"ต้นเหตุของปัญหา
ความทุกข์ของเราเกิดจากความอยาก ๓ ประการนี้
ความอยากในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
กามตัณหา ความอยากมีอยากเป็น
อยากมีความสุขพูดง่ายๆ วิภวตัณหา
ความอยากหนีจากความทุกข์ทั้งหลาย
อันนี้มันทำให้ใจเราดิ้น ดิ้นไปดิ้นมา
ต้องอย่าให้มันดิ้น ต้องให้มันนิ่งให้มันสงบ
แล้วมันก็จะไม่ทุกข์ ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย
ทีนี้อะไรล่ะที่จะเป็นตัวที่จะมาละตัณหาทั้ง ๓ นี้ได้
มันละไม่ได้จากการที่เรารู้เฉยๆ ตอนนี้เรารู้กัน
รู้ว่าต้นเหตุของปัญหาของพวกเราก็คือ
ตัณหาทั้ง ๓ ตัวนี้ แต่เรายังละไม่ได้
เรายังอยากดื่มอยากกินอยู่
อยากดื่มกาแฟอยู่หรือเปล่า
ยังอยากกินขนมอยู่หรือเปล่า
ถ้ากินตามความอยากดื่มตามความอยากนี้
ก็เป็นการเป็นสมุทัย เป็นตัณหา
แต่ถ้ากินโดยความจำเป็น ดื่มด้วยความจำเป็น
อันนี้ไม่เป็นตัณหาไม่เป็นความอยาก
เช่น แบบกินยาอย่างนี้
ยานี้เราไม่ได้กินด้วยความอยากกิน
ไม่มีใครอยากกินยา แต่กินด้วยความจำเป็น
เวลาไม่สบายก็ต้องกินยากัน กินตามเวลา
ตามที่หมอสั่งกินตามปริมาณที่ต้องกิน
ไม่มากกว่านั้นไม่น้อยกว่านั้น
ฉันใด การกินน้ำ กินอาหาร ดื่มน้ำ
รับประทานอาหาร ก็กินแบบไม่อยากได้
กินแบบไม่มีความอยาก กินแบบกินยาได้
พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ที่ไม่มีความอยากแล้ว
ท่านก็ยังกินข้าวยังดื่มน้ำอยู่
แต่ท่านไม่ได้กินไม่ได้ดื่มด้วยความอยากดื่ม
ท่านกินท่านดื่มด้วยความจำเป็น
เป็นยา กินตามความจำเป็น
กินตามปริมาณที่เหมาะสม
กับความต้องการของร่างกาย
ไม่มากเกินไปไม่น้อยเกินไป
มากเกินไปก็เป็นความอยาก
น้อยเกินไปก็เป็นความอยาก
แต่กินเพื่อให้ร่างกายอยู่ได้เป็นปกติ
กินพอต่อความต้องการ พอรู้สึกอิ่มก็หยุดกิน
ถ้ากินด้วยความอยากถึงแม้จะรู้สึกอิ่มแล้ว
แต่มันอร่อย มันหยุดไม่ได้ มันอยากจะกินต่อ
นี่คือเรื่องของการละความอยาก
การจะละความอยากได้นี้ เราต้องมี มรรค เท่านั้น
มรรคเป็นผู้ที่จะทำให้เรามีกำลัง
กำลังที่จะสามารถละตัณหาความอยากได้
มีกำลังที่จะให้เราไม่ลืมความทุกข์ได้.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
.........................
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๑
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ