ขั้นตอน ช่วงเวลา “วสันตวิษุวัต” (March equinox) ก็คือช่วงเวลาของการ “เริ่มต้น” ของวิถีการผลิตในฤดูกาลเพาะปลูกใหม่ที่จะต้องใช้การสังเกตช่วงเวลานี้ของรอบปีเพื่อการคำนวณเวลาในการเตรียมเมล็ดพันธุ์ เพาะต้นกล้า เตรียมไถปรับดินถากร่องน้ำและซ่อมแซมเครื่องมือเครื่องใช้ให้พร้อมพอเหมาะพอดีกับฝนแรกของช่วงฤดูกาลใหม่ ที่จะตกลงมาในช่วงเวลาอีกไม่นานนัก
.
การคำนวณเวลาใหม่ที่ถูกต้องจะนำมาซึ่ง “ผลผลิต” (Productivity) ที่ เพียงพอต่อการอยู่รอดของชุมชน สังคมเกษตรกรรมและจะนำไปสู่ความเจริญเติบโตของสังคมขึ้นเป็นเมืองและวัฒนธรรมที่มีความซับ ซ้อนมีพัฒนาการจนกลายเป็นอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่
ตามคติความเชื่อโบราณของลัทธิพราหมณ์ – ฮินดูตันตระ เชื่อว่าแสงสว่างจากพระอาทิตย์ จะช่วยสร้าง “พลัง” แก่รูปเคารพ หรือรูปศิวลึงค์แห่งองค์พระศิวะปราสาทเทวาลัยโบราณในคติฮินดูต่างล้วนสร้างให้หันหน้าไปรับกับพระอาทิตย์ขึ้นแทบทุกหลังปราสาทในวัฒนธรรมเขมรที่มีแกนฐานยาว ก็จะสร้างช่องประตูที่ตรงกันเอื้อให้แสงของพระอาทิตย์ในวันปีใหม่ (มหาฤกษ์มหามงคล) สาดส่องผ่านประตูเข้ามาทาบแสงบนรูปประติมากรรมศิวลึงค์ที่ประดิษฐานไว้กลางห้องครรภคฤหะ (Garbhagriha) ของปราสาทประธานได้
.
นอกเหนือจากความเชื่อในเรื่องของ “พลังอำนาจ”แห่งรูปเคารพศิวลึงค์ที่เพิ่มพูนขึ้นจากแสงสว่างของพระอาทิตย์ในวันมหามงคล – วันเริ่มต้นใหม่ “วสันตวิษุวัต” ที่จะส่งผลของพลังอำนาจโดยตรงไปสู่ผู้สถาปนาในฐานะของ “สมมุติเทพ”ผู้เชื่อมต่อโลกมนุษย์กับสรวงสวรรค์ของเทพเจ้า เป็น “เทวราชา”ผู้ยิ่งใหญ่ในร่างของ “มนุษย์” เหนือผู้คนในการปกครองของอาณาจักรแล้วการสร้างปราสาทเทวาลัยบนยอดเขาไกรลาสสมมุติบนภูมิประเทศในท่ามกลางแหล่งเพาะปลูกกสิกรรมของบ้านเมืองและชุมชน แสดงการสืบทอดคติความเชื่อพื้นฐานของสังคมมนุษย์ที่ต้องการความอยู่รอด ในรูปของ ”ความอุดมสมบูรณ์” (Fertility) แห่งชีวิต ที่จะมีขั้นตอนของ “พิธีกรรม” (ritual) ในแต่ละเวลาของช่วงฤดูกาลผลิตในรอบปี เพื่อการวิงวอนร้องขอแกม “บังคับ” (Command) ให้อำนาจของผู้ยิ่งใหญ่บนสรวงสวรรค์อำนาจเหนือธรรมชาติที่สามารถสัมผัสเห็นได้อยู่บนยอดเขาเบื้องหน้านั้น ได้อำนวยพรบันดาลให้ฟ้าฝนตกต้องตามฤดูกาล ไม่ให้เกิดโรคร้าย ความแห้งแล้งและความอดอยากให้พืชพรรณธัญญาหารเจริญเติบโตได้ผลผลิตจำนวนมาก
//www.oknation.net/blog/voranai/2012/07/02/entry-1