การประชุมมิวนิก
นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เนวิลล์ เชมเบอร์แลนด์
ยอมยกแคว้นซูเดเตนแลนด์ให้แก่ฮิตเลอร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เยอรมนีถูกบังคับและปฏิบัติตามสนธิสัญญาแวร์ซายส์ ซึ่งได้ทำลายเศรษฐกิจของเยอรมนีลง จนย่อยยับ และห้ามมิให้เยอรมนีสร้างเครื่องบิน เรือดำน้ำ และเรือรบขนาดใหญ่
เยอรมนีสูญเสียดินแดนอาณานิคมทั้งหมด และห้ามสร้างสัมพันธไมตรีกับออสเตรียและนครเสรีดานซิกที่เพิ่งเกิดใหม่ ในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ อังกฤษและฝรั่งเศสต่างก็หวาดกลัวสงครามโลกอีกครั้งหนึ่ง
จึงดำเนินนโยบายทอดไมตรีกับเยอรมนี ส่วนฮิตเลอร์มีเป้าหมายที่จะฉีกสนธิสัญญาแวร์ซายส์ การขยายดินแดนของเยอรมนี และ "เลเบนสเราม์"
ตั้งแต่ปี 1933 เป็นต้นมา ฮิตเลอร์และพลพรรคนาซีเดินหน้า เพิ่มกำลังทหารของประเทศ และใช้อุบายทางการเมือง เพื่อที่จะยกระดับตนให้ทัดเทียมกับนานาชาติ ในเวทีโลกซึ่งขัดกับสนธิสัญญาแวร์ซายส์
และเป็นเหตุให้อังกฤษ ฝรั่งเศสและอิตาลี ต้องหันมาให้ความสนใจในปัญหาที่เกิดขึ้นจากนาซีเยอรมนี แต่ทว่าพันธมิตรทั้งสามไม่ลงรอยกันเอง อังกฤษเองนั้น ถึงกับยอมทำสนธิสัญญาแยกต่างหาก เพื่อรักษาสัมพันธไมตรีกับเยอรมนี พันธมิตรดังกล่าวจึงล่มสลาย
และสันนิบาตชาติก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย อย่างไรก็ตาม ฮิตเลอร์ยังคงดำเนินนโยบาย ทอดไมตรีกับอังกฤษและฝรั่งเศสอยู่ และเขายังปรารถนาที่จะร่วมเป็นพันธมิตรกับอิตาลี แต่อิตาลีมักจะไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศ
ในปี 1935 ฮิตเลอร์สั่งเกณฑ์ทหาร จัดตั้งกองทัพอากาศ และส่งกำลังทหารกลับเข้าสู่แคว้นซาร์ แต่ไม่ได้รับการตอบโต้จากประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรแต่ประการใด
ซึ่งเป็นเหตุให้ฮิตเลอร์เกิดความฮึกเหิมและก้าวร้าวมากขึ้น ในปีต่อมา ฮิตเลอร์ได้เริ่มใช้กำลังทหารเข้าแทรกแซงกิจการภายใน ของประเทศอื่น ในปี 1937 ฮิตเลอร์ส่งกองกำลังไปช่วยเหลือ ฝ่ายชาตินิยมสเปน ภายใต้การนำของนายพล ฟรานซิสโก ฟรังโก ในสงครามกลางเมืองสเปน
ในปี 1938 เยอรมนีผนวกเอาดินแดนออสเตรีย อิตาลีซึ่งมีท่าทีต่อต้านเยอรมนี มิให้ยึดครองออสเตรีย มาตั้งแต่การลงนามในสนธิสัญญาเหล็ก เมื่ออังกฤษและอิตาลีปราศจากผลประโยชน์ร่วมกันแล้ว อิตาลีจึงเริ่มเปลี่ยนท่าที โอนเอียงไปหาเยอรมนีแทน
ต่อมาก็ยังได้ดินแดนซูเดเตนแลนด์และเชโกสโลวาเกีย อังกฤษซึ่งยังคงเชื่อว่าฮิตเลอร์ไม่ปรารถนาสงคราม นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เนวิลล์ เชมเบอร์แลนด์ จึงได้ลงนามยกแคว้นซูเดเตนแลนด์ให้แก่เยอรมนี
ด้วยหวังว่าเยอรมนีจะไม่แสวงหาดินแดนอื่นเพิ่มเติม ในทวีปยุโรป เนวิลล์คิดว่าตนได้ปฏิบัติภารกิจได้ประสบความสำเร็จแล้ว เมื่อฮิตเลอร์ยอมตอบตกลง แต่หลังจากนั้น ฮิตเลอร์ก็เข้าผนวกเชโกสโลวาเกียอีก
หลังจากนั้น ฮิตเลอร์ได้พุ่งเป้าไปยังโปแลนด์และฉนวนโปแลนด์ เขาต้องการให้มีการทบทวนการกำหนดพรมแดนใหม่กับโปแลนด์ แต่โปแลนด์ปฏิเสธ ที่จะยอมรับการผนวกนครเสรีดานซิกเข้ากับเยอรมนี
ไม่นานก่อนหน้าการรุกรานโปแลนด์ ฮิตเลอร์ได้ลงนามในสนธิสัญญาไม่รุกรานกันกับสหภาพโซเวียต เพื่อเป็นการแบ่งปันเขตอิทธิพลของตนในยุโรปตะวันออก
และเมื่อถึงวันที่ 1 กันยายน 1939 กองทัพเยอรมนีรุกรานโปแลนด์ และนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สอง แม้ว่าฝ่ายสัมพันธมิตรจะประกาศสงครามกับนาซีเยอรมนี และให้การช่วยเหลือโปแลนด์ก็ตาม แต่ผลก็แทบจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเลย ซึ่งเป็นระยะที่เรียกกันว่า "สงครามลวง"
ในปี 1940 เยอรมนีรุกรานเดนมาร์กและนอร์เวีย เพื่อลดการตึงเครียดที่เกิดขึ้นจากความหวาดระแวง ในท่าทีของฝ่ายสัมพันธมิตร รวมทั้งยังได้โจมตีไปทางทิศตะวันตก ยึดครองกลุ่มประเทศต่ำและประเทศฝรั่งเศส
โดยเยอรมนียินยอมให้ผู้ชาตินิยมและวีรบุรุษสงคราม ฟิลิป เปแตง จัดตั้งการปกครองภายใต้ระบอบฟาสซิสต์ เรียกชื่อประเทศว่า "รัฐฝรั่งเศส" หรือเป็นที่รู้จักกันกว้างขวางกว่า คือ วิชีฝรั่งเศส
ในปี 1941 เยอรมนีรุกรานสหภาพโซเวียต ในความพยายามที่จะพิชิตดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลตามนโยบาย เลเบนสเราม์ สำหรับพลเมืองสัญชาติเยอรมัน โดยรัฐบาลสัญญาว่าจะมีการจัดตั้ง
ในช่วงหลังจากปี 1943 ทิศทางของสงครามเปลี่ยนแปลงไป เยอรมนีถูกบังคับให้ต้องยึดครองดินแดนของอิตาลี ซึ่งรัฐบาลของมุสโสลินีหมดอำนาจลง และจัดตั้งรัฐบาลสาธารณรัฐสังคมนิยมอิตาลี
กองทัพเยอรมันต้องสู้กับกองทัพพันธมิตรทั้ง 3 แนวรบ เยอรมนีในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง ถูกโดดเดี่ยวทางการทูตอย่างหนัก และไม่อาจต้านทานกองทัพสัมพันธมิตร ที่รุกเข้ามาจากทั้งทางทิศตะวันตก ตะวันออกและทิศใต้
รัฐบาลใหม่ของเยอรมนี ประกาศยอมแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 1945
ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สิริสวัสดิ์จันทรวาร สิริมานปรีดิ์เขษมนะคะ