bloggang.com mainmenu search






งานของลอเร็นโซ กิเบอร์ติที่ชนะการประกวดเมื่อปี ค.ศ. 1401
ซึ่งยังเป็นฉากแบบยุคกลาง แต่รูปนี้ไม่มีบน “ประตูสวรรค์” เมื่อสร้าง






“ประตูสวรรค์” ประตูที่เห็นในปัจจุบันเป็นประตูที่ทำเลียนแบบของจริง






เรื่องของโยเซฟ บานภาพจาก “ประตูสวรรค์”





ลอเร็นโซ กิเบอร์ติ (Lorenzo Ghiberti; ชื่อเมื่อแรกเกิด: Lorenzo di Bartolo) (ค.ศ. 1378 - 1 ธันวาคม ค.ศ. 1455) เป็นประติมากรสมัยศิลปะเรอเนซองส์ตอนต้น คนสำคัญของประเทศอิตาลีในคริสต์ศตวรรษที่ 15 มีความเชี่ยวชาญทางประติมากรรม งานโลหะ และ จิตรกรรมฝาผนัง


ชีวิต

ลอเร็นโซ กิเบอร์ติเกิดที่ฟลอเรนซ์ บิดาชื่อบาร์โทลูชิโอ กิเบอร์ติ ศิลปินและช่างทองผู้เป็นผู้ฝึกลอเร็นโซในงานแขนงเดียวกัน เมื่อเรียนสำเร็จกิเบอร์ติก็ไปทำงานกับบาร์โทลูชิโอ เดอ มิเชลเล (Bartoluccio de Michele) ซึ่งเป็นที่ฝึกงานของฟีลิปโป บรูเนลเลสชี

เมื่อกาฬโรคระบาดในยุโรปมาถึงฟลอเรนซ์ราว ค.ศ. 1400 กิเบอร์ติก็ย้ายไป แคว้นโรมานยา และไปช่วยเขียนจิตรกรรมฝาผนังที่ปราสาทของคาร์โล ที่ 1 แห่งมาลาเทสตาจนเสร็จ

ลอเร็นโซ กิเบอร์ติมามึชื่อเสียง เมื่อชนะการประกวดออกแบบประตูสัมฤทธ์สำหรับหอศีลจุ่มซานจิโอวานนี (Battistero di San Giovanni) สำหรับมหาวิหารฟลอเรนซ์เมื่อปี ค.ศ. 1401 บรูเนลเลสชีได้เป็นที่สอง

ตามแผนเดิมบนบานประตูจะเป็นฉากเรื่องราวจากพันธสัญญาเดิม ซึ่งบานตัวอย่างเป็นฉาก “เอบราฮัม สังเวยไอแซ็ค” (Sacrifice of Isaac) แต่เมื่อถึงเวลาสร้างจริง เปลี่ยนมาเป็นฉากจากพันธสัญญาใหม่แทนที่

ในการสร้างประตูกิเบอร์ติต้องสร้างเวิร์คชอพใหม่ และฝึกศิลปินหลายคนให้เป็นผู้ช่วยเช่น โดนาเทลโล, มาโซลิโน ดา พานิคาเล (Masolino da Panicale), มิเชลลอซโซ (Michelozzo), เพาโล อูเชลโล และ อันโตนิโอ โพลลาอูโล (Antonio Pollaiuolo)

กิเบอร์ติใช้วิธีหล่อที่เรียกว่า “cire perdue” หรือ “lost-wax casting” ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันในสมัยโรมัน ซึ่งทำให้เวิร์คชอพของกิเบอร์ติเป็นที่นิยมของศิลปินรุ่นหนุ่ม

เมื่อหล่อเสร็จ 28 แผ่น กิเบอร์ติก็ได้รับการต่อสัญญา ให้สร้างชุดที่สองสำหรับอีกประตูหนึ่ง แต่ครั้งนี้เป็นฉากจากพันธสัญญาเดิม แทนที่จะเป็น 28 ฉาก กิเบอร์ติทำเป็นฉากสี่เหลี่ยมสิบฉากคนละลักษณะจากแบบเดิมที่ทำมา

ชุดที่สองมีลักษณะเป็นธรรมชาติมากกว่า และเริ่มมีการใช้ทัศนียภาพที่ทำให้ดูมีความลึกขึ้น และเป็นการแสดงภาพแบบ “เลิศลอย” (idealization) มากกว่าเดิม

ไมเคิล แอนเจโล เรียกประตูนี้ว่า “ประตูสวรรค์” (Gates of Paradise) “ประตูนรก ” (Gates of Hell) โดย ออกุสต์ โรแดง ได้รับอิทธิพลจาก “ประตูสวรรค์” ของ กิเบอร์ติ

หลังจากนั้นกิเบอร์ติก็ได้รับสัญญา ให้ทำอนุสาวรีย์สัมฤทธ์ปิดทองสำหรับซุ้มภายในชาเปลออร์ซานมิเคลเล (Orsanmichele) ที่ฟลอเรนซ์

รูปหนึ่งเป็น นักบุญจอห์นแบ็พทิสต์ สำหรับสมาคมพ่อค้าขนแกะ อีกรูปหนึ่งเป็นนักบุญแม็ทธิวอีแวนเจลลิส สำหรับสมาคมนายธนาคาร และ นักบุญสตีเฟน สำหรับสมาคมผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ขนแกะ

นอกจากจะเป็นศิลปินแล้วกิเบอร์ติยังเป็นนักประวัติศาสตร์ ผู้ชอบสะสมศิลปะคลาสสิค กิเบอร์ติมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ปรัชญามนุษยนิยม งานเขียนของกิเบอร์ติที่ไม่เสร็จชื่อ “Commentarii” เป็นแหล่งข้อมูล ที่มีคุณค่าของศิลปะเรอเนซองส์

รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับชีวประวัติของกิเบอร์ติเอง และเป็นเอกสารที่สำคัญฉบับหนึ่งที่จอร์โจ วาซารีใช้ในการเขียนหนังสือ “ชีวิตจิตรกร, ประติมากร, และสถาปนิกผู้ดีเด่น” (Le Vite)

กิเบอร์ติเสียชีวิตที่ฟลอเรนซ์เมื่ออายุ 77 ปี


“ความคิดเห็น” หรือ “I Commentari” หรือ “The Commentaries” เป็นหนังสือสามเล่ม เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของศิลปะโบราณ กิเบอร์ติย้ำความเห็นของวิทรูเวียส ว่าศิลปินจำเป็นต้องมีพื้นฐานทางปัญญาในการสร้างงานศิลปะ

และกล่าวต่อไปว่าศิลปินต้องมีพรสวรรค์ตามธรรมชาติ และการฝึกอย่างเป็นทางการ และอ้างอิงไปถึงงานวาดและการเขียนแบบทัศนียภาพว่าเป็นพื้นฐานของงานจิตรกรรมและประติมากรรม

เล่มที่สอง กิเบอร์ติบรรยายจอตโต ดี บอนโดเนและพูดถึง “ยุคกลาง” ซึ่งรวมการเขียนชีวประวัติศิลปะ โดยการบรรยายลักษณะของศิลปะแทนที่จะเป็นเพียงเรื่องเล่า กิเบอร์ติให้รายละเอียดของศิลปินระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 14 และ 15

ฉบับนี้มีประโยชน์ต่อนักประวัติศาสตร์ เพราะมีคำบรรยายของศิลปะที่ไม่มีหลักฐานใดใดก่อนหน้านั้น นอกจากนั้นยังรวมชีวประวัติของตัวกิเบอร์ติเอง ซึ่งถือกันว่าเป็นอัตชีวประวัติเล่มแรกที่เขียนโดยศิลปินเอง

เล่มที่สาม กิเบอร์ติพยายามวางทฤษฎีสำหรับศิลปะ ที่เน้นการมองเห็น (optical) รวมทั้งการใช้ reticle ในการช่วยศิลปินสร้างรูปคน


ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


สิริสวัสดิ์ภุมวาร สิริมานรมเยศนะคะ
Create Date :16 พฤศจิกายน 2553 Last Update :16 พฤศจิกายน 2553 18:54:24 น. Counter : Pageviews. Comments :0