มุมมองของคนในพื้นที่ ต่อปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้ ข้อความนี้ ผมนำมาจากระทู้ //www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X5434784/X5434784.html ซึ่งคุณ หอก ได้โพสเอาไว้ เห็นว่าน่าสนใจดี เลยนำมาให้ได้อ่านกันครับ ต้นเหตุของปัญหา ถ้าจะเอาแบบแก่นแท้จริงๆนะครับ ละเอียดอ่อนมากๆครับ การพิมพ์โดยการกดคีย์บอร์ดไม่สามารถอธิบายภาพรวมให้เห็นชัดเจนขึ้นมาได้ ตามผมมาครับผมขอเล่าบางส่วนในมุมมอง ให้ทุกท่านฟังกันครับ ใครไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตอยู่ในโครงสร้างสังคมต่างศาสนา พยายามนึกภาพตามให้ออกนะครับ (ผมเคยเขียนบทความนี้ไว้ตามมุมมองของผมซึ่งเป็นบุคคลนึงที่อยู่ในจุดที่หลายๆคนไม่ได้เข้ามา) ผมเกิดที่นี่(ยะลา) ในอำเภอห่างไกล อยู่นอกเมือง ตั้งแต่เกิดก็เจอ มัสยิด ได้ยินเสียงละหมาด ตั้งแต่หัวรุ่ง(ประมาณ 05.00 น.) จนถึงหัวค่ำ(16.30น.โดยประมาณ) วันละ 5 ครั้งจนชาชิน แต่อย่างน้อยเสียงละหมาดใน หัวรุ่ง และ หัวค่ำ ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตวัยเด็กอย่างผม และเป็นเสมือนสัญญาณเวลาในการทำภาระกิจ ดังเช่น แม่ผมจะตื่นมาหุงข้าวทำกับข้าว ผมก็ตื่นแล้วก็นอนต่อ(แหะๆ) ตกเย็นเด็กๆอย่างผมก็จะมีเสียงละหมาด เป็นสัญญาณบอกให้เลิกเล่นและกลับบ้านอาบน้ำกินข้าว ถามสิครับ....ผมถามพ่อกับแม่ว่า เขาจะสวดมนต์ไปทำไมวันละหลายๆรอบ แถมยังใส่ลำโพงฮอร์นสี่ทิศให้มันดังลั่นไปหมด คำตอบก็คือคนไทยมุสลิมเขาจะเคร่งครัดในเรื่องนี้ เขาจะทำกิจศาสนาของเขาอย่างถูกระเบียบและมีวิถีปฏิบัติที่ชัดเจนพร้อมเพรียง แต่ก็ไม่ได้สร้างเงื่อนไขใดๆกับสังคมไทยพุทธเลย วันพระหรือเทศกาล เช่น เดือนสิบ เข้าพรรษา ฯลฯ กะนิ(สรรพนามเรียกผู้หญิงรุ่นป้า) ทำแกงมัสหมั่นไก่โคตรอร่อย ทำแกงมาให้แม่ผม บ่อยครั้งที่ โต๊ะยี(คล้ายๆผู้นำศาสนา) เอาใบตองมาให้แม่ทำขนม พ่อผมสอนเด็กๆไทยมุสลิมเพาะเห็ดทุกชนิดจนพวกนี้มีอาชีพ เขาก็ให้เกียรติอาจารย์ดี เหมือนสังคมชนบททั่วไปครับ พอที่จะอยู่กันได้แบบพบกันครึ่งทาง ผมเล่นกับลูกแขกบ่อย บางทีเขาทำว่าวมาให้ ไปหาลูกยางมาตอกกัน บางทีโกรธกันขนาดผมไปเอาเนื้อหมูมาเสียบไม้ไล่ตีมัน ก็มันเจือกซัดไข่เน่ามาใส่กุนิ แต่ก็ไม่มีอะไรต่างคนต่างอยู่ตามวิถีตัวเอง โรงเรียนประถมตามชนบทต่างๆ ส่วนมากจะมีเด็กไทยมุสลิมมากกว่าเด็กไทยพุทธ " ตรงนี้ถูกจุดแล้วครับ"หลักสูตรต่างๆตามกฏเกณท์ของมาตรฐานการศึกษา เช่นเดียวกับโรงเรียนประถมทุกที่ แต่ก็ยอมรับว่าเด็กไทยมุสลิม มีส่วนน้อยมากที่จะ"เรียนดี" ส่วนมากเด็กไทยพุทธจะมีคะแนนดีกว่า เพราะอะไรหรือครับ อันนี้มุมมองผมนะครับ ผมคิดว่า เนื่องจากเด็กไทยมุสลิมอาจจะต้องมีการเรียนถึง 2 ภาษาหรือต้องมารับรู้กับหลักศาสนาซึ่งใช้ภาษายาวีในการถ่ายทอด เด็กๆก็เลยสับสนและไม่ชัดเจน คุณลองคิดดูสิครับเด็กอายุแค่ 4-12 ขวบ บางครั้งยัดอะไรให้มากไป มันก็จะทำให้เป็นผลพวกมาถึงการเรียนรู้ตามหลักสูตรที่ต้องแข่งขันของโลกภายนอก อีกอย่างผู้ปกครองอาจจะไม่ให้การสนับสนุนในการมุ่งเรียนเพื่อประกอบอาชีพแบบ"ทุนนิยม" มันเป็นผลทำให้เด็กไทยมุสลิมหลุดรอดมาแข่งขันในมาตรฐานการเรียนประจำจังหวัดได้น้อยลง และ..เมื่อเวลาเปลี่ยนไปความผูกพันต่างๆก็จางหายไปตามเวลาของมัน "นี่คือจุดเปลี่ยนของมุมมองแนวร่วมมวลชน" หากเมื่อเวลาเปลี่ยนไป สังคมที่เติบโตขึ้นติดตามตัวผมมาตลอด การเข้ามาเรียนในโรงเรียนประจำจังหวัด พร้อมครอบครัวที่ย้ายเข้ามาในเมือง ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายในการตั้งหลักของคนไทยพุทธ ที่นี่ผมพบเจอเพื่อนฝูงในโรงเรียนประจำจังหวัด และมีเพื่อนเป็นไทยมุสลิมน้อยลงมาก (มากจริงๆ) ในชั้นเรียน 30 คน มีเพื่อนไทยมุสลิมไม่เกิน 5 คน "พวกเขาหายไปไหนหมด ?" กลไกของอะไร ? ที่เป็นตัวกรองให้หลุดรอดมาต่อสู้แข่งขันในสังคมได้น้อยมาก ตรงนี้ผู้เกี่ยวข้องลองมองประเด็นให้ดีนะครับ และจุดตรงนี้ก็ทำให้ความเชื่อมต่อเนื่องระหว่างสังคมเริ่มขาดหายไป ครอบครัวผมรวมถึงผม ได้พบเจอการแข่งขันสูงขึ้น จนไม่มีเวลานึกถึงสายใยบางๆ ที่เชื่อมสังคมต่างศาสนาเอาไว้ ผมเพลิดเพลินกับการไขว่คว้า และเริ่มพบจุดมุ่งหมายชัดเจนขึ้นตามโลกทุนนิยม ผมจะเรียนต่อสูงขึ้น สูงขึ้น และกลไกก็นำพาผมฉีกออกห่างสังคมบ้านเกิดไปทุกที เพื่อนผมที่เป็นไทยพุทธส่วนมาก หากเข้าสู่กลไกนี้แล้ว มีน้อยคนมากที่จะหวลกลับมาบ้านเกิด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งสถานที่เรียน สถานที่ทำงาน หรือ หน่วยงานองค์กรที่พอจะทำงานได้ก็มีน้อยในพื้นที่ จุดนี้ก็เป็นจุดสำคัญจุดหนึ่งในการกลับมาพัฒนาบ้านเกิด หวลกลับมาช่วงเรียนประจำจังหวัด และแล้วผมก็ลืม ไอ้มะ ไอ้เด๊ะ ไอ้รอนิง ฯลฯ (ผมเรียกเพื่อนสนิทด้วยคำว่า"ไอ้"นำหน้า) และก็ไม่ได้สนใจติดตามข่าวสารใดๆ แต่ผมก็ยังรู้ว่ามันเข้าเรียนต่อใน "โรงเรียนสอนศาสนา" ซึ่งในช่วงแรก(มุมมองวัยรุ่น) ผมมีสิทธิ์คิดว่า จะเรียนกันทำไมนักหนา ตั้ง 4-6 วัน ต่อสัปดาห์ เรียนศาสนาอย่างเดียวแล้วพอจบออกมาแล้วจะไปทำอะไร ในโลกที่แข่งขันทางด้านทุนนิยม จุดนี้ผมคิดว่านักเรียนปอเนาะหลายคนไม่มีคำตอบให้กับตัวเองเหมือนกัน แต่แล้ว"ความเชื่อและวิถีชีวิตก็ได้ใหลไปตามครรลองของมันเอง" *ตรงนี้คือจุดที่เกิดสังคมคนละมุมมอง* เพื่อนมุสลิมหลายคนของผม ออกจากโรงเรียนไปกรีดยาง ทำสวน ทำนา เสี้ยงสัตว์ ฯลฯ หลายคนไม่ได้เรียนต่อ * นี่ก็อีกจุดที่"ไม่มีอะไรจะเสีย"(มองให้ลึกนะครับ) เมื่อเวลาใหลไปเรื่อยๆ การใช้ชีวิตห่างกันเรื่อยๆ และโดยเฉพาะการก้าวย่างสู่ ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ(วัยรุ่น) "จุดนี้แหละปฏิเสธไม่ได้หรอก จุดนี้คือจุดที่พลาดได้ทุกสังคม" มีการยกพวกตีกันระหว่างนักเรียนประจำจังหวัด ไทยพุทธ และไทยมุสลิม บ่อยครั้งในงานกีฬาประจำจังหวัด เริ่มแบ่งแยกกันมากขึ้น เหมือนวัยรุ่นในกรุงเทพนั่นแหละ แต่ที่นี่"ประเด็นที่ก่อกำเนิดมันคนละเป้าหมาย" หากเมื่อเข้าแข่งขันในโลกทุนนิยมได้น้อยลง ความเจ็บแค้นที่สั่งสมมากขึ้น ระบบกลไกรัฐและเอกชน(อันนี้ต้องยอมรับความจริง) มองเป็นกลุ่ม Priority ต่ำ จนต้องจับกลุ่มกันเอง และหลงเชื่อ ผู้นำศาสนา(ที่ไม่ดี) บางคน "ประเด็นต่างๆในอดีตก็หวลกลับมาทิ่มแทง" ปล . อันที่จริงผมอยากเรียนภาษายาวีนะ ผมจะได้พูดได้หลายภาษา และจะได้ด่ากับเพื่อนสนิทได้สะใจหน่อย เวลามีปัญหาอะไรผมจะได้เคลียร์ได้ง่ายขึ้น ถ้าใส่เข้าไปในหลักสูตรพิเศษของโรงเรียนแถวนี้บ้างก็ดีนะครับ ไม่ต้องกลัวโดนกลืนเรื่องศาสนาหรอกครับ มุมมองผมคิดว่าไม่มีทางครับ ผมรักในความเชื่อในศาสนาของผม เด็กไทยพุทธทุกคนก็คิดเช่นกัน เราจะได้สื่อสารกันเข้าใจมากขึ้น ชัดเจนและตรงประเด็นขึ้น จะได้สื่อให้เพื่อนมันรู้ว่า นี่ก็ที่กุ นี่ก็ที่มรึง มรึงจะแบ่งไรวะ ไอ้หอกหัก คนเราถ้านับเป็นเพื่อนก็ไม่เกี่ยวกับลัทธิความเชื่อใดๆ (ขออภัยที่ใช้คำไม่สุภาพ) ประเด็นในอดีตที่หวนกลับมาทิ่มแทงเป็นเพียงธุลีเล็กๆในมุมมองที่ใหญ่กว่าของเพื่อนไทยมุสลิมเท่านั้น คงต้องเข้าใจว่าเหตุการณ์แค่ 200 กว่าปี ไม่กี่ชั่วคนเท่านั้นต้องยอมรับว่ายังไม่ทันลืมหรือจางหายไปอย่างกลมกลืน แต่มันเป็นประเด็นแรกๆที่กลุ่มคนไม่กี่คนหยิบยกขึ้นมาสร้างเป้าหมายแต่ไม่บรรลุหรอกครับ ตั้งแต่ผมเด็กๆข้อมูลแบ่งแยกดินแดนเหล่านี้ ได้ไหลเวียนผ่านไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งผมล่วงเลยเข้าทุติยวัย และผมก็เห็นว่าเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านไปมาเท่านั้น และถึงขณะนี้ผมไม่ได้รับรู้หรือระแวงเลยว่า ชาวไทยมุสลิมจะต้องการแบ่งแยกดินแดน หากแต่ผมคิดว่าเป็นเรื่องอื่นมากกว่า ต่อประเด็นของต้นตอปัญหา ในช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงที่ทุกคนทราบดี หากเราผ่านพ้นมาได้ถ้าลองมองย้อนกลับไป มีอะไรบ้างที่ประคับประคองเราไว้ได้ มีเหตุผลใดที่เราไม่หลุดพ้นไปทางเลวร้าย ใครที่ผ่านช่วงวัยรุ่นมาได้ก็จะรับรู้ว่ามันเปราะบางในทุกๆด้านใช่มั้ยครับ แต่สิ่งที่ประคองเราไว้มีหลักๆที่พอจะหยิบยกมาได้คือ - ครอบครัว ต้องอบอุ่น เฝ้าระวัง เข้าใจ และเยียวยา ซึ่งต้องอาศัยบุคลากรของครอบครัวทุกคน ประเด็นนี้ครอบครัวเพื่อนไทยมุสลิมของผม ก็มีไม่ต่างกันมาก "แต่" มีประเด็นของสิทธิระหว่างหญิงและชายเข้ามาแทรกซึมอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ส่วนมากในครอบครัวใดก็แล้วแต่ หาก "แม่" มีบทบาทในครอบครัวน้อยมาก ต้นเหตุของปัญหาสังคมต่างๆ มันจะเกิดได้ง่ายมาก "แม่" จะทำหน้าที่นกพิราบที่ดีที่สุดและงดงามที่สุด แต่หากมองค่าของ "สตรี" น้อย หรือไม่ได้ให้ความสำคัญมาก ความรู้สึกผูกพันหรืออ่อนโยนก็จะมลายหายไปไม่มากก็น้อย ผมอยากให้ "มะ" (แม่) ของเพื่อนไทยมุสลิมมีบทบาทที่ชัดเจนมากขึ้นครับ เพราะ "มะ" จะแสดงบทบาทของการจรรโลง, ผ่อนปรน, เยียวยาและอาทร ได้ชัดเจนที่สุด "ตรงนี้ หากมะของเพื่อนไทยมุสลิมได้รับรู้ผมเป็นกำลังใจให้พวกท่านทุกคน" และอ้อนวอนให้พวกท่านทุกคนกำหนดบทบาทที่ชัดเจนของตนเอง เพื่อตัวท่านเองไม่ใช่ใคร - การศึกษา ที่เริ่มชี้เป้าหมายได้อันนี้ก็เป็นประเด็นสำคัญมากในโลกของการแข่งขันที่เราจะปฏิเสธโลกแบบนี้ไม่ได้ ในส่วนนี้ของผมมีเต็มเปี่ยม อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมมีสติพอที่จะยับยั้งจิตใจที่เริ่มจะเอนเอียงไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง *อันนี้สำคัญมากครับ มันทำให้เรามองว่ามันเป็นอนาคตหรือเป้าหมายที่ดี "แต่" เพื่อนไทยมุสลิมของผมบางคนขาดหายไปในจุดนี้ คงไม่ต้องบอกเหตุผลใดๆ และมันก็กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่และชัดเจนที่สุด ยังไงแล้ว ที่คุณเกิดมาก็ต้องต่อสู้แข่งขัน จะไม่ยอมรับมันก็ไม่ได้ มันเข้ามาพัวพันในวิถีชีวิตของคุณตั้งแต่เกิด และถ้าการแข่งขันในโลกทุนนิยม ที่มีค่านิยมอยู่ที่การศึกษาที่ดีหรือสูงไว้ก่อน ตรงนี้เพื่อนไทยมุสลิมของผมแพ้บ่อยแน่ๆ คนเราบางครั้งแพ้บ่อยก็ท้อบ้างเป็นธรรมดา บางครั้งท้อมากก็พาลไปทั่วมองทุกสิ่งทุกอย่าง ว่าไม่ยุติธรรมไปหมด "ก็เลยหลงกลภาพบางอย่างที่ถูกสร้างขึ้นจากรอยแผลที่ยังไม่หายสนิท" ขอบคุณที่นำเรื่องดีๆมาเล่าให้ฟังครับ และอยากให้เล่าเรื่องอื่นๆของพี่น้องใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วยครับ
![]() โดย: dacia IP: 203.155.239.158 วันที่: 11 มิถุนายน 2550 เวลา:1:03:14 น.
ชัีดเจนครับ
ขอบคุณมาก สำหรับเนื้อหาดี ๆ โดย: wissly IP: 203.113.50.11 วันที่: 12 มิถุนายน 2550 เวลา:0:00:39 น.
อ่านจบแล้ว ชุ่มชื่นหัวใจดีเหลือเกิน เหมือนผู้เขียน ถอดหัวใจเขียนจริงๆ คุณทำให้ความศรัทธาของผมชัดเจน เชื่อตลอดมาว่าหนทางเดียว ที่เราจะ ผ่านพ้นห้วงเวลาอุปสรรคขวากหนาม นี้ไปได้ก็ด้วยหัวใจรักแผ่นดินถิ่นเกิด ของพ่อแม่ พี่น้อง ลูกหลาน ผุ้คนที่นี่ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ อุสตาส โจร คนไหน เหมือนสายน้ำ เทือกเขาป่าไม้ ทะเล คือทุกสิ่ง ซึ่งหลอมรวมเป็นชาติไทย คือนครรัฐปัตตานี อันรุ่งเรืองในอดีต เป็นความภาคภูมิใจบนประวัติศาสตร์ ขอสันติสุข-สันติภาพ เหนือสงคราม มันผู้ใดก่อกรรมชั่วจักได้รับกรรมนั้น โดย: บินหลา กูโบ IP: 58.8.123.185 วันที่: 13 มิถุนายน 2550 เวลา:21:57:42 น.
สิ่งสำคัญที่สุดและปฏิบัติได้ยากยิ่งที่สุด คือความจริงใจ ที่ปรากฏเป็นรูปธรรมต่อให้ทุ่มเงินงบประมาณลงไปกี่พันล้านละลายหายหมด ไม่ถึงมือชาวบ้านเต็มเม็ดเต็มหน่วย ยกตัวอย่างเช่น เงินที่รับบริจาคไปช่วย"ซึนามิ" จนป่านนี้โครงการมากมายไปถึงไหนแล้ว ยอดบริจาคทั้งหมดเท่าไหร่ มีรายจ่ายถึงมือชาวบ้านมากน้อยทั่วถึงแค่ไหน สรุปขอตรวจสอบดูได้ยังไงยังมีครอบครัวที่ไม่ได้รับการเยียวยาช่วยเหลือเรื่องต่างๆ อีกมาก เพียงแต่ถูกคลื่นลมทะเล กลบเสียงของพวกเขา เช่น ชาวมอร์แกนจนเลือนหายไป ความจริงใจจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ แม้แต่ข้าราชการผู้ที่อาสามารับใช้ประชาชนต่างพระเนตร พระกรรณหรือแม้แต่บรรดาพ่อค้านักธุรกิจเจ้าของกิจการ ตลอดจนความจริงใจของผู้นำทางจิตวิญญาณทางศาสนา แต่ประเด็นที่จะนำเสนอ คือการทูตการต่างประเทศเชิงรุก แบบมืออาชีพระดับกลุ่มประเทศมหาอำนาจ ชาติที่พัฒนายกตัวอย่าง จีน สหรัฐฯ อังกฤษ ทูตเขามาถึงกรุงเทพ พูด ภาษาไทยแตกฉานชัดแจ๋ว ขนาดคนไทยรุ่นใหม่อายเลย เพราะเขาเตรียมคนมาดีจริง แบ่งเป็นสายๆ อบรมบ่มเพาะ คัดเลือก-บุคคลากร ตั้งแต่แรกเข้ารับราชการต่างประเทศ อิสราเอล พิเศษยิ่งกว่า ใครสังเกตุให้ดีดี จะเห็นว่า เขาตั้ง ผู้นำ..นายกรัฐมนตรีคอยประกบประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ช่วงไหนนโยบายเดโมแครตขึ้น ช่วงไหนที่พรรครีพับลิกัน นายกรัฐมนตรีอิสราเอลเขากล้าลาออกเอง ให้ผู้เหมาะสม กว่า ณ ช่วงเวลาขณะนั้นขึ้นดำรงตำแหน่งแทนเพื่อนำชาติ อย่างผู้นำสตรี รัฐมนตรีหญิงต่างประเทศ ที่กำลังอินเทรน อยู่เวลานี้ก็ล้วนมาจากแนวทางของนโยบายการทูตชั้นสูง คำถามของผมคือ ถึงเวลาหรือยัง ที่กระทรวงต่างประเทศ จะเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นวิบัติ เอ๊ย ! ให้เป็นโอกาสทองเสียที รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ.. อย่าง ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เราก็มีมาแล้ว ผมอยากเห็นการสร้างตัวตนนักการทูตแบบ พิเศษเฉพาะทาง เช่นกลุ่มประเทศตะวันออกกลางอาหรับ มุสลิม ที่มีกลุ่มสมาชิกอยู่ไม่น้อย ทำไมเราไม่นำเอาเพชร น้ำเอกจากลูกหลานคนไทยมุสลิมทั่วประเทศมาเจียรไนย ให้ทุนการศึกษา เรียนทั้งศาสนาวิชาการ แบบ ดร.สุรินทร์ ยังเป็นถึงเสนาบดีต่างประเทศได้ ทำไมจะมีเอกอัคราชทูต ประจำประเทศอียิปต์ จอร์แดน ซาอุดิอาระเบีย อิหร่าน ฯ ที่เกิด เติบโตเรียน หนังสือมาจากจังหวัดปัตตานี สงขลาฯ เป็นลูกหลานไทย-มลายูนับถือศาสนาอิสลามบ้างจะไม่ได้ ถ้าหากว่าเด็กชายหญิงเหล่านั้นเธอดีจริงเก่งจริงก็น่าสนใจ ทุกวันนี้ เรายังวางตัวเอกอัครราชทูต ค่อนข้างจะมั่วไปนิด บางคนดูยังไงก็เหมือนหมูสับ หมูสามชั้น ดันส่งไปเป็นทูต ประจำประเทศอิสลาม พูดภาษาอาหรับก็ไม่ได้ หรืออย่าง ทูตจีน นี่ เออ ส่งไปเลยหน้าตาแบบคุณสมคิด คุณทักษิณ ไม่ใช่ ส่งใครก็ได้ที่วิ่งเต้นเล่นเส้นสายไปกินตำแหน่งก่อน ทำแบบตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด เว้าลาวอิสานยังส่งไปใต้สุด โรคระบบอุปถัมภ์-ซ้ำซาก-เรื้อรัง นี่ ต้องเก็บเข้าพิพิภัณฑ์ แก้ปัญหาจากตัวเราก่อน..เริ่มจากภายใน-ออกสู่ภายนอก จากคนในชาติด้วยกันเองก่อน เรื่องภายนอกค่อยปรับแก้ โดย: บินหลา กูโบ IP: 58.8.123.185 วันที่: 13 มิถุนายน 2550 เวลา:23:31:52 น.
นักศึกษาเยาวชนนักเรียนโรงเรียนสอนศาสนา นักเรียนอาชีวะชายหญิงถือป้ายประท้วงหมาย ศาสนสถานมัสยิสมาเป็นฉากเชิงสัญญลักษณ์ เพราะขณะนี้เราสู้กันถึงระดับเชื้อเข้าเส้นเลือด ไปแล้วจนขั้นต้องถ่ายเลือดใหม่เพิ่มยาแรงขึ้น ฝ่ายตรงข้าม-ถึงกลัวมากเรื่องเข้าไปดูแลเด็กๆ เยาวชนรุ่นใหม่ที่ได้รับการติดอาวุธทางปัญญา หลายคนมองเห็นความพ่ายแพ้-รออยู่ข้างหน้า ข้าพเจ้ากลับมองต่างมุมจากประชาคมโลกรอบ นอกผู้รู้เท่าทันและประนามลัทธิโจรก่อการร้าย กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงขนาดประเทศมุสลิมก็โดน ซาอุดิอาระเบีย จอร์แดน อียิปต์ อิรักเลบานอน ปากีสถานฯ เจ้าลัทธินิยมความรุนแรงหลายคน เป็นผลผลิตจากซีไอเอไว้ใช้ในยุคสงครามเย็น ทุกวันนี้ยังหลงฆ่าฟันมุสลิมด้วยกันจนสิ้นชาติ ก็ขนาดเขาหลอกให้เราสร้างกำแพงเบอร์ลิน 2 แบ่งแยก"นครแบกแดด"ตามแผนยุทธศาสตร์ ความเชื่อมโยงระหว่างเศรษฐกิจ การเมืองและ ความมั่นคงภายในประเทศจึงเริ่มต้นจากจุดเล็ก ภายในจิตสำนึกตระหนักในความรู้รักสามัคคีกัน ของผู้คนในท้องถิ่น ภาคประชาชน-ภายในชาติ โดย: รักเธอประเทศไทย IP: 58.8.118.73 วันที่: 14 มิถุนายน 2550 เวลา:14:05:00 น.
เด็กรุ่นใหม่ ต้องเรียนหนังสือกันทุกคน จะได้ไม่หลงไปตามคำแนะนำที่ไม่ตรงความจริง การไม่เรียนหนังสือจะเข้าทางของฝ่ายที่กระทำรุนแรงในภาคใต้ เพราะถ้าเรียนหนังสือจะรู้ทันความคิดของเขา ไม่ตกเป็นเด็กรับใช้ของเขา ถามว่าน้อง ๆ วัยรุ่นหรือพี่ ๆ ที่ทำร้ายคนบริสุทธิ์เมื่อทำแล้วได้อะไรตอบแทนจากแกนนำของกลุ่มความรุนแรงคิดให้ดี สิ่งที่ได้แน่ ๆ คือ พ่อ แม่ และทุกคนเดือดร้อนในระยะยาวแน่นอน ถ้าได้ค่าตอบแทนเป็นเงินคุ้มไหมค่ะ เป็นห่วงค่ะ
โดย: kanYa/ pathalung IP: 124.157.246.122 วันที่: 23 มิถุนายน 2550 เวลา:14:50:50 น.
ทหาร ตำรวจ ครู และผู้บริสุทธิ์ ถูกทำร้ายทุกวัน ในลักษณะการกระทำที่คล้าย ๆ กัน ทำไมภาครัฐไม่ใช้วิธีการในเชิงรูก ไม่ใช่ความรุนแรง แต่เป็นยุทธวิธี เช่น ลาดตระเวนในพื้นที่ที่ได้ข่าวกรองมา เข้าทำการเกาะติดพื้นที่ เจาะแหล่งขายเหล็กเส้นที่นำมาทำเรือใบ และสืบขยายผลใช้รถคุ้มกันติดตามร่วมกัน 2-3 คัน เมื่อมีระเบิดก็ให้รถที่ติดตามยิง 2 ข้างทาง ซึ่งไม่ต้องกลัวว่าจะทำร้ายคนบริสุทธิ์ เพราะพื้นที่ที่วางระเบิดจะเป็นที่เปลี่ยวอยู่แล้วและมือระเบิดจะอยู่ข้างทางระยะประมาณ 200-300 เมตร รับรองว่าจะได้ตัวคนผิดในสภาพศพหรือผู้บาดเจ็บแน่นอน ฝ่ายตรงข้ามจะได้ไม่ย่ามใจนัก อย่าเดินทางเป็นเป้า อย่างเดียวเลยค่ะ
โดย: ตำรวจหญิง IP: 203.114.101.223 วันที่: 23 มิถุนายน 2550 เวลา:15:03:37 น.
สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆนะ
โดย: สาว ญ.พ. IP: 125.25.227.147 วันที่: 17 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:41:30 น.
อยากภาคใต้กลับมาสงบสุขอีกครั้งค่ะ สู้เขานะ สู้ๆสู้ตาย
โดย: ขนิษฐา IP: 125.25.227.147 วันที่: 18 กรกฎาคม 2550 เวลา:0:08:59 น.
เยี่ยมมากๆๆๆเลย ชีวิตตอนเด็กผมก็เป็นแบบนี้ครับ
โดย: จอมเด็กปาลัส ตานี IP: 125.27.206.191 วันที่: 15 มกราคม 2551 เวลา:23:39:31 น.
แนนเปงคนที่อื่นแต่ย้ายมาอยู่นราได้แปดปีแล้วค่ะเดิมเปงคนไทยพุธแต่ตอนนี้รับอิสลามมาหหกปีแล้วค่ะคนที่นับถือพุธและอิสลามมีข้อแตกต่างกันมากแต่เรื่องปัญหาสามจังหวัดนั้นไม่จำเปงต้องแก้ที่ศาสนาเลยขอแค่การศึกษาที่มีคุณภาพมีงานให้คนในหมู่บ้านการแพทที่ดีการที่มีคนตายทุกวันใช่ว่าจาเกี่ยวกับการสร้างสถานการณ์เสมอไปบางครั้งก้อเรื่องส่วนตัวทั้งครูทั้งหมอก้อแย่พอกัน(เท่าที่เจอกับตัวนะ)เปงครูเงินเดือนมะกี่พันบาทก้อทามหยิ่งพูดเหยียบคนอื่นเยอะแยะไปยิงเปงหมอเปงพยาบาลนะถ้ามะมีเงินชีวิตก้อมะมีค่ายิ่งชีวิตคนนราด้วยแล้วแย่ค่ะ แย่มากๆพูดไปคงไม่เหงภาพเพราะช้านมะช่ายนักบันยาย แต่พูดด้ายคำเดียวว่าข้าราชการที่นี่แย่ๆนะมีมากมายคนที่มีแค่หนึ่งชีวิตก้อดูถูกคนที่มีหนึ่งชีวิตด้วยกันเอง เห้อ
โดย: แนน นรา ค่ะ IP: 118.173.204.87 วันที่: 18 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:34:54 น.
จากที่ได้อ่านเรื่องราวทั้งหมด ก้อเข้าจัยพี่น้องมุสลิมดีว่าเค้ารู้สึกอย่างไร
มานเกิดจากความไม่เท่าเทียมกันในเรื่องของการศึกษา อย่าว่าแต่ในพื้นที่ชายแดนเลยที่ขาดระบบการศึกษาที่ดี พื้นที่ต่างจังหวัดที่ห่างไกลจากศูนย์กลาง ก้อยังไม่ได้รับการพัฒนาระบบการศึกาที่ดี ถ้าเทียบกะตัวเมืองแล้ว มานยังด้อยอยุ่มาก นี่เลยเปนประเด็นหลักเรื่อง"การศึกษา" ที่ควรได้รับการแก้ เพราะมานเปนสิ่งสำคัญที่สามารถแยกคนออกมาหลายชนชั้น ถ้าเทียบกับสังคมในปัจจุบัน โดย: ไพร IP: 118.173.127.118 วันที่: 22 มิถุนายน 2551 เวลา:21:59:38 น.
ผมเป็นคนไทยมุสลิมในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ผมไม่เคยมีแนวความคิดที่จะแบ่งแยกอะไรทั้งนั้นและผมเชื่อว่ายังมีคนไทยมุสลิมอีกนับหมื่นนับแสนคนที่มีความคิดเช่นเดียวกันกับที่ผมคิดแต่ทำไมยังเกิดปัญหาขึ้นมาไม่เว้นแต่ละวันและยังมีแนวโน้มว่าไม่มีทางที่จะยุติได้ง่าย ทำไมน่ะเหรอ? ผมเองก็ไม่สามารถที่จะตอบคำถามนี้ได้ "ว่าทำไม" ผมรู้แต่เพียงว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารหรือตำรวจถูกพวกโจรลอบทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ผมกลับคิดว่า(ขอใช้คำไม่สุภาพ) ไอเหี้_ ไอสั_ ไอเปร_ ทำไมมึ_ไม่ตายสักทีว่ะ และผมเชื่อว่ายังมีชาวไทยมุสลิมมากมายที่คิดเช่นเดียวกับผมทั้งๆที่พวกเราไม่เคยมีความคิดที่จะแบ่งแยกอะไรทั้งนั้นแถมยังต่อต้านแนวความคิดนี้ด้วยมันจึงเกิดเป็นคำถามให้ผมคิดขึ้นมาสำหรับผมและอีกหลายๆ คนว่าทหารและตำรวจทำอะไรไว้กับชาวบ้านรวมถึงญาติพี่น้องของผม
ผมอยากให้ทุกๆคนได้มองเห็นในสิ่งที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้(ซึ่งคุณไม่เคยได้รับรู้ความจริงที่ถูกต้องเลย) ผมจึงอยากวิงวอนให้ผู้อ่านทั้งหลายเห็นใจชาวไทยมุสลิมมากกว่าคำซ้ำเติม โดย: คนไทยเหมือนกัน IP: 202.149.25.241 วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:0:26:30 น.
อ่านจนจบนะพี่ แต่เรื่องนี่ละเอียดอ่อนเกินกว่าจะ comment อะ
โดย: น้องผิง
![]() |
บทความทั้งหมด
|