ญี่ปุ่น
มีสองสามเรื่องในใจที่ทดลงมา
เรื่องแรกคือมีคนถามเราว่า ปีนี้ไปเที่ยวญี่ปุ่นหรือยัง
เรื่องที่สองคือ จักรพรรดิอากิฮิโตะ
เรื่องที่สามคือ ความเปรียบเทียบ

เรื่องแรกเราตอบว่าไม่ไป เอาจริงเราไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งเดียวสมัยที่คนไทยยังต้องขอวีซ่า
แต่เราใช้อีกสิทธิเข้าเลยไม่ต้องขอ
ตอนไปต่อพาสปอร์ตอเมริกันเรายังเห็นสติ๊กเกอร์คิวอาร์โค้ดในเล่ม หวนให้คิดถึง,
เวลานั้นทีมจะแบคแพคไป แต่ติดที่คนจะนำ มีภรรยาท้อง เลยยกเลิก
พวกเราไปกับทัวร์ จำอะไรไม่ค่อยได้ นั่งรถเหนื่อยมาก
กินสตอเบอรี่และออนเซน นี่ความจำลางๆ

ส่วนตัวเรา ญี่ปุ่นเป็นที่เปลี่ยนเครื่องเวลาไปอเมริกา เรามักได้นั่งสายการบินที่เปลี่ยนเครื่องที่ญี่ปุ่นทุกทีไป เราวิ่งไปซื้อชอคโกแลตอย่างเร่งรีบในสนามบินตอนเปลี่ยนเครื่อง อะไรแบบนี้ เป็นต้น

ดังนั้น เราเฉยๆ กับการไปญี่ปุ่น แม้ว่าคนจะชื่นชมสมฤทัย
เรายิ่งไม่อยากไป คนไทยเยอะเกิน ไปเมืองที่ไม่มีคนไทยมากๆ อาจจะดี
ซ่อนตัว และเอาหูตาไปเปิดรับโลกอื่นบ้าง ไปเมืองนอกทั้งที

--
เรื่องจักรพรรดิอากิฮิโตะ
ก็ไม่มีอะไร เราจำได้ว่าสมัยพระองค์เป็น มกุฏราชกุมาร
ท่านเป็นคนให้ปลานิลประเทศไทย
ในหลวงรัชกาลที่เก้า ทำให้คนไทยได้ปลานิล
เรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนปี 2532 (แน่นอนเพราะพระองค์ขึ้นเป็นจักรพรรดิปี 2532
และเราอ่านเรื่องปลานิล ที่ปิติได้ซื้อม้านิล จากหนังสือแบบเรียนภาษาไทยมานีมานะ,
ที่สุดของแบบเรียนที่บอกรุ่นยุคชีวิตวัยประถม, เราขึ้นมัธยมหนึ่งปี 2534)
(วรรคนี้กราบขอบคุณ อาจารย์รัชนี ศรีไพรวรรณ นะคะ หนูรักการอ่าน
และรักชีวิตวัยประถมเพราะแบบเรียนนี้)

และเมื่อค้นดูจะพบว่า ท่านถวายปลานิลให้ในหลวงปี 2508
โดยปีก่อนหน้านั้น ท่านมาเมืองไทยปลายปี 2507
และได้เสด็จที่คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ท่านเชี่ยวชาญด้าน มีนวิทยา
อ่านเจอตรงนี้เราอึ้งไป ในความเป็นมกุฎราชกุมารญี่ปุ่น
ประเทศที่ล้อมรอบด้วยทะเล ถ้าผู้นำประเทศจะเชี่ยวชาญเรื่องปลา
คงไม่ต่างจากไทย ที่มีในหลวงในเวลานั้นสรรหาการใช้น้ำ
ทุกสิ่งอัน
แต่ท่านอาจจะให้ด้วยว่า เป็นปลาน้ำจืด ไทยจะมีโอกาสได้ประโยชน์มากกว่า
และแน่นอน ต่อมากลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจของไทย

ช่างเป็นตัวอย่างกษัตริย์ที่น่าชื่นชม--ทั้งคู่
อ่านและพิมพ์ตอนนี้ยังตื้นตัน
นึกรักใบหน้ายิ้มแย้มและดูแข็งแรงของพระองค์ท่านภายใต้ผมขาวนั้นเสียจริง
ต่อไปกินปลานิลจะขอบคุณพระองค์ในใจ กับขอบคุณปลาที่สละชีวิตให้นะคะ

----

เรื่องที่สาม

ความหรูหราแบบญี่ปุ่น

อันเนื่องมาจากการที่เราอ่านโซเชียลคนอื่นเรื่องญี่ปุ่นแล้วเราไม่ได้อินด้วย
เลยมาแปะเขียนในพื้นที่ส่วนตัวของเรา
คือ
ความชื่นชมระเบียบวินัยของญี่ปุ่นและมาว่าเมืองไทยอย่างนี้อย่างนั้น
เราว่ามันไม่ใช่
ประเทศไหนๆ ก็มีบริบทของประเทศนั้นๆ
ญี่ปุ่นผู้เคยแพ้สงครามและผลักดันตัวเองเรื่องความเป๊ะ
วินัยจ๋า (ไทยคงเคยชาตินิยมบ้างช่วงที่มีผัดไทยของจอมพล ป.)
เขาก็ย่อมเป็นของเขา พอไปเที่ยวไปอยู่ซักพัก
มาว่าเขาดีเลิศประเสริฐศรี
ทางเขาก็มี defect ในแบบเขา ผลต่อเนื่องของความเป๊ะ
มียากูซ่า มีการฆ่าตัวตายเป็นเรื่องจริงจังฯ
เราว่าอะไรบางอย่างมันทดแทนความตึง มาในอีกรูปแบบนึง

ทั้งนี้เราก็ไม่ได้ว่าไทยดีเลิศนักหนานะ

แต่ถ้าให้เราพูดแบบรวมๆ
เรามองจากที่ในหลวงรัชกาลที่เก้าพัฒนาคน
(จนท่านได้รับรางวัลพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จาก UN)
เราว่าท่านทรงมองขาดมาก

บางอย่างมันมีลำดับของมัน
ในหลวงยังตัดถนน ตามแก้น้ำท่วม ระบายน้ำ ฝนแล้งเสียด้วยซ้ำ
เรื่องกินอยู่ของไทยเราต้องมาก่อน ท่านเริ่มแบบนั้น
ตามด้วยการศึกษา
เหลือแต่ทางเรื่อง attitude ที่ปรับยากสุด เราค่อยทำไป
สิ่งหนึ่งคือ อย่ามีความคิดชนิดดูถูกคนไทยเมืองไทย
ในหลวงอยู่ต่างประเทศแต่เด็ก เป็นเด็กนอกด้วยซ้ำ
ท่านยังเข้าอุ้มไทยด้วยวิถีไทย
(ซึ่งเราคิดว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะสมเด็จย่าทรงอบรมท่านมาด้วย)



รอเราอ่านลีกวนยู จบ และตกผลึกในเรื่องนายอินทร์ฯ ก่อนนะ
เราหวังว่าเราจะเข้าใจอะไรบางอย่างมากขึ้น
แล้วจะกลับมาเล่าอีกครั้ง
วันนี้เอาแค่พอทดเรื่องในใจ



Create Date : 04 พฤษภาคม 2562
Last Update : 4 พฤษภาคม 2562 16:56:30 น.
Counter : 625 Pageviews.

0 comments
อุ้มสีมาทำบุญ ๙ วัด ในวันขึ้นปีใหม่ที่จ.อุบลราชธานี อุ้มสี
(3 ม.ค. 2567 19:10:02 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
อุ้มสีมาทำบุญ ๙ วัด ในวันขึ้นปีใหม่ที่จ.อุบลราชธานี อุ้มสี
(3 ม.ค. 2567 19:10:02 น.)
ประสบการณ์ ทำพาสปอร์ตที่สายใต้ใหม่ newyorknurse
(2 ม.ค. 2567 17:45:17 น.)

Buija.BlogGang.com

สุขใจพริ้ว
Location :
บุรีรัมย์  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]

บทความทั้งหมด