bloggang.com mainmenu search
สถานที่ท่องเที่ยว : ลานบัว สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ, กรุงเทพมหานคร จตุจักร Thailand
พิกัด GPS : 13° 48' 26.84" N 100° 33' 1.78" E

ดูแผนที่เพิ่มเติม
 




บล็อกที่แล้วๆมาพาไปเที่ยวต่างจังหวัดกันซะหลายบล็อกครับ  บล็อกนี้จะพาไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพฯกันนะครับ
 


 
 

ลานบัว  สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ  กรุงเทพ
 
 




สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ  ตั้งอยู่ที่ถนนกำแพงเพชร 2  ด้านหลังสวนจตุจักรครับ  ส่วนลานบัวก็ตั้งอยู่  ด้านที่ติดกับถนนกำแพงเพชร 2 ครับ

 
 

สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ   เกิดขึ้นตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในปี 2534 โดยมอบให้กระทรวงคมนาคมจัดสร้างบนที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยด้านทิศใต้ของสนามกอล์ฟรถไฟ เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ครบ 5 รอบ ในวันที่ 12 สิงหาคม 2535 ในส่วนการหาทุนสมทบและทุนในการดูแลสวนระยะยาว มูลนิธิสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เป็นผู้รับไปดำเนินการ โดยได้รับการสนับสนุนจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานเอกชน ต่อมาได้ส่งมอบให้กรุงเทพมหานครดูแลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2538 และมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2539 มีพื้นที่ 196 ไร่ 3 งาน 65 ตารางวา เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 04.30 - 19.00 น.
 




สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ  เป็นสถานที่รวบรวม และอนุรักษ์พันธุ์ไม้ทั้งในและต่างประเทศเพื่อการศึกษาและสืบทอดการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช  มีการปลูกไม้แยกตามวงศ์ ทำให้มีลักษณะการเป็น “สวนพฤกษศาสตร์” ที่สมบูรณ์แห่งหนึ่งในประเทศไทย
 
 









สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง  ทรงโปรดดอกบัวและทรงสนพระทัยในเรื่องดอกบัวมากเป็นพิเศษ  ทานผู้หญิงมณีรัตน์  บุนนาค  เคยให้สัมภาษณ์ว่า 
 




“ทรงโปรดดอกบัวสัตตบชมาก  ทั้งสีขาวและสีชมพู  ทรงจัดถวายพระเป็นพุทธบูชาเป็นประจำ  รับสั่งว่าเป็นดอกไม้ที่สวยที่สุด  ดอกไม้ฝรั่งสู้ไม่ได้”
 
 

ทางมูลนิธิสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ได้รวบรวมบัวสายพันธุ์ไทยจนครบทุกชนิด  และบัวลูกผสมกว่า  130  สายพันธุ์  เพื่ออนุรักษ์สายพันธุ์และเพื่อให้ประชาชนทำการศึกษา  โดยได้รับการสนับสนุนและจัดหาพันธุ์  และวิธีการปลูกจาก  ดร.เสริมลาภ  วสุวัต  ประธานชมรมผู้รักบัวแห่งประเทศไทย  และคุณปริมลาภ  วสุวัต  บุตรสาว 









 




บัว  แบ่งออกเป็น  3  สกุล



 

สกุลปทุมชาติ  (Nelumbo)  หรือที่รู้จักกันในภาษาอังกฤษว่า  Lotus  คนไทยจะรู้จักกันในชื่อ  “บัวหลวง”  คนโบราณจะเรียกว่า  “บัวก้านแข็ง”  ลักษณะพิเศษคือชูใบและดอกเหนือน้ำ  ก้านดอกจะมีหนาม  ดอกมีกลิ่นหอม  มีทั้งแบบกลีบดอกซ้อนและไม่ซ้อน  ปทุมชาติพันธุ์ที่พบในทวีปเอเชียและออสเตรเลียจะมีสีขาวและชมพู  ส่วนพันธุ์ที่พบในทวีปอเมริกาเหนือจะมีสีเหลือง  (แต่นำมาทดลองปลูกในประเทศไทยแล้วไม่ออกดอก)  ดอกบัวหลวงจะบานตั้งแต่เช้าตรู่  และจะหุบในตอนค่ำ


 
บัวหลวงสายพันธุ์ดั้งเดิมของไทยแบ่งออกเป็น  4  สายพันธุ์  คือ  ปทุม  หรือ  บัวแหลมแดง  ปุณฑริก (บุณฑริก)  หรือ  บัวแหลมขาว  สัตตบงกช  หรือ  บัวฉัตรแดง  และ  สัตตบุษย์  หรือ  บัวฉัตรขาว
 
 
 

สกุลอุบลชาติ  (Nyphaea)  หรือที่รู้จักกันในภาษาอังกฤษว่า water – lily  บัวไทยในสกุลนี้ได้แก่  บัวผัน  บัวเผื่อน  บัวขาบ  บัวจงกลนี  และบัวสาย  คนโบราณเรียกว่า  “บัวก้านอ่อน”  เพราะก้าวบัวอ่อน  เกลี้ยงไม่มีหนาม  จำแนกตามถิ่นเกิดได้  2  ประเภท 
 
 


อุบลชาติเขตหนาว  หรือ  บัวฝรั่ง  พบในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือในเขตอากาศอบอุ่นไปถึงหนาว  ดอกลอยแตะผิวน้ำหรือชูพ้นผิวน้ำเล็กน้อย  มีกลิ่นหอมอ่อน  บานตอนรุ่งเช้าจนถึงเที่ยงวันหรือบ่ายต้นๆ
 
 


อุบลชาติเขตร้อน   พบในเขตร้อนของทวีปเอเชีย  ออสเตรเลีย  แอฟริกา  และอเมริกาใต้  ดอกชูสูงเหนือผิวน้ำ  แบ่งออกเป็นช่วงเวลาที่ดอกบาน 



 

บานกลางวัน  ดอกเริ่มบานตอนสายๆ  พอเที่ยงๆก็เริ่มหุบ  เช่น  บัวเผื่อน  (สีอ่อนๆ  ดอกขนาดเล็ก)  บัวผัน  (ดอกใหญ่กว่าบัวเผื่อนเล็กน้อย  มีกลิ่นหอม)  บัวขาบ  (มีสีฟ้า  หรือ  โทนสีม่วงจางจนถึงเข้ม)  บัวจลกลนี  (มีชื่อปรากฏในไตรภูมิพระร่วง  ตั้งแต่สมัยสุโขทัย  คาดว่าน่าจะเป็นสายพันธุ์โบราณ)  บัวนางกวัก  (นำเมล็ดพันธุ์มาจากอินเดีย  มีลักษณะพิเศษที่กลีบเลี้ยงยาวออกมาคล้ายนิ้วมือ)  บัวยักษ์ออสเตรเลีย 


 

บานกลางคืน  ดอกจะเริ่มบานตอนเย็นๆยาวไปถึงสายๆวันรุ่งขึ้นถึงจะหุบ  มีกลิ่นหอมอ่อนๆ  ก้านดอกรับประทานได้  เรียกว่า   “บัวสาย”  ที่เป็นพันธุ์ไทยแท้คือ  กมุท  หริอ  เศวตอุบล  (บัวสายสีขาว)  สัตตบรรณ  (บัวสายสีแดง)  ลินจง  (บัวสายสีชมพู)
 


 

สกุลวิกตอเรีย  (Victoria) – Royal – water – lily  คนไทยนิยมเรียกว่า  “บัวกระด้ง”  ด้วยลักษณะใบที่แผ่กว้างมาก  ขอบใบตั้งขึ้นคล้ายกระด้ง  ดอกจะบานตอนกลางคืน  หุบตอนเช้า  บานอยู่ประมาณ  3  วัน  วันแรกจะเป็นสีขาวและสีจะเข้มขึ้นๆจนเป็นสีชมพูเข้ม  มีกลิ่นหอมแรง  มีถิ่นกำเนิดอยู่ลุ่มแม่น้ำแอมะซอน 
 

 
ที่ลานบัวจะแบ่งบัวปลูกในบ่อเป็นโทนสีครับ
 
 
 
เจ้าของบล็อกก็ชอบปลูกบัวครับ  เพราะดูแล้ว
  “เย็นตา  เย็นใจ”  ดีครับ  ชอบนั่งมองดอกบัวนานๆ  ที่บ้านเจ้าของบล็อกก็ปลูกอยู่ประมาณ  10  กว่าสายพันธุ์  แต่นอกเหนือไปจากที่ปลูกก็ดูไม่ออกนะครับว่าเป็นพันธุ์อะไร  ขอให้ดูรวมๆก็แล้วกันครับ
 
 

สีม่วงน้ำเงิน










สีแสด  -  ไม่มีดอกบานเลยครับ

 
สีขาว







 
สีม่วงแดง






 
สีแดง











 
สีฟ้า – คราม  ถ่ายรูปไม่ได้เลยครับ  และ  สีชมพู









 
และมีบัวหลวงปลูกอยู่ตรงกลาง  โดยมี 
“บัวหลวงพระราชินี”  ปลูกอยู่ในกลางกอบัวหลวงอีกที  เสียดายที่ไม่ออกดอกครับ












 
 
 
 นอกจากนั้นยังมีบัวอีกหลาบสายพันธุ์ที่ปลูกอยู่ในอ่างบัวโบราณสมัยราชวงศ์เช็ง  จำนวน  106  ใบ  ที่  ดร.วินิจ  วินิจฉัยภาค  ได้น้อมเกล้าฯ  ถวาย















นางกวัก 







บัวลินจง






 
 







 







อีกช่องทางหนึ่งในการติดตาม  “ทนายอ้วนพาเที่ยว”
 

Chubby Lawyer Tour  -  ทนายอ้วนพาเที่ยว
 
 
 https://www.facebook.com/ChubbyLawyerTour/
 
 


Chubby Lawyer Tour …………….. เที่ยวไป ............. ตามใจฉัน


 
138137136
Create Date :08 กรกฎาคม 2563 Last Update :8 กรกฎาคม 2563 14:11:26 น. Counter : 1552 Pageviews. Comments :19