ถัดห่างไปจากวัดมานู (Manu Temple) บริเวณเนินเขาที่เคยมานั่งเล่นแถวนี้
ฉันเห็นหญิงชาวพื้นเมืองมานั่งชมทิวทัศน์เบื้องหน้าอยู่ตามลำพัง
ฟากเขาฝั่งตรงข้ามโน้นจะเห็นอีกที่ตั้งอีกชุมชน และอาคารปูนก่อตัว
เป็นโรงแรม ที่พัก ซึ่งนับวันก็จะมีแต่ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และแม้แต่พื้นที่
ในเขตมะนาลีเก่าแห่งนี้เองก็ตาม
ชุดพื้นเมืองของคุณป้ากับสภาพแวดล้อมดั้งเดิม
ดูเหมือนจะสวนทางกับภาพถนนเส้นหลักเสียจริง
แถบที่ว่านั้นไกลจากตรงนี้ไม่ถึงกิโลเมตร ซึ่งตามรายทางก็เต็มไปด้วย
เหล่านักท่องเที่ยว ฮิปปี้ ร้านขายของที่ระลึก ร้านนั่งดื่ม ฯลฯ
บางทีก็คิดเปรียบเปรยไปว่าเป็น ตรอกข้าวสารย่อม ๆ แต่ดูวุ่นน้อยกว่า
ฉันแอบถ่ายรูปจากด้านหลัง โดยที่คุณป้ายังไม่รู้ตัวหรอก
ไอ้ครั้นจะย่องหนีไปอย่างเงียบเชียบก็ย่อมง่าย ...
ไม่รู้นึกยังไง สุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจเดินเข้าไปแสดงตัวและทักทาย
เพราะเคยตั้งใจเอาไว้ว่าอยากใช้เวลาพูดคุยกับชาวท้องถิ่นนั้น ๆ ด้วย
พอลองจับเสื้อตัวเอง และชี้ไปที่เครื่องนุ่มห่มของเธอ
ถามถึงชุดที่ใส่ว่าเป็นแบบชาวมะนาลีใช่ไหม?
และบอกไปว่า 'sundar' ที่แปลว่า สวย
คุณป้าพยักหน้ารับ และยิ้มให้ แถมยังบอกอีกว่าเป็นคนละแบบกับชาวกุลลู
(Kullu) หลังจากที่ฉันยังซักไซ้ถามถึงอีกเขตเมืองใกล้เคียง ที่ดูเหมือนจะ
แต่งชุดคล้าย ๆ กัน ซึ่งมองแล้วก็แยกไม่ค่อยออก
ฉันพูดภาษาฮินดีไม่ได้หรอกและมักโดนถามอยู่เสมอ ว่าจะคุยกันยังไงได้?
การสนทนากับชาวบ้านในแต่ละครั้ง ก็คงได้แค่ทำมือบอกใบ้ระหว่างพูด
ใช้คำบางคำที่เป็น keyword เล็กน้อย ให้พอปะติดปะต่อคร่าว ๆ และจับใจ-
ความได้บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้สมบูรณ์เต็มร้อยเท่าไหร่นัก
ถามไปถามมา ก็มาโผล่ที่บ้านของคุณป้าจนได้
เป็นครอบครัวเล็ก ๆ ประกอบไปด้วย พ่อ แม่ และลูกสาวสองคน
บ้านของชาวพื้นเมืองส่วนมากจะเป็นบ้านไม้ และมุงหลังคาทับด้วยแผ่นหิน
แต่ไม่คิดว่าบ้านนี้จะแอบมีการก่อผนังปูนเพิ่มเติมเสียด้วย ส่วนมัดดอกดาวเรือง
ที่แขวนไว้ตรงผนัง ก็ไม่รู้ว่ามีไว้ใช้การอะไร?
นอกจากนี้ก็ยังมีลูกสาวอีกคนที่ไม่ได้มาร่วมถ่ายภาพ
เพราะกำลังสาละซักผ้าอยู่ เธอสวมใส่ชุดพื้นเมืองแบบคุณป้า
และใช้ผ้าผืนโตผูกคลุมศีรษะเช่นเดียวกัน หน้าตาจัดว่าสวยเชียวล่ะ
น้องสาวคนเล็กเป็นคนบอกให้ฉันรู้ว่านี่คือ ดีดี้ (พี่สาว) ของเธอ
.....
ส่วนในอีกฟากพื้นที่หนึ่ง หากได้เดินตามถนนรอบนอกที่ติดกับป่าซีดาร์
เมื่อเดินขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ ก็จะพบกับวัดโบราณที่ตั้งอยู่ด้านบนนั้น
ฉันเคยพยายามหาทางขึ้นไปโผล่เพียงลำพังหนหนึ่งแต่ไม่สำเร็จ
คราวนั้นกลับไม่พบเจอกับอะไรนอกจากป่าและรีสอร์ทตลอดรายทาง
ก็แอบสงสัยพื้นที่ตรงนี้จะเป็น ป่ามายา แบบในเรื่องมหาภารตยุทธเสียล่ะมั้ง
เพราะมีที่ตั้งของศาสนสถานที่สร้างถวายให้กับเทวีฮาดิมบา ด้วยนี่นา
จำได้ว่ามีอยู่ตอนหนึ่งที่ พวกปาณฑพ หลบลี้หนีภัยและเดินทางไกลไปเรื่อย
จนมาถึงป่ามายา ฉันหาพิกัดสถานที่ในตำนานจากหนังสือโดยตรงไม่ได้...
ยิ่งพอได้ดูจากซีรีย์ ก็ยิ่งมองไม่ออกเพราะฉากมันก็ถูกจำลองมาอีกที
เว้นเสียแต่จะยังมีชื่อที่คุ้นหูอย่าง ฮาดิมบา*
ผู้ที่เป็นน้องสาวของ ฮาดิม* (รากษส ผู้ดูแลพื้นที่ฯ)
หากอิงตามท้องเรื่อง ฮาดิมบา ได้แต่งงานกับ ภีมะ หนึ่งในพี่น้องปาณฑพ
และให้กำเนิดบุตรชายลูกครึ่งหนึ่งตน ที่ชื่อว่า ฆโฏตกัจ (ชื่ออ่านยากจริง!)
ดังนั้นฉันก็จึงทึกทักเอาว่า ป่าลึกลับ ที่เอ่ยถึงตามท้องเรื่องนั้นก็คงจะอยู่แถวนี้
ชื่ออื่นๆ Hadimba ; Himdimba / Hadim ; Hidimb
วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1553 ก็ไม่ถือว่าเก่ามากเท่าไหร่
มีงานแกะสลักลายไม้และหัวสัตว์ที่มีเขาประดับรายรอบ
ช่วงนั้นเป็นเทศกาลนวราตรีพอดี ซึ่งก็เป็นวันหยุดยาวของอินเดียเหมือนกัน
จึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่จะเห็นผู้คนพากันหลั่งไหลมาเยือนมะนาลีเต็มไปหมด
มีผู้คนมากมายที่ต่อแถวรอเข้าไปขอพรจากด้านใน
หากดูจากการแต่งกายก็เดาไม่ยากว่า มาจากแถบถิ่นอื่นกัน
โดยเฉพาะการสวมใส่ส่าหรี ที่กลายเป็นว่า....ไม่ใช่ชุดประจำถิ่น
ของคนภูมิภาคนี้อย่างชัดเจน
ฉันนั่งพักอยู่ตรงเก้าอี้อย่างสงบครู่ใหญ่
ก่อนที่จะมีเด็กสองสามคนเดินเข้ามาหา
พวกเขามีกล้องตัวเล็ก พกติดมาด้วย
"ดี้ มาจากประเทศอะไรครับ" หนึ่งในนั้นเริ่มถามฉัน
"พี่มาจาก ไทยแลนด์" ฉันตอบ
ตาถึงมากค่ะน้อง...ที่มองพี่เป็นคนต่างชาติ
จากนั้นเด็กบางคนขอถ่ายรูปด้วยก่อนที่จะขอบคุณและเดินออกไป
แต่หลังจากนั้นไม่นานน้องก็กลับมาหาอีกรอบ พร้อมกับข้อสงสัยเพิ่มเติม
"เมืองหลวงของไทยแลนด์ นี่ชื่ออะไรคะ?"
เอ...ไม่รู้ว่าทำไมเจ้าเด็กกลุ่มนี้ช่างขยันมาถามซะจริง
และฉันก็คิดอะไรตลก ๆ ได้ขึ้นมา
"เมืองหลวงประเทศไทย ชื่อว่า กรุงเทพฯ "
ฉันตอบน้อง ๆ ไปว่า กรุงเทพ เลยล่ะ
Krung Thep ที่ไม่ใช่ Bangkok
พวกเด็กพูดทวนคำตอบที่ได้ยินมา
ก่อนที่จะขอบคุณและเดินหายไปตามเคย
ไม่ช้าไม่นานปริศนาก็ถูกเปิดเผย
เมื่อเด็กเหล่านั้นตรงเข้ามาหาฉันอีกหน
"ดี้! เมืองหลวงของประเทศไทย คือ Bangkok ไม่ใช่เหรอ"
พวกเด็กยืนยันกับฉันอย่างจริงจังมาก ก็เลยอธิบายเพิ่มเติมให้ฟังนิดหน่อย
กรุงเทพฯ เป็นชื่อภาษาไทยที่คนไทยใช้เรียกกันจริง ๆ ที่บอกไปพี่ไม่ได้จุ๊
แต่ Bangkok หรือ แบงคอก ที่พวกหนูรู้จักมันเป็นชื่อเรียกแบบสากลต่างหาก
น้อง ๆ ดูตั้งใจฟังเป็นอย่างดี ก่อนที่จะพาฉันไปพบกับต้นเหตุ
ที่ทำให้น้องกลุ่มนี้ขยันเดินเวียนมาถาม เด็กเหล่านี้เดินทางมากับคุณครู
พวกเขาอยู่ไกลถึงรัฐมัยธประเทศ ที่ตั้งอยู่ทางตอนกลางของอินเดียโน่นแน่ะ
นี่คงเป็นการพามาทัศนศึกษาของโรงเรียนในช่วงวันหยุดยาว
ก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ พวกเด็กนักเรียน
จะจำคำตอบไหนไปเขียนลงในข้อสอบหนอ???
อินเดียส่งเสริมเด็กนักเรียนไปทัศนศึกษา
แต่ของไทยเริ่มมีปัญหากับทัศนศึกษา ผู้ปกครองเริ่มไม่ให้เด็กไป เนื่องจากอุบัติเหตุจากทัศนศึกษาเริ่มมากขึ้น