สมรัชนะ( นายแบก(อาหาร) - นักเขี่ย(หนังสือ) - นักท่องเที่ยว(ยามเมื่อว่าง) -ฝากพ็อกเก็ตบุ๊คเรื่องโหด มันส์ ฮา ประสาลูกเรือ(สำราญ)วางแผงแล้วทั่วไทย-The3 pocket book is in all leading bookstores in Thailand soon.ฮาวทู ผสมประสบการณ์ลูกเรือไทยในต่างแดน แสนฮา สุดมันส์ เศร้า เคล้าน้ำตา ประสาลูกเรือ โดย สมรัชนะ มูลสาย...
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2549
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
10 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 

Emergency-Scary story ที่เรือสำราญ ต่างประเทศ เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด....Reported by Somratchana

Emergency-Scary story ที่เรือสำราญ ต่างประเทศ เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด....Reported by Somratchana Moonsai
วันเสาร์ที่ 4 ของเดือนแห่งความรัก ... เรือได้จอดเทียบท่าที่เมือง Galveston , Texas USA ซึ่งเป็นวันที่ต้องเปลี่ยนผู้โดยสารเก่า เพื่อรับผู้โดยสารใหม่ (Turn around day ) ที่มาท่องเที่ยวเรือสำราญ ครูซ 7 วันไปแถบทะเล แคริบเบี้ยน
วันนั้นท้องฟ้าสดใส อากาศเย็น สบาย ๆ ไม่หนาวมากนัก ผมเริ่มทำงานตอนเที่ยงวัน จึงออกไปเดินเล่นในเมืองเล็ก ๆ ของเกาะ Galveston ติดกับที่เรือจอด ซึ่งไม่ไกลจาก Houston มากนัก ตั้งใจว่าจะต่อเน็ต ด้วยสัญญาณไว –ไฟ เล่นฟรี เช่นเดิมทุกครั้งที่มาที่นี่ เพื่อได้ติดต่อกับครอบครัว เพื่อนฝูง เพื่อนใหม่ และคนอ่านหนังสือของผม รวมทั้งออกไปหาซื้ออาหารไทยกระป๋อง ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกเผา กล้วยฉาบ มาม่า ที่ร้านประจำ ...อาหารถูกใจ นำเข้าจากเมืองไทยโด๊ยตรง....
ผมกลับมาทำงาน ที่เรือสำราญ เหมือนไม่มีทีท่าว่าอะไร จะเกิดขึ้น พวกเรารอรับผู้โดยสารใหม่ พอตอนเย็นถึงเวลา ที่เรือออกจากท่าเรือเพื่อมุ่งหน้า ไป ประเทศเม็กซิโก เป็นสถานที่แรก ....
เวลาทำงานรอบเย็น คือห้าโมงทุกวันไม่มีวันหยุดของการทำงานเรือสำราญ หลังจากเซ็ทอัพ ห้องอาหาร พร้อมเรียบร้อย เราเริ่มบริการ ลูกค้า ห้าโมงครึ่ง ซึ่งตอนนั้นเรือได้ออก มาจากท่าเรือแล้ว ไม่มีเหตุการณ์อะไร บ่งบอกให้เรารู้ล่วงหน้า ว่าวันนี้อะไรจะเกิดขึ้น ......
หลังจากออกจาก เมือง Galveston,Texas สักสองสามชั่วโมง เรือจะต้องเลี้ยว ตามเส้นทางการเดินเรือ ซึ่งจะต้องมีการโคลงและเอียง นิดหน่อย ตามปกติ ที่ชินเสมอกับเหตุการณ์อย่างนี้ เวลาประมาณทุ่ม ผมทำงานในห้องอาหาร ตอนนั้นรับบริการแขก(ขอเปลี่ยนตัวช่วยครับ เป็นการบริการผู้โดยสาร เดี๋ยวจะเหมือนคนขายบริการ อย่างว่า) ลูกค้าเริ่มเข้ามาห้องอาหาร จนเกือบเต็ม แต่ผมรับลูกค้า สามโต๊ะ ๆ ละสองคน
วันนั้นผมไม่มีอารมย์ทำงานบริการอย่างประทับจิต เท่าไหร่ เพราะจิตใจ พะว้า พะวง คิดถึงบ้านอย่างบอกไม่ถูก เสิร์ฟอาหารไป ดูปฎิทินนับถอยหลังวันกลับเมืองไทย อีก41 วันเอง....
พอเสิร์ฟอาหารแล้วก็เข้าไปทักทายลูกค้า นิดหน่อย จึงมายืนเล่น ๆ ที่ waiter station ในขณะนั้นเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น .................. “ เฮ้ย เหน่ง ....กูว่าไม่ธรรมดา แล้ว จับแก้ว จับจานไว้ เรือแม่ง โคตรเอียง เลย” เสียงที่ผมบอกลูกน้อง ด้วยความที่เกรงว่าของจะร่วงตกแตก (นึกถึงความจริง..เสียงในฟิล์ม ครับคงไม่ได้พูด คุณน้อง คุณพี่ นะครับผม ต้องขอโทษด้วยที่ไม่มีการเซ็นต์เซอร์) แต่แล้ว แรงโน้มถ่วงและความเอียงของเรือ ก็ไม่สามารถรั้งได้ ... ได้ยินเสียงของแก้ว จาน ตกแตก จากstation อื่น ๆ เป็นระยะ ๆ “โป้ง เป้ง เพล้ง เพลี้ยง “ อย่างเป็นจังหวะ ...จากการยืนจับสิ่งของในท่า ... ทศกัณฑ์ ทั้งมือทั้งเท้ารั้งไว้ไม่ไหว จึงปล่อยให้ทุกอย่างตกแตก อย่างละเอียด (พยายามนึกถึงภาพยนตร์เรื่อง ไททานิค ฉากในห้องอาหาร ที่โต๊ะ เก้าอี้ ถ้วยจาน ตกแตก สลับเสียง คนกรี๊ด ร้อง อย่างไม่ได้สติ) ผมหันไปมองทางหน้าต่าง น้ำทะลักขึ้นมาถึงชั้นหกที่ห้องอาหาร ดาวินชี่ ซึ่งปกติระดับน้ำทะเล อยู่ที่ชั้นสามของเรือ และก็เรือเอียงอย่างผิดปกติ ด้วยความแรง และเร็วของเรือ จากประสบการณ์ทำให้เรารับรู้ตอนนั้นได้ทันทีว่า มันไม่ธรรมดาแล้วหละครับ.... ลองคำนึงถึงการขับรถด้วยความเร็วสูงแล้วหมุนพวงมาลัยเลี้ยว ...แต่นี่คือเรือที่ ยิ่งเลี้ยวด้วยความเร็วสูง มีแต่กดลึกจมอีกฝั่ง.... ผมเห็นลูกค้าหลายคน วิ่งกันอย่างไม่คิดชีวิต หันไปมองรอบ ๆ ถ้วยจาน แก้วไวน์ เครื่องดื่มหก เลอะเต็มห้องอาหาร วินาทีนั้นเหมือนฝันร้าย แทบไม่ได้สติ ต้องจมแน่ “ฝันไปรึ ป่าววะ “ เพราะเมื่อสัปดาห์ที่แล้วพึ่งฝันไปว่าเรือที่ผมทำงานจม ต่อหน้า แต่ผมรอดเพราะอยู่เรืออีกลำหนึ่ง แต่กระนั้นก็ใจหายเป็นที่สุด เพราะห่วงของ สำคัญหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องลางของขลัง...รวมทั้งเงิน ทองที่เก็บไว้...ตื่นมาแล้วใจหาย ทุกที... รวมทั้งข่าวล่ามาแรง เรือของอียิปต์ไฟไหม้ จมผู้คนสูญหาย พันกว่าชีวิต ....
สิ่งแรกที่ผมนึกถึงคือจะทำอย่างไรดี ถ้าอีกไม่กี่วินาที เรือจมพลิกคว่ำ ..ตอนนั้นเหมือนอยู่พวังค์ของความฝัน เกิดอาการช็อค (ใครไม่เคยเจอจริง ๆ จะไม่รู้ครับ ขอบอก..และขอรับรอง....) น้ำตาเริ่มซึมอย่างไม่รู้ตัว นึกถึงแต่หน้า แม่ อันเป็นที่เคารพและบูชา ก่อนใคร “ผมจะทำอย่างไรดีครับแม่ ..ผมจะได้กลับมาเห็นแม่อีกมั้ย เรือจะจมแล้วหรือครับ...” กว่าจะเรียกสติกลับมาได้...
คุณพระ คุณเจ้า ยังช่วยคุ้มครองไว้ ......สักพัก สถาณการณ์ก็กลับมาเหมือนเดิม ...ด้วยความเร็ว และเอียงของเรือ ในสภาพเดิม จึงรู้สึกตัวว่า นี่คือความจริง ไม่ใช่ความฝัน .... ถ้าเรือเอียงมากกว่านี้ไม่เกิน หนึ่งเมตร เรือต้องพลิกคว่ำในพริบตา แล้วตอนนั้นใครจะรู้ว่าต้องทำอะไร ... หลักสูตรที่เรียนมาในการหนี น้ำหนีไฟ จะช่วยได้รึ ...?
หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ ผ่านไปตั้งนาน (มากกว่า สิบนาที ) จึงได้ยินเสียงประกาศจากกัปตัน “ในนามของกัปตัน ต้องขอประทานโทษ ด้วยที่ต้องหักพวงมาลัย เรือกระทันหัน อันเนื่องมาจากต้องกลับไป ท่าเรือเพื่อส่งผู้โดยสารที่ป่วยหนัก เซฟชีวิตของผู้โดยสารคนหนึ่ง” ให้ตายสิ พระเจ้า ช่วย .... เสียง เฮ ของผู้โดยสาร ท่านอื่น มากกว่าครึ่งหนึ่งที่ไม่เชื่อ ว่าเป็นเรื่องจริง เพราะ มองจากความน่าจะเป็น และพิจารณารูปการแล้ว น่าจะเกิดความผิดพลาดของการบังคับเรือมากกว่า เพราะว่า
หนึ่งไม่มีการประกาศให้ทราบล่วงหน้าแม้แต่วินาทีเดียว ซึ่งถ้ามีคนตกเรือ เค้าจะต้องกลับเรือ แต่ต้องมีการประกาศล่วงหน้า เพื่อใครหลายคนกำลังทำอะไร จะได้เตรียมตัว เพื่อความปลอดภัย.... อย่างเช่น พนักงานถือถาด ซุปร้อน ๆ ไม่ราดเต็มตัวเลยเหรอ ... หรือใครที่ถือมีด ควบคุมแรงเหวี่ยงไม่ไหวก็แทงตัวเองตาย ....ตอนนั้นเลยหละสิ ....สี่พันกว่าชีวิต ขณะนั้นใครจะรู้ว่า ใครทำอะไร กัน
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้ พนักงานกุ๊ก ชาวอินเดีย ได้รับบาดเจ็บ สามราย รายที่หนึ่งโดนน้ำร้อนลวก รายที่สองรถขนของทับใส่ รายที่สามร้ายแรงสุด โดนประตูตู้เย็นกระแทกหลัง นอนสลบไม่รู้สึกตัว เกือบครึ่งชั่วโมง .....
ผมเข้าไปดูในครัว ตอนแรกก็เห็นแต่ถ้วย ถาด จาน แตกระเน ระนาด ที่บาร์ ขวดไวน์แดง แตกกระจุยกระจาย เหมือนเลือด กองเต็มพื้น ... พอออกมาที่ห้องอาหาร ผู้โดยสาร ถาม “มีใครเป็นอะไร มั้ย “ ผมจึงตอบอย่างมั่นใจ ว่า “โชคดีเป็นที่สุด ที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บอะไร ...” พอเข้าไปในครัว อีกรอบเห็นคนมุงกันตรึม (เป็นฝรั่งมุง ครับซึ่งก็เหมือนกับไทยมุงทุกประการนั่นหละ) ทราบมาว่ามีคนนอนไม่ได้สติ ... ผมน้ำตาเล็ด อีกครั้ง (ในใจก็ปล่าวหรอกนะ น้ำตาที่รินไหล ไม่ได้ร้องไห้ หรือกลัวอะไร แต่จริง ๆแล้วไม่รู้ตัว พวกคนปากแข็งหนะครับ) นึกสงสารเค้าอย่างจับจิต เริ่มคิดเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา ว่า...ถ้าเป็นเราหละ ...คนข้างหลังจะทำอย่างไร เงินที่ทำประกัน สามสี่ล้านก็ไม่สามารถทดแทนชีวิตคน ๆ หนึ่งได้ ... (สัปสน วุ่นวาย เอาการเหมือนกันครับ.)
สักพัก ก็มีทีมงาน หามร่างของกุ๊ก คนนี้ผ่านมาในห้องอาหาร ทำให้ลูกค้าหลายคนที่เห็นเหตุการณ์เกิดความกลัว ตระหนก ตกใจ กันมากขึ้นอีก ...
ลูกค้าบางคนเห็นพนักงาน กรี๊ด ร้องไห้ อย่างไม่ได้สติ ยิ่งทวีคูณ ความกลัว เป็นเท่าตัว.... ลูกค้าผู้หญิงคนหนึ่งถามตอนแรก บอกว่า ไวน์ไม่ดื่ม แต่พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เธอ ยกซด ไม่รู้ตัว ....( ความกลัวทำให้เราทำอะไรก็ได้โดยไม่รู้ตัว )
ส่วนลูกค้าอีกราย ถือ ตะกร้าใส่ขนมปัง คลุมหัว วิ่งหนีไป ไม่หวนคืน...
เพื่อนร่วมงานต่างชาติ คนหนึ่ง ตอนแรกก็ทำท่าตะเกียกตะกายข้างฝา เหมือน Spider man... พอเกิดขึ้นจริง หน้าซีด ทำอะไรไม่ถูกเลย ทีนี้ ...(คิดนานมั้ยเนี่ย...)
“โอ้ พระเจ้า มันเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่ผ๊มทำงานเรือมายี่สิบกว่าปี” เสียงบอกเล่าของเพื่อนร่วมงานชาวโปรตุเกส
สุดท้ายเรือก็ต้องหันกลับมาใกล้ฝั่ง แต่ไม่รู้ว่ามีผู้โดยสาร คนนั้นหรือคนไหน ถูกนำตัวไปส่งโรงพยาบาลหรือไม่ รู้เพียงแต่ว่า กุ๊กที่ได้รับบาดเจ็บหนักนั้น ต้องถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล โดยมีเรือ coast guard มารับ ถึงตอนนี้ยังไม่รู้ข่าวคราวอย่างไรเลย...
ความเสียหายครั้งนี้ไม่สามารถประเมินเป็นตัวเลขได้ ทีวี นับไม่ถ้วนจากห้องพักลูกค้า ตกแตกละเอียด ขวดน้ำหอม เครื่องประดับตกแต่ง กระจุยกระจายไปคนละทิศละทาง รวมทั้งร่างกาย และจิตใจของกุ๊กคนนั้นจะเป็นอย่างไร
ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่สมมุติ ต้องหาเหตุผลที่ดีที่สุดโดยอ้างว่าต้องหันเรือกลับอย่างฉับพลันเพื่อส่งผู้โดยสารไปโรงพยาบาล เพื่อที่จะปกปิด ความผิดพลาดหรือความประมาท เลินเล่อ ของใครอะไรก็ตาม จากประสบการณ์ครั้งนี้ ถ้าหากเรือล้มพลิกคว่ำจริง ใครจะรับผิดชอบ ต่อชีวิต มากกว่าสี่พัน ในวันนั้น หรือเพื่อที่จะรักษาชีวิตของผู้โดยสารคนหนึ่ง ...
วันรุ่งขึ้นจึงมีมากมายคำถาม อย่างไม่มีคำตอบ ลูกค้าหลายคนประสงค์จะกลับบ้าน โดยเกิดความกลัว และวิตก ว่าเมื่อไหร่จะเกิดขึ้นอีก.... สงสารแต่ลูกเล็กเด็กแดง ร้องกรี๊ดระงม ผวา แม้แต่ตัวคนที่มีประสบการณ์ผ่านร้อยเอ็ด เจ็ดย่านน้ำทะเลโลก (ร้อยเอ็ด คือจำนวน หาได้เป็นชื่อจังหวัดในไทยไม่ ในความหมายนี้) ก็ตาม “อีกนาน” กว่าจะทำใจได้ แน่นอนครับ เค้าไม่ตกเป็นข่าว ดัวทั่วโลกถ้ายังไม่เกิดเหตุการณ์ เรือจมจริง ๆ เพื่อชื่อเสียงของบริษัท .... ถือเป็นความโชคดีของหลายพันชีวิต ที่ชื่อบุญรอด นามสกุลบุญมี ที่ยังไม่ตาย ไป..
โดยส่วนตัวแล้ว ผมวิจารณ์ ตามความเป็นจริง โดยอาศัยหลักความน่าจะเป็น ซึ่งกัปตันคนนี้ เคยขับเรือไปชน ท่าเรือทำให้ใบพัดท้ายเรือ พังมาแล้ว ที่วิคตอเรีย ประเทศแคนาดา (ตอนหนึ่งในหนังสือที่ผมเขียน เรื่องเสิร์ฟสำราญ สวรรค์บนเรือ ).... ซึ่งครั้งนั้นเค้าได้รับการลดขั้น ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีบุญพา วาสนา(เกือบไม่)ส่งให้มาพบท่านที่นี่อีก...
วันนี้หรือวันไหน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จงพร้อมและแกร่ง มีสติทุกสถาณการณ์ เพราะเราไม่รู้ล่วงหน้าว่า ชีวิตในวันต่อไปจะเป็นเช่นไร ..... บางครั้งอะไรจะเกิดมันก็เกิด ห้ามได้ซะที่ไหนละครับ ..แต่ก็อย่ากลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิด ผมผ่านวิกฤตินี้มาได้ในเมื่อวาน เหมือนกับ(เกือบจะ) ตายแล้วเกิดใหม่ อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน...คิดไว้เสมอว่าคุณพระคุณเจ้าคุ้มครองรักษาให้ผมได้กลับมาทำความดี สะสมบุญ ก่อนที่ชีพนี้จะหาไม่.... ผมจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ในฐานะของลูกที่ดี พลเมืองที่ดีคนหนึ่งของชาติ เพื่อตอบแทนบุญคุณ ....ถึงตอนนั้นแล้ว...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ....ผมก็คงไม่กังวลอะไร อีกต่อไป......


หมายเหตุ เหตุเกิดวันเสาร์ February 4, 2006 at Texas ,USA
พิมพ์ครั้งล่าสุดเมื่อ 06/02/06 ๐๖/๐๒/๔๙ ๑๓:๔๔ น (เมืองไทย ) เที่ยงคืนสี่สิบนาที ที่อเมริกา. วันอาทิตย์ February 6, 2006 a day at sea พิมพ์อย่างเร็วไม่มีการ ตัดแต่ง อาจจะไม่ได้ศัพท์ จับกระเดียด นิดหน่อยคงไม่ว่ากัน...
ขอรับรองว่าข้อมูลทั้งหมดเป็นความจริง และจะหาภาพ(ความหายนะ ของจริง ) มาประกอบ ในเร็ววันนี้โดยจะติดต่อ คนที่มีกล้อง มือไว เก็บภาพทั้งหลายได้ทัน.. ด้วยจรรยาบรรณผมไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นบริษัทเรืออะไร เพื่อไม่ทำลายชื่อเสียง และเสียหายของเรือ ช่วง...อีกสี่สิบกว่าวันจะกลับมาไทย เกือบจะไม่รอด..สนับสนุนโดย ...ทุกท่านที่อ่าน...
ผมสามารถเล่าให้ทุกคนรับรู้ได้ แต่ไม่สามารถเล่าให้คุณแม่ฟังได้ เนื่องจากท่านจะไม่สบายใจและเป็นห่วงมากที่สุด จากเหตุการณ์ครั้งนี้...และ จุดประสงค์ในการเขียนครั้งนี้หาได้ เพื่อการโปรโมทพ็อกเก็ตบุ๊คของผมไม่เพราะว่า ตอนนี้หาไม่ได้ที่ร้านหนังสือแล้ว เค้าไม่พิมพ์ออกมาแล้วหละครับ.... รายงานด้วยใจ ถ่ายทอดด้วยความรู้สึก ผ่านเป็นตัวหนังสือสำหรับทุกคน...
เป็นเรื่องจริงที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของการทำงานเรือสำราญ ที่อเมริกา ....
Reported by Somratchana Moonsai in Texas ,USA
@Copyright 2006 by Somratchana Moonsai . All rights reserved . Reprint rights must be granted by Somratchana Moonsai . Write me or request reprint permission by e-mail.

ปล รายงานล่าสุด ว่า ค่าเสียหายเฉพาะ ร้านบูติด เกือบสองล้านบาท ไม่รวมแผนกอื่น... ส่งเมล์นี้ เม็กซิโก




 

Create Date : 10 พฤษภาคม 2549
3 comments
Last Update : 10 พฤษภาคม 2549 21:50:12 น.
Counter : 489 Pageviews.

 

น่ากลัวจังค่ะ

 

โดย: mungkood 10 พฤษภาคม 2549 22:51:31 น.  

 

น่ากลัวเหมือนกันนะ

 

โดย: หลังจอ 10 พฤษภาคม 2549 23:35:02 น.  

 

เค้ามาอ่านค่ะ สนุกดี แต่อ่านยากจัง ตาลายอ่ะ สีตัวหนังสือ กับ สีพื้นข้างหลังคล้ายกันเลย แต่ก้ออ่านไปแล้วหลายตอนค่ะ

 

โดย: เวฟ IP: 71.127.4.58 9 กันยายน 2549 12:44:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


sochana9
Location :
New York United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




โอม (สมรัชนะ) ทำงานเรือสำราญ ที่อเมริกา และยุโรป ปีหนึ่งจะมาพักร้อนที่เมืองไทย สองเดือน
เจ้าของหนังสือ-เสิร์ฟสำราญสวรรค์บนเรือ,บ๋อยอินเตอร์เม้าท์เรือสำราญ และเล่มใหม่เดือนนี้ .. ชีวิต..."เรือสำราญ" ฝากด้วยขอรับ... เรื่อง how to จากประสบการณ์งานเรือสำราญ...


"นักเสิร์ฟมือโปร โกอินเตอร์ รายได้เป็นแสน ท่องเที่ยวฟรี ทั่วโลก "

ติดตามได้..

ฮักจากใจ๋แต๊ ๆ หนา คนเชียงราย เหนือสุดยอดในสยาม ...งามด้วยน้ำใจ๋

ปัจจุบันทำงานเรือสำราญ อยู่ยุโรป และนิวยอร์กครับ..



Parents strongly cautioned
รัก คงเดิมและเพิ่มอนึ่งคิดถึงพอสังเขป
สมรัชนะ ณ มหานครนิวยอร์ก ครับ..
นักเขี่ย นายแบก และนักท่องเที่ยวอิสระ
Moonsai Somratchana
the waiter and the author,Cabin 3270
The Crown Princess
c/o Cruiselink II,ltd.
676 A 9 th Avenue
Box 238
New York ,New York.
U.S.A. 10036








หนังสือเล่มสาม เรื่อง โหด มันส์ ฮา ประสาลูกเรือ(สำราญ) โดย__สมรัชนะ มูลสาย เปิดตัวที่ร้านนายอินทร์ สยามพารากอน ชั้นสาม วันที่ 09 Oct 09 @ 1.30 pm. ฮาวทู ผสมประสบการณ์สุดมันส์ แสนฮา และชีวิตลูกเรือสำราญเป็นอย่างไรพลาดไม่ได้ ต้นเดือนตุลา เจอกันทุกแผงทั่วไทย 09 09 09 is my Birthday !!!
On vacation in Thailand July 4 - Oct 12 ,2009
Thanks for reading . Have a nice day ! Copyright 2009 @ by Somratchana Moonsai Reproduction, either in whole or in part, is forbidden without written permission from Somratchana Moonsai. บทความ เรื่องเล่า และภาพ ที่ลงในบล๊อกของ “สมรัชนะ”ขอสงวนลิขสิทธิ์ตามกฏหมาย นอกจากจะได้รับอนุญาตจาก “สมรัชนะ” เท่านั้น...

@Copyright 2009 by Somratchana Moonsai . All rights reserved . Reprint rights must be granted by Somratchana Moonsai . Write me or request reprint permission by e-mail.


งานเขียนทุกชิ้นที่ปรากฏในเวบไซด์แห่งนี้ เป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบทประพันธ์นั้นๆ แต่เพียงผู้เดียว ห้ามกระทำการดัดแปลง แก้ไข หรือแอบอ้างไปเป็นผลงานของตน โดยไม่มีการอ้างถึงเจ้าของลิขสิทธิ์หากผู้ใดมีความประสงค์จะนำข้อมูลดังกล่าวออกเผยแพร่ ตีพิมพ์ หรือ นำไปใช้เพื่อประโยชน์อื่นใด โปรดติดต่อเจ้าของบทประพันธ์โดยตรง- all rights reserved By Somratchana Moonsai



sochana99@hotmail.com , moonsai2000@yahoo.com

thanks for visiting my Blog !!!! OHM Somratchana
   
Somratchana Moonsai

สร้างลิงค์ของโปรไฟล์ในแบบที่เป็นตัวคุณเอง
Friends' blogs
[Add sochana9's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.