลูกถือเป็นที่สิ้นสุด เธอให้อิสระลูกสาวทุกอย่างอย่างที่ไม่เคยให้กับ… เพราะเธอรู้แจ้งแก่ใจ ชีวิตเป็นของเขา! และตลอดมาดุจดาวไม่เคยนำพาความไม่สบายใจใดมาสู่ครอบครัว

ดุจดาวคว้าแขนติวเตอร์ส่วนตัวเดินออกมาที่รถคันใหญ่จากปกติที่มักจะปฏิเสธที่จะใช้มันแต่วันนี้พิเศษเพราะต้องรีบไปรับน้องชายของพี่แจน

พรพิสุทธิ์ยื่นมือจะเปิดประตูแต่โชว์เฟอร์รีบกุลีกุจอมาเปิดให้ตามหน้าที่

“เข้าไปนั่งซิคะ” เด็กสาวดันติวเตอร์สาวที่ยังไม่ชินกับการได้รับบริการที่ดีจนเวอร์จนดุจดาวต้องดันหลังให้เข้ารถไปภายในรถก็แสนจะโอ่อ่าไม่เล็กเป็นลิ้นชักอย่างเจ้า eco-car ของเธอ เมื่อสองสาวเข้าไปนั่งเรียบร้อยพลขับจึงปิดประตูและมานั่งประจำการอารมณ์คุณนายเข้ามาในมะโนของติวเตอร์สาวทำให้เจ้าตัวหลุดยิ้มออกมา

“ยิ้มอะไร”เด็กสาวเอียงหน้าเข้ามาถามแต่อีกฝ่ายก็เอาแต่ส่ายหน้าทำให้เด็กสาวต้องใช้ไม้ตายยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนชิด

“หือ… อะไรติวเตอร์สาวตกใจนัยน์ตาตื่นรีบดึงหน้าหนี

“ดาวถามพี่แจนว่ายิ้มอะไรไงคะ”

“อยากรู้อยากเห็นไปทุกเรื่องนะเรา”

“มันเป็นวิถีของเด็กฉลาดค่ะ ที่ต้องใฝ่เรียนรู้” ดุจดาวนำพาความดีมาใส่ตัวจนได้ จนผู้ใหญ่กว่าอ่อนใจ

“พี่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยค่ะ ไม่มีสาระหรอกคลุกคลีกันไปนานอีกนิดดาวจะรู้ว่าพี่ไม่เต็ม” พรพิสุทธิ์ปิดประเด็นและวางกรอบในอนาคตไว้เสร็จสรรพหากเกิดปัญหาหรือเธอทำอะไรผิดพลาดอะไรไปหลังจากนี้ เด็กดาวก็จะได้มีข้อมูลไว้ว่าเธอไม่เต็มและจะได้ไม่มามีความคาดหวังหรือเอานิยายอะไรกับเธอ

ระหว่างทางแม้จะเลยเวลาrush hour มาพอสมควรแต่การจราจรในเมืองหลวงยังคงสับสนวุ่นวายเป็นปกติแต่สองสาวที่นั่งมากลับไม่รู้สึกอย่างนั้น ด้วยเพราะบรรยากาศภายในรถมันเต็มไปด้วยบทสนทนาที่กำลังออกรสออกชาติระหว่างติวเตอร์คนงามกับเด็กสาวหน้าสวยในฐานะที่เกิดก่อนหลายปีจึงเจนสนามมากกว่า พรพิสุทธิ์จึงชิงเป็นฝ่ายถามเพื่อล้วงข้อมูลเชิงลึกของเด็กสาวเพื่อเอาไว้ปรับกลยุทธ์ลดปัญหาในเวลาที่ต้องมีกิจกรรมร่วมกัน

“ดาวเป็นลูกคนเดียวเหรอ เหมือนพี่เลย"

“ถ้าตอนนี้ล่ะก็ใช่"เป็นคำตอบที่ต้องขยายความแต่คนตอบเลือกที่จะทิ้งค้างไว้แค่นี้คนที่มีมารยาทก็รู้ได้เองว่าเจ้าตัวเขาต้องการบอกเท่านี้ แต่เอาเถอะ เรายังต้องคลุกคลีตีโมงกันอีกพักใหญ่หล่อนต้องคายบางเรื่องที่เร้นลับออกมาเข้าสักวัน

“ทำไมถึงเลือกพี่มาเป็นติวเตอร์” พรพิสุทธิ์ถามย้ำซ้ำซากก็เขาว่าคนรวยเปลี่ยนใจง่ายเหมือนเปลี่ยนปากกาเธอก็แค่ต้องการความแน่ใจ ไม่อยากเอาใจไปปักกับความไม่แน่นอน

“อะไรกันคะพี่แจนขา ถุงกาวก็ไม่เห็นมี จะปลาทองรึก็ไม่ใช่ดาวก็ตอบไปแล้วไงคะ”

“พี่ก็แค่ต้องการความมั่นใจ ว่าดาวยังไม่เปลี่ยนใจน่ะสิ”

“จะเปลี่ยนใจอะไรกันง่ายนักล่ะคะ สำหรับดาวคำไหนก็คำนั้นค่ะ”

“พี่ก็แค่เห็นว่า ดาวน่าจะเลือกได้ดีกว่านี้”

“ดาวเลือกสิ่งที่ดาวพอใจค่ะ ไม่ใช่สิ่งที่ใครคิดว่าดี”

หือ… คือพอใจ แต่อาจจะหมายถึงไม่ดีก็ได้งั้นรึแล้วสรุปแบบนี้มันดีหรือไม่ดี เป็นคำตอบที่ชวนปวดเฮดเสียจริง

“พี่แจนรู้ไหมคะ เหมือนดาวจะมีเพื่อนพ้องรายล้อมแต่ความจริงแล้วดาวไม่ได้สนิทกับเพื่อนคนไหนเลยทั้งๆที่เพื่อนๆก็ดีเสมอต้นเสมอปลายแต่กลับเป็นดาวเองที่แบ่งแยกและต้องการพื้นที่ส่วนตัวที่กว้างใหญ่" ผู้ฟังทำตาปริบๆยิ่งรู้จักก็ยิ่งไม่เข้าใจ เด็กอะไรช่างคิดอะไรซับซ้อนชะมัดยาด

“พี่แจนก็รู้ว่าเด็กวัยดาวมีแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องสู้เพื่อนในเฟสจากเวียดนาม จากอินโดฯไม่ได้ พวกนั้นมีอะไรให้คุยสนุกๆมากกว่าอีกดาวคิดต่อไม่ออกเลยนะ อนาคตขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศจะเป็นยังไงถ้ายุวชนไทยยังง่อยม่อยกระรอกแบบนี้” ดุจดาวจัดเต็มกับการวิพากษ์คนวัยเดียวกันแต่มันก็เป็นจริงอย่างนั้นนะแต่จะให้โทษใครดี

· ตัวเด็กเอง

· ผู้ปกครอง

· สังคม

· หรือผู้กำหนดนโยบายการศึกษา

“มีเด็กแบบคุณหนูดุจดาวเยอะๆก็คงดี แต่ก็อย่าไปคิดอะไรที่มันนอกตัวมากเลยแค่สนใจทำตัวเราให้ดีก็พอแล้ว” พรพิสุทธิ์ให้คำแนะนำเพียงแกนๆกับเด็กที่ชัดเจนและยึดมั่นหนักแน่นกับระบบความคิดตน เสียงเดิมของสิ่งที่มองไม่เห็นแต่รู้ว่าอยู่ข้างๆดังขึ้นมาแทนที่

“กูเตือนมึงแล้วนะ!” พรพิสุทธิ์สะดุ้งเฮือก เผลอทีไรแอบมาให้หลอนตลอดๆเมื่อตั้งหลักได้ก็ตอบสวนกลับไปในใจ

‘แจมตลอดนะยัยผีไม่มีมารยาท มาแอบฟังคนอื่นเขาคุยกัน’

“กึก”เสียงดังที่บริเวณล้อรถเหมือนมันชนหรือทับอะไรบางอย่าง “อะไรน่ะลุงหมาย ขับระวังหน่อยซิคะ” คุณหนูโวยสารถีเข้าให้ก่อนจะชะโงกชะเง้อกลับไปดูที่ด้านหลังไม่ประสาความว่าพี่สาวคนสวยเขากำลังฟาดฟันอยู่กับบางสิ่ง

“ลุงคงทับนกมั้งครับ ขอประทานอภัยคุณหนูและคุณติวเตอร์ด้วยครับ”แหม… คุณติวเตอร์ จากคุณลุงคนขับรถช่างเสนาะหูจริงๆการได้รับเกียรติมันให้ความรู้สึกที่ดีแบบนี้

“โถ… เจ้านกน้อย ไปที่ชอบๆเถอะนะ” ดุจดาวยกมือไหว้แผ่เมตตาเป็นพรพิสุทธิ์ที่นั่งตัวเกร็ง มันมิใช่ด้วยความกลัวแต่เปี่ยมล้นไปด้วยพายุแห่งความเดือดดาลอินังผีร้าย ชักจะก้ำเกินจนไม่เหลือความอดทนแล้วนะ มาบ้าบอกับฉันคนเดียวนี่ อย่าไปเอาคนอื่นมาเกี่ยวด้วยโดยเฉพาะคุณหนูดูแพงนางนี้หากพลอยซวยโดนผีไม่มีเหตุผลทำร้ายเข้า แล้วฉันจะไปถ่ายสำเนาหน้าสวยๆแบบนี้เอาไปคืนเขาได้จากที่ไหนฮึ่ย! โกรธๆ เด็กรู้มากสังเกตได้ว่าพี่สาวไม่สบอารมณ์นึกโทษว่าเป็นความผิดพลาดจากคนขับรถของตนจึงหาเรื่องไถ่โทษตัวเองด้วยการชวนคิดชวนคุยต่อเพื่อให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้นไม่มีอะไรก็วกเข้าประเด็นร้อนเดิมๆนั่นแหละ

“เห็นพี่หยกเขาจูบกับคนอื่นแบบนี้พี่แจนยังจะมีความหวังอยู่อีกหรือเปล่า” จากที่ขุ่นมัวผีสาวตอนนี้พาลขุ่นใจเด็กสาวหน้าใสไปด้วยไม่รู้ว่ายัยคุณหนูจะมาหมกมุ่นอะไรกับเรื่องนี้นัก

“ถึงพี่จะชอบผู้หญิงแต่สำหรับพี่หยกไม่ใช่เสป็กพี่อย่างแรง” ติวเตอร์สาวบอกเล่าความนัยแบบลืมตัว ในใจยังขุ่นมัวปนเปไหนจะผีร้ายที่คอยติดตามสร้างปัญหา ไหนจะเด็กสาวจอมป่วน

“พี่แจนชอบผู้หญิง!!”พรพิสุทธิ์จะมีสติคิดได้ว่าพูดในสิ่งที่ไม่ควรออกไปก็ตอนเด็กสาวร้องเสียงหลงลั่นรถดั่งกับได้ฟังเรื่องแปลกประหลาดสุดน่าสะพรึงจากเดิมที่เป็นแค่ความคิดขำๆของเด็กวัยอยากรู้อยากเห็นแต่เมื่อเป็นความชัดเจนขึ้นมากลับทำท่าไม่อยากเชื่อ

“อือ”ติวเตอร์สาวหมดคำจะแก้เกี้ยว

“และที่พี่ยังโสดเพราะพี่ยังหาคนที่ใช่ไม่เจอ คนที่พี่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ปัญหาก็คือไอ้ความรู้สึกสบายใจที่ว่ามันไม่เคยอยู่ทนและที่ร้ายไปกว่านั้น คือใครคนนั้นอาจจะเป็นคนที่พร้อมจะก่อเรื่องไม่สบายใจให้พี่ได้ทุกวินาทีจากการเสาะแสวงหาคนที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจมากกว่าอยู่กับพี่อยู่ตลอด” เธอว่าพี่แจนคนสวยคิดมากไปนะ

“ก็เจ้าหลักการแบบนี้ แล้วแบบไหนถึงเรียกว่าสบายใจ”

“ตอบยากนะมีแต่ตัวเองที่รู้ พอรู้ก็อธิบายไม่ได้ ง่ายที่สุดคือคำว่า เคมีตรงกันมั้งมุมมองของความรักไม่มีผิดถูกดั่งข้อสอบหรอก ทั้งยังเป็นการตอบแบบปลายเปิด open-endedquestions อีก

(คำถามแบบปลายเปิดหมายถึง คำถามที่ผู้ตอบ ตอบได้อย่างอิสระ ไม่กำหนดคำตอบตายตัว คือเปิดโอกาสให้ผู้ถูกถามได้อธิบายหรือพูดถึงแนวความคิดของตัวเองได้อย่างอิสระ)

คนตรวจหรือก็ไม่มีแล้วจะวัดผลกันยังไงผ่านความรักที่สมหวังไปได้ภาคต่อไปก็คือการใช้ชีวิตคู่” พรพิสุทธิ์ยิ้มจางๆลืมเรื่องผีร้ายชั่วขณะ

“เข้าใจยากจังนะ ไอ้วิชารักเนี่ย”คุณหนูบ่นอุบ นี่กระมังที่คุณหญิงแม่มักเปรยบ่อยๆว่าให้ตั้งใจเรียนก่อนเรื่องรักเอาไว้ที่หลังพรพิสุทธิ์เองก็ลอบถอนใจอย่างคนไร้รักยอมรับจากเบื้องลึกว่าบางคราความเหงามันก็เข้ามาระรานหัวใจแต่ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้เหงาเท่าไหร่ ต้องเอาใจไประแวงผีแม่ลูก แถมยังมียัยคุณหนูตัวป่วนเพิ่มเข้ามาถึงมันจะเป็นสีสันแปลกๆแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายจนเกินรับไหว

ติ้ง…

เสียงไลน์ดังขึ้นมาขัดจังหวะเป็นไลน์จากน้องชายนั่นเอง ส่งข้อความมาว่าลงจากรถทัวร์แล้ว ซึ่งก็พอดีกับที่รถคันหรูเลี้ยวเข้ามาในสถานีขนส่ง

“ขอบใจมากที่มาส่งพรุ่งนี้เจอกัน” พรพิสุทธิ์เปิดประตูรถออกไปก่อนที่จะชะโงกหน้าเข้าไปร่ำลาเด็กสาว แต่…ดุจดาวกระโจนลงจากรถตามออกมา

“ลุงหมาย ฝากบอกคุณแม่ด้วยค่ะว่าคืนนี้ดาวจะค้างที่บ้านพี่แจนเริ่มลุยติวหนังสือกันเลย”

“ครับคุณหนู” ลุงหมายรับคำสั่งดุจดาวปิดประตูและรถเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว แต่…เหมือนติวเตอร์สาวเพิ่งได้สติก็ยัยคุณหนูไม่ยอมกลับไปกับรถ แถมยังบอกว่าคืนนี้จะค้างที่บ้านเธอ เฮ้ย!! มันใช่แบบนั้นที่ไหน

“ทำไมไม่กลับบ้านไปล่ะ” คนอ่อนวัยกว่าทำหน้าเหรอเป็นคำตอบ ที่คนถามก็เข้าใจได้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ต้องพ่ายแพ้กับหน้าใสๆตาแบ๊วๆอยู่เสมอไอ้คนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจอาจจะยังต้องค้นหาและรอคอย แต่ที่ชัดเจนเป็น spotlightสาดส่องอยู่ตอนนี้ คือยัยคุณหนูตัวปัญหาคนนี้

“บ้านพี่ไม่ได้ใหญ่โตสะดวกสบายอย่างเวียงวังของเรานะและคนคอยมาดูแลรับใช้ก็ไม่มี” ผู้ใหญ่ข่มขู่เชิงข้อมูล

“อ๋อ คือพี่จะบอกว่ากลับไปนอนบ้านดาวดีกว่าใช่ไหมเอางั้นก็ได้ค่ะ จะได้โทรตามลุงหมาย” เด็กดาวทำทีจะคว้าโทรศัพท์ทำตามปากว่าแต่ก็เชื่องช้ารอคอยการขัดขวางที่อีกฝ่ายก็ใช่ว่าจะไม่เท่าทันแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เด็กก็แบบนี้เวลาตื่นเต้นหรือสนุกสนานอยู่กับอะไรก็มักจะหมกมุ่นวุ่นวายอยู่แต่กับสิ่งนั้น

“พอเถอะ อยากทำไรก็ทำ” รู้ว่าถูกประชดประชันแต่คุณหนูจอมมึนก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาเอามาใส่ใจ

“ว่าแต่จะตามติดชีวิตพี่ไปถึงไหนเนี่ย”

“ก็ถึงตอนสอบเสร็จละมั้งหรืออาจจะเป็นปลิงเกาะพี่แจนไปจนชั่วฟ้าดินสลายเลย ดีมะ” แม้จะรู้ว่าเป็นเพียงการหยอกเอินของเด็กแสบแต่ฟังแล้วก็สยองใช่เล่น เธอว่านะไปไป มามา ยัยคุณหนูจอมป่วนดูท่าจะน่ากลัวกว่าผีแม่ลูกเสียอีกแทนที่แมวอย่างเธอจะออดอ้อนสิงโต นี่มันกลับขั้วสลับข้างมั่วไปหมด

“พี่แจน” เสียงของเด็กหนุ่มตะโกนร้องเรียกอยู่ที่สุดปลายสายตาร่างสูงชะลูดของบอยวิ่งตรงมาที่ญาติผู้พี่ที่แม้ว่าจะไม่ได้เจอกันหลายปีก็ยังจำได้ก็จุดเด่นของพี่แจนคือสวย บอยยกมือไหว้ตะโกนทักทายมาแต่ไกล ร้อยเมตรว่าดูดีแล้วพอมาเพ่งพิศในระยะชิดใกล้เจ้าน้องชายคนนี้ก็หล่อจริงอะไรจริงผิวขาวใบสไตล์หนุ่มเหนือ ใบหน้าเรียวได้รูป แถมยังเกลี้ยงเกลาไร้สิวหนุ่ม หนวดเคราเกลี้ยงเกลาไม่ทำให้เสียชื่อญาติผู้พี่

“ไม่เจอกันตั้งนานสวยขึ้นเป็นกองเลยนะพี่แจนและบอยก็ได้ข่าวมาว่าพี่จบโทแล้วด้วย ยินดีด้วยนะพี่”

“ขอบใจหลายๆนะไอ้น้องชาย” พี่น้องทักทายหยอกเย้าเป็นกันเองจนคนไม่มีพี่น้องนึกอิจฉา

“แล้ว…” บอยสนใจเด็กสาวหน้าสวยที่ยืนอยู่ข้างพี่สาว

“อ๋อ…ลูกศิษย์พี่เองชื่อ…”

“ดุจดาวจ้ะยินดีที่ได้รู้จักนะบอย” สาววัยซนชิงตัดหน้าแนะนำตนเอง ได้โอกาสบริหารเสน่ห์ด้วยการสะบัดปลายผมก่อนจะยื่นมือเรียวสวยของตนมาให้สัมผัสตามธรรมเนียมสากลหนุ่มชาวเหนือคนซื่อเก้ๆกังๆไม่คุ้นชินกับวัฒนธรรมแบบนี้ แถมคนที่หยิบยื่นไม่ตรียังมีหน้าตาสระสวยราวกับนางฟ้า

“กลับกันได้แล้ว” พรพิสุทธิ์หักขึ้นมากลางลำเท่าทันเด็กสาวที่กำลังบริหารเสน่ห์กับญาติผู้น้องที่ยังยืนซื่อบื่อเพราะแพ้ทางสาวเมืองกรุงฯ

“ข้าวของมีเท่านี้รึ”เพราะเห็นเพียงเป้สะพายหลังใบเดียวเท่านั้น ในระยะ 10 เมตรก็ไม่เห็นมีข้าวของอะไรวางอยู่

“เรามันคนจนน่ะพี่ มีแต่ตัวกับความตั้งใจมาเอาวิชาความรู้เท่านั้น”

“จง จน อะไรกันเขาเรียกทรัพย์รอเบิก”

“รอเบิกยังไง ก็มันไม่มีให้เบิก” บอยไม่เข้าใจสมบัติสำนวนของพี่สาว

“ก็ใช่ที่วันนี้ยังไม่มีให้เบิกแต่มีวันหน้าไง ที่แกต้องทำวันนี้ให้ดีเพื่อจะได้มีเงินรอเบิกเยอะๆในวันหน้า” บอยยังไม่เคลียร์แต่ดุจดาวรู้แจ้งเรียบร้อยแล้วนึกชื่นชมติวเตอร์ที่ตนเลือกมาเองกับมือว่าฉลาดเก่งคิดบวก เธอเองก็ถูกเข้มงวดเรื่องเหล่านี้มาจากคุณพ่อ

“แล้วมันจะต่างกับจนยังไงในเมื่อความหมายในวันนี้คือไม่มี”

“ต่างกันที่ผลต่อความรู้สึกของทั้งคนพูดและคนฟังไงยะ”

“เออ…ก็จริงนะพี่” หนุ่มน้อยเริ่มเข้าใจที่ก็ไม่ใช่สิ่งผิดหรือแปลกใหม่อะไรกับความไม่เข้าใจ เพราะหลายคนถูกละเลยไม่ได้รับการสั่งสอนหรือฝึกฝนเรื่อง Attitude

“ไปๆกลับกันได้แล้วเดี๋ยวดึก” ทั้งสามเดินออกจากหมอชิต เรียก taxi กลับมาที่บ้านของพรพิสุทธิ์




Create Date : 20 ตุลาคม 2558
Last Update : 20 ตุลาคม 2558 20:34:52 น. 0 comments
Counter : 316 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.