สนามกีฬาโอลิมปิกในกรุงเบอร์ลินสื่อและภาพยนตร์
ผลงานทางด้านสื่อและภาพยนตร์ของเยอรมนี ในยุคสมัยนาซีนี้ส่วนใหญ่ จะมีจุดประสงค์เพื่อความบันเทิง
กฎหมายได้ห้ามมิให้มีการนำเข้า ภาพยนตร์จากต่างประเทศมาตั้งแต่ปี 1936 อุตสาหกรรมของเยอรมนีได้รับการเปลี่ยนแปลง ให้เป็นแนวชาตินิยมทั้งหมดในปี 1937
ซึ่งจะต้องทำหน้าที่ผลิตภาพยนตร์ต่างประเทศที่ขาดหายไป (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาพยนตร์จากสหรัฐอเมริกา)
ความบันเทิงกลายมาเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง เพราะภาพยนตร์เป็นสิ่งที่ดึงความสนใจ จากการทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตร และความพ่ายแพ้ของเยอรมนี
ภาพยนตร์ทั้งในปี 1943 และปี 1944 สร้างรายได้กว่าหนึ่งพันล้านไรช์มาร์ก
แม้จะมีการข้อกำหนดทางการเมือง และผู้ผลิตภาพยนตร์จำนวนมากหลบหนีออกนอกประเทศ ภาพยนตร์ของนาซีก็ยังมีการคิดค้นนวัตกรรมทางเทคโนโลยี และความงามขึ้นมาใหม่
อย่างเช่น การผลิตภาพยนตร์โดยใช้ฟิล์มอักฟาโคเลอร์ (เยอรมัน: Agfacolor) ซึ่งเป็นการระบุลงไปอย่างชัดเจนว่า เป็นลักษณะเฉพาะตัวของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของนาซีเยอรมนี
ผลงานภาพยนตร์ส่วนใหญ่ จะเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ นำเสนอนโยบายของรัฐบาลและคำสั่งสอนทางเชื้อชาติ
ศาสนา
พรรคนาซีได้นำสัญลักษณ์มาจากคริสต์ศาสนา มารวมเข้ากับอารยธรรมโบราณ และยังได้เสนอคริสต์ศาสนาเชิงบวก
ซึ่งได้ทำให้ชาวเยอรมันคริสต์ จำนวนมากเชื่อว่าหลักของลัทธินาซี เป็นไปตามหลักธรรมของคริสต์ศาสนา แม้ว่าจะอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองก็ตาม
การกีฬา
การแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนที่กรุงเบอร์ลินในปี 1936 ในครั้งนี้เป็นการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 11 ของโลก
ซึ่งอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ หวังว่าจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ ของเชื้อชาติอารยัน เยอรมนีได้ใช้โอกาสดังกล่าว ในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในประเทศ
และนับได้ว่าเป็นการแสดงพลังที่โดดเด่นของศิลปะ และวัฒนธรรมนาซี การแข่งขันในครั้งนี้มีประเทศผู้เข้าร่วมการแข่งขันกว่า 49 ประเทศ และผลจากการแข่งขัน เยอรมนีเป็นเจ้าเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในครั้งนั้น
ในการแข่งขันโอลิมปิกดังกล่าว ก็มีเรื่องว่าฮิตเลอร์ปฏิเสธที่จะมอบเหรียญรางวัลให้แก่ เจซซี โอเวน รวมไปถึงเรื่องของเชื้อชาติยิวเข้ามาเกี่ยวข้องอีก
ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
จันทรวารสิริสวัสดิ์ โสมนัสสวัสดิ์สิรินะคะ