เงินเดือนน้อยพออยู่พอกิน เงินเดือนมากกลับเป็นหนี้สิน
เงินเดือนน้อยพออยู่พอกิน เงินเดือนมากกลับเป็นหนี้สิน
โดย วิบูลย์ จุง : Wiboon Joong (wbj)
มันแปลกแต่จริงสำหรับคนทำงานมานานๆ และมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน คนส่วนใหญ่มักมีหนี้สินเมื่อมีเงินเดือนมากขึ้น เงินไม่พอใช้จ่าย หรือ แม้นแต่การเป็นหนี้สินต่างๆ แต่ตอนที่มีเงินเดือนเพียงเล็กน้อยหรือในตำแหน่งที่ไม่สูงมากนัก กลับมีเงินเก็บ มีเงินพอที่จะใช้จ่าย แล้วอะไรหละที่ทำให้เกิดลักษณะเช่นนี้ขึ้น
ในช่วงเงินเดือนน้อย - อยู่อย่างพอเพียง คิดเสมอว่า เงินเดือนยังน้อยอยู่ไม่พอกิน ได้เงินเดือนมา ต้องคิดก่อนใช้ ไม่อย่างนั้นอยู่ไม่ถึงสิ้นเดือนแน่ๆ - ไม่มีตำแหน่งค้ำคอ ก็ไม่ต้องสร้างภาพ ใช้เสื้อผ้าเก่าๆก็ได้ เสือผ้าไม่ต้องมียี่ห้อก็ได้ เรื่องพวกนี้ทำให้เสียเงินมาก - ขอเจ้านายให้เลี้ยง เพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายลงอีกนิด - ไม่เลี้ยงใครๆ แค่ตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอดเลย ไปไหนก็ต้องแชร์กันจ่ายซิจ๊ะ - วันนี้จะกินอะไรดี... เน้นปริมาณให้อิ่มก่อน ถ้าได้คุณภาพก็ดี ตอนที่มีเงินเดือนน้อยๆ ความต้องการของเราก็น้อย และ รู้จักการใช้เงินมาก ต้องประหยัด ไม่ต้องรักษาหน้าตาของเรา แต่...
ในช่วงเงินเดือนมาก - ความต้องการความมั่นคงมากขึ้น อยากได้บ้าน อยากได้รถ จึงต้องตกอยู่ในวังวนของหนี้สินเพื่อตอบสนองความต้องการ ซื้อบ้านต้องซื้อเงินผ่อน ถ้าจะซื้อสดคงแก่ก่อนแน่ๆ ดังนั้นจึงเป็นหนี้เพราะความต้องการทั้งนั้น - คิดแต่ว่า เงินเดือนเราเขาให้เครดิตเป็นแสนๆ เรามีเงินใช้ล่วงหน้าเป็นแสนๆเลยนะ ทำให้ติดกับดักใช้บัตรเครดิตรูด แล้วค่อยจ่าย ใช้เงินอนาคต อยากได้อะไรก็วางแผนใช้เงินอนาคตเอามา แล้ว ค่อยหาใหม่เอาเดือนหน้า ผลสรุปคือ ไม่เคยใช้เงินที่หามาได้ แต่จะใช้เงินที่จะหามาได้ เลยไม่มีเงินที่จะเก็บ - ความคาดหวังของลูกน้องมากขึ้น เพราะเนื่องจากเป็นหัวหน้า ก็ต้องเลี้ยงลูกน้อง บ้าง ไม่อย่างนั้นเสียฟอร์ม ลูกน้องไปกับเรา เราก็ต้องเลี้ยงซิ จะแชร์กันได้อย่างไร... ทำให้ต้องเสียเงินเพื่อให้ลูกน้องนับถือ - การรักษาหน้าตาของตนเอง ต้องใส่เสื้อที่มีราคา ดูดี มียี่ห้อ ต้องมีปากกาหรูๆ ต้องอยู่ในสถานที่ดูดี มีสไตล์ ไม่อย่างนั้นไม่ถือว่าเป็นผู้บริหาร ซึ่งก็ต้องใช้เงิน กับสิ่งของราคาแพงๆโดยไม่จำเป็น เสื้อก็ใส่ได้พอๆกัน แถมจะทิ้งหรือก็เสียดาย มันเก่าก็ใส่ไม่ได้ ลำบากทั้งใจ และ ต้องเสียเงินซื้อใหม่อยู่เรื่อยๆ - กินอะไรก็ต้องเลือกของดีๆไว้ก่อน เรื่องเงินค่อยมาว่ากัน กินเป็นเรื่องใหญ่ จ่ายเป็นเรื่องเล็ก ไม่มีเงินก็เข้าร้านหรูๆใช้บัตรเครดิตเอา เพราะคิดว่า สิ่งที่กินไปนั้นต้องเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย จนร่างกายอ้วนเอาอ้วนเอา - ความบันเทิงต้องมาก่อน เพราะเราทำงานหนัก ต้องพักผ่อน ต้องเที่ยวที่นั่น ที่นี่ ไม่อย่างนั้นเข้าสังคมไม่ได้ กินเหล้าเข้าสังคม ต้องเที่ยวผู้หญิงไม่อย่างนั้นจะรับแขกชาวต่างชาติไม่ได้ ค่านิยมผิดๆ ติดตัวกันมา... - ต้องเสียเงิน เสียเวลา กับสิ่งที่จะต้องสร้าง Connection ไม่อย่างนั้นจะเสียฟอร์ม ต้องเล่นกีฬาผู้บริหาร ไม่รู้ก็ต้องไปเรียนเสียเป็นหมื่นๆ ไม่เป็นไร อย่างน้อยเราก็จะได้กลับมา ลงทุนไปก่อนแต่ก็ไม่รู้ว่าจะถอนทุนอย่างไร...
ค่านิยมผิดๆของผู้บริหารบางคนยังมีอีกมากมาย และ ค่านิยมเหล่านี้ ก็มักจะถูกปลูกฝังจากผู้บริหารรุ่นเก่าก่อนที่เคยเป็นเช่นนี้มาเสมอๆ เพราะถ้าไม่ทำให้คุณสูญเสียเงินที่ได้มาคุณก็จะมีเงินสะสมไว้มาก มากพอที่จะทำธุรกิจของตนเอง แล้ว องค์กรก็จะสูญเสียทาสองค์กรไป ดังนั้น จึงต้องให้เงินเดือนเพิ่มเพื่อดึงดูดให้คุณทำงาน และ สร้างหนทางให้คุณใช้เงินเพื่อไม่ให้คุณสร้างอนาคตของตนเองได้ ถ้าคุณรู้ทันก็จะไม่ให้คุณขึ้นไปได้เงินเดือนเพิ่มอีก แล้วอ้างว่า คุณลักษณะของคุณไม่เหมาะกับผู้บริหาร คุณต้องอย่างนั้น คุณต้องอย่างนี้ สรุปคือ ไม่เป็นไปอย่างที่เจ้านายคุณต้องการ หรืออีกนัยคือ คุณมีพฤติกรรมที่แตกต่างจากพวกเขา...
สรุปบทความชุดเดิม...
ในฐานะลูกจ้าง :- การใช้เงินอย่างพอประมาณ และ ใช้เงินให้เป็น หมายถึง การใช้เงินอย่างคุ้มค่า แบ่งจ่ายในสิ่งที่จำเป็น และ รู้ว่าอะไรคือกับดักในการดึงเงินออกจากกระเป๋าคุณ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องฝึก ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใด เพราะ เมื่อคุณสามารถควบคุมเงิน และ ใช้มันอย่างคุ้มค่าแล้ว คุณก็จะสามารถใช้เงินตอนที่คุณเป็นผู้บริหาร หรือ เจ้าของกิจการได้อย่างคุ้มค่า และ เป็นไปตามความต้องการอย่างพอเพียงครับ
ในฐานะผู้บริหาร :- การบริหารความคาดหวังของพนักงาน เป็นเรื่องที่ควรทำ การให้ข้อมูลข่าวสารและคำแนะนำ และ การกีดกันไม่ให้ลูกน้องต้องออกจากงาน บางกลับสวนทางตรงกันข้ามกัน เป็นเรื่องที่ยากทั้งทางด้านจิตใจ ซึ่งมันจะขัดแย้งกันเองกับหน้าที่การงานที่ต้องดึงให้ลูกน้องทำงานกับเรา กับ การสอนให้เขารุ้จักความเป็นจริงของชีวิต บางคนเลือกที่จะให้ตนเองรอด บางคนเลือกที่จะให้ลูกน้องรอดด้วย ซึ่งการกระทำใดๆของผู้บริหาร จะสื่อให้เห็นถึงความคิดและจิตใจ โดยเฉพาะแนวความคิดของผู้นั้นว่า จะดำเนินกิจการไปในทางทิศใด แต่ไม่ว่าจะทำทางด้านใดก็ขึ้นกับสภาพการณ์ด้วย
โดย วิบูลย์ จุง : Wiboon Joong (wbj)
Create Date : 27 สิงหาคม 2551 |
|
3 comments |
Last Update : 27 สิงหาคม 2551 12:30:08 น. |
Counter : 2564 Pageviews. |
|
|
|