แสงแดดล้อเล่นกับริ้วน้ำ ต่อความเป็นประกายวิบวับ ความสุขระยิบระยับ วาววับนับไม่หวาดไม่ไหว
ใบไม้สีเหลือง รองเรืองไปทุกแห่ง ลมพัดก็กวัดแกว่ง แล้วปลิวคว้างตามสายลม
เอื้อมมือไปสุดฟ้า คว้าตะวันไม่ถึง มองใกล้เข้าอีกนิดนึง ก็ถึงใบไม้ที่รายเรียง
เอื่อยเอื่อยเรื่อยน้ำไหล ใบไม้จะชินหรือยัง น้ำกระทบหินเสียงดัง คิดถึงบ้างไหมเมื่อไกลกัน
ใบไม้สีแดงส้ม เพราะลมหนาวหรือเหตุใด เปลี่ยนสีเป็นเครื่องหมาย ให้รู้ว่าใกล้เวลาไกล
น้ำไหล ใบไม้สวย ความสุข บางครั้งก็ไร้เสียง
บ้านเก่า เงาของความอบอุ่น แม้ไอของความอ้างว้าง จะอวลอยู่เป็นปัจจุบัน
เธอชอบรถไฟไหม ฉันรู้สึกว่ารถไฟเป็นเหมือนตัวแทนของความฝัน ฉันยังจำวันที่เราเดินจูงมือกัน คนละฝั่งของรางรถไฟ จับมือแล้วกางแขน ตัวแอ่นโค้งเข้าหากัน แล้วเดินไล่ความฝัน บนรางเหล็กและไม้หมอน เพราะมือเราจับกันไว้ เดินไกลเท่าไหร่ไม่แคลนคลอน เพราะมีเธอ...ฉันมั่นใจทุกๆตอน บนรางฝันและไม้หมอนของความเป็นจริง
ลมพัดสะบัดต้นไม้ ให้ทิ้งใบร่วงลงในน้ำ แต่ละใบจดความทรงจำ ฝากแม่น้ำให้พาไป กว่าจะถึงปลายทาง ข้อความจะจางลงบ้างไหม แม้เรื่องเล่าจะเลือนลบไป ความรักในใจไม่จางสักนิดเลย
ฉันมองเห็นทิวไม้ มีเธอยืนอยู่ไกลๆตรงนั้น เธอจะมองเห็นฉันไหมนั่น ที่อีกฝั่งฝันตรงกันข้ามกับเธอ
แม้เราไม่ได้ยืนอยู่ฝั่งเดียวกัน แต่ฉันยังมองเห็นเธออยู่เสมอ
ป่าเปลี่ยนสี ใบไม้ผลัดใบ เหลือง ส้ม แสด น้ำตาลไหม้ พรุ่งนี้เหลืออะไรนอกจากกิ่งก้าน ไม่เห็นใบไม้ ใช่ต้นไม้จะหายไป ไม่เห็นจุดหมาย ใช่ว่าจะไปไม่ถึงปลายทาง ต้นไม้ยังอยู่ได้ แม้ฤดูหนาวจะยาวนาน อุปสรรคนานาประการ เราจะผ่านไปได้เช่นเดียวกัน
เปิดเทอมในฤดูใบไม้ผลิ นักเรียนใบไม้ใส่ชุดนักเรียนสีเขียว โรงเรียนต้นไม้ใหญ่ ทุกๆใบไม้ล้วนเป็นนักเรียนประจำ ปลายเทอมในฤดูใบไม้ร่วง นักเรียนประจำแต่งตัวสะสวย ยิ้มแย้มแจ่มใสเตรียมตัวกลับบ้าน โรงเรียนต้นไม้ใหญ่ ใบไม้มีเพื่อนมากมาย มีเรื่องราวสนุกสนานเกิดขึ้นในแต่ละวัน วันปิดเทอม แม้จะอาลัยอาวรณ์ แต่ใบไม้ก็ดีใจ ได้กลับบ้านเสียที เปิดเทอมใหม่ เลื่อนชั้นใหม่ โรงเรียนต้นไม้จะเปิดทำการอีกครั้ง ใบไม้นักเรียนประจำ บ้างป.หนึ่ง บ้างม.สาม แต่บางใบไม่ได้กลับมาอีกเลย
เสียงระฆังบอกเวลาว่าเย็นย่ำ จวนค่ำ..หมดไปอีกหนึ่งวันแล้ว เสียงระฆังดังแล้วค่อยๆแผ่ว เหมือนเวลาผ่านแล้วไม่หวนคืน
ลมพรูมาหอบหนึ่ง หิ้วพระจันทร์ไปแปะไว้บนฟ้า ลมพรูมาอีกหอบหนึ่ง หอบเมฆไปรอไว้ เผื่อพระจันทร์ร่วงจากฟ้า ปุยเมฆจะรองไว้ไม่ให้เจ็บตัว
เสียงน้ำไหลทักทายกับต้นไม้ และโขดหินที่เรียงรายริมลำธาร เสียงใบไม้คุยกับสายลม ผสมเป็นทำนองอ่อนหวาน เสียงเพลงธรรมชาติ ร้องกล่อมโลกมายาวนาน สรรพเสียงกลมกลืนกันเป็นหนึ่ง ลึกซึ้งเป็นเสียงเดียวกับหัวใจ ที่ซึมเศร้าทุกข์โศกจะจางไป เมื่อตั้งใจฟังเสียงสำเนียงพนา
ฉันชอบมองต้นไม้ ที่กิ่งโค้งเข้าหากัน กลายเป็นอุโมงสายสั้น ให้เดินลอดทะลุไป ชวนให้เข้าไปเดินเล่น เย็นด้วยลมหายใจของใบไม้ ปลายอุโมงอยู่ตรงไหน ไม่ได้ใส่ใจจะไปให้ถึง ระหว่างทางนั้นสิมีความหมาย แสงแดดตามปลายไม้สวยลึกซึ้ง กระโดดไล่จับกิ่งไม้ที่เอื้อมไม่ถึง ระยะทางสั้นจึงใช้เวลานาน ฉันชอบมองต้นไม้ ที่กิ่งโค้งเข้าหากัน แค่อุโมงสายสั้นๆ กลายเป็นความทรงจำที่ยืนยาว
แสงสีดำโรยตัวลง แสงสีทองจงใจลา สองแสงเจือกันช้าๆ ผสมภาพตรงหน้าเป็นสีหม่น เสียงน้ำไหล ฉันนั่งฟังอยู่ริมถนน เมื่อไม่มีใครสักคน เสียงน้ำไหลชัดกว่าที่เคย
มองผ่านกระจกบานใหญ่ มีกิ่งไม้โน้มลงเป็นผ้าม่าน ฟ้าสีสวยงามตระการ โลกคือบ้านอันงดงามของทุกคน
จันทร์ครึ่งดวง ใบไม้ร่วงเกือบหมดต้น ฤดูกาลก็ผ่านพ้น พรุ่งนี้ตั้งต้นใหม่ เดี๋ยวจันทร์ก็เต็มดวง ใบไม้ร่วงก็ผลิใบ ฤดูกาลก็ผ่านไป เร่งรุดไม่หยุดเลย
เขียนไปเขียนมา ยาวทุกรูปเลยค่ะ
...