คุณย่าวัย50 Day46...74.2 อย่าจิตตกเมื่อน้ำหนักไม่ลดหรือเพิ่มขึ้น...

วันนี้อยากจะบอกกับเพื่อนๆว่า ถ้าเราควบคุมอาหารดีคือทานไม่มาก ไม่หลุดบ่อย หรือไม่ต่ำกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการ ออกกำลังกายอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอแล้ว น้ำหนักไม่ลด หรืออาจจะเพิ่มขึ้นบ้าง ก็อย่าเพิ่งท้อ ขอให้เดินหน้าต่อไป ไม่นานมันก็จะลดลงเอง เพราะน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนั้น ส่วนใหญ่คือกากอาหารตกค้าง อ่านเหตุผลและประสบการณ์ที่จะเล่า ดังต่อไปนี้ค่ะ...

เข้านอน 3ทุ่มครึ่ง ตื่นฉี่5ทุ่ม ตี1 และตี3 หลุดออกจากผ้านวม ตี3ครึ่ง น้ำหนัก74.2 หลังปลดปล่อยคงได้เห็นเลข73.X...เห็นน้ำหนักลดลง คิดว่าต้องมีเพื่อนๆที่ไม่ได้ติดตามอ่านอย่างต่อเนื่อง อยากรู้ว่าทำอย่างไรน้ำหนักจึงลงวันละครึ่งกิโล มันเป็นไปได้หรือ? .... ทานยาระบายหรือเปล่า?

วันนี้จึงเอาบันทึกย้อนหลังมาให้ดู พร้อมการอธิบาย...
เริ่มจากเดือนเมษา หลังจากทานมากจนน้ำหนักขึ้นมา7กิโล ก็เริ่มลดอีกครั้ง(ครั้งที่เท่าไรไม่รู้) ด้วยการควบคุมปริมาณแคลอรี่อย่างเดียวก่อน ครบเดือนน้ำหนักหายไป3กิโลแต่วันสุดท้ายของเดือนทำดีท็อก น้ำหนักลดลงมาแตะที่74.0 ก็เข้าใจนะว่า ส่วนหนึ่งเป็นน้ำที่สูญเสียไปจากการทำดีท็อก หลังจากนั้นก็ไม่ทานสมุนไพรตัวนั้นอีกเลย เพราะอยากฝึกลำไส้และต้องการเรียนรู้ด้วยว่า ทานอาหารอย่างไรให้ขับถ่ายดี

ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภา ก็เสริมการออกกำลังกายเข้าไปในตาราง แล้วก็ทานเพิ่ม แต่ชอบหลุดทานมื้อดึกซึ่งเป็นข้าว คราวนี้น้ำหนักเพิ่มขึ้นทุกวัน ส่วนหนึ่ง ร่างกายคงเริ่มสะสมน้ำกลับคืนหลังจากดีท็อก และส่วนหนึ่งอาจมาจากข้าวมื้อดึก เพราะร่างกายไม่ได้ใช้แป้ง ก็จะเก็บสะสมไว้ในรูปกลูโคสและแปลงเป็นไขมันต่อไป ต่างกับโปรตีน ซึ่งหลังจากซ่อมแซมแล้วก็จะถูกขับทิ้งจากการทำงานของตับอ่อน เราจึงไม่ควรทานโปรตีนมากเกิน เพราะจะทำให้ตับอ่อนทำงานหนัก

1สัปดาห์ผ่านไป ไม่มีทีท่าว่าน้ำหนักจะลดลง ตัวก็หนักๆหนาๆ ถ่ายก็ไม่ทุกวัน ถึงถ่ายก็ออกมาจิ๊ดเดียว ก็มีจิตตกบ้างแต่ไม่ซีเรียส เพราะเข้าใจถึงระบบการทำงานของร่างกายค่อนข้างดี จึงทานผักและผลไม้เข้าไปอีก และสับปะรดนี่แหละคือไฟเบอร์และตัวย่อยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ และอาหารที่ตกค้างชั้นหนึ่ง แต่ในเมืองนี้ ค่อนข้างแพงลูกละร้อยกว่าบาทแถมยังเปรี้ยวอีก พอมันออนเซลต่ำกว่า100บาท คุณบิลมักจะซื้อมาฝากครั้งละ2-3ลูก ถ้าลูกไหนหวานก็ทานเปล่าๆได้ ถ้าเปรี้ยวก็เอามาปั่นกับนม+โยเกิร์ต+น้ำผึ้ง เป็นสมูทตี้ดื่มแทนมื้ออาหาร เมื่อก่อนนึกจะดื่มตอนไหนก็ดื่ม เพราะช่วงเช้าอากาศเย็น ต้องดื่มของอุ่นๆเท่านั้น แต่หลังจากได้อ่านบทความหนึ่งก็ทราบว่า เราควรทานผลไม้ในมื้อเช้าและกลางวันเท่านั้น...

ดูจากบันทึกน้ำหนักจะขึ้นๆลงๆ เนื่องจากยายหนูไม่ได้ขับถ่ายทุกวัน ตื่นมาก็ชั่งน้ำหนักเลย พอสายๆหลังทานอาหารเช้าแล้วจึงถ่าย เลยไม่รู้ว่าจะหักทอนกี้ได้อย่างไร บางวันก็ทานเนื้อสัตว์เข้าไปเยอะ ซึ่งกระเพาะต้องใช้เวลาในการย่อย24-72ชั่วโมง ทำให้มีกากอาหารตกค้าง บางวันทานเส้นบุก ทานเม็ดแมงรักเพื่อเพิ่มปริมาณกากใย ลำไส้จะได้ขับออกมาเร็วขึ้น หลังจากได้ขับถ่าย น้ำหนักก็ลดลงซึ่งเป็นเรื่องปรกติธรรมดา ที่เราไม่ได้ถ่ายทุกวันนั้นไม่ไช่ว่าท้องผูกนะ แต่เป็นเพราะเราทานอาหารน้อย ลำไส้จึงมีกากอาหารน้อย ไม่เพียงพอที่จะไปดันกากอาหารเก่า ให้เคลื่อนย้ายออกมาได้ ดังนั้นเราต้องทานผักและผลไม้ที่มีกากใยสูงให้มากๆ...

Day45...74.5 Heart Rate Monitor มันสำคัญจริงๆนะ(เจ๊แดงมา)
Day44...75.0 แข็งแรงเกินกว่าที่คิด
Day43...75.5 ออกกำลังกายใช้ไขมันหรือคาร์บ
Day42...75.3 ภูมิใจกับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
Day41...74.7 Cardio-Toning
Day40...74.2 เดินออกกำลังกายในห้างดีกว่ามั้ง
Day39...74.3 โหลดเพลงจากยูทูปลงMP3 ฟรี!!
Day38...74.3 เลือกโปรแกรมให้ตรงกับเป้าหมาย
Day37...74.7 เดินสบายๆที่ 4km/h
Day36...74.0 เบื่อแก๊สในลำไส้
Day35...74.4 ความสำคัญของ HR Monitor
Day34...74.3 ครบ7วันคุมแคลอรี่ได้ตามเป้า
Day33...74.5 เดินได้นานขึ้นแบบไม่เบื่อ
Day32...74.3 ปล่อยของเสียออกไปครึ่งโล
Day31...74.8 ทำไมน้ำหนักขึ้นหลังจากดีท็อก
Day30...74.6 ไม่ได้ปล่อยปลาวันที่2
Day29...74.6 เพิ่ม6ขีด ยังไม่ได้ปล่อยปลา
Day28...74.0 Natural Colon Cleansing

มาดูหลักฐานจากการบันทึก ตั้งแต่Day41 Cardio-Toning เข้าใจว่ากล้ามเนื้อสะสมของเหลวจากการบริหาร และวันนั้นก็ไม่ได้ขับถ่าย
Day42และ43 น้ำหนักขึ้นพรวดเลย จาก74.2 ขึ้นมาเป็น 74.7 >75.3 และ75.5 นี่คือ 3วันที่ไม่ได้ถ่าย
Day43 ช่วงค่ำๆสงสัยกากอาหาร คงจะอัดแน่นเต็มลำไส้แล้วมั้ง เลยได้ปลดปล่อยออกมา เยอะมาก ไม่ได้แข็งแบบท้องผูกนะ มันนิ่มๆสบายๆ แต่รู้สึกเหมือนว่า มันยังออกไม่หมด
Day44 หลังตื่นนอนน้ำหนักจึงหายไปครึ่งกิโล และสายๆได้ปลดปล่อยอีกครั้ง
Day45 เช้าน้ำหนักจึงลดลงอีกครึ่งกิโล และเช้านี้
Day46 ก็ลดมาอยู่ที่74.2 แต่เนื่องจากตื่นเช้ามากตี3แน่ะ(ถูกเจ๊แดงรบกวนรู้สึกแฉะเมื่อไรก็ต้องลุกมาเปลี่ยนจึงหลับๆตื่นๆนี่แหละน้าาาคนแก่) ซึ่งถ้าตื่นสายกว่านี้ได้ฉี่อีกรอบ คงลงมาอยู่ที่74.0หรือต่ำกว่านี้(หวังว่า)ต้องรอดูหลังจากเจ๊แดงกลับไปก่อนว่าน้ำหนักจะเป็นอย่างไร แต่คิดว่าน่าจะลดลงอย่างต่อเนื่อง

นอกจากการควบคุมปริมาณแคลอรี่แล้ว การออกกำลังกายอย่างถูกวิธี ก็ส่งผลในการลดน้ำหนักมากด้วยเช่นกัน เพราะถ้าเราออกด้วยความเหนื่อยที่พอดี(โซนที่2) ร่างกายจะใช้ไขมันในการผลิตอ๊อกซิเจ่น จึงทำให้เราไม่รู้สึกหิว และร่างกายยังหลั่งสารความสุขออกมาอีกด้วย ทำให้เรารู้สึกสดชื่นไม่เหนื่อยไม่เพลีย แต่ถ้าออกข้ามขึ้นไปโซนที่3-4และ5 ร่างกายจะใช้ไกลโคเจ่นและคาร์บมาเผาผลาญตามลำดับ จะทำให้เราหิว ถึงหิวมาก

แต่ก่อนยายหนูลดความอ้วนถึงแม้ว่า จะไม่เคยอดอาหาร ไม่เคยทานน้อยกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ก็ออกกำลังกายหนัก ถึงหนักมาก เครียดและท้อหลายครั้ง แต่ไม่เคยคิดถอย ยังกลับมาเริ่มใหม่ได้ทุกที

แต่ครั้งนี้ เปลี่ยนเป้าหมายใหม่ จากเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ มาเป็นเผาผลาญไขมัน ออกกำลังกายมากขึ้น แต่ไม่หนักหน่วง โดยซื้อ Heart Rate Monitor มาเป็นผู้ช่วย ทำให้การออกกำลังกายครั้งนี้ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่หนักและไม่เบาจนเกินไป ทำได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่รู้สึกท้อ เช้า60นาที และเย็นอีก60นาที สบายๆ ไม่เมื่อย และไม่เพลีย และนี่คือ การลดความอ้วนอย่างมีความสุข ที่ไม่เคยทำมาก่อน...

ออกกำลังกาย2สัปดาห์ติดต่อกัน วันนี้ก็นอนไม่เต็มอิ่ม เจ๊แดงมามากอีก ขอเอาเป็นวันพักก็แล้วกัน...

06.30...ขนมปังโฮลวีท(80)ทาเนยถั่วอัลมอนด์(50)แปะด้วยกล้วยหอม(50)โปรตีนเช็ก1/3กล่อง(50)ผสมนม2%ร้อนๆ(100)
09.30...สมูทตี้(155)
10.30...ข้าว(100)ราดผัดกระเพราไก่(150)ผัดวุ้นเส้น+ผัดไทย+ปูอัดผัดหน่อไม้ใส่ไข่(200)
13.00...แคร็กเกอร์(80)กาแฟดำ1แก้ว
14.00...สมูทตี้(155)
15.00...ข้าว(50)มัสมั่นเนื้อ(250)
20.00...เนื้อวัว+เนื้อไก่(200)

รวมพลังงาน 1590

หมายเหตุ...
สมูทตี้=สับปะรด(200)กล้วยหอม(100)ส้ม(80)น้ำมะนาว(20)น้ำผึ้ง(200)โยเกิร์ต(80)นม(260) ปั่นทั้งหมดรวมกันได้ 6แก้ว ตกแก้วละ 155แคลอรี่

Create Date : 20 พฤษภาคม 2554 Last Update : 20 พฤษภาคม 2554 12:32:45 น. Counter : 3472 Pageviews.		10 comments
Share Tweet