bloggang.com mainmenu search





รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐไวมาร์
ในฉบับพ็อกเกตบุ๊ค





เครื่องบินเมชเชอร์ชมิตต์ เมอ-262 ชวาเบิล
เครื่องบินขับไล่เจ็ตรุ่นแรกของโลก




โครงสร้างทางกฎหมายของนาซีเยอรมนีนั้น ได้รับสืบทอดมาจากสาธารณรัฐไวมาร์ แต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของตัวกฎหมายเกิดขึ้น รวมไปถึงความเปลี่ยนแปลงคำตัดสินของศาลไปพอสมควร

พรรคนาซีถือว่าเป็นพรรคการเมืองที่ถูกต้อง ตามกฎหมายเพียงพรรคการเมืองเดียวในเยอรมนี พรรคการเมืองอื่นที่เกิดขึ้นในประเทศจะถูกยุบพรรค กฎหมายว่าด้วยสิทธิมนุษยชนส่วนมาก

ได้ถูกตัดออกจากกฎหมายไรช์เกสเซทเท (กฎหมายแห่งจักรวรรดิไรช์) คนกลุ่มน้อยบางพวก เช่น ชาวยิว นักการเมืองฝ่ายตรงข้าม และเชลยสงครามริดรอนสิทธิและหน้าที่ที่พึงมี

และร่างกฎหมายวอล์คซ์ซตราฟเกสเซทซบุค ซึ่งได้ถือกำเนิดขึ้นมาในปี 1933 แต่ยังไม่ได้นำออกมาใช้จนกระทั่งสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง

นอกจากนั้น พรรคนาซียังได้จัดตั้งศาลใหม่ขึ้นมา คือ วอล์คส์เกอร์ริชท์ชอฟ หรือ ศาลประชาชน ในปี 1934 แต่มีหน้าที่จัดการเฉพาะเกี่ยวกับคดีที่เกี่ยวข้องกับการเมืองเท่านั้น

โดยตั้งแต่ปี 1943 จนถึงเดือนกันยายน 1944 ศาลประชาชนได้มีคำสั่งประหารชีวิตไปกว่า 5,375 คน และตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 1944 จนถึงเดือนเมษายน 1945 ศาลมีคำสั่งประหารชีวิตอีกไม่ต่ำกว่า 2,000 คน

ผู้พิพากษาของศาลประชาชนเป็นนักกฎหมายชื่อดัง โรแลนด์ ไฟรซ์เลอร์ ตั้งแต่ปี 1942 จนถึงปี 1945

ร่างกฎหมายที่สำคัญในสมัยของนาซีเยอรมนีส่วนใหญ่ แล้วจะมาจากความเห็นชอบของฮิตเลอร์ แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น กฎหมายของนาซีเยอรมนี จึงเป็นเผด็จการเต็มรูปแบบ และส่วนใหญ่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยตัวอย่างกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ในนาซีเยอรมนี ได้แก่

กฤษฎีกาว่าด้วยเพลิงไหม้รัฐสภาไรช์ตาร์ก
รัฐบัญญัติมอบอำนาจ
ไรช์ซทัททัลเทอร์

การทหาร

กองทัพแห่งนาซีเยอรมนี เรียกว่า Wehrmacht ซึ่งเป็นชื่อเรียกของกองกำลังติดอาวุธของเยอรมนีตั้งแต่ปี 1935 ถึงปี 1945 อันประกอบด้วย Heer (กองทัพบก) Kriegsmarine (กองทัพเรือ) Luftwaffe (กองทัพอากาศ) และองค์การทางทหาร Waffen-SS (กองกำลังรักษาประเทศ)

ซึ่งทางพฤตินัยแล้วเป็นส่วนหนึ่งของ Wehrmacht เช่นกัน ในสมัยของนาซีเยอรมนี อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ถือได้ว่าเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทั้งกองทัพบก กองทัพเรือและกองทัพอากาศ

กองทัพบกเยอรมันถูกจำกัดจำนวนไว้ที่ 100,000 นายตามที่กำหนดไว้ในสนธิสัญญาแวร์ซาย ฮิตเลอร์ซึ่งมีความเกลียดชังเนื้อหาในสนธิสัญญาแวร์ซาย เขาได้แอบสร้างอาวุธอย่างลับๆ ทั้งในประเทศและนอกประเทศ หรือนำเข้าอาวุธจากต่างประเทศ

โดยที่ฝ่ายสัมพันธมิตรไม่อาจตรวจจับได้ หลังจากนั้นก็สั่งระดมพลทั้งประเทศในปี 1935 ซึ่งชาวเยอรมันตั้งแต่ 18-45 ปีจะต้องไปเกณฑ์ทหาร รวมไปถึงการสร้างกองทัพอากาศอีกในปีเดียวกัน

แต่ทว่าทั้งสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส ต่างก็ไม่ได้ต่อต้านแต่ประการใด เนื่องจากยังเชื่อมั่นว่าฮิตเลอร์จะปรารถนาสันติภาพ ต่อมา กองทัพเรือเองก็ได้รับการเพิ่มจำนวนจากผลของข้อตกลงการเดินเรืออังกฤษ-เยอรมัน

กองทัพเยอรมันได้พัฒนาแนวคิด ที่ได้ริเริ่มขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง อันเป็นปฏิบัติการร่วมระหว่างกองทัพบกและกองทัพอากาศ ซึ่งเมื่อรวมกับรูปแบบการรบโบราณ

อย่างเช่น การล้อม และ "การรบแห่งการทำลายล้าง" กองทัพเยอรมันสามารถได้รับชัยชนะอย่างรวดเร็ว ในช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งนักข่าวหนังสือพิมพ์ชาวอเมริกันเรียกว่า "การโจมตีสายฟ้าแลบ"

นักประวัติศาสตร์ในปัจจุบันเชื่อว่า มีทหารเยอรมันในกองทัพไม่ต่ำกว่า 18,200,000 นาย กองทัพเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่สอง สูญเสียชีวิตทหารไปอย่างน้อย 5,533,000 นาย

ระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พรรคนาซีได้ใช้กองทัพในการล้างชาติพันธุ์ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีตั้งแต่นายทหารชั้นสัญญาบัตร ไปจนกระทั่งผู้บัญชาการระดับสูง และยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม และการสังหารหมู่ประชาชนในเขตยึดครอง ซึ่งถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามต่อมวลมนุษยชาติ

การพัฒนาทางด้านการทหารของนาซีเยอรมนี เจริญไปจนถึงขั้นมีโครงการทดลองระเบิดปรมาณูของตัวเอง ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สองคน ออตโต ฮัห์น และฟริตซ์ สเตรสแมน

ซึ่งได้ยืนยันผลการทดลองขั้นแรกของตน เมื่อวันที่ 13 มกราคม 1939 แต่ทว่าเนื่องจากสงครามโลกครั้งที่สองยุติลง ด้วยความพ่ายแพ้ของเยอรมนี ดังนั้นการทดลองจึงยังไม่สัมฤทธิ์ผล


ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


สิริสวัสดิ์จันทรวาร ปรีดิ์มานเปรมปราโมทย์นะคะ
Create Date :31 มกราคม 2554 Last Update :31 มกราคม 2554 21:13:14 น. Counter : Pageviews. Comments :0