<<< " ทำไมจึงต้องมีกฎกติกาเวลาฟังเทศน์ฟังธรรม” >>>











“ทำไมจึงต้องมีกฎกติกา

  เวลาฟังเทศน์ฟังธรรม”

สำหรับผู้ที่มาใหม่ก็อยากจะแจ้งกติกาของที่นี่

 เวลาฟังเทศน์ฟังธรรมนี้ต้องไม่คุยกัน

ต้องไม่ทำอะไร ต้องนั่งเฉยๆ

ถ้านั่งอยู่บนศาลานี้ก็ควรจะปิดมือถือ

 เพราะเดี๋ยวเกิดใครโทรเข้ามามันก็จะส่งเสียงดัง

แล้วมันจะรบกวนกัน

เวลาฟังธรรมต้องการความสงบความเงียบ

 เพราะว่าธรรมะเป็นของละเอียด

 เป็นความรู้ที่ต้องใช้สมาธิใช้สติในการฟังมาก

 คือต้องไม่มีอะไรมารบกวนใจ

 ถ้ามีอะไรมารบกวนแล้วจะฟังไม่รู้เรื่อง

ฟังแล้วจะไม่เข้าใจ ฟังแล้วจะไม่เกิดประโยชน์

 ก็อย่าฟังดีกว่าถ้าฟังแล้วไม่เกิดประโยชน์

ไปทำอะไรอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์จะดีกว่า

นี่คือทำไมเราจึงต้องมีกฎกติกา

คือเราต้องสร้างบรรยากาศ

ที่จะเอื้อต่อการฟังเทศน์ฟังธรรม

เพราะพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

นี้เป็นคำสอนที่มีความหมายลึกซึ้ง

ยากต่อการเข้าใจ

 ต้องใช้ความตั้งใจฟังและตั้งใจคิด

ถึงจะเข้าใจและจะเห็นคุณประโยชน์

ของพระธรรมคำสอนว่าเป็นคำสอนที่ยิ่งใหญ่

ที่สำคัญต่อชีวิตจิตใจของพวกเรา

นี่ก็อาจจะต้องพูดย้ำอยู่บ่อยๆ

 เพราะว่ามีผู้มาใหม่มาอยู่เรื่อยๆ

 แล้วอาจจะไม่เข้าใจ

เพราะว่าเวลาไปที่วัดอื่นเวลาไปฟังเทศน์ฟังธรรม

ไปฟังพระสวดจะไม่มีกฎกติกาแบบนี้

 เวลาไปงานศพงานสวดกันนี้

ญาติโยมมักจะนั่งคุยกัน ปล่อยให้พระสวดไป

 ญาติโยมก็นั่งคุยกันไป ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่

 ญาติโยมก็เป็นงานสังคม

 มันอาจจะเจอคนรู้จักกันก็จะต้องทักทาย

ถามสารทุกข์สุกดิบ

ส่วนพระมีหน้าที่สวดก็ปล่อยตั้งสวดไป

นี่คือความเป็นจริงที่มันเกิดขึ้นในยุคนี้สมัยนี้

ญาติโยมไม่ได้ไปฟังพระสวด

 ญาติโยมไปงานสังสรรค์

 ไปพบปะหรือไปแสดงความเสียใจ

 ถ้าเป็นงานศพก็ไปแสดงความเสียใจต่อเจ้าภาพ

 ถ้าเป็นงานแต่งงาน เป็นงานวันเกิด

งานขึ้นบ้านใหม่ก็ไปแสดงความยินดีกับเจ้าภาพ

 ไม่ได้ตั้งใจที่จะไปฟังพระสวดพระเทศน์แต่อย่างใด

 ฉะนั้นบางคนก็เวลามาที่นี่ก็อาจจะคิดว่าเป็นอย่างนั้น

 พอมาพอได้ยินพระเริ่มแสดงธรรม

ญาติโยมก็เริ่มคุยกัน คิดว่าเป็นเรื่องปกติ

 แต่มันจะทำให้เกิดการรบกวนกัน

 คนที่นั่งอยู่ข้างๆเราที่เขาอยากจะฟังธรรม

ก็จะฟังไม่รู้เรื่อง เพราะจะได้ยิน

แต่เรื่องที่เรากำลังคุยกัน

และบางทีถ้ามานั่งคุยกันต่อหน้าคนแสดงธรรม

มันก็ทำให้คนแสดงธรรมนี้เสียสมาธิไป

 แสดงไม่ออกพูดไม่ออกเพราะว่า

หนึ่งพูดไปก็ไม่รู้ว่าใครฟังดูหรือเปล่า

พูดไปแล้วไม่มีคนฟังก็ไม่รู้จะพูดไปทำไม

 ที่พูดนี้ก็เพราะว่ามีคนมาฟัง

 มีคนมาอยากจะฟังก็เลยออกมาพูด

ถ้ารู้ว่าไม่อยากจะฟังก็ไม่ออกมาพูดก็ได้

 ต่างคนต่างอยู่กัน เราก็อยู่ของเราตามลำพัง

ญาติโยมก็นั่งคุยกันไปตามอัธยาศัย

 นี่เป็นสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อกันและกัน

 การที่เราต้องมาเจอกัน

ก็เพราะว่าผู้ที่มาก็อยากจะมาศึกษามาหาความรู้

 ผู้ที่พูดก็เป็นเหมือนครูที่โรงเรียน

 เมื่อมีเด็กนักเรียนมาเรียนหนังสือ

ครูก็ต้องทำหน้าที่ของครู

คือสั่งสอนให้ความรู้กับเด็กนักเรียน

 เด็กนักเรียนจึงได้รับความรู้จะฉลาดขึ้นกว่าเดิม

เด็กที่เริ่มเข้าโรงเรียนใหม่ๆนี้จะไม่รู้เรื่องอะไร

 พอเรียนไปเรื่อยๆ ต่อไปก็จะฉลาด

จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร

 สามารถทำอะไรที่ไม่เคยทำหรือทำไม่ได้

 สามารถเอาความรู้นี้ไปประกอบอาชีพ

ทำมาหากินด้วยอาชีพที่สุจริต

 สร้างความสุขสร้างความเจริญให้แก่ชีวิตของตน

 การมาเรียนรู้พระธรรมคำสอน

ของพระพุทธเจ้าก็เหมือนกัน

 มาเรียนรู้เพื่อให้เรามีความฉลาดเฉลียว

ให้เรารู้สิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน.

 

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

.......................................


สนทนาธรรมบนเขา

วันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 19 กรกฎาคม 2561
Last Update : 19 กรกฎาคม 2561 11:25:07 น.
Counter : 578 Pageviews.

0 comments
: รูปแบบของความว่าง : กะว่าก๋า
(18 เม.ย. 2567 04:00:35 น.)
: รูปแบบของชีวิต : กะว่าก๋า
(17 เม.ย. 2567 04:37:20 น.)
봄 처녀(Virgin spring) by 홍난파(NanPa Hong) ปรศุราม
(17 เม.ย. 2567 10:09:12 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 36 : กะว่าก๋า
(14 เม.ย. 2567 06:17:30 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Poungchompoo.BlogGang.com

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]

บทความทั้งหมด