เมื่อสามีเธอเป็นแต๋ว บทที่ 20 หน้า 2
ต้นข้าวดึงเธอมากอดไว้
“ต่อไปอย่าทำอย่างนี้อีกนะ ถ้าข้าวคิดว่าเราสองคนไปด้วยกันไม่ได้ก็บอกพี่ดีๆ อย่าหนีไปแบบนี้”
“ถ้าไม่รักพี่...”
เขาหาถ้อยคำพูดเพื่อกระจ่ายกับเธอ
ข้าวหอมเอามือปิดปากเขาไว้ก่อนจะพูดมากไปกว่านั้น
“ข้าวขอโทษค่ะ ข้าวคิดถึงเจ้ทุกวันนะ ข้าวไม่ได้อยากจากเจ้มาเลยสักนิด แต่...พอคิดว่าคุณพจน์เขารักเจ้มากเขากล้ามาขอร้อง ข้าวก็ทรมานหัวใจเหมือนกัน”
ข้าวหอมเริ่มสะอื้น
“รักพี่ใช่ไหม”
ต้นข้าวถามยิ้มๆ
ข้าวหอมพยักหน้า ยิ้มทั้งน้ำตา
“คิดถึงนะ”
เธอพูดแล้วจูบที่แก้มต้นข้าว
ต้นข้าวกอดเธอไว้แน่น ด้วยอารมณ์ที่ปรารถนาอัดอั้นในใจ
ตลอดเวลาที่ห่างกัน ทั้งดีใจที่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไรกับตัวเอง
“แล้วนี่อะไร ทำไมมีหนวดมีเครา”
เธอลูบโครงหน้าได้รูป
“ก็ ไม่มีเวลาโกนเลย ตามหาข้าวทุกวัน”
ต้นข้าวมองหน้าสำนึกผิดแล้วอยากแกล้งเธอให้หายเจ็บปวดใจ
“พี่กินไม่ได้นอนไม่หลับ มันเจ็บตรงนี้มากเลยรู้ไหม”
เขาดึงมือน้อยๆ วางลงที่อกซ้ายทำเสียงออดอ้อน
แววตาข้าวหอมระห้อย
“ข้าวหอมคงไม่รู้ว่าพี่ทรมานขนาดไหนสินะ พี่เกือบจะฆ่าตัวตายแล้วรู้ไหม”
เขาแกล้งทำท่าทางรวดร้าว
“เค้า ขอโทษนะ เจ้เค้าสัญญาว่าจะไม่ไปไหน เค้าจะอยู่กับเจ้จนแก่จนเฒ่าเลย”
ข้าวหอมตกใจรีบกอดเขาไว้
“สัญญานะ”
“ค่ะ สัญญา”
นิ้วก้อยน้อยๆ ยกขึ้น ต้นข้าวเกี่ยวนิ้วก้อยเขาไว้แล้วแล้วเกินที่เธอจะทันตั้งตัวต้นข้าวก็อุ้มเธอขึ้นมา ข้าวหอมมองเขาอย่างตกใจ
“อะไรคะเจ้”
เธอถามตาตื่นๆ
“โทษฐานที่ทำให้ปวดใจทุกวัน ขอทำโทษหน่อยก็แล้วกัน”
“โอ๊วว เราต้องไปหาอากงนะคะ”
“เดี๋ยวค่อยไป แม่กลับมาอาบน้ำ ค่อยไปพร้อมแม่”
เขาไม่ได้ฟังเสียงระดมจูบร่างเล็กอย่างกระหายหิว
ต้นข้าวนอนกอดข้าวหอมอย่างมีความสุข ข้าวหอมมองเสี้ยวหน้าอีกฝ่ายที่แนบชิดกับตัวเอง
เธอควรจะเชื่อมั่นตัวเองที่จะยืนเคียงข้างเขาให้มากกว่านี้ แม้มีใครมาขัดขวางเธอก็ไม่ควรใจอ่อน มือน้อยๆ ลูบแก้มเขาไปมา
ต้นข้าวลืมตาจ้องอีกฝ่าย ทั้งสองจ้องตากันอยู่อย่างนั้น
“มีอะไรหรือเปล่า”
ต้นข้าวถามเธอ
ข้าวหอมไม่ตอบ เธอยิ้มบางๆ เขาเลยกระชับอ้อมแขนแอบอิงกับเนื้อตัวเปื่อยเปล่าของอีกฝ่าย
ตอนสายแม่กลับมาบ้านเพื่ออาบน้ำพบต้นข้าวกับข้าวหอมอยู่ที่บ้านก็ดีใจ
“ไหนว่าข้าวหอมจะมาทีหลังไง ต้นทำไมไม่โกนหนวด โกนเคราล่ะ”
ข้าวหอมหันไปมองต้นข้าว แม่เข้ามาเพ่งมองอย่างแปลกตา
“พอดีข้าวรีบตามมาค่ะ เป็นห่วงอากง แล้วอาการเป็นไงบ้างคะ”
“คนแก่ เราก็ไม่รู้ว่าอากงจะไหวหรือเปล่า บ่นๆ อยากได้เหลน”
“อ้อ....ค่ะ”
“แม่....เดี๋ยวต้นจะขับมอ’ไซส์ไปนะครับ เดี๋ยวพาข้าวหอมไปแวะในเมืองหน่อย”
“ได้”
“พี่ขับมอ’ไซส์เป็นด้วยเหรอ”
“เป็นสิ มา”
ต้นจูงแขนข้าวหอมออกมาจากบ้านไปที่โรงรถ มีรถมอไซส์จอดอยู่ 2 คัน เขาเลือกคันใหญ่
“มาสิ”
เขาเรียกเธอมาสวมหมวกกันน็อค
“แน่ใจนะ”
ท่าทางข้าวหอมดูเก้ๆ กังๆ
“สบายมาก”
ขายาวๆ ไถลรถออกไปนอกบ้าน ข้าวหอมช่วยปิดประตู แล้วขึ้นไปนั่งซ้อน
“เดี๋ยวจะพาไปเอาของ พักอยู่ที่ไหน”
“ในเมืองนี่แหล่ะ ซอยระนอง”
เธอบอกเขา
ต้นข้าวขับรถไปอย่างชำนาญทาง ไปถึงหอพักที่ข้าวหอมมาพักกับเพื่อนเขารอข้าวหอมเก็บกระเป๋าข้างล่างไม่ได้ขึ้นไปด้วย มองเห็นร้านจิวเวอรี่ใกล้ๆ เลยเดินเข้าไปดูแหวนเพชร
ข้าวหอมมองหาร่างสูงโปร่งที่ยืนรอเธอ
“หิวไหม ไปกินติ่มซำกันก่อนดีไหม เผื่อซื้อไปฝากทุกคนด้วย”
“ดีค่ะ มาภูเก็ตต้องกินติ่มซำสินะ ไม่งั้นมาไม่ถึง ข้าวทานทุกวันจนหน้าจะเป็นซาลาเป่าแล้ว”
เธอบีบแก้มทั้ง 2 ข้างตัวเอง
เศรษฐีภูเก็ตนี่เองค่ะเรื่องนี้