วิสัยทัศน์ประเทศไทย2020...เราเลือกทุนนิยมธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

  รูปภาพ : สุนทรพจน์ของ Chief Seattleค.ศ.1857 หัวหน้าเผ่าอินเดียนแดงได้กล่าวสุนทรพจน์เป็นการตอบข้อเรียกร้องจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ขอซื้อดินแดนจากเผ่าอินเดียนแดงสุนทรพจน์นี้ มีความหมายลึกซึ้งและคมคายมากจนได้รับการยกย่องว่า“เป็นการบรรยายความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมที่ประทับใจที่สุดเท่าที่เคยปรากฎ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน”ขณะปัจจุบัน เอกสารฉบับนี้ได้รับการเก็บรักษาเอาไว้ในกรุงวอชิงตันหัวหน้าเผ่าซีแอตเติลกล่าวไว้ว่า...หัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งวอชิงตันได้แจ้งมาว่าเขาต้องการที่จะซื้อดินแดนของพวกเราท่านหัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่ยังได้กล่าวแสดงความเป็นมิตรและความมีน้ำใจต่อเราอีกด้วยนับเป็นความกรุณาอย่างยิ่งเพราะเรารู้ดีว่า มิตรภาพจากเรานั้นไม่ใช่สิ่งจำเป็นอะไรสำหรับเขาเลยแต่เราพิจารณาข้อเสนอของท่านเพราะเรารู้ว่าถ้าเราไม่ขาย พวกคนขาวก็อาจจะขนปืนมายึดดินแดนของพวกเราอยู่ดีแต่ท้องฟ้าและความอบอุ่นของแผ่นดินนั้น เขาซื้อขายกันได้อย่างไรความคิดเช่นนี้เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดสำหรับพวกเราหากความสดชื่นของอากาศและความใสสะอาดของธารน้ำนั้นมิได้เป็นทรัพย์สมบัติส่วนตัวของเราแล้วท่านจะซื้อสิ่งเหล่านี้ไปจากเราได้อย่างไรทุกส่วนของแผ่นดินนี้ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ต่อชนเผ่าของเราใบสนทุกใบ หาดทรายทุกแห่ง ป่าไม้ ทุ่งโล่ง และแมลงเล็กๆ ทุกตัว คือความทรงจำ คือประสบการณ์อันศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์เราอดีตของชาวอินเดียนแดงนั้น ไหลซึมวนเวียนอยู่ในยางไม้ทั่วทั้งป่านี้วิญญานของคนขาวนั้นไม่มีความผูกพันกับถิ่นกำเนิดของเขาแต่วิญญานของพวกเราไม่มีวันรู้ลืมแผ่นดินอันแสนงดงามและเปรียบเสมือนเป็นแม่ของชาวอินเดียนแดงเราเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดิน และแผ่นดินก็เป็นส่วนหนึ่งของเราเช่นกันกลิ่นหอมของดอกไม้นั้น เปรียบเสมือนพี่สาวน้องสาวของเราสัตว์ต่างๆ เช่น กวาง นกอินทรี คือพี่น้องของเราขุนเขาและความชุ่มชื้นของทุ่งหญ้า และไออุ่นจากม้าที่เราเลี้ยงไว้ก็คือส่วนหนึ่งของครอบครัวเราเช่นกันดังนั้น การที่หัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งวอชิงตันขอซื้อดินแดนของเรา จึงเป็นข้อเรียกร้องที่ใหญ่หลวงนักหัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่แจ้งมาว่าเขาจะจัดที่อยู่ใหม่ให้พวกเราอยู่ตามลำพังอย่างสุขสบายและเขาจะทำตัวเสมือนพ่อ และเราก็จะเป็นเหมือนลูกๆของเขาดังนี้ เราจึงจะพิจารณาข้อเสนอที่ท่านขอซื้อแผ่นดินของเราแต่ไม่ใช่ของง่าย เพราะแผ่นดินนี้คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรากระแสน้ำระยิบระยับ ที่ไหลไปตามลำธารแม่น้ำและทะเลสาบที่ใสสะอาดนั้น เต็มไปด้วยอดีตและความทรงจำของชาวอินเดียนแดงเสียงกระซิบแห่งน้ำคือเสียงของบรรพบุรุษของเราแม่น้ำคือสายเลือดของเราเราอาศัยเป็นทางสัญจร เป็นที่ดับกระหายและเป็นแหล่งอาหารสำหรับลูกหลานของเราถ้าเราขายดินแดนนี้ให้ท่านท่านจะต้องจดจำและสั่งสอนลูกหลานของท่านด้วยว่าแม่น้ำคือสายเลือดของเราและท่านท่านจะต้องปฏิบัติกับแม่น้ำเสมือนเป็นญาติพี่น้องของท่านชาวอินเดียนแดงมักจะหลีกทางให้กับคนผิวขาวเสมอมาเหมือนกับหมอกบนขุนเขาที่ร่นหนีแสงแดดในยามรุ่งอรุณแต่เถ้าถ่านของบรรพบุรุษของเรา เป็นสิ่งซึ่งเราสักการะบูชาและหลุมฝังศพของท่านเหล่านั้นเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกับเทือกเขาและป่าไม้เทพเจ้าประทานแผ่นดินส่วนนี้ไว้ให้กับพวกเราเรารู้ดีว่าคนผิวขาวไม่เข้าใจวิถีชีวิตของเราสำหรับเขาแล้ว แผ่นดินไหนๆ ก็ตามก็เหมือนกันหมดเพราะพวกเขาคือคนแปลกถิ่น ที่เข้ามากอบโกยทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาอยากได้คนผิวขาวไม่ได้ถือว่าแผ่นดินเป็นเลือดเนื้อของเขา แต่เป็นศัตรูและเมื่อเขาเอาชนะได้แล้วเขาก็จะทิ้งแผ่นดินนั้นไปแล้วก็ทิ้งเถ้าถ่านเอาไว้เบื้องหลังอย่างไม่ใยดีเถ้าถ่านบรรพบุรุษและถิ่นกำเนิดของลูกหลานไม่มีอยู่ในความทรงจำของพวกคนผิวขาวเขาปฏิบัติต่อผู้ให้กำเนิด ญาติพี่น้อง แผ่นดิน และท้องฟ้าเสมือนสิ่งของที่มีไว้ซื้อขายได้มันเป็นราวกับฝูงแกะหรือสายลูกประคำความหิวกระหายของคนผิวขาวจะสูบความอุดมสมบูรณ์จากแผ่นดินและเหลือไว้แต่ทะเลทรายอันแห้งผากข้าฯไม่เข้าใจ เพราะวิถีชีวิตของเรานั้นต่างกับของท่านสภาพบ้านเมืองท่านเป็นสิ่งที่บาดตาของชาวอินเดียนแดงแต่ทั้งนี้อาจเป็นเพราะพวกเราเป็นคนป่าเถื่อนและไม่รู้จักอะไรในบ้านของคนผิวขาวไม่มีที่ใดเลยที่เงียบสงบไม่มีที่ที่จะได้ฟังเสียงใบไม้พัดด้วยกระแสลมในฤดูใบไม้ผลิหรือเสียงปีกแมลงที่บินไปมาทั้งนี้อาจเป็นเพราะพวกข้าฯเป็นคนป่าเถื่อนไม่รู้จักอะไรเสียงในเมืองทำให้รู้สึกแสบแก้วหูชีวิตจะมีความหมายอะไรเมื่อปราศจากเสียงนกและเสียงกบเขียดร้องโต้ตอบกันในยามค่ำคืนข้าฯ เป็นอินเดียนแดงข้าฯ ไม่สามารถเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้ชาวอินเดียนแดงรักที่จะอยู่กับเสียงและกลิ่นของสายลม ฝนและกลิ่นไอของป่าได้

สุนทรพจน์ของ Chief Seattle

ค.ศ.1857 หัวหน้าเผ่าอินเดียนแดงได้กล่าวสุนทรพจน์
เป็นการตอบข้อเรียกร้องจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
ที่ขอซื้อดินแดนจากเผ่าอินเดียนแดง
สุนทรพจน์นี้ มีความหมายลึกซึ้งและคมคายมาก
จนได้รับการยกย่องว่า
“เป็นการบรรยายความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
ที่ประทับใจที่สุดเท่าที่เคยปรากฎ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน”
ขณะปัจจุบัน เอกสารฉบับนี้
ได้รับการเก็บรักษาเอาไว้ในกรุงวอชิงตัน

หัวหน้าเผ่าซีแอตเติลกล่าวไว้ว่า...

หัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งวอชิงตันได้แจ้งมาว่า
เขาต้องการที่จะซื้อดินแดนของพวกเรา
ท่านหัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่ยังได้กล่าวแสดงความเป็นมิตร
และความมีน้ำใจต่อเราอีกด้วย
นับเป็นความกรุณาอย่างยิ่ง

เพราะเรารู้ดีว่า มิตรภาพจากเรานั้น
ไม่ใช่สิ่งจำเป็นอะไรสำหรับเขาเลย
แต่เราพิจารณาข้อเสนอของท่านเพราะเรารู้ว่า
ถ้าเราไม่ขาย พวกคนขาวก็อาจจะขนปืนมา
ยึดดินแดนของพวกเราอยู่ดี
แต่ท้องฟ้าและความอบอุ่นของแผ่นดินนั้น
เขาซื้อขายกันได้อย่างไร

ความคิดเช่นนี้เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดสำหรับพวกเรา
หากความสดชื่นของอากาศและความใสสะอาดของธารน้ำนั้น
มิได้เป็นทรัพย์สมบัติส่วนตัวของเราแล้ว
ท่านจะซื้อสิ่งเหล่านี้ไปจากเราได้อย่างไร

ทุกส่วนของแผ่นดินนี้ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ต่อชนเผ่าของเรา
ใบสนทุกใบ หาดทรายทุกแห่ง ป่าไม้ ทุ่งโล่ง
และแมลงเล็กๆ ทุกตัว คือความทรงจำ

คือประสบการณ์อันศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์เรา
อดีตของชาวอินเดียนแดงนั้น
ไหลซึมวนเวียนอยู่ในยางไม้ทั่วทั้งป่านี้

วิญญานของคนขาวนั้นไม่มีความผูกพันกับถิ่นกำเนิดของเขา
แต่วิญญานของพวกเราไม่มีวันรู้ลืมแผ่นดินอันแสนงดงาม
และเปรียบเสมือนเป็นแม่ของชาวอินเดียนแดง

เราเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดิน
และแผ่นดินก็เป็นส่วนหนึ่งของเราเช่นกัน
กลิ่นหอมของดอกไม้นั้น เปรียบเสมือนพี่สาวน้องสาวของเรา
สัตว์ต่างๆ เช่น กวาง นกอินทรี คือพี่น้องของเรา
ขุนเขาและความชุ่มชื้นของทุ่งหญ้า และไออุ่นจากม้าที่เราเลี้ยงไว้
ก็คือส่วนหนึ่งของครอบครัวเราเช่นกัน

ดังนั้น การที่หัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งวอชิงตัน
ขอซื้อดินแดนของเรา จึงเป็นข้อเรียกร้องที่ใหญ่หลวงนัก

หัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่แจ้งมาว่า
เขาจะจัดที่อยู่ใหม่ให้พวกเราอยู่ตามลำพังอย่างสุขสบาย
และเขาจะทำตัวเสมือนพ่อ และเราก็จะเป็นเหมือนลูกๆของเขา

ดังนี้ เราจึงจะพิจารณาข้อเสนอที่ท่านขอซื้อแผ่นดินของเรา
แต่ไม่ใช่ของง่าย เพราะแผ่นดินนี้คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา
กระแสน้ำระยิบระยับ ที่ไหลไปตามลำธารแม่น้ำ
และทะเลสาบที่ใสสะอาดนั้น เต็มไปด้วยอดีตและความทรงจำ
ของชาวอินเดียนแดง

เสียงกระซิบแห่งน้ำคือเสียงของบรรพบุรุษของเรา
แม่น้ำคือสายเลือดของเรา
เราอาศัยเป็นทางสัญจร เป็นที่ดับกระหาย
และเป็นแหล่งอาหารสำหรับลูกหลานของเรา

ถ้าเราขายดินแดนนี้ให้ท่าน
ท่านจะต้องจดจำและสั่งสอนลูกหลานของท่านด้วยว่า
แม่น้ำคือสายเลือดของเราและท่าน
ท่านจะต้องปฏิบัติกับแม่น้ำเสมือนเป็นญาติพี่น้องของท่าน

ชาวอินเดียนแดงมักจะหลีกทางให้กับคนผิวขาวเสมอมา
เหมือนกับหมอกบนขุนเขาที่ร่นหนีแสงแดดในยามรุ่งอรุณ
แต่เถ้าถ่านของบรรพบุรุษของเรา เป็นสิ่งซึ่งเราสักการะบูชา
และหลุมฝังศพของท่านเหล่านั้นเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์

เช่นเดียวกับเทือกเขาและป่าไม้
เทพเจ้าประทานแผ่นดินส่วนนี้ไว้ให้กับพวกเรา

เรารู้ดีว่าคนผิวขาวไม่เข้าใจวิถีชีวิตของเรา
สำหรับเขาแล้ว แผ่นดินไหนๆ ก็ตามก็เหมือนกันหมด

เพราะพวกเขาคือคนแปลกถิ่น
ที่เข้ามากอบโกยทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาอยากได้
คนผิวขาวไม่ได้ถือว่าแผ่นดินเป็นเลือดเนื้อของเขา แต่เป็นศัตรู
และเมื่อเขาเอาชนะได้แล้วเขาก็จะทิ้งแผ่นดินนั้นไป
แล้วก็ทิ้งเถ้าถ่านเอาไว้เบื้องหลังอย่างไม่ใยดี
เถ้าถ่านบรรพบุรุษและถิ่นกำเนิดของลูกหลาน
ไม่มีอยู่ในความทรงจำของพวกคนผิวขาว

เขาปฏิบัติต่อผู้ให้กำเนิด ญาติพี่น้อง แผ่นดิน และท้องฟ้า
เสมือนสิ่งของที่มีไว้ซื้อขายได้
มันเป็นราวกับฝูงแกะหรือสายลูกประคำ
ความหิวกระหายของคนผิวขาว
จะสูบความอุดมสมบูรณ์จากแผ่นดิน
และเหลือไว้แต่ทะเลทรายอันแห้งผาก

ข้าฯไม่เข้าใจ เพราะวิถีชีวิตของเรานั้นต่างกับของท่าน
สภาพบ้านเมืองท่านเป็นสิ่งที่บาดตาของชาวอินเดียนแดง
แต่ทั้งนี้อาจเป็นเพราะพวกเราเป็นคนป่าเถื่อนและไม่รู้จักอะไร

ในบ้านของคนผิวขาวไม่มีที่ใดเลยที่เงียบสงบ
ไม่มีที่ที่จะได้ฟังเสียงใบไม้พัดด้วยกระแสลมในฤดูใบไม้ผลิ
หรือเสียงปีกแมลงที่บินไปมา
ทั้งนี้อาจเป็นเพราะพวกข้าฯเป็นคนป่าเถื่อนไม่รู้จักอะไร
เสียงในเมืองทำให้รู้สึกแสบแก้วหู

ชีวิตจะมีความหมายอะไร
เมื่อปราศจากเสียงนกและเสียงกบเขียด
ร้องโต้ตอบกันในยามค่ำคืน

ข้าฯ เป็นอินเดียนแดง
ข้าฯ ไม่สามารถเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้
ชาวอินเดียนแดงรักที่จะอยู่กับเสียงและกลิ่นของสายลม
ฝนและกลิ่นไอของป่าได้

"ท่านต้องสอนให้ลูกหลานของท่านให้รู้ว่า
แผ่นดินที่เขาเหยียบอยู่ คือ
เถ้าถ่านของบรรพบุรุษของเรา
เพื่อเขาจะได้เคารพแผ่นดินนี้
บอกลูกหลานของท่านด้วยว่า
โลกนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยชีวิต
อันเป็นญาติพี่น้อง ของพวกเรา

...

สั่งสอนลูกหลานของท่าน
เช่นเดียวกับที่เราสอนลูกหลานของเราเสมอมาว่า
โลกนี้ คือ แม่ ของเรา
ความวิบัติใดๆ ที่เกิดขึ้นกับโลก ก็จะเกิดขึ้นกับเราด้วย
หากมนุษย์ถ่มน้ำลายรดแผ่นดิน
ก็เท่ากับมนุษย์ถ่มน้ำลายรดตัวเอง

เรารู้ดีว่า โลกนี้ไม่ได้เป็นของมนุษย์
แต่มนุษย์เป็นส่วนหนึ่ง ของโลกนี้
ทุกสิ่งทุกอย่างมีส่วนสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
เช่นเดียวกับสายเลือด ที่สร้างความผูกพันใน ครอบครัว
ทุกสิ่งทุกอย่าง มีส่วนผูกพันต่อกัน
ความวิบัติที่เกิดขึ้นกับโลกนี้ จะเกิดขึ้นกับมนุษย์เช่นกัน

มนุษย์มิได้ เป็นผู้สร้างเส้นใย แห่งมวลชีวิต
แต่มนุษย์เป็นเพียงเส้นใยเส้นหนึ่งเท่านั้น
หากเขาทำลายเส้นใยเหล่านี้..
เขาก็ทำลายตัวเอง"

แปลโดย คุณพิสิษฐ์ ณ พัทลุง




Create Date : 04 สิงหาคม 2556
Last Update : 4 สิงหาคม 2556 10:44:45 น.
Counter : 1297 Pageviews.

1 comments
  
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 6 สิงหาคม 2556 เวลา:14:31:36 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

surya21
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 50 คน [?]



New Comments
สิงหาคม 2556

 
 
 
 
1
2
3
5
6
8
9
10
15
16
17
18
19
20
22
23
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog