บันทึกการค้าโบราณระหว่างศรีลังกาและรัฐในสุวรรณภูมิเล่าว่า....ศาสตราจารย์ ส. ประนะวิธาน นักประวัติศาสตร์ศรีลังกาพยายามศึกษาศิลาจารึกตำนานเก่าแก่และหลักฐานประวัติศาสตร์ศรีลังกาซึ่งเคยมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับดินแดนคาบสมุทรสยามมาตั้งแต่สมัยกรุงสุวรรณปุระ จนถึงสมัยกรุงตามพรลิงค์พบหลักฐานหลายประการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กันในแบบบ้านพี่เมืองน้องของระบบเครือญาติพอสรุปได้ว่า ความบาดหมายกันระหว่างอาณาจักรตามพรลิงค์กับอาณาจักรสิงหลเกิดขึ้นในรัชกาลพระเจ้ากัสสปะที่ 2 เมื่อราวพ.ศ. 1184พระองค์จึงทรงดำเนินนโยบายทำลายคู่แข่งทางการค้าเพื่อบ่อนทำลายอำนาจทางการเมืองของอาณาจักรตามพรลิงค์ ด้วยวิธีการประกาศเปิดเมืองท่าเสรีตลาดการค้าที่ไม่ต้องเสียภาษีพระองค์ได้กำหนดเหรียญทองทำใหม่ขึ้นเป็นสื่อกลางในการชำระราคาสินค้าของตลาด เสรีพ่อค้า นักเดินเรือ จึงพากันหลั่งไหลไปติดต่อค้าขายอย่างคับคั่ง เกาะ ลังกาได้กลายเป็นศูนย์กลางการค้าสำคัญแทนที่กรุงตามพรลิงค์ตลาดการค้าคาบสมุทรซบเซาร่วงโรยและฝืดเคืองพระเจ้ากรุงตามพรลิงค์ทรงดำเนินนโยบายตอบโต้ด้วยการสนับสนุนราชโอรสของพระเจ้าธาตุเสนา ซึ่งถูกพระเจ้ากัสสปะที่ 2แย่งชิงราชสมบัติลี้ภัยการเมืองมาประทับอยู่ที่กรุงตามพรลิงค์ ทรงพระนามว่าเจ้าชายโมคัลลนะ ให้แย่งราชบัลลังก์กลับคืนกองทัพเรือกรุงตามพรลิงค์ได้ยกไปโจมตีประเทศศรีลังกา สถาปนาเจ้าชายขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองเมื่อ พ.ศ.1193 ทรงพระนามว่า เจ้าชายโมคัลลนะ พระองค์ทรงยกเลิกระบบการใช้เหรียญกษาปณ์ทองคำตลาดการค้าเสรีและเมืองท่าปลอดภาษี ตามความประสงค์ของกษัตริย์กรุงตามพรลิงค์
บันทึกเศรษฐกิจการค้าอันรุ่งเรืองในสมัยการแผ่ขยายจักรวรรดิศรีวิชัยตรงกับยุคทองของประเทศ จีนสมัยราชวงศ์ถัง พ่อค้าชาวอาหรับผู้หนึ่งจดบันทึกเล่าเรื่องราวของประเทศจีนว่า เป็น สมัยแห่งการเร่งผลิตและขยายตัวทางการค้าต่างประเทศรัฐบาลได้ส่งเสริมให้ชาวจีนพยายามคิดค้นเทคโนโลยีชั้นสูงเพิ่มผลผลิตสินค้าประเภทหรูหรา ฟุ่มเฟือย ขึ้นเป็นพิเศษสำหรับเป็นสินค้าขาออกโดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องปั้นดินเผาจีนสามารถทำได้ดีอย่างไม่เคยมีมาก่อนพัฒนาการไปในระดับสุดยอด ชาวอาหรับผู้นั้นกล่าวว่า จีนทำเครื่องปั้นดินเผาอย่างวิเศษ ทำจานกันจนบางเหมือนกับแก้วอาจมองผ่านเข้าไปเห็นน้ำภายในจานนั้น แม้ว่าจะทำขึ้นด้วยดินก็ตาม
ปัญญาชนชาวจีนชื่อ หลู-ก๊วย-เมิ่ง บรรยายถึงความสามารถอันมหัศตจรรย์ยิ่งของช่างจีน ที่พยายามพัฒนาเทคนิคการผลิตโดยอาศัยความสามารถทางเคมีและศิลปะผสมผสานกันจนนำสีเคลือบเครื่องปั้นดินเผาให้งดงามอลังการอย่างไม่น่าเชื่อเป็นผลสำเร็จอันน่าพิศวง สมัยปลายราชวงศ์ถัง เขาได้จดบันทึกไว้ว่า เครื่องปั้นดินเผาสกุลเย่(เมืองส้าวชิง มณฑลจื้อเจียง) ผสมผสานสีสันต่าง ๆตั้งพันสีเข้าด้วยกัน ใน
ลวดลายอันสวยงาม... ผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาจีน อันถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทหรูหรา ฟุ่มเฟือย และราคาแพงบังเกิดขึ้นอย่างดาษดื่นในแถบเมืองกวางตุ้ง เมืองฉวนโจว เมืองหยวงโจวซึ่งเกิดขึ้นตามกระบวนการเร่งผลิต ลดดุลการค้ากับต่างประเทศ กล่าวกันว่าพวกพ่อค้าขนไปกองกันจนเต็มไปหมดตามถนนหลวง นักโบราณคดีได้สำรวจขุดค้นพบว่าผลิตภัณฑ์เครื่องในดินเผาจีนสมัยราชวงศ์ถัง สินค้าขาออกสำคัญยิ่งของประเทศจีนได้ส่งออกไปขายทั่วโลกในยุคนั้นพบตามแหล่งโบราณคดีในประเทศไทยเฉพาะแถบเมืองท่าชายฝั่งทะเล ทั้งทางภาคใต้และภาคกลางส่วนใหญ่พบในเขตจังหวัดสุราษฏร์ธานี จังหวัดนครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี ราชบุรีนครปฐม ปราจีนบุรี ชลบุรี ไม่พบในภูมิภาคอื่นเลยแสดงให้เห็นว่าบ้านเมืองในแถบชายฝั่งทะเลซึ่งไม่สามารถติดต่อค้าขายกับต่าง ประเทศได้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก่อนพุทธศตวรรษที่ 12แม้ว่ามีการค้นพบเครื่องปั้นดินเผาจีนในแถบชายฝั่งทะเล เกาะบอร์เนียว ชวา สุมาตราซึ่งแสดงให้เห็นว่าเคยติดต่อค้าขายกับจีนในสมัยราชวงศ์ถังแต่จดหมายเหตุจีนสมัยนั้นบอกว่า ประเทศโต-โล-โม (ชวา) ประเทศโม-โล-ยูได้ขาดการติดต่อทางการทูตกับประเทศจีนมาตั้งแต่ พ.ศ. 1212ยังคงมีอยู่เพียงจักรวรรดิศรีวิชัยเท่านั้นที่แสดงตัวให้เห็นว่าเป็นชาติผู้นำพวกคุน-หลุน ดังปรากฏหลักฐานการมีอำนาจรัฐความเป็นองค์สยามินทร์ในยุคนั้นวไว้ว่า เมื่อ พ.ศ. 1245พระเจ้าโป- ชุน พระเจ้าแผ่นดินประเทศ ชิ-ลิ-โฟ-ชิ ส่งคณะทูตเดินทางไปถวายเครื่องราชบรรณาการแก่พระจักรพรรดิราชทูตได้กราบทูลฟ้องร้องว่า ถูกพวกขุนนางและนายด่านจีนดูหมิ่น
ขอขอบคุณ //blog.eduzones.com/tambralinga/5512