"อย่าไปกลัวและอย่าไปคาดหวัง"
เพราะความกลัวเวลาที่มันจะวูบ
กลัวว่าจะเป็นเหมือนกับหน้ามืด
สลบไสลหรือเป็นอะไรไป ความกลัวนี้
มันเลยจะทำให้ไม่กล้าที่จะนั่งสมาธิต่อไป
แต่ความจริงการที่จิตจะวูบนี้มันจะเข้าสู่ความสงบ
พอมันวูบแล้วมันจะสบาย มันไม่เป็นอะไรหรอก
มันจะสุข จะสบาย จะนิ่ง จะเบา จะขึ้นสวรรค์
ดังนั้นไม่ต้องไปกลัว อย่าไปสนใจมันจะวูบไม่วูบ
ขอให้เราอยู่กับอารมณ์ที่เราใช้ภาวนาก็แล้วกัน
อยู่กับพุทโธก็พุทโธไป อยู่กับลมก็ดูลมไป
อย่าไปสนใจกับอาการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น
ซึ่งอาจจะมีหลายรูปแบบด้วยกัน
บางทีเกิดขนลุกซ่าขึ้นมา น้ำตาไหล
เกิดแสงสว่างขึ้นมา อะไรต่างๆ เหล่านี้
มันยังไม่ใช่เป็นผลสุดท้ายที่เราต้องการ
ผลสุดท้ายก็คืออยากจะให้มันวูบแล้วก็นิ่งสบาย
เหมือนยกภูเขาออกจากอกไป เบาอกเบาใจ
เหมือนกับขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น ถ้ายังไม่ถึงตรงนั้น
ก็ให้อยู่กับการภาวนาต่อไป อยู่กับพุทโธต่อไป
อยู่กับลมหายใจต่อไป ไม่ต้องไปกลัวเรื่องวูบ
เรื่องวูบนี้ไม่เป็นปัญหา ไม่เป็นพิษเป็นภัย
หรือบางคนดูลมหายใจก็ดูไป
จนกระทั่งรู้สึกว่าลมหายใจหมดไป
ก็รู้สึกตกใจกลัว กลัวว่าไม่มีลมหายใจแล้วจะตาย
ไม่ตายหรอก ลมมันละเอียด
มันละเอียดจนที่เราไม่สามารถจะจับลมได้
ก็อยู่กับความว่างไป อยู่กับการไม่มีลมไป
ให้สักแต่ว่ารู้ไป
แล้วเดี๋ยวมันก็จะวูบเข้าสู่ความสงบเอง
นี่คือการเข้าสู่สมาธิของใจ ไม่มีอะไร
ไม่มีพิษไม่มีภัยอะไร ไม่มีใครตายจากการนั่งสมาธิกัน
มีแต่จะบรรลุมรรคผลนิพพานกันจากการนั่งสมาธิ
ดังนั้น อย่าไปกลัว ขอให้เราภาวนาไป
ทำใจไม่รู้ไม่ชี้ถึงผลที่จะเกิดขึ้น
มันจะวูบก็ปล่อยมันวูบไป อย่าไปเกร็ง
อย่าเล็ง อย่าไปคาด ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่กับพุทโธไป
อยู่กับลมหายใจไป แล้วแต่ว่าเราจะใช้อะไร
เป็นเครื่องมือผูกใจ เราก็อยู่กับสิ่งนั้นไป
แล้วผลมันเกิดขึ้นมาก็ปล่อยมันเกิดขึ้นไป.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
................................
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ