<<< "โลกสมมุติกับโลกวิมุตติ" >>>









“โลกสมมุติกับโลกวิมุตติ”


คำว่าสมมุติก็คือสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ในโลกนี้

เราเรียกว่า “โลกสมมุติ”

ลาภยศสรรเสริญสุขที่เราหากันอยู่นี้

 มันเป็นของสมมุติกันขึ้นมา

 สมมุติจากดินน้ำลมไฟนี้เอง

 เราเอาดินน้ำลมไฟมาผสมกัน แล้วเราก็สมมุติว่า

 เป็นคน เป็นสัตว์ เป็นหมา เป็นแมว

เป็นข้าวเป็นของ แล้วก็สมมุติว่าเป็นของฉัน

เป็นของเธอ อันนี้คือโลกของสมมุติ

โลกของสมมุตินี้มันจะต้องมีแต่เรื่องวุ่นวายใจ

เพราะว่ามันเป็นของชั่วคราว

 แต่ใจเราอยากจะให้มันเป็นของเราไปตลอด

เราเลยต้องดิ้นรนคอยรักษา คอยดูแล

 แล้วคอยปกป้อง คนที่เขาอยากได้ของที่เขาไม่มี

 บางทีเขาก็จะมาแย่งจากเราไป

 มันก็โลกสมมุติก็เลยเป็นโลกของความวุ่นวายใจ

 ไม่มีวันจบสิ้น แย่งกันไปแย่งกันมา

 ได้มาแล้วเดี๋ยวเสียไปก็ร้องห่มร้องไห้

 แล้วก็ไปหาใหม่ หาใหม่ได้มาเท่าไหร่

 เดี๋ยวก็เสียไปอีก นี่คือโลกของสมมุติ

โลกที่ทำมาจากดินน้ำลมไฟ

เช่น แม้แต่ร่างกายของเรา

ก็ทำมาจากดินน้ำลมไฟ

จิตของเรานี่เป็นจิตที่วิมุตติ

 แต่มันไม่วิมุตติ มันหลง ถูกความหลงหลอก

ให้มาติดอยู่กับโลกของสมมุติ

 มาติดกับร่างกาย มาติดกับลาภยศสรรเสริญ

 มาติดกับรูปเสียงกลิ่นรสต่างๆ

จึงทำให้จิตเรานี้ วุ่นวายใจ

เวียนว่ายตายเกิดอยู่กับเรื่องราวเหล่านี้

สำหรับจิตที่ไม่มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้

 เราก็เรียกว่า “จิตวิมุตติ”

จิตวิมุตตินี่ต้องเป็นจิตที่มีความสงบ

 ถ้าทำจิตให้สงบได้ จิตมีความสุขในตัวมันเอง

 จิตมันฉลาด มันรู้ว่า ของที่มีอยู่

ในโลกของสมมุตินี้เป็นทุกข์ทั้งนั้น

มันก็เลิกไปเกี่ยวข้องกับโลกของสมมุติ

 มันก็ไปอยู่โลกของวิมุตติ

คือ อยู่กับความสงบเพียงอย่างเดียว

โลกของวิมุตติก็คือโลกของพระพุทธเจ้า

โลกของพระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านมีความรู้ว่า

 โลกของสมมุตินี้เป็นโลกของความวุ่นวายใจ

โลกของความทุกข์ โลกของการเกิดแก่เจ็บตาย

 โลกของการเวียนว่ายตายเกิด

ส่วนวิมุตตินี้เป็นโลกของความสงบ

ที่ไม่มีการเกิดแก่เจ็บตาย

ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด

 ไม่มีความวุ่นวายใจต่างๆ

 นี่คือโลกสองโลกด้วยกัน

 โลกสมมุติกับโลกวิมุตติ

พวกเรานี้อยู่ในโลกของสมมุติกัน

 แต่เราสามารถออกจากโลกสมมุติได้

ถ้าเรามาพบกับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

 แล้วเราปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

 เอาเงินที่มีอยู่นี้ทิ้งไปให้หมด ของสมมุติทั้งนั้น

 แล้วก็ไปรักษาศีล ไปนั่งสมาธิ ไปบวชกัน

ทำใจให้สงบ พอใจสงบแล้ว

ทีนี้ก็เข้าไปอยู่ในโลกของวิมุตติ

ไม่ต้องมายุ่งกับข้าวของเงินทอง

ไม่ต้องมายุ่งกับคนนั้นคนนี้ สิ่งนั้นสิ่งนี้.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

..................................

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๑








ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 12 พฤศจิกายน 2561
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2561 7:27:34 น.
Counter : 472 Pageviews.

2 comments
อยาก อยากได้ กฎที่ถูกที่ดี ปัญญา Dh
(14 เม.ย. 2567 05:37:27 น.)
ไม่ควรก่อแผลหรือก่อแผลเป็น ปัญญา Dh
(8 เม.ย. 2567 20:22:02 น.)
:: ถนนสายนี้มีตะพาบ โครงการที่ 349 :: กะว่าก๋า
(8 เม.ย. 2567 05:48:36 น.)
come from away พุดดิ้งรสกาแฟ
(7 เม.ย. 2567 19:24:46 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณอุ้มสี

  

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
ดอกไม้บานริมรั้ว Cartoon Blog ดู Blog
tangkay Dharma Blog ดู Blog

ขอบคุณที่นำมาฝากนะคะ
เจิมบอก
โดย: อุ้มสี วันที่: 12 พฤศจิกายน 2561 เวลา:9:40:43 น.
  
สวัสดีมีสุขค่ะ

ผ่านไปผ่านมานานมาก
แต่ไม่เคยแวะเข้าทักทาย
เพราะแว่บแรก คิดว่าเจ้าของบล็อคเป็นผู้ถือบวช
พอได้ย้อนดู ก็รู้ว่าไม่ใช่
จึงมาสวัสดีค่ะ
โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 12 พฤศจิกายน 2561 เวลา:20:18:53 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Poungchompoo.BlogGang.com

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]

บทความทั้งหมด