ศิลปวัฒนธรรมและพื้นที่ชิวิตทีมหาวิหารบรมพุทโธ (Space-Time) อินโดเนเซีย 2014
Borobudur Stairs Kala Arches...ทำไมหน้ากาลจึงต้องถูกนำไปติดที่หน้าบันหรือตามประตู เป็นไปได้หรือไม่ว่าผู้สร้างทำเป็นกุศโลบายเตือนสติผู้เข้าเทวสถาน อีกเรื่องคือ เพื่อแสดงไว้ว่า ในการก้าวผ่านบานประตู ผู้เข้าเทวสถานได้ก้าวผ่านกาลเวลา สู่ดินแดนที่พ้นด้วยข้อจำกัดของกาลเวลาในเทวสถาน ถ้าเป็นทางพุทธ ภาคกลางคงมีแง่คติธรรมในเรื่องของธรณีประตู เรื่องของภาพจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งนิยมวาดภาพมารผจญโดยมีพระแม่ธรณีบีบมวยผมไว้ด้านตรงข้ามพระประธาน โดยจะมี กาล ราหู พระอาทิตย์พระจันทร์ เพื่อแสดงให้เห็นว่า ในการก้าวข้ามธรณีประตูนั้น ๆ ผู้นั้นได้ผ่านกาลเวลา เข้าสู่ความหลุดพ้นกาลเวลา เอาชนะมารในใจของตัวเอง.( มหาวิหารบรมพุทโธนั้นประกอบพื้นที่ชีวิตสามระดับคือ กามภูมิ รูปภูมิ อรูปภูมิ หรือสามโลกธาตุ/ไตรภูมิ ตามหลักการพุทธศาสนา ) หน้ากาลหรือเกียรติมุข เป็นรูปหน้าขบ มีแต่หัวไม่มีขากรรไกร มีมาตามคติพราหมณ์เรื่องเดิมมีอยู่ว่า ครั้งหนึ่งพระอิศวร เกิดพิโรธอย่างรุนแรง จนเกิดตัวเกียรติมุข กระโดดออกมาจากหน้าตรงระหว่างคิ้วที่ขมวดนั้นตัวเกียรติมุุขหรือตัวโกรธนี้ เมื่อบังเกิดขึ้น มันก็หิวทันทีมันเริ่มกินทุกสิ่งทุกอย่างรอยตัวเอง เมื่อไม่มีอะไรกินมันก็เริ่มกินตัวมันเอง คือแขน ขา ลำ ตัว จนเหลือแต่หัว ขณะนั้นพระอิศวรทรงทอดพระเนตรดูโดยตลอด ได้เห็นโทษของความโกรธอันทำให้เกิดตัวเกียรติมุขนั้นพระองค์จึงตรัสกับตัวเกียรติมุขว่า ลูกเอ๋ย พ่อเห็นแล้วว่า ความโกรธนี้มันเผาผลาญหมดทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ตัวเองเจ้าจงไปประดิษฐานอยู่ตรงหน้าบันหรือส่วนมุกของเทวลัยเพื่อเป็นเครื่องเตือน สติมวลมนุษย์ทั่วไปให้รู้จักยับยั้งความโกรธเสียตัวเกียรติมุขจึงปรากฏตามเทวสถานทั่งไปจนบัดนี้ ตัวเกียรติมุขนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า หน้ากาละ หมายถึงกาลเวลาย่อมกินตัวเองและทำลายทุกสิ่งทุกอย่างให้หมดสิ้นไป มนุษย์จึงไม่ควรประมาท (น.ณ ปากน้ำ.2522:37-38)...ปริศนาธรรม เตือนสติว่า กาลหรือเวลา กลืนกินสรรพสิ่งโดยไม่รู้ตัว รู้ตัวแล้วจะทำอะไรก็ให้รีบทำและดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาทเพราะกาล = เวลา = ราหู ...วันนี้พื้นที่ชีวิตของท่านอยู่ในภพ ภูมิใหน ???