คัมภีร์อรรถศาสตร์-วรรณคดีพระเวท ปรัชญาการปกครองและการก่อตั้งรัฐ จากอินเดียสู่สุวรรณภูมิ
คัมภีร์การปกครองแรกสุดและเก่าสุดของอินเดียคือ เกาฏิลยอรรถศาสตร์ (Kautilya Arthasatra ) พราหมณ์เกาฏิลยะมหาอำมาตย์ผู้มีชื่อเสียงของ พระเจ้าจันทรคุปตะ แห่งราชวงศ์เมารยะ เป็นผู้แต่งคัมภีร์เล่มนี้ โดยให้รายละอียดเกี่ยวกับการปกครองบ้านเมื่อง การเศรษฐกิจ การทำสงคราม การขยายอาณาจักร และ ยังเป็นแหล่งความรู้ที่มีค่าในการทำความเข้าใจชีวิตความเป็นอยู่ด้านต่างๆของชาวอินเดียสมัยโบราณอีกด้วย แหล่งความรู้สำคัญในลำดับถัดมาเรียงตามระยะเวลาก่อนหลังคือ คัมภีร์มหาภารตะ และ รามายณะ
1.คุณสมบัติของผู้ปกครองสูงสุด-พระมหากษัตริย์เป็นผู้ที่ได้รับความหมายอย่างสูงว่า จะทรงรับผิดชอบด้านความปลอดภัยจากการรุกรานของศัตรูภายนอกและจากความวุ่นวายอันที่เกิดขึ้นภายในพระราชอาณาจักร การเก็บภาษี การปกครองบ้านเมืองให้ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม... ในรามยณะ พระรามคือตัวอย่างของกษัตริย์ที่ดี พระองค์ถือตนว่าเท่ากับประชาชนคนหนึ่งของแคว้นโกศล พระองค์เป็นลูกรักคนสูงอายุทุกคน พระองค์มีความเห็นใจคนที่ออ่นแอและคนยากไร้เป็นพิเศษ และพระองค์ทรงเอาชนะใจพวกเขาด้วยการพระราชทานสิ่งของอย่างผู้มีใจกว้าง พระองค์ทรงเห็นความสุขของประชาชนเป็นความสุขของพระองค์เอง ความทุกข์ของประชาชนเป็นความทุกข์ของพระองค์ พระองค์มอบผลตอบแทนจากประชาชนที่พระองค์ได้รับให้แก่ประชาชนของพระองค์คือความรักและความเคารพอันสูงสุดที่ประชาชนมอบถวายแด่พระองค์
2. คุณสมบัติของผู้รับใช้ที่ดี-ทุกคนนับจาก นายกรัฐมนตรี นักการเมือง ข้าราชการ บ่าว ไพร่ ต่างอยู่ในฐานะที่เป็นนายและผู้รับใช้ หรือถูกกำหนดให้ทำหน้าที่อย่างหนึ่ง ตัวอย่างที่ดีคือ หนุมาน ในเรื่อง รามายณะ คือตัวอย่างของผู้รับใช้ที่มีความเพียบพร้อมสมบูณณ์ทุกด้านคือ เป็นผู้มีความจงรักภักดีต่อผู้เป็นนาย มีความสุภาพ มีพลังสติปัญญาสูง แยกแยะว่าอะไรควร อะไรไม่ควร กล้าหาญตรงไปตรงมา มี ความรู้ดี รวดเร็ว พูดจาจับใจคน หนุมานทำงานยิ่งใหญ่มากมายได้สำเร็จ แต่ก็ไม่เคยแสดงโอ้อวดตัวเอง ออ่นน้อมถ่อมตนและไม่แสดงตนว่าเป็นคนเด่น เป็นลักษณะเด่นชัดของหนุมาน ความจงรักภักดีของหนุมานนั้นหาขอบเขตมิได้ หนุมานได้บรรลุถึงความมีชื่อเสียงยืนยงชั่วนิรันด์ ในฐานะ รามภฏะ คือ ผู้มอบกายถวายตนต่อพระราม (ที่มา - อรการ กาคำ ใน อุดมคติในการปกครองฉบับ รามราชย์ )
ความเกี่ยวเนื่องระหว่างอินเดียเหนือ เปอร์เซีย และ ฟูนัน ในสุวรรณภูมินั้นแยกไม่ออก เพราะเมื่อพระเจ้าจันทรคุปต์ และ พรามณ์เกาฏิลยะตั้งอาณาจักร ราชวงศ์เมารยะได้ ก็ไล่พวกกรีกให้ถอยร่นไป...ตามจารึกที่ปราสาทเขาพระวิหารก็มีหลักฐานว่า คัมภีร์โบราณซึ่งเป็นศาสตร์สำคัญในการปกครองเมืองพนมพระวิหารเป็นอิทธิพลของเกาฏิลย์ชัดเจน ในยุคพระเจ้าชัยวรมันที่2...พวกพราหมณ์ มีความเชื่อแบ่งชั้นวรรณะกันออกไป พวกวรรณะพ่อค้าได้รับการดูถูกดูแคลนว่าเป็นพวกอยู่ในระดับล่างของสังคม แต่ก็เหนือกว่าพวกทาสหรือศูทร...โลกนี้มีสิ่งศักด์สิทธ์เป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น...ประชาชนเชื่อว่ามีพระเจ้าเป็นหนึ่งและชนชั้นที่มาปกครองตนนั้นคือพระผู้เป็นเจ้า จึงสามารถเข้าไปสิงห์สถิตย์อยู่บนพนมดงรักอันสูงชันได้ การผูกขาดความเชื่อนี้ ทำให้การปกครองขึ้นต่อคัมภีร์ปกครองอันศักดิ์สิทธิ์เพียงตำราเดียว พิธีกรรมและการบวงทรวงเป็นเพียงอุปกรณ์กำหราบขุนนางที่คิดคดทรยศ หรือประชาชนทั้งมวลให้เห็นชัดปรากฏว่า เทพเจ้าคือผู้ผูกขาดชีวิต และ มีองค์ตัวแทนเชื่อมโยงกับสวรรค์ เช่น พระอินทร์ พระวิษณุ ตลอดจนพระอุมาเทวี ฯลฯ ล้วนแต่เป็นอุปกรณ์ที่ชนชั้นปกครองนำมาสรวมใส่ เพื่อยกระดับความแตกต่างระหว่างความเป็นคน เป็นนาค เป็นทาส และ เป็นไพร่ เท่านั้น มีการจัดตั้งพิธีกรรมอย่างพวกฮินดู และ อาศัยยศตำแหน่งแจกแจงให้ขุนนางคุมไพร่ ทาส การจัดตั้งนคร ล้วนมาจากคัมภีร์อรรถศาสตร์ ...คัมภีร์อันศักดิ์สิทธินี้ สอนให้ใช้กลเม็ดเด็ดพรายหลากหลาย ทั้งต่อศัตรูและต่อมิตร ทั้งต่อประชาชนและระหว่างรัฐต่อรัฐ...พราหมณ์เป็นเพียงผู้ถ่ายทอด นักรบเป็นผู้ก่อตั้งรัฐ ในยามที่กษัตริย์ออ่นแอตาม ลัทธิฮินดูทั้งหลาย จะไม่ถูกปุโรหิตเฒ่าผู้กระหายอำนาจ จัดการรัฐประหารยึดอำนาจและเข้ามาครอบครองราชอาณาจักร โดยอาศัยฐานความรู้ด้านนี้โดยเฉพาะเท่านั้น...
ขอขอบคุณ-1.ตำนานเขาพระวิหาร โดย ชยสิริ สมุทวณิช ใน นิตยสาร GENERATION
2.เขาพระวิหาร โดย ภาคภูมิ น้อยวัฒน์ ใน นิตยสาร GENERATION
(อ่านต่อ ตอนที่ 2 )
MBT Hommes //www.mbtfrance.info/mbt-hommes-occasionnels-c-1.html